ตอนที่ 11
อินทร์กับกลินท์รีบลงจากรถไปดู ทั้งสองแทบช็อกเมื่อเห็นหญิงชายอายุราว 30 กระเด็นไปคนละทางร้องครวญครางที่พื้น ทั้งสองพยายามผงกหัวขึ้นหาลูกน้อยวัย 2 ขวบที่ร้องไห้จ้าอยู่ที่พื้น
ผู้คนแถวนั้นพากันถ่ายคลิปไว้ หมี่ซั่วที่อยู่ด้านหลังตะลึงกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
เน่านั่งอยู่นอกห้องเบนที่โรงพยาบาล ทั้งสองอ่านข่าวในเฟซคลิปที่หมี่ซั่วถ่ายอินทร์กับกลินท์ตั้งแต่ทั้งสองอยู่ที่โรงแรมจนกระทั่งอินทร์ชี้หน้าด่าหมี่ซั่ว เหยียบขยี้มือถือของหมี่ซั่ว สุดท้ายเห็นข้อความด่าเต็มไปหมด เน่าถอนใจแล้วเข้าไปในห้องเห็นสายป่านที่เฝ้าเบนดูคลิปหน้าซีดเผือด
ทีวีที่โรงพยาบาลเปิดข่าวการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักข่าวรายงานพร้อมภาพเหตุการณ์ว่า
ตอนนี้...ผู้ประสบเหตุพ่อแม่ลูกผู้เคราะห์ร้ายอยู่ในการดูแลของแพทย์เรียบร้อยแล้ว...แต่จนถึงขณะนี้ยังไร้เงาของกลินท์และอินทร์ไฮโซชื่อดัง ทนายอ้างว่าทั้งคู่ยังอยู่ในอาการตกใจ ยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ทั้งกลินท์และอินทร์ต่างอยู่ในความกลัดกลุ้มกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องใหญ่มากโดยเฉพาะเด็กอายุสองขวบที่ต้องมารับเคราะห์ด้วย
โทรศัพท์ของอินทร์และกลินท์ดังตลอดเวลาจากคนที่โทร.มาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีใครรับสายเลย
ส่วนเบนยังนอนนิ่ง มีสายป่านกับเน่าเฝ้าอยู่ วันนี้แม่ของขนมกล้วยกับขนมกล้วยในชุดขาวมาเยี่ยมสองแม่ลูกสีหน้าไม่ดี ขนมกล้วยเอ่ยขึ้นว่า เหมือนพี่เบนแค่นอนหลับเท่านั้น
เน่าบอกว่าหมอตรวจแล้วเบนก็แค่ขาหัก บอบช้ำ มีบาดแผลจากการถูกรถชน แต่สมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือน แต่ทำไมเบนถึงไม่ฟื้นสักที ขนมกล้วยพูดเหมือนรำพึงว่า
“หรือว่า...วิญญาณพี่เบนออกไปเดินเล่นที่ไหนสักแห่งคะ”
เน่ากับสายป่านมองหน้ากันด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย เน่าบอกว่าตนก็แอบคิดเหมือนขนมกล้วยเหมือนกัน แล้วเน่าก็หันไปคุยกับสายป่านว่า
“บางทีเบนอาจจะเหมือนที่เจ้าพ่อน้ำทิพย์เคยบอกเราตอนลินท์หายไปก็ได้นะป่าน ตอนนี้ดวงจิตของเบนอาจไปอยู่ที่ไหนสักที่...ฉันจะไปหาเจ้าพ่อน้ำทิพย์”
ขนมกล้วยถามว่าใครคือเจ้าพ่อน้ำทิพย์ เน่าตัดบทว่าองค์ทรงที่พี่นับถือ ก็พอดีกลินท์ผลักประตูเข้ามา แม่และขนมกล้วยสวัสดีกลินท์แล้วทั้งสองก็ขอตัวไปวัดเลย
พอขนมกล้วยกับแม่ออกไป ทั้งห้องก็เงียบงัน
ไม่มีใครพูดกับใครเลย กลินท์หน้าจ๋อยน้ำตาคลอเดินไปถามเบนเบาๆ “เบน...เป็นไงบ้าง” สายป่านตอบเบาๆว่าเหมือนเดิม กลินท์ถามว่าพวกเขารู้เรื่องเมื่อคืนแล้วใช่ไหม อธิบายด้วยความรู้สึกผิดว่า