icon member

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายปวรรุจ

ตอนที่ 8

ที่บ่อน้ำหลังวังเทวพรหม กระถินในเสื้อผ้าชุดลูกไม้สวย ผิวสะอาดเกลี้ยงเกลาดูเป็นผู้ดี แต่นั่งยองๆ จัดแหเสร็จแล้วลุกขึ้นยืนถ่างขาท่าทอดแหอย่างมืออาชีพ

มารตีกับวิไลรัมภาย่องมาดูมีสมหวังเดินตามมาด้วย สองพี่น้องย่องมาทางด้านหลัง วิไลรัมภาถือไม้เรียวติดมือมาด้วย เตือนพี่สาวว่าอย่าเข้าใกล้สระ เดี๋ยวโดนกระถินแกล้งเราตกน้ำอีก มารตีหยุดยืนห่างๆ ร้องสั่งกระถินให้ขึ้นไปทำความสะอาดที่ห้องนอนตน ให้เอาผ้าม่านผ้าปูที่นอนไปซักและล้างห้องน้ำให้สะอาดด้วย

“เสร็จจากห้องพี่มารตี แกมาทำห้องฉันต่อ ก่อนจะขึ้นไป ล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อนนะ จะได้ไม่เหม็นสาบคาวปลา”

“ไม่ล้าง เพราะฉันไม่ทำงานที่แกสั่ง” กระถินแข็งข้อ

มารตีโมโหแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ สั่งสมหวังให้จับตัวกระถินไว้ สมหวังไม่กล้า ถูกสองพี่น้องผลักเข้าไป เลยถูกกระถินรัวหมัดใส่ไปหลายทีกว่าจะจับได้ พอสมหวังจับตัวกระถินไว้ได้ มารตีก็ปราดเข้าไปตบหน้าฉาดหนึ่งแล้วหันมารับไม้เรียวจากวิไลรัมภา สั่งสมหวังให้ข่มกระถินนั่งคุกเข่ากับพื้นเงื้อไม้เรียวจะหวดให้เต็มรัก

พริบตานั้น มือที่เงื้อไม้เรียวถูกยึดค้างไว้กลางอากาศด้วยมือกำยำดำเมื่อมพร้อมเสียงคำรามสำเนียงทองแดง

“แกล้งกระถิน แกตาย”

สองพี่น้องหันมองเห็นร่างดำทะมึน ใส่เสื้อแขนตัดเก่าซอมซ่อ กล้ามเป็นมัดก็แผดเสียงกรี๊ด...คล้าวนั่นเอง!

เกษรา ป้าแย้ม และแหววได้ยินเสียงกรีดร้อง

พากันวิ่งมา เห็นคล้าวแย่งไม้เรียวจากมารตีที่ยังหลับ หูหลับตากรีดร้องแล้วสะบัดวิ่งไปกอดวิไลรัมภาไว้ คล้าวสั่งสมหวังให้ปล่อยกระถินเดี๋ยวนี้ พอสมหวังปล่อย กระถินก็วิ่งไปกอดคล้าวร้องด้วยความดีใจว่า “พี่คล้าวมาช่วยกระถินแล้ว”

วิไลรัมภาร้องโวยวายว่ากระถินพาโจรเข้าบ้าน มารตีบอกเกษราให้เรียกตำรวจเลย

“เรียกตำรวจเหรอ กระถินหนีไปกับพี่เดี๋ยวนี้”

คล้าวฉุดแขนกระถินจะพาวิ่ง เกษราสั่งให้หยุด ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถามว่านั่นนายคล้าวใช่ไหม คล้าวมองหน้าเกษราถามงงๆว่า “นายหญิงรู้จักฉันเหรอ”

กระถินบอกว่าตนเล่าเรื่องของเขาให้เกษราฟัง เมื่อเกษรารู้ว่าคล้าวเพิ่งเดินทางจากพังงามาถึงเมื่อรุ่งสาง จึงบอกให้ไปพักผ่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน สั่งกระถินให้พาคล้าวไปที่ครัว ให้ป้าแย้มกับแหววช่วยดูแลสำรับคับค้อนให้คล้าวด้วย

เกษรารู้ว่าคล้าวคือคนรักของกระถิน แต่ไม่อยากให้คล้าวเดือดร้อนและเรื่องบานปลาย จึงบอกมารตีกับวิไลรัมภาว่าคล้าวเป็นพี่ชายของกระถิน แต่มารตี

ไม่เชื่อเพราะหน้าตาไม่มีเค้ากันเลย ฟันธงว่า ต้องเป็นพี่ชายอย่างอื่นมากกว่า

ooooooo

ระหว่างอยู่ในครัว กระถินให้คล้าวไปบอก

ลุงเทวพันธ์ว่ามารับตนกลับบ้าน คล้าวพูดขึงขังว่า เมื่ออยู่ที่นี่แล้วถูกรังแกก็ไม่ต้องอยู่ กลับบ้านเราเดี๋ยวนี้เลย

ป้าแย้มกับสมหวังบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะแม่ของกระถินยกกระถินให้อยู่ในความดูแลของเทวพันธ์แล้วซ้ำยังถูกแหววขู่ว่าถ้าพากระถินหนีก็เท่ากับลักพาตัว เข้าตะรางเชียวนะ ทำให้คล้าวชะงัก

“กินข้าวกินปลาแล้วเดี๋ยวอาบน้ำอาบท่า จะได้เปลี่ยนชุดเสียใหม่” ป้าแย้มบอก เห็นคล้าวทำท่าสงสัยจึงชี้แจงว่า “แกต้องขึ้นไปพบคุณเกษราบนตึก จะมอมแมม สกปรกแบบนี้ไม่ได้หรอก”

กระถินที่มาอยู่วังระยะหนึ่งแล้ว รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ พยักหน้าให้คล้าวทำตาม คล้าวจึงนิ่งไป

เมื่อขึ้นไปพบเกษราที่โถงกลางบนตึก เกษราบอกคล้าวว่าจะพากระถินไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กระถินต้อง

อยู่ที่นี่และต้องแต่งงานกับคุณชายปวรรุจ แห่งวังจุฑาเทพ

“ฉันรู้แล้ว แต่ทำไมต้องบังคับกระถินในเมื่อกระถินรักกับฉันอยู่ เราสองคน...สัญญากันแล้วว่าเราจะรักกัน จะอยู่กินเป็นผัวเมียกันตลอดไป” คล้าวเสียงเครือ ส่วนกระถินร้องไห้ เกษราขอให้ทำใจเสียเพราะผู้ใหญ่กำหนดไว้แล้ว “ฉันรู้ ฉันทำใจมาตลอด แต่ที่ทำใจไม่ได้ เรื่องที่กระถินถูกรังแกนี่แหละ ทำไมคนบ้านนี้ใจร้ายกันจริง”

เกษราขอให้คล้าวกลับไปเสียเพราะอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร คล้าวไม่ยอมกลับจะอยู่ดูแลกระถินออกเรือนไปก่อน กระถินถามว่าแล้วตอนนี้คล้าวอยู่ที่ไหน

“วัดใกล้ๆบ้านนี่แหละ ขอพระท่านนอนชั่วคราว กินข้าวก้นบาตรพระก็ได้”

กระถินกอดแขนคล้าวร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ จนเมื่อมาส่งคล้าวที่หน้าตึก คล้าวคันคะเยอเพราะใส่เสื้อ ผ้าใหม่ ทนไม่ไหวเลยถอดทิ้งล่อนจ้อนบอกให้เอาเสื้อผ้าเก่าของตนคืนมาดีกว่า ใส่ไม่ไหวแล้ว ทำเอาป้าแย้มตกใจตาเหลือก กระถินบอกว่าคล้าวแก้ผ้าเป็นประจำอย่างนี้แหละ เวลาร้อนๆพวกในเหมืองเขาทำกันแบบนี้ทั้งนั้น

พอสมหวังบอกว่าชุดเก่าของคล้าวเอาไปทิ้งถังขยะแล้ว คล้าวก็วิ่งโทงๆไปรื้อถังขยะหาเสื้อผ้าของตัวเอง

มารตีกับวิไลรัมภาเดินเลี้ยวตึกมาเห็นคล้าวล่อนจ้อนรื้อถังขยะอยู่ก็ร้องกรี๊ดดดด วิ่งกลับเข้าตึก คล้าวตกใจหันมาเอาสองมือตะครุบเป้าไว้ กระถินรีบส่งผ้าขาวม้าให้นุ่ง หัวเราะสะใจว่า “พี่คล้าวล้างแค้นให้ฉันแล้ว ฮิๆๆ”

ooooooo

ที่โต๊ะอาหารค่ำวันนี้ มารตีฟ้องเทวพันธ์ว่ากระถินพาโจรเข้าบ้านซ้ำยังมาแก้ผ้าล่อนจ้อนอุบาทว์ตาด้วย เกษราบอกว่าไม่ใช่โจรแต่เป็นพี่ชายของกระถินชื่อคล้าว

เทวพันธ์ไม่เชื่อเพราะรู้ว่าวรพันธ์มีลูกคนเดียวคือกระถิน เทวพันธ์กับมารตีและวิไลรัมภารุมกันคาดคั้นจับผิดจนกระถินสารภาพว่า

“กระถินยอมรับว่า กระถินรักพี่คล้าว พี่คล้าวมาสู่ขอกระถินกับแม่แล้ว แม่บอกว่าถ้ากระถินโตอีกหน่อยจะยอมให้แต่งงานกับพี่คล้าว ฮือ...กระถินไม่อยากแต่งงานกับคุณชายรุจหรอก”

เป็นเรื่องทันที! เทวพันธ์ด่ากระถินว่าใฝ่ต่ำ ตนหาผัวให้เป็นถึงคุณชาย ต่อไปจะได้เป็นถึงทูต แต่นี่กลับใจไพร่ จะไปเอาโจรเป็นผัว กระถินโต้ว่า ตนยอมเป็นเมียโจรดีกว่าเป็นเมียคุณชายเป็นไหนๆ แล้วร้องไห้วิ่งออกไป เทวพันธ์สั่งเกษราให้ไปลากกลับมา ตนจะเฆี่ยนเสียให้หลังลาย

เกษราขอให้พอเถิดแค่นี้เราก็ทำบาปมากพอ

แล้วเพราะกระถินรักกับคล้าวมาก่อนเราไปพรากกระถินจากคู่มา แล้วเกษราก็ออกจากห้องไปดูกระถิน

เทวพันธ์สั่งบรรดาคนใช้ว่าต่อไปนี้ห้ามคล้าวเข้าบ้านเด็ดขาดใครฝ่าฝืนจะไล่ออกให้หมดทุกคน ให้คอยจับตาดูอย่าให้กระถินเจอกับนายคล้าวนั่นอีก แล้วหาทางกีดกันด้วยการให้กระถินไปเรียนทำอาหารกับย่าอ่อนที่วังจุฑาเทพ เย็นๆค่อยไปรับกลับ สั่งมารตีกับวิไล–รัมภาให้เป็นหูเป็นตาให้ด้วย

ooooooo

ที่วังอรุณรัศมิ์ อ้ายเอาจดหมายที่ปกรณ์เขียนถึงตนให้หญิงแต้วอ่าน ปกรณ์เขียนเล่าถึงชายรุจว่า หลังจากท่านหญิงกลับเมืองไทยแล้ว ชายรุจไม่ปริปากอะไรเกี่ยวกับรสาเลย เอาแต่ทำงาน ขรึม เครียดกว่า เดิมมาก

หญิงแต้วใจไม่ดีคิดว่าชายรุจคงโกรธจนไม่ให้อภัยและไม่ยอมพบตนอีกแล้วจนชั่วชีวิตนี้ เอื้อยเสนอให้เขียนจดหมายไปหาและเพื่อไม่ให้สถานทูตรู้ให้ส่งไปที่ปกรณ์แทน ทุกคนเห็นด้วย ต่างแช่มชื่นขึ้นอย่างมีความหวัง

ชายรุจมุ่งมั่นกับการเตรียมประชุมหามรุ่งหามค่ำ แม้จะหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับท่านชายทัศน์ แต่ก็ถูกเข้ามาระรานจนได้

ชายรุจตอบโต้ด้วยความจริงที่ตนรับรู้และปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนรู้จักเธอในนาม รสา แซ่ฮ้อ มีคู่หมั้นชื่อนายเพ้งเป็นชายมากรัก คบหญิงฝรั่งและคนไทยพร้อมๆกัน เธอบอกว่ากลับไปพระนครจะบอกทางบ้านให้ถอนหมั้นทันที ตอกหน้าท่านชายว่า “เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทไม่ทรงมีสิทธิ์กล่าวหากระผมไม่ว่าคดีใดๆ”

การตอบโต้เสียงดังจนคนรอบข้างหันมองท่านชายจึงหุนหันออกไป

ooooooo

ชายใหญ่มาเยี่ยมมะปรางและมาหาชายรุจที่อพาร์ตเมนต์ ต่างเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจ แต่ชายใหญ่ก็สังเกตออกว่าชายรุจไม่สดชื่นแจ่มใสเยี่ยงคนที่กำลังมีความรักอย่างที่เขียนจดหมายไปบอก จนมะปรางเอ่ยขึ้นว่า

“พี่ชายใหญ่อย่าลืมถามพี่ชายรุจเรื่องสาวคนนั้นด้วยนะคะ ที่ว่าชื่อรสาน่ะ”

ชายรุจหน้าเจื่อนไป ปกรณ์ซึ่งเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี ชวนทุกคนไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านตนกัน แต่ชวนมะปรางล่วงหน้าไปกับตนก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ชายรุจได้คุยกับชายใหญ่โดยสะดวกใจ

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า ชายรุจ” ชายใหญ่ถามอย่างจับความรู้สึกของชายรุจได้

“ผมอกหักเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะครับ น่าตลกจริงๆมาสวิตครั้งนี้ ได้หายสนิทจากอกหักครั้งแรก แต่แล้วก็ได้อกหักครั้งที่สองพร้อมกันเลย”

“อยากเล่าไหมชายรุจ”

“ผมไม่อยากพูดถึงรายละเอียดแล้วนะครับ คงต้องขอเวลา อาจจะสักเดือนหรือสองเดือน หรือไม่ก็...ไม่อยากพูดถึงมันอีกเลย...ผมคงมีกรรมเรื่องความรัก ดีแล้วล่ะครับ กลับไปกรุงเทพฯ ผมจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่คุณย่าเลือกให้เสียที วาสนาผมคงมีได้แค่นี้”

ชายใหญ่ดึงน้องชายเข้าไปกอดอย่างเข้าใจ เห็นใจและให้กำลังใจ ชายรุจซบไหล่พี่ชายร้องไห้อย่างสุดกลั้น ทำให้ชายใหญ่พลอยเศร้าไปด้วย

ooooooo

เมื่อไปพบกันที่ร้านอาหาร ปกรณ์บอกว่าจะพาชายใหญ่กับมะปรางไปเที่ยวยอดจุงเฟราพรุ่งนี้ มะปรางตื่นเต้นมากอยากให้ชายรุจไปเที่ยวด้วยกัน แต่ชายรุจทำใจไม่ได้เมื่อนึกถึงสถานที่ที่เพิ่งไปเที่ยวกับรสามา

ระหว่างนั้น วรัทเข้ามาบอกชายรุจว่ามีจดหมายฝากไว้ที่ห้องพัก ตนผ่านพอดีเลยติดมือมาให้ ชายรุจรับไปดูเห็นจ่าหน้าซองเป็นลายมือของรสาก็ชะงัก บอกวรัทว่า

“เก็บไว้เถอะ ถ้ามีจดหมายลายมือนี้ส่งมาอีก ไม่ต้องเอามาให้ฉัน จะทิ้งไปเลยก็ได้” บอกแล้วลุกเดินออกจากโต๊ะ

วรัทถามปกรณ์ว่าเอาไงดีเพราะชายรุจไม่รับจดหมาย ปกรณ์บอกให้เก็บไว้ที่ตนก็ได้ ชายใหญ่สงสัยขอดู พอเห็นชื่อผู้ส่งคือ รสา อรุณรัศมิ์ ชายใหญ่กับมะปรางก็มองหน้ากัน ชายใหญ่บอกปกรณ์ช่วยเล่าให้ฟัง เฉลียวใจว่าเธออาจคือ ท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์

ปกรณ์ถอนใจก่อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายใหญ่กับมะปรางฟังอย่างละเอียด

ooooooo

ที่วังจุฑาเทพ ชายภัทร ชายพีร์ ต่างบ่นกันอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องควงมารตีและวิไลรัมภาไปงานการกุศลของโรงพยาบาลที่ชายภัทรเป็นหมออยู่ ชายภัทรเคี่ยวเข็ญให้ชายเล็กไปด้วยเพื่อตนจะได้ปลีกตัวจากมารตีได้บ้าง

ฝ่ายมารตีกับวิไลรัมภา ต่างตื่นเต้นเตรียมชุดที่คิดว่าจะเด่นและถูกตาต้องใจชายภัทรกับชายพีร์ที่สุด สองสาวบ่นกันอย่างขัดใจที่เทวพันธ์จะให้กระถินไปงานด้วย โดยจะให้ชินกรควงไป  ดีแต่เกษราไม่เห็นด้วยจึงเลิกล้มแผนการนี้

มารตีวางแผนกีดกันไม่ให้กระถินมาเป็นพี่สะใภ้ สมคบกับวิไลรัมภาผลักดันกระถินให้ใกล้ชิดกับคล้าวถ้าทั้งสองได้กันกระถินจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับชายรุจ

แล้วสองพี่น้องจอมวางแผนก็ให้สมหวังไปตามคล้าวมา ขณะกระถินจัดข้าวให้คล้าวกินที่ห้องครัว

เกษรามาเจอบอกว่ากินเสร็จให้รีบไปเลย กระถินบอกว่ามารตีกับวิไลรัมภาเป็นคนให้สมหวังไปตามคล้าวมา ขอความเห็นใจว่า พรุ่งนี้พระก็ไม่ให้คล้าวนอนที่วัดแล้ว จะทำอย่างไร

เกษราบอกคล้าวก่อนออกไปว่าอย่าเพิ่งไปไหน สมหวังเข้ามาถามคล้าวว่าผสมปูนเป็นไหม คล้าวบอกว่างานถนัดของตนเลยล่ะ สมหวังจึงให้ไปช่วยซ่อมรั้ว

ระหว่างคล้าวช่วยสมหวังซ่อมรั้วนั่นเอง เทวพันธ์กลับมาเห็น คล้าวจะหลบก็หลบไม่ทัน เทวพันธ์จ้องหน้าคล้าวถามสมหวังว่านี่ใคร! คล้าวรีบบอกว่าตนมาช่วยลุงสมหวังซ่อมรั้วแค่ขอข้าวกินแลกค่าแรงเท่านั้นเอง

เทวพันธ์เห็นฝีมือการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำงานโดยไม่คิดค่าแรง จึงชวนให้มาซ่อมตึกให้ ถาม

คล้าวว่าชื่ออะไร คล้าวบอกว่าชื่อลือชัย ตนยินดีทำงานแต่ถ้างานมากก็จะลำบากหน่อยเพราะอยู่ไกลถึงปากน้ำ

“งั้นก็อยู่เสียที่นี่เลยสิ นอนห้องนายสมหวังก็ได้นี่” แล้วหันไปสั่งเกษราให้ดูแลลือชัยด้วย ให้พักที่นี่แต่อย่าให้ไปรุ่มร่ามที่ตึกใหญ่ กระถินดีใจยิ้มแป้น ถูกเทวพันธ์ปรามว่า “ฉันออกคำสั่งแล้วนะ ห้ามไอ้โจรห้าร้อยนั่นมันเข้ามาเพ่นพ่านในวัง ไม่งั้นฉันเฆี่ยนแกหลังลาย”

เมื่อเทวพันธ์ไปแล้ว ทั้งเกษรา กระถิน สมหวัง และคล้าว ต้องนัดแนะกันว่า ต่อไปนี้คล้าวคือนายลือชัย และกระถินกับคล้าวก็ต้องสำรวมกว่าเดิมด้วย ทุกคนยินดีปฏิบัติด้วยความดีใจเป็นที่สุด

ooooooo

หลังจากหญิงแต้วส่งจดหมายไปถึงชายรุจหลายฉบับแล้วเงียบหาย สามสาวปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้ข่าวชายรุจ

“เมื่อเราสืบจากทางเจ้าตัวไม่ได้ ก็ต้องสืบจากทางพี่น้องจุฑาเทพนั่นล่ะค่ะ”เอื้อยเสนออย่างหลักแหลม

ดังนั้น วันนี้หญิงแต้วจึงเข้ามาอ้อนพระองค์ฉัตรขอไปงานการกุศลที่โรงพยาบาลด้วย อ้างว่าอยู่แต่ในวังจนเบื่อและที่สำคัญอยากดูเสด็จพ่อทรงร้องเพลงด้วย

พระองค์ฉัตรอนุญาตให้ไปเพราะหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหญิงแต้วอยู่ในโอวาทดี แต่มีข้อแม้ว่า หญิงแต้วต้องสีไวโอลินโชว์ในงานด้วย หญิงแต้วรับคำทันที

ในงาน มารตีควงชายภัทรอย่างโก้หร่าน ส่วนวิไลรัมภาก็เกาะแจอยู่กับชายพีร์ไม่ยอมห่าง สองสาวอยากออกไปเต้นรำกัน แต่ต้องรอพระองค์เจ้าฉัตรอรุณร้องเพลงเปิดฟลอร์ก่อน

คุณชายทั้งสามพอจำได้รางๆ ว่าเคยไปที่วังอรุณรัศมิ์ตอนเด็กๆ และเคยเล่นกับพระธิดาคือหม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา แต่ห่างกันมานานจนไม่แน่ใจว่าท่านหญิงเจริญชนม์แล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร

“เขาลือกันว่าสวยมากค่ะ” มารตีเอ่ย

“เห็นว่าเด็จมาในงานด้วยนี่คะ”วิไลรัมภาบอก ทุกคนจึงหันมองหาไปรอบๆ

แต่ที่แท้ คุณชายทั้งสามตกเป็นเป้าสายตาของหญิงแต้ว อ้ายและเอื้อยนานแล้ว หญิงแต้วถามอ้ายกับเอื้อยว่าที่จะให้ตนไปคุยด้วยคือคุณชายภัทรที่เป็นหมอใช่ไหม หญิงแต้วปรารภอย่างหนักใจว่า  แล้วจะเข้าไปคุยอย่างไรดี

“ต้องรอจังหวะค่ะท่านหญิง” อ้ายมองบรรยากาศอย่างใช้ความคิด

เมื่อพิธีกรขึ้นประกาศเชิญพระองค์ฉัตรขึ้นร้องเพลง มารตีกับวิไลรัมภา ควงคู่ของตนออกไปเต้นรำทันที ชายเล็กจึงเดินไปที่มุมเครื่องดื่ม อ้ายทำทีไปสั่งเครื่องดื่มบ้าง แล้วทักทายสนทนากับชายเล็กอย่างคุ้นเคย จากนั้นบอกว่ามีคนอยากรู้จักชายเล็กมาก แล้วชี้ไปทางหญิงแต้วกับเอื้อยที่คอยจังหวะอยู่

“โอ้โฮ...สวยจัง อย่างกับเจ้าหญิง” ชายเล็กอุทานเมื่อเห็นความสง่างามของหญิงแต้ว

“ไม่ผิดหรอกค่ะ เธอเป็นเจ้าหญิงจริงๆไปค่ะ ไปรู้จักเพื่อนฉัน” อ้ายเดินนำไปด้วยหัวใจพองโตกับแผนการของตนที่สำเร็จไปทีละขั้น...

เมื่อพาไปแนะนำให้รู้จักกันแล้ว หญิงแต้วเอ่ยกับชายเล็กว่า “คุณชายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ” ชายเล็กตอบทันทีว่ายินดีทุกเรื่อง หญิงแต้วจึงบอกว่า “ฉันอยากเต้นรำค่ะ”

“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ชายเล็กส่งมือให้หญิงแต้ว แล้วพากันออกไปกลางฟลอร์ทันที

ooooooo

เต้นรำกันไปเพียงครู่เดียว หญิงแต้วบอกกับชายเล็กว่าตนมีเรื่องจะสารภาพ คืออยากเต้นรำกับพี่ชายเขามาก อ้างว่ามีปัญหาสุขภาพจะปรึกษาคุณชายหมอ ขอให้ช่วยแลกคู่หน่อยได้ไหม

ชายเล็กตอบรับด้วยความยินดีมีข้อแม้เพียงนิดเดียวว่า ต้องสัญญาว่าจากนั้นจะเต้นรำกับตนต่อ เมื่อหญิงแต้วสัญญาชายเล็กจึงพาเต้นเข้าไปใกล้คู่ของชายภัทรแล้วขอเต้นกับมารตี แม้มารตีจะไม่เต็มใจแต่ก็ให้เกียรติจึงแลกคู่กัน

เมื่อได้เต้นกับชายภัทรแล้ว ชายภัทรถามว่าจะให้เรียกเธอว่าอะไรดี

“เรียกฉันว่า ‘รสา’ ค่ะ”

ชายภัทรแทบจะหยุดเต้น มองหน้าหญิงแต้วนิ่ง จำได้ทันทีว่า รสา คือคนรักของชายรุจ!

ขณะที่หญิงแต้วตัดสินใจจะเล่าความจริงให้ฟัง พระองค์ฉัตรก็ร้องเพลงจบพอดี พร้อมกับประกาศเชิญแขกฟังการสีไวโอลินจากท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ พระธิดา เพราะพระองค์ฉัตรไม่พอใจที่เห็นท่านหญิงเต้นรำกับหนึ่งในจุฑาเทพ ทำให้ท่านหญิงต้องผละจากชายภัทรไปขึ้นเวที

การปรากฏตัวบนเวทีทำให้ทั้งชายภัทร ชายเล็ก และชายพีร์ตลอดจนมารตีและวิไลรัมภา ต่างตะลึงอึ้งเมื่อรู้ชัดว่าเธอผู้เลอโฉมคือ ท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์!

ชายเล็กถามชายภัทรว่าตกลงท่านหญิงคุยอะไรเกี่ยวกับสุขภาพจริงไหม ชายภัทรบอกว่าท่านหญิงยังไม่ได้ตรัสอะไรทั้งนั้น แต่ชายภัทรก็ไม่ได้บอกชายเล็กว่าท่านหญิงคือ ‘รสา’

“ผมจำท่านหญิงสมัยทรงพระเยาว์ไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ท่านหญิงทรงงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์” ชายพีร์เพ้อ

พอดีท่านหญิงขึ้นเวที ประกาศก่อนบรรเลงว่า

“เพลงนี้มอบให้กับ ผู้ที่มีความรักในหัวใจทุกคนค่ะ”

ท่านหญิงสีไวโอลินอย่างอ่อนหวาน งดงาม ทุกคนยืนฟังราวกับต้องมนต์...

ooooooo

เมื่อมาพบกันที่นอกโถงจัดงาน อ้ายบอกท่าน หญิงว่า ฟังเพลงแล้วประทับใจมาก เอื้อยบอกว่าตนฟังแล้วน้ำตาไหลพรากๆเลย ไพเราะอะไรเช่นนี้

“เมื่อกี๊ตอนเต้นรำโดนเด็จพ่อกริ้ว ไม่ทรงยอมให้เต้นรำกับคุณชายจุฑาเทพอีก แล้วนี่หญิงจะคุยกับคุณชายภัทรได้ยังไงล่ะ” ท่านหญิงปรารภอย่างกังวล

“ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่ที่นี่แล้ว” เสียงชายภัทรทักจากข้างหลัง ท่านหญิงหันมองอย่างตื่นเต้น “กระหม่อมขอประทานอภัยท่านหญิง  กระหม่อมไม่ทราบว่าคุณแต้ว คือหม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์”

“ฉันต้องขอโทษคุณชายต่างหากที่ไม่ได้แสดงตัว”

“ฝ่าบาท ทรงช่วยบอกพระประสงค์แท้จริงของฝ่าบาทให้กระหม่อมได้ทราบหน่อยเถิด”

“เราคงต้องหามุมที่ปลอดคนหน่อยกระมัง  เพื่อให้พ้นสายเนตรของเด็จพ่อ”

ชายภัทรฟังแล้วทำหน้าฉงน แต่ก็พากันไปยังมุมปลอดคนตามที่ท่านหญิงต้องการ

ooooooo

หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายภัทรฟังแล้ว ท่านหญิงปรารภอย่างกังวลว่า ชายรุจอาจโกรธมาก เพราะเขียนจดหมายไปสองสามฉบับแล้วชายรุจไม่ยอมตอบเลย

“สิ่งที่ฉันต้องการคือโอกาสที่จะได้เอ่ยคำขอโทษต่อหน้าเขาเท่านั้น คุณชายทราบไหมคะว่าคุณชายรุจจะกลับมาจากสวิตเมื่อไหร่”

ชายภัทรบอกว่าเสาร์นี้ ท่านหญิงถามว่าจะหาทางให้ตนได้เจอชายรุจสักครั้งได้ไหม  ชายภัทรเสนอให้ไปรับที่สนามบิน ท่านหญิงเชื่อว่าชายรุจต้องเดินหนีตนแน่  ขอว่า

“ฉันอยากอธิบายในสถานที่ที่เขาเดินหนีฉันไปไม่ได้”

“กระหม่อมคงช่วยเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเท่ากับกระหม่อมทรยศต่อพี่ชายของกระหม่อม ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย” ท่านหญิงตอบด้วยน้ำเสียงสลดว่าไม่เป็นไร ชายภัทรคิดแก้ปัญหาถามว่า “ทำไมท่านหญิงไม่เสด็จเยี่ยมย่าอ่อนบ้างเล่ากระหม่อม ย่าอ่อนคงดีใจที่ได้เฝ้าท่านหญิง หลังจากไม่ได้พบกันนานเสียหลายปี”

“ย่าอ่อน...จริงซี...ย่าอ่อน...ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” ท่านหญิงยิ้มดีใจ

ชายภัทรมองทึ่ง แปลกใจว่าทำไมท่านหญิงจึงรักและแคร์ชายรุจเหลือเกิน...

ชายภัทรกลับมาเล่าให้ชายใหญ่ฟัง ชายใหญ่ฟังแล้วหนักใจว่าเรื่องจะโกลาหลกันใหญ่แล้ว ชายรุจกับท่านหญิงรักกันทั้งๆที่ทั้งสองมีพันธะอยู่แล้ว “เฮ้อ...น่าสงสารชายรุจ...ชายรุจต้องผิดหวังกับความรักอีกครั้งสินะ”

“และครั้งนี้ ก็น่าจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิมด้วยนะครับ” ชายภัทรมองลึกถึงความรู้สึกของพี่ชาย...

ooooooo

รุ่งขึ้นท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ ก็ไปเยี่ยมเยือนวังจุฑาเทพ ยังความปลื้มปีติแก่หม่อมเอียดและย่าอ่อนยิ่งนัก หม่อมเอียดบอกย่าอ่อนให้พาท่านหญิงไปนั่งรับลมเย็นๆ ริมน้ำ

“ไม่หรอกค่ะคุณพี่ ตรงนั้นกำลังทำขนมกันวุ่นวาย เดี๋ยวท่านหญิงจะไม่ทรงสำราญเสียเปล่าๆ”

แต่ท่านหญิงกลับสนใจ ยิ่งเมื่อย่าเอียดบอกว่ากำลังทำขนมต้อนรับหลานชายกลับจากต่างประเทศ เย็นนี้จะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัว ท่านหญิงก็ยิ้มอย่างมีความหวัง  เสนอย่าอ่อนว่าอยากไปดูการทำขนม ย่าอ่อนจึงพาไปครัวหลังเรือนที่คนงานกำลังทำขนมกันเอิกเกริก

ย่าอ่อนพาท่านหญิงชมการทำขนมแต่ละกระทะ แล้วเชิญไปที่ศาลาชิมขนมที่จัดเตรียมไว้แล้ว  ท่านหญิงชิมแล้วชมว่าอร่อยเหมือนเมื่อครั้งได้ทานตอนเด็กๆ เลียบเคียงถามว่าทำกันเยอะขนาดนี้คงไม่ได้จัดเลี้ยงเล็กๆ

“ก็เอิกเกริกนิดนึง  เพราะจะเลี้ยงให้ชายรุจกลับจากประชุมเรื่องทูตของเขาที่สวิตน่ะเพคะ” ถามว่าจำชายรุจได้ไหม ท่านหญิงบอกว่าจำได้ไม่เคยลืม  ย่าอ่อนจึงเล่าต่อว่า “ตอนนี้ชายรุจเป็นข้าราชการนักการทูต  กำลังก้าวหน้าในการงานดีเลย”

“หญิงอยากเจอคุณชายรุจจังค่ะ หญิงขออยู่ร่วมงานด้วยได้ไหมคะคุณย่าอ่อน”

ย่าอ่อนดีใจมากบอกว่าตอนนี้ชายใหญ่กับชายภัทรกำลังไปรับชายรุจที่สนามบิน เย็นๆคงกลับมาถึง ท่านหญิงจึงเสนอว่าระหว่างรอ ขอไปช่วยทำขนมกับคุณย่าเพราะอยากเรียนทำขนมไทยมานานแล้ว

ooooooo

ระหว่างเรียนทำขนมนั่นเอง ท่านหญิงได้เจอกระถิน แจ๋วแนะนำว่า นี่คือหม่อมหลวงกระถิน เทวพรหม คู่หมั้นของคุณชายปวรรุจ ท่านหญิงจำได้ทันทีเพราะเคยเห็นรูปของกระถินมาแล้ว

ส่วนกระถินทั้งตกใจทั้งประหม่า ยกมือไหว้ท่วมหัว พูดเงอะงะเพราะใช้ราชาศัพท์ไม่เป็น ครู่เดียวก็ลุกหนีไป แจ๋วบอกว่ากระถินขี้อายไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไร ท่านหญิง จึงตามไปคุยที่ลานหลังครัว บอกกระถินว่าพูดธรรมดาก็ได้ ทำให้กระถินคลายความประหม่าลง กล้าพูดกล้าเล่าว่า ตนตำถั่วทำไส้กะหรี่ปั๊บ ย่าอ่อนบอกว่าเป็นของโปรดของคุณ
ชายปวรรุจ

“กระถินมาวันนี้ เพื่อจะพบคุณชายใช่ไหม”

“ค่ะ...ฉันมาฝึกทำขนมอยู่สองสามวันแล้ว แต่วันนี้คุณย่าให้แต่งตัวสวยๆมารอรับคุณชาย วันนี้จะเป็นวันแรกที่ฉันได้เจอคุณชาย ไม่รู้จะเหมือนในรูปรึเปล่า หน้าเข้มๆตาคมๆคล้ายพี่ยอดเทวัญ”ท่านหญิงถามว่าใครคือพี่ยอดเทวัญ กระถินตอบอย่างภูมิใจว่า “พระเอกลิเกแถวบ้าน”

ได้เห็นความกระตือรือร้นที่จะได้พบชายรุจของกระถิน ทำให้ท่านหญิงเชื่อว่ากระถินมีใจให้ชายรุจแน่ๆ ได้แต่ฟังอย่างกล้ำกลืน ถามกระถินว่า

“เออ...กระถินไม่เคยเห็นไม่รู้จักคุณชายรุจมาก่อน กระถินรักคุณชายรุจหรือเปล่า”

กระถินถอนใจเฮือกใหญ่ พูดเหมือนท่องขึ้นใจไว้แล้วว่า

“กระถินไม่รู้หรอกค่ะ เพราะกระถินยังเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าความรักคืออะไร กระถินรู้แต่ว่ากระถินจะดูแล เทิดทูนปรนนิบัติคุณชายในฐานะศรีภรรยาที่ดี ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

ระหว่างพูดเหมือนท่อง กระถินทั้งหาว ทั้งเกายุกยิก ท่านหญิงมองกระถินงงๆบอกเศร้าๆว่า

“ถ้าเธอเป็นภรรยาของคุณชายรุจ เธอก็คงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดแล้ว”พูดแล้วเบือนหน้าซ่อนน้ำตา

กระถินถามว่าท่านหญิงเป็นอะไรหรือเปล่า ท่านหญิงรีบเช็ดน้ำตาหันบอกกระถินเหมือนให้กำลังใจว่า

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวเธอก็คงได้พบคุณชายแล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ คุณชายใจดี และคงจะชอบเธอไม่น้อย”

พอดีย่าอ่อนมาตาม เห็นคุยกับกระถินก็ถามว่ากระถินรู้จักท่านหญิงหรือยัง แล้วพูดเองเออเอง แนะนำกระถินแก่ท่านหญิงว่า กระถินเป็นคู่หมั้นคู่หมายของชายรุจ แล้วชม “น่ารักน่าเอ็นดูนะคะ”

ย่าอ่อนชมไม่ทันขาดคำ กระถินก็เกายุกยิก เท่านั้นยังไม่พอยังหยิบไม้ขัดหม้อมาเกาหลังอย่างเมามัน ย่าอ่อนถามว่าเป็นอะไร กระถินตอบหน้ายุ่งว่า

“ชุดใหม่ค่ะ เหงื่อมันออก เลยคันค่ะ”

พอดีแจ๋ววิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกย่าอ่อนว่า คุณชายกลับมาจากสนามบินแล้ว

“เหรอ...หนูกระถินเลิกเกาจ้ะ แต่งตัวให้เรียบร้อย แจ๋วแกดูแลด้วย ท่านหญิงเพคะ ทูลเชิญท่านหญิงเด็จขึ้นตึกใหญ่เลยเพคะ”

กระถินมีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด ท่านหญิงอ่านใจออก ยิ้มให้อย่างอบอุ่นบอกว่า

“กระถิน มากับฉันนะ เราไปพบคุณชายรุจด้วยกัน”

“ค่ะ”กระถินยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ จับมือท่านหญิงไว้แน่น เดินตามย่าอ่อนออกไป

แต่แล้ว เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อชายใหญ่แจ้งแก่ย่าอ่อนที่ออกมารับที่หน้าตึกว่า เครื่องบินดีเลย์เจอพายุหนักตอนแวะเปลี่ยนเครื่องที่เตหะราน คืนนี้ชายรุจคงยังมาไม่ถึง

ส่วนชายภัทรเลี่ยงเข้าตึกไปเจอท่านหญิงในห้องรับแขก พอท่านหญิงทราบว่าเครื่องบินดีเลย์ก็เครียด กระถินถามชายภัทรว่า งานเย็นนี้จะทำอย่างไร ชายภัทรบอกว่าคงต้องพักไว้ก่อน กระถินก็แอบยิ้มโล่งอก

ooooooo

ท่านหญิงไปหาอ้ายกับเอื้อยที่บ้านเซ็งๆเล่าเรื่องชายรุจยังกลับไม่ถึงเพราะเครื่องดีเลย์ เอื้อยบอกว่าพรุ่งนี้ก็ต้องมาถึงท่านหญิงไปพบพรุ่งนี้ก็ได้

“แล้วจะอ้างเหตุผลอะไรล่ะ” ท่านหญิงถาม เอื้อยบอกว่าก็ไปเรียนทำขนมกับย่าอ่อนต่อ ขอเรียนไปเรื่อยๆ ไปได้ทุกวัน อ้ายเห็นด้วยว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่เข้าท่าแนบเนียนที่สุด

เอื้อยขอให้ท่านหญิงเล่าเรื่องหม่อมหลวงกระถินให้ฟังดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“ยังเด็กเหลือเกิน” ท่านหญิงบอก อ้ายถามว่าแล้วเธอรักชายรุจแน่ใช่ไหม “เธอพูดว่าอย่างนั้นแหละ ตอนที่เธอพูดว่ารักคุณชาย เหมือนเธอท่องมาอย่างนั้น ที่แปลกอีกอย่าง พอเธอรู้ว่าคุณชายยังไม่กลับ เธอดูโล่งอกยังไงบอกไม่ถูก อ้อ...มีเรื่องแปลกที่สุดอีกเรื่องที่รสาแอบเห็นเข้า”

“อะไรคะ” ฝาแฝดจ้องหน้าหูผึ่ง

ท่านหญิงเล่าว่า ขณะที่ท่านหญิงกำลังจะขึ้นรถของบ้านเอื้อยกับอ้ายที่ไปรับนั้น เห็นกระถินกำลังจะกลับเหมือนกัน มีสมหวังกับคล้าวที่แต่งตัวภูมิฐานมารับ จึงหยุดดู ได้ยินคล้าวบอกกระถินว่าที่มากับสมหวังก็เพราะว่า...

“ยังไงพี่ก็ต้องมา จะได้รู้ทาง นี่น่ะหรือวังห้าสิงห์จุฑาเทพ คอยดูนะ ถ้าไอ้คุณชายมันเลี้ยงดูกระถินไม่ดี พี่จะบุกมาชิงตัวกระถินกลับบ้านเรา”

ระหว่างนั้นคล้าวขอสมหวังขับรถเอง บอกว่าอยากขับในกรุงเทพฯมานานแล้ว สมหวังลังเล กระถินเร่งเสียงดังว่า

“รีบกลับเถอะ กระถินคันไปทั้งตัวแล้ว ไอ้ผ้าลูกไม้นี่ทำไมมันคันคะเยออย่างนี้ ไม่อยากใส่เลย”

“พี่ก็เหมือนกัน ไอ้เสื้อแขนยาวนี่มันคันยิบๆเดี๋ยวกระถินเกาให้พี่หน่อยนะ” พอกระถินเกาให้ คล้าวทำเสียงสะใจพูดอย่างถูกใจว่า กระถินเกาถูกที่คันเลย

ฟังท่านหญิงเล่าแล้ว อ้ายฟันธงว่า

“ท่านหญิงไม่ต้องคิดมากแล้วค่ะ สรุปได้เลยว่าหม่อมหลวงกระถินมีคนรักอยู่แล้ว คือนายคล้าวอะไรนั่นแน่ๆพูดถึงขั้นว่า “จะมาชิงตัวกระถินกลับบ้านเรา”

มันก็ต้องคนรักกันแน่ๆค่ะ”

“แสดงว่าหม่อมหลวงกระถินไม่ได้รักคุณชายเลย เธอถูกบังคับแท้ๆ” เอื้อยมั่นใจ

“ถ้าเป็นอย่างนั้น...หญิงก็ยังมีสิทธิ์ทำตามที่หัวใจเรียกร้อง กับ...คุณชายรุจใช่ไหมหนูอ้ายหนูเอื้อย”

“ท่านหญิงมีสิทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์ค่ะ” เอื้อยฟันธง ทำให้ท่านหญิงยิ้มออกมาได้

ooooooo

รุ่งขึ้น ชายรุจกลับมาถึงวังจุฑาเทพ ทันทีที่มาถึงก็เข้าไปกราบหม่อมเอียดและย่าอ่อน โดยมีคุณชายทั้งสี่อยู่กันพร้อมหน้า

หม่อมเอียดถามว่าการงานเป็นอย่างไร ชายรุจ

บอกว่า ถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับประเทศเรา หม่อมเอียดพูดจากใจว่า ถ้าช้องนางยังอยู่คงภูมิใจมาก ย่าอ่อนแอบค้อน พูดเหน็บว่า

“ยังดีนะคะ ที่นำแต่ความสำเร็จกลับมา ไม่พาเมียแหม่มไร้สกุลรุนชาติกลับมาด้วย”

คุณชายทั้งสี่มองหน้ากัน ส่วนหม่อมเอียดติงว่าทำไมย่าอ่อนพูดอย่างนี้ ย่าอ่อนก็ยังย้ำอย่างจงใจเหน็บชายรุจว่า

“กลัวนี่คะ ก่อนไปเมืองนอกเห็นทำอิดออดไม่ยอมไปพบเด็กกระถิน ก็กลัวจะไปคว้าแหม่มหรือแม่คนรักเก่ากลับมาด้วย ประเภทสิบเบี้ยใกล้มือ เหมือนครั้งสมัยท่านชายวิชชากร”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ หากผมจะเลือกผู้หญิงคนไหนมาเป็นคู่ ผมไม่มีทางคว้ามาเพียงเพราะอยู่ใกล้มือ แต่จะเลือกเพราะผมรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ” ชายรุจตอบขรึม แววตาสลด “และถ้าผมรักเธอแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณค่าของจิตใจเธอจะมีค่ามากกว่าสิบเบี้ย เพราะฉะนั้น ต่อให้ฐานะทางสังคมของเธอจะเป็นแค่สาวใช้ ผมก็ไม่สน”

“ชายรุจ...ที่แกพูดนี่ แกกำลัง...” ย่าอ่อนเสียงเข้มตาพอง ชายพีร์หลานแก้วหลานขวัญรีบขยับเข้าไปกล่อม

“ย่าอ่อนครับ พี่ชายรุจกลับมาเหนื่อยๆให้พี่ชายรุจไปพักก่อนดีไหมครับ”

“ฟังไว้นะชายรุจ ย่ากับหม่อมย่าไม่มีวันปล่อยให้อยู่ๆแกก็ไปคว้าเอาขี้โคลนจากปลักไหนมาประดับหัวแหวนของราชสกุลจุฑาเทพอย่างแน่นอน หม่อมหลวงกระถินที่ย่าเลือกให้ เหมาะสมกับแกที่สุดแล้ว” ย่าอ่อนไม่วายกระหนาบทิ้งท้าย

“เอาล่ะๆชายรุจไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวค่ำนี้มาทานข้าวด้วยกัน” หม่อมเอียดตัดบท

“ครับ” ชายรุจรับคำ แล้วออกไปพร้อมกับคุณชายทั้งสี่ ย่าอ่อนมองตามตาพองแล้วคว้าพัดขึ้นมาวีเอาจริงเอาจัง

ooooooo

ห้าสิงห์จุฑาเทพ มารวมกันที่ห้องโดม แต่ละคนกำลังเห่อของฝากถูกใจจากชายรุจ ส่วนเจ้าตัวไปนั่งคุยกับชายใหญ่ที่โต๊ะทำงาน

“เมื่อวาน น้องกระถินเขาก็มารอชายรุจทั้งวันเลยนะ” ชายใหญ่บอก แล้วจึงเล่าต่อว่า “ไม่ใช่แค่น้องกระถินคนเดียวนะ ท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ ก็เด็จมาเยี่ยมย่าอ่อนด้วย”

ชายรุจนิ่งงันไป ชายภัทรกับชายใหญ่มองหน้ากันเมื่อเห็นชายรุจหน้าสลดลง ชายเล็กได้ยินแว่วๆถามอย่างตื่นเต้นว่า “เหรอครับ...ท่านหญิงเด็จมาที่นี่เหรอครับ เสียดายผมกับชายพีร์ไม่ได้เฝ้าท่าน”

ชายใหญ่บอกว่าก็มัวแต่เที่ยวกันทั้งคู่ ชายพีร์รีบชี้แจงว่า

“ใครว่าล่ะครับพี่ชายใหญ่ ผมบินลาดตระเวนขอบชายแดน เรื่องขโมยสมบัติของชาติ จนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งระหว่างประเทศไปแล้ว”

ชายใหญ่ถามชายรุจว่ายังจำท่านหญิงได้ใช่ไหม ชายรุจตอบหน้านิ่งขรึมว่า “ไม่มีวันลืม”

ชายพีร์พูดอย่างไม่หายเพ้อว่า ไม่นึกว่าเจริญชันษาแล้วจะทรงงดงามถึงเพียงนี้ ชายเล็กถามว่าแล้วแฟนคนใหม่ของชายรุจที่ชื่อ ‘รสา’ เป็นอย่างไรบ้าง ชายพีร์บอกให้เล่าเลยตนอยากฟัง

“เพราะไม่มีอะไรจะเล่าน่ะสิ เอาเป็นว่าพอเลิกทัวร์เราก็แยกกันไป ไม่ได้สานต่ออะไรกันอีก ขอตัวนะ ฉันอาบน้ำก่อนล่ะ เดี๋ยวจะนอนสักตื่นด้วย” ชายรุจขอตัว ชายใหญ่กับชายภัทรสบตาอย่างรู้กัน

ooooooo

ด้วยข้ออ้างที่แนบเนียน รุ่งขึ้น ท่านหญิงมาเรียนทำขนมกับย่าอ่อนอีก ชายรุจออกมาเดินเล่นในสวน มองไปที่ศาลา เห็นท่านหญิงนั่งเรียนทำขนมไทยอยู่กับย่าอ่อนก็ชะงัก

ย่าอ่อนคุยอย่างสดชื่นยินดีว่า “หม่อมฉันเห็นพระรูปของท่านชายภาณุทัศนัยแล้วเพคะ แหม...สิริโฉมงดงามสมกับท่านหญิงราวกิ่งทองใบหยก เมื่อไหร่จะเข้าพิธีเสกสมรสเพคะ”

“ยังไม่ทราบเลยค่ะ” ท่านหญิงตอบเหม่อๆ

“หม่อมฉันตั้งตารอให้ถึงวันนั้น”

“แต่หญิงไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลยค่ะ” ฟังแล้วย่าอ่อนถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าท่านหญิงตรัสว่าอะไรหรือ ท่านหญิงบอกว่า “เปล่าค่ะ” แล้วก้มกลัดไม้กลัดใบตองทำขนม...

ชายรุจมองไปที่ศาลา แดดอ่อนๆ จับร่างท่านหญิงดูงดงาม อ่อนหวาน ชายรุจใจหวิวๆ ตัดสินใจหันเดินจากไป

“นั่นชายรุจนี่” ย่าอ่อนเห็นพอดี ร้องเรียก“ชายรุจยืนนิ่งอยู่ทำไม มานี่สิ”

ชายรุจจำต้องเดินมาที่ศาลา ท่านหญิงมองเต็มตานิ่ง...งัน ชายรุจสบตาอย่างสงบ ย่าอ่อนแนะนำอย่างตื่นเต้นว่า

“ท่านหญิงเพคะ นี่ชายรุจ ท่านหญิงโปรดจะเล่น ด้วย ตอนทรงพระเยาว์ ชายรุจ นี่ท่านหญิงแต้ว จำท่านได้ไหม”

“จำได้ซีครับ” ชายรุจตอบสุภาพ แล้วเข้ามาค้อมศีรษะอย่างเป็นทางการ “ฝ่าบาท...”

ย่าอ่อนชวนชายรุจนั่งด้วยกัน บอกว่าท่านหญิงกับย่ากำลังหาคนชิมขนมตาลอยู่พอดี ท่านหญิงเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า “ถ้าคุณชายไม่รังเกียจ” พลางเลื่อนจานเล็กใส่ขนมตาลให้

ชายรุจชิมขนมตาลแล้วไม่พูดอะไร ท่านหญิงหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ส่วนย่าอ่อนไม่ได้สังเกตสังกา

อะไร บอกให้ชายรุจนั่งคุยกับท่านหญิงไปก่อน ย่าจะไปดูสำรับในครัวสักประเดี๋ยว

แต่พอย่าอ่อนลุกไป ทั้งท่านหญิงและชายรุจ ต่างนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ท่านหญิงจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า

“คุณชายคะ ฉันขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด”

“ฝ่าบาทประทานอภัย กระหม่อมขอตัว” ชายรุจลุกไปอย่างนิ่งสงบ ลงจากศาลาเดินไปทางสวน

“คุณชายคะ...เดี๋ยวก่อน...” ท่านหญิงวิ่งตามไปอย่างไม่อาจทนได้...

ooooooo

ท่านหญิงวิ่งไล่ตามชายรุจที่เดินอ้าวจะขึ้นตึก ร้องเรียกไม่หยุดจึงออกคำสั่งให้หยุด ชายรุจหยุดทันทีหันมาช้าๆ

“หยุดแล้วกระหม่อม พระบัญชาท่านหญิงวรรณ–

รสา ใครจะกล้าขัดพระทัย” ท่านหญิงสวนไปเสียงเครียดว่าถ้าไม่กล้าขัดใจจริงๆก็เลิกใช้ถ้อยคำห่างเหินและพูดกันเหมือนเดิม “กระหม่อมมิบังอาจ คงทำตามพระประสงค์ไม่ได้ เพราะท่านหญิงเป็นอนุวงศ์ กระหม่อมเป็นเพียงสามัญชน คงไม่หาญกล้าเอาตัวไปเทียบ”

“เราอย่ามามัวเล่นแง่กันเลยค่ะคุณชาย ที่ฉัน

มาพบคุณวันนี้เพื่อจะบอกว่า ฉันขอโทษที่ปิดบังคุณชายมาตลอด คุณชายจะยกโทษให้ฉันได้รึเปล่า”

ชายรุจย้อนถามว่าเป็นพระบัญชาของท่านหญิงวรรณรสาหรือเปล่า ท่านหญิงนิ่งไปเอ่ยอย่างสะเทือนใจว่า ไม่ใช่ ‘คำสั่ง’ แต่คือ ‘คำขอร้อง’ จากคนที่สำนึกผิด ถามว่าจะให้ทำอย่างไรถึงจะยอมยกโทษให้จะยอมทุกอย่าง

ขอเพียงให้บอกมาคำเดียว ชายรุจจึงบอกให้ท่านหญิงเสด็จกลับไปเสีย

“งั้นฉันก็จะกลับ...แต่พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่...มะรืนก็จะมา มะเรื่องก็จะมา ฉันจะมาทุกวันจนกว่าคุณชายจะยอมคุยกับฉันดีๆ”

“อย่าทรงเสียเวลาเลยกระหม่อม ทรงเอาเวลาอันมีค่าไปใช้เพื่อท่านชายทัศน์ พระคู่หมั้นเถิด กระหม่อมไม่มีค่าอะไรที่ฝ่าบาทจะต้องมาทรงเสียเวลาด้วย”

“ถ้ายังไม่รู้ ก็จงรู้ไว้เถิด ว่าคุณชายมีค่าที่สุด มีค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น” ท่านหญิงเดินร้องไห้จากไป

ชายรุจนิ่งงันอยู่ตรงนั้น น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นเต็มตา...

ooooooo

ปกรณ์เดินทางมากรุงเทพฯ เขาไปหาอ้ายที่บ้านทันที แต่เพราะวันนี้ฝาแฝดแต่งตัวเหมือนกันเลยทักผิดคน ถูกอ้ายตัดพ้อว่าห่างกันแป๊บเดียวก็แยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร

เมื่อชวนกันเข้าบ้าน ปกรณ์รีบเอาจดหมายและของฝากจากคุณอั๋นให้เอื้อย ตกเย็นท่านหญิงมาที่บ้าน เล่าให้ทั้งสามฟังเศร้าๆว่า ชายรุจไม่สนใจไยดีตนเลย

“ท่านหญิงครับ สำหรับเจ้ารุจเนี่ย ต้องใช้ความ อดทนกับมันสักหน่อย” ปกรณ์เอ่ย

อ้ายกับเอื้อยก็ช่วยกันปลอบว่า หน้าที่และความ รับผิดชอบคงค้ำคอชายรุจอยู่ทำให้เขาต้องแสดงออก เช่นนั้น เพราะทั้งท่านหญิงและตัวชายรุจเองต่างก็มีพันธะกับคู่หมั้นกันทั้งคู่ ท่านหญิงบอกว่าชาตินี้ชายรุจคงไม่ให้ อภัยตนแล้ว

“ไม่จริงครับท่านหญิง เจ้ารุจรักท่านหญิงมาก ต่างหาก มากจนแทบทนไม่ได้ มันทุกข์เหลือเกินที่ต้องจากท่านหญิงไปคราวนั้น มันรู้ว่ารักครั้งนี้เป็น ‘รักต้องห้าม’ มันทุกข์เพราะรู้ว่ามันไม่อาจเอื้อม ไม่มีสิทธิ์ในตัวท่านหญิงแม้แต่น้อย มันจึงจำใจถอยห่างและเย็นชาอย่างที่เห็น” ปกรณ์ชี้แจง

“แล้ว...ถ้าฉันทำให้ ‘รักต้องห้าม’ มันเป็นไปได้ ล่ะคะ” ท่านหญิงเอ่ย เอื้อยถามว่าจะทำอย่างไร “ยังไม่รู้ แต่หญิงจะพยายาม แม้แต่ต้องเปลี่ยนชีวิตตัวเองก็ตาม”

คู่แฝดและปกรณ์ ต่างอึ้งกับความมุ่งมั่นของท่านหญิง

ooooooo

ชายรุจยังคงซึมเศร้า เก็บตัว จนคุณชายทั้งสี่เป็นห่วงและหาทางประสานใจของท่านหญิงกับเขา

วันนี้ สี่ชายนั่งทานกาแฟและของว่างกันที่ห้อง โดม เอะอะกันว่า คุกกี้อะไรเหนียวอย่างกับยางมะตอย บ้างว่าอันนี้ขมเพราะไหม้ ชายใหญ่เข้ามาพูดว่าหัดใหม่ก็อย่างนี้แหละ ชายภัทรทำเสียงกระซิบว่า “อย่าพูดไปนะ”

“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ ใครทำคุกกี้ แจ๋วเหรอ ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ” ชายรุจเดินเข้ามาทักเนือยๆ

“นายไปช่วยหน่อยสิ อยู่ในครัวแน่ะ” ชายใหญ่ชี้ไปที่ครัว ชายรุจเดินไปทันทีประสาคนทนไม่ได้

“ทำไมอบคุกกี้แบบนี้ล่ะแจ๋ว มันต้อง...” ชายรุจชะงักกึก ตะลึงอึ้งเมื่อเห็นรสาขลุกอยู่ที่ถาดคุกกี้ หันมาบอกว่า

“ฉันหัดทำนี่คะ เมื่อกี้คุณชายพูดว่า มันต้อง... ต้องอะไรคะ”

“เปล่า กระหม่อมกำลังจะทูลฝ่าบาทว่าทำคุกกี้แบบนี้ มันต้องใช้ไฟระดับไหนถึงจะไม่ไหม้” ชายรุจพูดเป็นทางการขึ้นมาทันที

“งั้น ช่วยอนุเคราะห์หน่อยได้ไหมคะ ฉันยังทำไม่ค่อยเป็น” รสาอ้อนๆ ชายรุจจึงเดินเข้าไปดูไฟในเตาอบให้ รสามองเขาจากข้างหลัง รู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดอีกครั้ง จับแขนเขาเอ่ยน้ำตาคลอ “เราจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรือคะคุณชาย” พูดแล้วซบหน้ากับไหล่เขานิ่ง

ชายรุจหันมา ถอนใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆดึงมือท่านหญิงออก เอ่ยเป็นการเป็นงานเช่นเคยว่า

“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วฝ่าบาท กระหม่อมทูลไปแล้วให้กลับไปหาพระคู่หมั้นของฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีอะไรคู่ควรแม้แต่น้อย ต่อไปนี้ เราควรอยู่ให้ห่างกัน เราไม่ควรแม้แต่สนทนากัน หรือข้องแวะกันแม้แต่ทางสายตา ฝ่าบาทคงเข้าพระทัย” พูดแล้วผลุนผลันออกไปเลย ทิ้งท่านหญิงให้ยืนพิงผนังร้องไห้อย่างหนัก

ชายรุจออกมาถึงห้องโดม มองชายใหญ่และชาย ภัทรด้วยสายตาตัดพ้อ ชายเล็กกับชายพีร์มองทั้งสามงงๆ จนเมื่อชายรุจขอคุยส่วนตัวกับชายใหญ่และชายภัทรที่ห้อง ชายเล็กกับชายพีร์ถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมชายรุจถึงดูเครียดขนาดนั้น

ชายใหญ่เดินออกไป ชายภัทรจะตามแต่หันบอกชายเล็กกับชายพีร์ว่าสองคนไม่ต้องเข้าไปในครัว ปล่อยท่านหญิงประทับอยู่ลำพังก่อน ชายเล็กยิ่งงงถามชายพีร์ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ชายพีร์ได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจเหมือนกัน

ชายเล็กกับชายพีร์แอบมองในครัวงงๆ แล้วแยกกันไป ปล่อยให้ท่านหญิงร้องไห้อยู่กับตัวเองตามลำพัง...

ooooooo

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายปวรรุจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด