icon member

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายปวรรุจ

ตอนที่ 1

คุณชายธราธรเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อเยี่ยมเยียนมะปรางและถือโอกาสพักผ่อนไปด้วย เมื่อถึงวันเดินทางกลับ ชายรุจ ชายเล็ก และชายพีร์พากันไปรับที่สนามบิน ถามกันอย่างตื่นเต้นว่าใครฝากพี่ชายใหญ่ซื้ออะไรบ้าง

ชายพีร์บอกว่าตนฝากซื้อช็อกโกแลตดาร์คดาร์คจากแฮร์รอดส์กับน้ำหอมชาแนลอีกหลายขวด ชายรุจถามว่าช็อกโกแลตไว้กินเอง แต่น้ำหอมจะเอาไปฝากสาวที่ไหน ชายเล็กดักคอว่าคงไม่พ้นสาวจากเบียร์ฮอลล์

“แล้วหนึ่งในนั้น ใช่น้องรัมภาด้วยรึเปล่า”ชายรุจเดา

“พี่ชายครับน้องรัมภาผมเห็นทีจะขอตัว ไม่ไหวเจอกันทีไรคุณเธอพูดไม่หยุด ปากเป็นชักยนต์จนผมเอือมเป็นที่สุด” ชายรุจถามว่าแต่เขาสวยถูกใจไม่ใช่หรือ “ก็สวยเก๋ครับ แต่นิสัยไม่สมกับความสวยเลย” ชายพีร์ปิดประตูใจเลย

ที่อีกด้านหนึ่งของโถงสนามบิน คุณอิ่มในชุดหรูและคุณอั๋นในชุดเรียบร้อยใส่แว่นหนาดูคงแก่เรียน เดินแทรกกลุ่มคนที่มารอรับผู้โดยสาร คุณอั๋นติงว่าจะแทรกเข้าไปทำไมเดี๋ยวคุณป้าผ่านเกทออกมาก็เจอกันเองแหละ

“ไม่ได้มาดูคุณป้าค่ะ แต่จะมาดูคุณชายธราธร เห็นว่าเธอกลับมาจากอังกฤษเที่ยวบินนี้พอดี” คุณอิ่มลอยหน้าบอก

ปรากฏว่าคุณอิ่มที่อวบจนเนื้อล้นเดินเบียดแทรกไปกระแทกถูกเอื้อยกับอ้ายฝาแฝดที่มารอรับท่านหญิงรสา จนอ้ายปะทะคารมกับคุณอิ่มสาดอารมณ์ใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่พอคุณอิ่มเหลือบเห็นคุณชายทั้งสามที่มารอรับพี่ชายใหญ่ก็ตื่นเต้นชี้ให้คุณอั๋นดูแล้วถลาเข้าไปทักเรียงตัวอย่างรู้จักดี

“สวัสดีค่ะคุณชายปวรรุจ คุณชายรัชชานนท์ คุณชายรณพีร์”

“เอ้อ...สวัสดีครับ โปรดแนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยนะครับ” ชายเล็กเอ่ยอย่างสุภาพ

คุณอิ่มรีบแนะนำตัวเองพยายามพูดราชาศัพท์ให้ดูดี

“หม่อมฉันชื่ออิ่มเพคะ นี่พี่ชายหม่อมฉันพี่อั๋น” ชายเล็กรู้สึกเขินกับศัพท์ที่สูงเกินศักดิ์จะทักท้วง แต่คุณอิ่มติดลมเสียแล้ว พูดจ้อยๆ “เราเป็นหลานของเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์เพคะ วันนี้หม่อมฉันมารับคุณป้าหญิงอารี ภริยาท่านลุงค่ะ คุณชายทั้งสามมารอรับคุณชายธราธรจากอังกฤษใช่ไหมเพคะ”

“ทำไมคุณรู้เรื่องของเราเยอะจังครับ” ชายพีร์ถามงงๆ

“ฮิๆ เพราะอิ่มตามข่าว ‘ห้าสิงห์จุฑาเทพ’ ตลอดเวลาน่ะซีเพคะ ทั้งข่าวจากสยามนิกร ศรีสัปดาห์ ทั้งยังออกข่าวโทรทัศน์อีก แหมปลื้มจริงๆที่เจอองค์จริงของคุณชาย ทรงสิริโฉมงดงามทั้งสามพระองค์เลย หล่อกว่าชาล มิเนโอ อีก”

คุณอิ่มจ้อราชาศัพท์เสียจนชายเล็กกระซิบชวนชายรุจไปรอตรงทางออกกันดีกว่าก่อนที่เหาจะขึ้นหัว ชายพีร์เห็นด้วยจึงพากันขอตัว คุณอิ่มยังจะตามไปอีก ถูกคุณอั๋นบ่นว่าไปไหนก็ทำเสียเรื่องอยู่เรื่อย คุณอิ่มถามอย่างข้องใจว่าเสียเรื่องยังไง?

“คุณอิ่มใช้ราชาศัพท์มั่วไปหมดแล้ว กับคุณชายยศหม่อมราชวงศ์พูดปกติไม่ต้องใช้ราชาศัพท์” คุณอิ่มหน้าจ๋อยเสียงอ่อยว่าตนไม่รู้อย่าดุเลย เพราะยิ่งดุตนก็ยิ่ง “ทรงหิว”

คุณอั๋นถอนใจเฮือกใหญ่แบบ...จนได้...แต่ไม่บ่นอะไรอีก

ooooooo

ฝ่ายอ้ายกับเอื้อย เห็นคุณชายแห่งจุฑาเทพก็ตื่นเต้นไม่น้อยแต่ยังสงวนท่าที อ้ายชวนไปขอลายเซ็น เอื้อยให้รอท่านหญิงเสด็จมาถึงก่อนดีกว่า อ้ายทำหน้าข้องใจถามว่าทำไมล่ะ???

ไม่ถึงอึดใจ เอื้อยก็ร้องบอกอ้ายว่าท่านหญิงรสาออกมาแล้ว ฝาแฝดสาวมองไป เห็นท่านหญิงรสา เดิน

ออกมาอย่างสง่างาม พอเห็นสองสาวก็ยิ้มร่าเริงตรงมาหา โผเข้ากอดกันแน่น รสาเอ่ยอย่างดีใจมากว่า

“ดีใจเหลือเกิน รสากลับบ้านแล้วนะ” เอื้อยกล่าวต้อนรับ เวลคัมโฮมเพคะ ถูกท้วงติงทันทีว่า “บอกแล้วไง ไม่ต้องใช้ศัพท์สูง หญิงอยากเป็นคนธรรมดาสามัญ” แล้วถาม “หนูเอื้อยหนูอ้ายเป็นยังไงบ้าง”

อ้ายบอกว่าสบายดี ถามว่าแล้วท่านหญิงล่ะ ที่ปีนังเป็นอย่างไรบ้าง

“หญิงอยู่ปีนังมาสิบปี ตั้งแต่คอนแวนต์ถึงคอลเลจ แทบหลับตาเดินในยอร์ชทาวน์ได้ทั้งย่านแล้ว เบื่อจะตาย ไม่เคยดีใจอะไรเท่ากับได้กลับบ้านเลย เอ...แล้วเดี๋ยวเราจะกลับยังไง”

อ้ายบอกว่านายเวทย์มารอรับแล้ว รสาถามว่าแล้วเด็จพ่อไม่มาหรือ พออ้ายบอกว่าท่านรออยู่ที่วัง เตรียม งานต้อนรับท่านหญิงอยู่

“หืมม์...ต้องเตรียมการต้อนรับอะไร” รสาทำหน้าฉงน

“ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เห็นบอกว่าคืนนี้จะมีเซอร์– ไพรส์ท่านหญิง” เอื้อยตอบอำๆ รสายิ้มอย่างนึกสนุกไปด้วย

ooooooo

ระหว่างเดินออกจากโถงสนามบินนั้น ชายใหญ่เรียกชายรุจเหมือนจะบอกอะไร แต่ทุกคนมัวตื่นเต้นกับของฝาก ชายใหญ่จึงชะงักไป จนเมื่อหายเห่อของฝากกันแล้ว ชายใหญ่จึงบอกชายรุจว่า กลับมาเที่ยวบินเดียวกับวาดดาว

“งั้นเธอก็ยังอยู่ในแอร์พอร์ต” ชายรุจตื่นเต้น มองไปรอบๆ สายตาผ่านกลุ่มอ้าย เอื้อย และรสาที่มองมาพอดี รสาส่งยิ้มให้นึกว่าชายรุจมองตน ยิ่งเมื่อชายรุจเดินตรงมาก็ตื่นเต้น แต่ชายรุจมองเลยไปและเดินผ่านไปอย่างมองไม่เห็น ทั้งเอื้อย อ้าย และรสาต่างหน้าเจื่อนบอกกันว่า คุณชายปวรรุจมองไม่เห็นเรา

ที่แท้ชายรุจเดินไปหาวาดดาวที่อยู่ข้างหลังรสา แต่พอวาดดาวเห็นชายรุจก็รีบเดินแทรกผู้คนหลบไป ครั้นชายรุจตามไปที่ลานจอดรถ รถก็ออกพอดี ชายรุจเลยได้แต่ยืนผิดหวัง

กลับถึงวังจุฑาเทพสังสรรค์กันอึดใจเดียวชายรุจก็ปลีกตัวขึ้นห้องนอนเก็บตัวเงียบจนทุกคนเป็นห่วง ชาย–ใหญ่บอกน้องๆว่า

“ปล่อยชายรุจไปก่อน ให้เขาอยู่กับตัวเองสักพัก พอคลายใจแล้วค่อยเจรจากัน”

ย่าอ่อนที่ปกติเหมือนรังเกียจรังงอนชายรุจที่เป็นลูกของหน้าห้องหม่อมอุบลวรรณ แต่ลึกๆแล้วก็ทั้งรักและห่วงหลานทุกคน บังเอิญไปแอบได้ยินพวกหลานๆคุยกันถึงเรื่องที่ชายรุจไม่สบายใจ แต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงเรียกชายพีร์หลานแก้วหลานขวัญมาถาม ชายพีร์ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของพี่ชาย แต่ย่าอ่อนคร่ำครวญอย่างน้อยใจว่าชายพีร์ไม่รักตนแล้วทำท่าจะตายเสียให้ได้ ชายพีร์จึงต้องเล่าให้ฟัง

พอรู้เรื่องชายรุจไปเจอวาดดาวที่สนามบินแล้วฝ่ายโน้นเดินหนีไม่ยอมคุยด้วย ย่าอ่อนร้อนใจรีบไปเล่าให้ย่าเอียดฟังคาดเดาเป็นตุเป็นตะว่า

“นี่คงวางแผนซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาพร้อมกับชายใหญ่ หวังจะได้มาเจอกับชายรุจ แล้วก็ได้เจอสมใจจริงๆ คงวางแผนจะรื้อฟื้นความรักความหลังกันขึ้นมาอีก”

“เอ๊ะ เขาจะทำไปทำไม ก็แม่วาดเขาเป็นคนบอกเลิกชายรุจไปเองไม่ใช่เรอะ”

“ถ้าน้องเดาไม่ผิด ตอนที่บอกเลิกน่ะ คงเป็นจังหวะที่กลับไปเรียนต่อพอดี คงเจอรักใหม่กับฝรั่งหัวทองเข้าแล้ว ตอนนี้ไอ้ฝรั่งมันคงเบื่อเฉดหัวทิ้งเลยต้องซมซานกลับเมืองไทย เลยจะกลับมาคืนดีกับชายรุจใหม่ เพราะรู้ว่าทางเราน่ะยังรักยังหลงไม่ลืมหูลืมตา” ย่าอ่อนวิเคราะห์เป็นฉากๆ จนย่าเอียดติงว่าอย่าเพิ่งคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะ

กระนั้นย่าอ่อนก็ยังพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ผิดไปจากน้องว่าหรอกค่ะคุณพี่”

ooooooo

ส่วนรสา หรือหม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ ที่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ เสด็จพ่อมักเรียกว่า หญิงแต้ว กลับมาถึงวังอรุณรัศมิ์ก็ตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่ง ด้วยดอกกุหลาบสีขาวสะอาดไปทั้งโถงกลาง จนอุทานว่าอย่างกับสวรรค์

หญิงแต้วไปหาเสด็จพ่อที่นั่งจิบเครื่องดื่มรออยู่ ต่างโผเข้ากอดกันด้วยความรักและคิดถึง

ส่งรสาถึงวังแล้ว เอื้อยกับอ้ายยังอยู่สนทนากันในห้องนอน อ้ายถามว่าเตรียมการสำหรับชีวิตอะไรไว้บ้าง พอรสาบอกว่าเตรียมกิน นอน เที่ยว ปาร์ตี้ ช็อปปิ้งให้สนุกทุกวัน เอื้อยถามว่าแล้วไม่คิดเรื่องแต่งงานหรือ

“บ้า...หญิงยังไม่คิดตอนนี้หรอก หนูเอื้อยหมายถึงพี่ชายทัศน์น่ะเหรอ” รสาถาม สีหน้าหายสนุกไปเลย

ชายทัศน์ หรือหม่อมเจ้าภาณุทัศนัย พระคู่หมั้นของรสาซึ่งเป็นเลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รสาบอกอ้ายกับเอื้อยว่ายังไม่คิดเรื่องนี้ เพราะตนกับชายทัศน์ก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ซ้ำเมื่อท่านชายทัศน์ไปเป็นเลขาที่ยุโรปยิ่งพบกันน้อยมาก
กระนั้นอ้ายก็ยังถามว่าแล้วรสารักท่านชายแค่ไหน เธอตอบเขินๆว่า

“ไม่รู้ สนิทด้วยตอนเด็กๆ โตขึ้นก็ยังนับถือเป็นพี่ชาย ยังไม่รู้เลยว่าใช่ความรักหรือเปล่า”

ระหว่างรสาคุยอยู่กับเอื้อยและอ้ายนั้น องค์ฉัตร กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทรงอักษร...

“เด็จมาถึงแล้วเหรอ อืมม์...ถ้าชายยังเหนื่อยอยู่ก็ไม่เป็นไร พักผ่อนก่อนก็ได้ อะไรนะ...ไม่เหนื่อย...ฮ่ะๆๆ ก็ดี งั้นก็รีบเด็จมาให้ทันอาหารค่ำเลยก็แล้วกัน ตกลงนะ”

“รับสั่งกับใครอยู่เพคะ” รสาเข้ามาได้ยินพอดี องค์ฉัตรบอกว่าไม่มีอะไร ให้นั่งก่อน แล้วคุยเรื่องการเสกสมรสจนรสาอึ้ง องค์ฉัตรหว่านล้อมว่า

“ปีนี้เป็นปีที่เหมาะที่สุด หญิงแต้วของพ่อเรียนจบแล้ว พอดีกับท่านชายจะหมดโพสต์ จะกลับจากสวิสมาอยู่เมืองไทยปีนี้เหมือนกัน พ่อกับเสด็จลุงเลยคุยกันว่า น่าจะถึงเวลาที่ลูกทั้งสองควรจะเสกสมรสกันได้แล้ว”

หญิงแต้วเกี่ยงว่ายังไม่รู้จักท่านชายดีพอ ชันษาห่างกันตั้งสิบปี และตนยังไม่รู้เลยว่า “รัก” ท่านชายหรือเปล่า

องค์ฉัตรบอกว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง อยู่กันไปก็รักกันเองแหละ แต่เย็นนี้ให้อยู่ดินเนอร์กับพ่อแล้วลูกจะได้พูดคุยกับชายทัศน์เป็นการส่วนตัว

ระหว่างดินเนอร์ องค์ฉัตรให้หญิงแต้วสีไวโอลินเพลง “ชั่วฟ้าดินสลาย” ให้ฟัง หญิงแต้วสีไวโอลินอย่างไพเราะโดยไม่รู้ว่าท่านชายทัศน์เข้ามายืนอยู่ข้างหลังแล้ว หญิงแต้วหันไปเห็นถึงกับตะลึง คิดไม่ถึง

ท่านชายทัศน์จุมพิตมือรสาและมอบดอกไม้ช่องามให้ องค์ฉัตรชวนมานั่งร่วมโต๊ะอย่างรู้กัน

ooooooo

แต่ที่วังจุฑาเทพ คุณชายทั้ง 5 ยังไม่สบายใจกับการเก็บตัวของชายรุจ ชายใหญ่ปรารภว่าไม่เข้าใจว่าทำไมวาดดาวถึงทิ้งชายรุจไป ชายภัทรโพล่งไปว่าเพราะความไร้เหตุผลของวาดดาว

จนเมื่อชายรุจเข้าครัวทำสเต๊กและเรียกทุกคนมาทาน ทั้งพี่ชายและน้องๆ ต่างแสดงความเห็นใจเป็นห่วงความรู้สึกของชายรุจ อยากให้มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับบอกว่า

“หมดเวลาสำหรับการท้อใจใดๆแล้ว ตอนนี้มาทานสเต๊กกันให้อร่อยดีกว่า ขอเชิญทุกคน”

หลังทานสเต๊กฝีมือชายรุจกันแล้ว ชายพีร์กับชายเล็กชวนออกไปแดนซ์ต่อกัน ชายภัทรขอตัวเพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าเวรแต่เช้า ส่วนชายรุจอยากอยู่บ้านมากกว่า ชายใหญ่จึงชวนคุย ชายรุจขอจัดการในครัวก่อนแล้วจะตามไป

ระหว่างรอชายรุจนั้น ชายภัทรนั่งคุยกับชายใหญ่ พูดถึงวาดดาวอย่างไม่ชอบใจว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้เหตุผล เพราะตนยังไม่เห็นเหตุผลใดๆที่เธอจะเลิกรักชายรุจ ทั้งๆที่ย่าเอียดเคยสัญญาว่าจะจัดผู้ใหญ่ไปสู่ขอทันทีที่เธอเรียนจบ

ชายรุจขึ้นมาได้ยินพอดี ก้าวเข้าไปในห้องถามชายภัทรหน้าเครียดว่า

“มีอะไรที่นายรู้ แต่ฉันยังไม่รู้บ้างชายภัทร เล่ามาให้หมด” ชายภัทรพูดอย่างอึดอัดใจว่าตนคิดว่าไม่ควรจะเล่า “นายต้องเล่า เพราะฉันอยากรู้ว่าทำไมนายคิดว่าวาดดาวไม่มีเหตุผล” ชายรุจเสียงแข็งขึงขังจนชายภัทรอึ้ง

“พูดไปเถอะชายภัทร” ชายใหญ่บอก

ชายภัทรจึงเล่าถึงวันที่ชายรุจพาวาดดาวมากราบหม่อมย่าว่า ดูแล้วหม่อมย่าเมตตาวาดดาวมาก แสดงความยินดีที่จะรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ขอให้เรียนจบก่อนแล้วจะส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอตามธรรมเนียม

เล่าแล้วชายภัทรสรุปว่า ตนยังมองไม่เห็นว่าวาดดาวมีเหตุผลอะไรที่จะทิ้งชายรุจไปนอกจากไม่รักเขาจริง หรือไม่ก็อาจมีคนอื่น ชายรุจไม่เชื่อ ชายภัทรจึงเตือนสติว่า

“นายยังอ่อนหัดกับผู้หญิงมาก โดยเฉพาะผู้หญิงเจนจัดแบบวาดดาว” ชายรุจหน้าตึงปรามว่าอย่าดูถูกวาดดาวแบบนั้น “เมื่อนายหลอกตัวเองแบบนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว” พูดแล้วชายภัทรลุกเดินออกไป ชายใหญ่ต้องหว่านล้อมชายรุจให้ใจเย็นๆพี่น้องอย่าขัดใจกันด้วยเรื่องแบบนี้ แล้วถามชายรุจว่า คิดว่าเหตุผลที่วาดดาวทิ้งเขาไปคืออะไร?

“เธอบอกมาในจดหมายว่าเธอต่ำต้อยเกินไปสำหรับความเป็นจุฑาเทพของผม”

“เป็นเหตุผลที่อ่อนด้อยเหลือเกิน พี่เห็นว่านายน่าจะรับฟังความคิดของชายภัทรบ้าง” ชายรุจถามว่าทำไม “พี่ยังไม่ได้เล่าใช่ไหม เรื่องที่พี่เจอวาดดาวบนเครื่องบิน”

ชายใหญ่เล่าให้ชายรุจฟังว่า ตนเจอวาดดาวบนเครื่องบินถามว่าเรียนจบแล้วหรือ เธอบอกว่าเรียนจบแล้วแต่ยังไม่กลับเมืองไทย ตอนนี้ทำงานที่ร้านอาหารคนไทยที่อังกฤษ และที่กลับเมืองไทยนี้ก็แค่ช่วงสั้นๆเพื่อจะกลับไปอีกและคงอยู่ต่างประเทศถาวรเลย

เธอถามถึงเรื่องชายรุจ ชายใหญ่บอกว่ากำลังจะเดินทางไปสวิตฯเพื่อเตรียมการประชุมระดับประเทศที่เจนีวา บอกว่าชายรุจยังคิดถึงเธออยู่ วาดดาวจึงเล่าว่า ปีก่อน ตนได้เขียนจดหมายบอกตัดความสัมพันธ์กันแล้ว ฝากบอกชายรุจด้วยว่าให้ลืมเรื่องของเราเสียเถิด มันไม่มีค่าอะไร

“คุณบอกกับชายรุจเองดีกว่านะครับ”

“ไม่ค่ะ ฉันคงไม่พบเขาอีกแล้ว ขอให้เรื่องจบลงเท่านี้เถอะ ขอตัวนะคะ”

ชายรุจฟังด้วยความสะเทือนใจ ถามว่าที่เธอบอกว่าจะอยู่ต่างประเทศถาวรหมายความว่าอย่างไร ชายใหญ่พูดตรงๆว่าหมายความว่าเธอคงแต่งงาน แล้วปลอบน้องชายว่า ต้องทำใจเข้มแข็งไว้ ในที่สุดชายรุจก็ต้องยอมรับความจริงที่เจ็บปวด

ooooooo

หลังจากดินเนอร์กันแล้ว หญิงแต้วกับคุณชายทัศน์ นั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นวังอรุณรัศมิ์ หญิงแต้วจึงรู้ว่าคุณชายทัศน์มาครั้งนี้จะอยู่เมืองไทยแค่สองสามวันเพื่อเตรียมการประชุมโลกที่เจนีวาเรื่องกฎหมายทางทะเล

ท่านชายยังเซอร์ไพรส์หญิงแต้วด้วยการมอบตุ๊กตาไบล์ดลิลลี่ที่เคยได้ยินหญิงแต้วบอกว่าอยากได้เมื่อหลายปีก่อน หญิงแต้วรับไปบอกว่าตอนนั้นหญิงยังเด็กแต่ตอนนี้หญิงโตแล้ว คุณชายทัศน์จึงนึกได้ แต่ขอให้รับไว้เพราะตั้งชื่อตุ๊กตาไว้แล้วว่า “หนูแต้ว” สำหรับหญิงแต้วคนเดียว

เมื่อเอาตุ๊กตาไปให้เอื้อยกับอ้ายดูขณะนัดทานอาหารกันที่เยาวราช เอื้อยพูดอย่างปลื้มใจแทนว่า แสดงว่าคุณชายรักท่านหญิงมากถึงทรงจำได้แม่นยำขนาดนี้ หญิงแต้วถามเคลิ้มๆงงๆว่า

“จริงเหรอ...นี่ใช่ไหมที่เรียกว่า ความรัก”

ooooooo

ในการประชุมงานคณะที่จะเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญท่านชายทัศน์มาอบรมเพื่อให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการไปประชุมกฎหมายทางทะเล

ท่านชายทัศน์ได้รับการปฏิบัติต่ออย่างให้เกียรตินอบน้อมใช้ราชาศัพท์ทุกคำ จนท่านชายขอให้ใช้คำปกติสามัญ เพราะเราต้องทำงานร่วมกันที่เจนีวาเป็นเดือน ให้ถือว่าเป็นคนกันเอง ทำให้ทุกคนเบาใจและปลื้มความเป็นกันเองของท่านชาย

ประชุมเสร็จ คุณชายปวรรุจจึงแนะนำตัวเองแก่ท่านชาย แต่เพียงเอ่ยว่า “ผมหม่อมราชวงศ์ปวรรุจ จุฑา...” ท่านชายก็โบกมือทันที พูดอย่างยินดีว่า

“ไม่จำเป็นเลยคุณชาย ตอนนี้สังคมกรุงเทพฯมีใครบ้างที่ไม่รู้จัก ‘ห้าสิงห์จุฑาเทพ’ ผมรู้จักคุณดี คุณชายปวรรุจ คุณชายลำดับสองของจุฑาเทพ”

ท่านชายบอกว่าแม้จะอยู่สวิตฯแต่ก็ติดตามข่าวคราวเมืองไทยตลอด ยินดีที่รู้จักแล้วยื่นมือมาสัมผัสอย่างเป็นกันเอง ยังความปลื้มปีติแก่ชายรุจมาก จึงกล้าคุยถึงเรื่องพระคู่หมั้นของท่านชาย หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณ–รัศมิ์ ท่านหญิงแต้ว

“พูดเหมือนคุณรู้จักหญิงแต้วอย่างนั้น”

“ครับ เคยรู้จักตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว เพราะผมเคยตามคุณย่าไปเที่ยวที่วังอรุณรัศมิ์อยู่บ่อยๆ ไปเป็นเพื่อนเล่นของท่านหญิงน่ะครับ”

“เป็นเพื่อนเล่นงั้นหรือ?” น้ำเสียงเริ่มหยันนิดๆ แต่ชายรุจยังไม่รู้สึก เล่าต่ออย่างสบายใจเมื่อท่านชายถามถึงความสัมพันธ์ปัจจุบัน แล้วขอให้เล่าถึงมุมมองท่านหญิงในวัยเด็กให้ฟัง ชวนอย่างสนิมสนมให้ไปนั่งคุยกันที่ห้องตนดีกว่า

ชายรุจเล่าถึงวัยเยาว์ว่า ย่าอ่อนที่เคยเป็นพระพี่เลี้ยงของท่านแม่มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนกระทั่งท่านแม่ทรงจากไป ย่าอ่อนจึงลาออกจากวังแต่ก็ยังแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนหญิงแต้วเสมอ และทุกครั้งก็จะพาคุณชายทั้ง 5 ไปเป็นเพื่อนเล่นของหญิงแต้วด้วย ตนตามใจหญิงแต้วทุกอย่าง จึงถูกหญิงแต้วให้เล่นอย่างที่ต้องการ บางครั้งไม่ได้ดั่งใจก็ขู่จะฟ้องย่าอ่อน กระทั่งบางครั้งก็พูดให้สะเทือนใจว่า

“พี่ชายรุจต้องรับใช้หญิง เพราะพี่ชายรุจเป็นคนรับใช้ คุณย่าอ่อนบอกว่าแม่ของพี่ชายรุจเป็นคนรับใช้เหมือนกัน”

ชายรุจยังเล่าถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กอย่างสบายใจ จนท่านชายถามว่าแล้วตอนนี้เจอกับหญิงแต้วยังจำกันได้ไหม

“ไม่แน่ใจครับ เพราะตอนนั้นท่านหญิงยังเด็กเหลือเกินชันษาคงไม่เกินเจ็ดขวบ”

ฟังชายรุจเล่าแล้วท่านชายบอกว่า รบกวนเวลามากแล้วให้กลับไปทำงานเสีย แต่พอชายรุจจะไปก็เอ่ยขึ้นอีกว่า

“อ้อ...ขอบอกอะไรอย่างคุณชาย...กับผม ผมอนุญาตแล้วให้ใช้คำสามัญ แต่กับหญิงแต้ว คุณชายควรจะพูดถึงอย่างให้เกียรติในพระยศของท่านหญิง เข้าใจว่าเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ก็ไม่ควรพูดถึงโดยขาดความเคารพแบบนี้”

ความรู้สึกดีๆ ของชายรุจวูบหายไปทันทีมองท่านชายด้วยสายตานิ่งลึก ตำหนิตัวเองอย่างหยันคืนนิดๆว่า

“เป็นความเลินเล่อของกระหม่อมเอง   ฝ่าพระบาทโปรดประทานอภัย”

ท่านชายทัศน์รู้ว่าถูกเหน็บ เครียดไปเล็กน้อย หลังจากนั้นได้ไปเสนอแก่คุณปรีชาที่ห้องสมุดกระทรวง ชายรุจที่ไปค้นหาหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเล เดินผ่านมาได้ยินการสนทนาที่พาดพิงถึงตน จึงอดหยุดฟังไม่ได้

ท่านชายทัศน์ติติงการส่งชายรุจไปประชุม เกรงว่าประวัติส่วนตัวที่เป็นลูกคนใช้ชาติกำเนิดไม่เหมือนพี่ๆ น้องๆ อ้างถึงต่างประเทศว่า  “ทางยุโรป บางสมาคมถ้าเขาสืบประวัติทั้งทางพ่อและแม่รู้ว่าไม่ได้สืบสายเลือดเจ้ามาจริงๆ เขาจะคัดออกจากกลุ่มเลย ไม่มีวันได้เข้าสมาคมชั้นสูงกับเขาหรอก”

คุณปรีชาที่ชี้แจงแก่ท่านชายว่าทางผู้ใหญ่ของเราเห็นว่าชายรุจทำงานดีเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ฟัง แล้วนิ่งไป คุณชายพูดต่อว่า

“ถ้าผมเป็นคุณชายคนนี้ประวัติไม่ผ่าน ไม่น่าไปร่วมงานสำคัญระดับโลกแบบนี้ ไม่รู้ทางผู้ใหญ่คิดอะไรกันอยู่”

คุณชายปวรรุจทนฟังต่อไปไม่ได้ เดินเลี่ยงออกไปอย่างพยายามระงับอารมณ์

ooooooo

ชายรุจกลับมาค้นข้อมูลต่อที่ห้องเอกสารซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงานของท่านชายทัศน์ ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะระริกระรี้จากห้องนั้น มองผ่านบานเกล็ด เห็นท่านชายกำลังกอดจูบอย่างดูดดื่มอยู่กับสมร ชายรุจตกใจรีบถอยออกมา

ที่หน้าห้อง หญิงแต้วมาหาท่านชายหมายเซอร์ไพรส์ แขที่เป็นเลขาไม่รู้จักบอกให้รอข้างนอกแล้วเข้าไปบอกท่านชาย ท่านชายตกใจให้ออกไปบอกว่าไม่อยู่ แต่บังเอิญท่านอธิบดีเชษฐาซึ่งรู้จักหญิงแต้วเดินมาเจอ ทราบว่า ท่านชายไม่ได้ไปไหนจึงอาสาพาเข้าไป แขหูตา
เหลือกรีบกลับเข้าไปบอกท่านชาย

ท่านชายทัศน์จึงให้สมรออกไปทางประตูที่ติดกับห้องเอกสาร วานชายรุจให้พาไปส่งหน้าตึก แล้วท่านชายก็มารับหน้าหญิงแต้วทำเป็นดีอกดีใจทักว่า “หญิงแต้ว ไม่บอกพี่ชายก่อนล่ะคะว่าจะเด็ดมาหา”

“หญิงจะเซอร์ไพรส์พี่ชายไง”

ชายรุจที่ไปส่งสมรหน้าตึกกลับมา ได้ยินชื่อ “หญิง แต้ว” ก็เอะใจพยายามจะมองเข้าไปที่ห้องนั้น

เจ้ากรรม! สมรเกิดติดอกติดใจชายรุจ ย้อนกลับมาบอกให้ไปส่งตนที ชายรุจจำใจต้องไปส่งสมรอีกครั้ง

“ยังไม่ได้บอกชื่อให้สมรทราบเลย” สมรอ่อยชะม้ายมอง ทำเอาชายรุจอึดอัดพาเดินไปอย่างระมัดระวังตัว

ooooooo

ย่าอ่อนทุกข์ใจมากกลัวชายรุจจะหันไปคืนดีกับวาดดาวสาวนอกเจนจัดสังคม ครั้นจะหาหญิงสาวในเชื้อพระวงศ์ก็ไม่มีใครแล้ว ได้ข่าวจากนางทองสุขที่เปิดบ้านเป็นบ่อนว่า น่าจะมีหลานของเทวพรหมหลงเหลืออยู่

“หา...ยังเหลือเหรอ ใคร” ย่าอ่อนตาโต

“ก็น้องชายคนสุดท้องของคุณชายเทวพันธ์น่ะซีคะ รู้สึกจะชื่อวรพันธ์อะไรนี่ล่ะค่ะ เห็นว่าไปได้เมียเป็นสาวชาวบ้าน อยู่หัวเมืองทางใต้มีลูกสาวอยู่คนค่ะ”

พอรู้เบาะแสเช่นนี้ ย่าอ่อนรีบกลับมาเล่าให้ย่า

เอียดฟัง ย่าเอียดบอกว่าให้ถามไถ่ทางเทวพันธ์ให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยตกลงกัน ย่าอ่อนรีบไปที่วังเทวพรหมทันที ถามไถ่ได้ความว่าจริงอย่างที่ได้ฟังมา เทวพันธ์อยากดองกับจุฑาเทพ ยกเมฆอวดหลานสาวว่าสายเลือดเทวพรหมยังไงก็เป็นผู้ดี ตนเพิ่งเจอเมื่อปีกลาย ได้รับการอบรมมาอย่างดี คมขำแบบสาวใต้เชียวแหละ

ย่าอ่อนถามว่าชื่ออะไร เทวพันธ์บอกว่าชื่อ หม่อมหลวงกระถิน เทวพรหม ย่าอ่อนย้ำอีกทีว่าสวยแน่นะ แล้วสั่งเทวพันธ์ให้ไปพามาให้ดูตัว

ส่งย่าอ่อนไปแล้ว เกษราซึ่งได้ยินการสนทนาถามพ่ออย่างเข้าใจไม่ได้ว่าทำไมต้องโกหกย่าอ่อนด้วย ทั้งที่พ่อเจอกับกระถินตอน 8 ขวบ ตัวดำเป็นเหนี่ยง เทวพันธ์ขึงตาใส่บอกว่าต้องโกหกไว้ก่อนถือว่าโชคหล่นทับใส่เราแล้ว

แล้วเทวพันธ์ก็สั่งเกษราว่าต้องไปพาตัวกระถินมาให้ได้ภายในวันสองวันนี้

“คุณพ่อ! เด็กนั่นอยู่ที่พังงานะคะ”

“ไปตามมาให้ได้” เทวพันธ์ประกาศิตแล้วเดินเข้าบ้านไปเลย

ooooooo

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายปวรรุจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด