ตอนที่ 13
สามสาวริน บุรณีและบารนี คุยกันเรื่องศรัณย์ รินเสียใจมาก บารนีโวยวายว่าศรัณย์พูดออกมาได้อย่างไรว่าจะวางรินอยู่ในที่สูง มันคือคำบอกเลิกชัดๆ แสดงว่าจะกลับไปคบคนเก่าเพราะเป็นหม้ายผัวตายแล้ว บุรณีปรามพี่สาวและปลอบริน
“คุณปลัดบอกแล้วไง ว่าเขาห่วงงาน เขาขอกลับไปทำงานก่อน เบาๆหน่อยพี่บารนี ที่ดวงสวาทฆ่าตัวตายน่ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะปากของพี่นี่แหละ อย่าลืมสิคะ”
บารนีสะอึกแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจ รินเศร้ากังวลใจ ที่ศรัณย์ไม่ตัดสินใจให้แน่นอนลงไป ตนก็มีแต่ร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า บารนียุให้รินเลิกสนใจ เพราะยังสาว ยังสวย แถมรวยอีกต่างหาก ใช้ชีวิตให้มีความสุข คบผู้ชายคนใหม่ดีกว่า รินทำไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับตนมีชู้ บารนีฮึดฮัดเซ็งกับความคิดโบราณของริน ในที่สุดรินก็คิดออก จะหยุดคิดมากจะทำหน้าที่ของตนต่อไป
หลังจากวันนั้น รินก็ออกงานสังคมกับชรัตน์และช้องนางมากขึ้น เข้าทำงานในบริษัท มีคนถ่ายภาพให้ทุกอิริยาบถ แล้วรินก็เอาภาพเหล่านั้นมาให้พระพิจารณ์ดู
“ดูสิคะหนูสวยไหม สวยสมกับเป็นลูกสาวคุณพ่อ เป็นรพิพันธ์เลยเห็นไหมคะ...ชีวิตที่พ่ออยากให้หนูเป็น หนูได้ทุกอย่างตามที่คุณพ่อต้องการแล้วเห็นไหมคะ ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะว่าคุณพ่อไม่ได้ชดเชยให้หนู”
พระพิจารณ์ยิ้มหน้าตาสดชื่นพยายามเปล่งเสียงว่า ดี...ดี...ดีใจ ด้านดวงสวาทยังเศร้าเสียใจที่เป็นเหตุให้นริศฆ่าตัวตาย แก้วต้องคอยปลอบ ศรัณย์เองก็เอาแต่ซึมเศร้าเหม่อลอย เสนอเห็นแล้วถอนใจ ที่ไปบอกเลิกเมียแล้วก็มาเศร้าเอง
คืนนั้นรินนอนไม่หลับ เดินออกมายืนมองบ้านที่ตระหง่านตรงหน้า ชรัตน์ออกมายืนเป็นเพื่อน เธอรำพึง “บ้าน สมบัติพัสถาน ที่ผู้คนดิ้นรนอยากได้ถึงกับเอาชีวิตเข้าแลก แต่เมื่อได้มาแล้วต้องเสียครอบครัวไป บ้านก็เป็นได้แค่ก้อนอิฐและกองปูน”
ชรัตน์ถามคิดถึงศรัณย์ใช่ไหม รินโผเข้ากอดพี่ชายบอกคิดถึงบ้านไม้ บ้านพักข้าราชการหลังนั้นที่สุด ชรัตน์จึงปลอบว่า สักวันมันต้องมีทางออกให้อดทนไว้
เช้าวันใหม่ รินนั่งทำงานอยู่บริษัท บุรณีมาหายื่นหนังสือบัญชีเบื้องต้นให้ รินรับหนังสือมาแล้วขอบคุณ เพราะเมื่อวานมีการประชุมฝ่ายบัญชี ตนฟังไม่รู้เรื่องเลยต้องรบกวนให้ช่วยหาหนังสือมาให้ บุรณีบุ้ยใบ้ไปทางชรัตน์ที่นั่งหลับอยู่โต๊ะถัดไป ว่าคนนั้นเขาเข้าใจไหม รินยิ้มๆ
“เมื่อวานก็หลับแบบนี้เหมือนกันค่ะ”
“ตัวเป็นรองผู้จัดการไม่รู้เรื่อง ตัวยังขอหนังสือมาอ่าน แล้วนายคนนี้เป็นผู้จัดการ ช่างไม่เดือดร้อนอะไรเลย” สองสาวหัวเราะคิก
ชรัตน์งัวเงียพึมพำว่าฝันดี ฝันเห็นบุรณี แล้วสะดุ้งพรวดขึ้นมา “เฮ้ย! คุณมาจริงๆนี่”
บุรณีบอกกำลังจะกลับแล้ว เวลาทำงานไม่อยากรบกวนนาน ชรัตน์ลุกขึ้นห้าม บอกตนเป็นเจ้าของบริษัท ใครจะมาว่าได้ บุรณีตำหนิ เพราะเป็นเจ้าของถึงทำไม่ได้ เจ้าของไม่รักษาระเบียบวินัย แล้วองค์กรจะมีระเบียบวินัยได้อย่างไร ชรัตน์หน้าเจื่อนที่เธอพูดถูก
บุรณีเดินไปชรัตน์วิ่งตามมา “งั้นผมพาคุณออกไปนอกบริษัท ไปทานไอศกรีม นั่งคุยกันไม่ให้พนักงานเห็น แบบนี้ได้ใช่ไหมครับ”
“คุณจะคุยกับฉัน คุยเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องทั่วไป เยอะแยะออก ผม...เอ้อ คิดถึง...”
บุรณีตัดบท “คุณเลิกสนใจฉันเถอะค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก”
ชรัตน์โอดโอยที่โดนตัดหนทาง บุรณีบอกว่าตนกำลังจะเรียนจบปริญญาตรีและสอบชิงทุนไปเรียนต่อจะหายไปหลายปี เขาควรหาผู้หญิงที่มีเวลาดูแลเขาไม่ใช่ผู้หญิงบ้าเรียนอย่างตน
“พูดตรงตีเข้าแสกหน้าเลยทีเดียว”
“ฉันไม่อยากให้คุณเสียเวลา เสียประโยชน์ ผู้ชายอย่างคุณมีคนดีๆ คนสวยๆรอเข้าคิวมากมาย ให้ฉันเป็นน้องสาวคุณเหมือนกับริน แบบนี้ดีแล้ว ว่าไหมคะ”
ชรัตน์ยืนตัวชา “นี่เราโดนบอกเลิกตั้งแต่ยังไม่คบเลยนะนี่”
บุรณีเดินออกมาสีหน้าเศร้าลงเพราะไม่เห็นชรัตน์ตามออกมา ก็หลับตาตัดใจเดินฉับๆไป ในขณะที่ชรัตน์กลับเข้ามาในห้องทำงาน รินเห็นหน้าเศร้าจึงทักเป็นอะไร เขารำพันอกแตกหักเป็นเสี่ยงๆ ท่าทางเขายังช็อกอยู่
ooooooo
กลางดึกหน้าบ้านพักศรัณย์ มีรถปิกอัพคันหนึ่งแล่นมาจอด เสริมซึ่งเข้านอนแล้วได้ยินเสียง เดินออกมาดู ตะโกนถามมาทำอะไร เสือชินเป็นคนขับตะโกนตอบว่ามาส่งของให้ปลัดเสริมจึงบอกจะออกไปรับ เสือชินร้องบอกไม่ต้องออกมาจะโยนเข้าไปให้ เสริมร้องเดี๋ยวแตก
สิ้นเสียง เสือขาวและสมุนก็ลุกยืนพรึบ พร้อมกับจุดคบเพลิงโยนใส่บ้าน ร้องตะโกนว่าเสือขาวบุก เสริมตกใจกระโดดหลบ เสือขาวเสียงกร้าวสั่งเสริม
“ฝากไปบอกไอ้ปลัด...มึงไม่ตาย กูตาย มึงตาย กูไม่ตาย!” จากนั้นรถแล่นไปอย่างรวดเร็ว
เสริมตั้งสติได้ออกมามอง เห็นไฟไหม้เป็นหย่อมๆที่สนามและแปลงดอกไม้ หันไปเห็นหลังคาเรือนคนใช้ของตนกับแม่ไฟลุก ก็รีบร้องบอกให้สายหนีออกมา แต่สายห่วงสมบัติพยายามหอบข้าวของ จึงโดนไม้หล่นใส่ บาดเจ็บที่แขน เสริมมัวแต่ดับไฟได้ยินแม่ร้องก็ตกใจ
จวบจนสว่าง ชรัตน์ได้ยินข่าวทางวิทยุก็รีบมาบอกริน เธอใจหายวาบ อุทานบ้านของริน ชรัตน์บอกอีกว่าในข่าวยังว่าเสือขาวส่งหมายท้าศรัณย์ด้วย...ด้านเสนอรู้เรื่องรีบมารายงานแก้ว เธอแทบลมจับ ส่วนศรัณย์แค้นใจระบายอารมณ์ด้วยการยิงกระป๋องนมที่วางเรียงเป็นแถวคำราม
“กูไม่มีวันตาย คนดีทำเพื่อประชาชน ต้องไม่ใช่ฝ่ายที่ตายโว้ย...”
ศรัณย์จะกลับปักษ์ใต้ แก้วขอไปด้วยเพราะทนรอฟังข่าวที่พระนครไม่ไหว เสนอแทรกถามจะทิ้งดวงสวาทไว้ได้หรือ จะพาไปด้วยก็คงลำบาก แก้วเลยเครียดจะเอาอย่างไรดี
ก่อนไป ศรัณย์แวะมาหาอรุณ เพื่อฝากให้เขาดูแลรินด้วยถ้าตนเป็นอะไรไป อรุณท้วงจะไปจับเสือขาวอย่าพูดเป็นลางแบบนี้ ศรัณย์พูดจริงจัง “ไม่มีใครบังคับให้ผมเป็นข้าราชการ ผมเลือกเอง ผมแทบรอไม่ไหวที่จะบู๊กับมัน แต่สำหรับริน เขาไม่ได้เลือก ผมให้เขาไปเผชิญหน้าเสือขาวกับผมไม่ได้”
อรุณถามรินจะยอมหรือ ศรัณย์นิ่ง อรุณรับปากจะดูทั้งสามสาวบ้านบำรุงประชากิจอย่างดี ขอให้เขาไปทำงานให้เต็มที่ ศรัณย์จับมือขอบคุณ ทั้งสองดูเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
พอศรัณย์กลับมาถึงบ้านพัก เห็นเถ้าถ่านที่สวนก็เสียใจมาก เพราะรั้วทานตะวันไหม้หมด ส่วนแก้วแวะเยี่ยมสายที่นอนป่วยอยู่อนามัย บอกไม่ต้องห่วงค่ารักษา ศรัณย์รับผิดชอบเอง
ooooooo
วันต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนำการประชุมเรื่องเสือขาว ที่ผ่านมาคิดว่าตำรวจที่พระนครจะจับมันได้ จึงไม่ได้ให้ชาวบ้านรู้ว่าเสือขาวยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อมันพาพรรคพวกกลับปักษ์ใต้มาอีก พวกเราต้องรับมือหนักกว่าเก่า ศรัณย์แทรกว่า ในหัวมันเวลานี้คือการปล้นเพื่อหาเงิน
ศรัณย์คิดว่าพวกเสือขาวต้องปล้นย่านการค้าไม่ปล้นชาวบ้าน นายอำเภอว่ามันจะปล้นทั้งทีต้องเอาให้ใหญ่ เพื่อให้พวกเรากลัวมันด้วย ศรัณย์รับว่าใช่ ผู้ว่าจึงสั่งเตรียมพลและอาวุธ
กลับมาบ้านพัก ศรัณย์ลงมือซ่อมรั้วแปลงทานตะวัน ทันใดก็มีคนยื่นไม้มาให้ เขาหันมองแล้วต้องตกใจระคนโกรธเพราะคนส่งไม้มาคือริน
“สวนตรงนี้ฉันถางหญ้าพรวนดินด้วยตัวเอง มันเหยียบเข้ามาเผา พอฉันรู้ข่าวฉันต้องลงมาบ้านของฉัน ฉันไม่ยอม” เห็นศรัณย์ทำเหมือนไม่มีตนอยู่ด้วย “ตอนฉันมาที่นี่ใหม่ๆ คุณทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน ตอนนี้เราจะกลับไปเป็นอย่างนั้นอีกใช่ไหม...นี่คือบ้านที่เราสร้างมาด้วยกัน ถ้าต้องซ่อม ฉันต้องมาซ่อมด้วยตัวเอง”
รินหยิบอุปกรณ์จะซ่อม พลันเห็นดวงสวาทเดินอยู่บนบ้านก็รู้สึกโมโห ถามเขาต้องการกลับไปคบกับเธอใช่ไหม ศรัณย์ไม่หันมองไม่ตอบ ทำงานง่วน รินโกรธมากบอกตนจะกลับ แต่พอเดินไประยะหนึ่ง หันมองศรัณย์ซึ่งยังไม่สนใจจึงเปลี่ยนเป็นความแค้นเดินฉับๆจะออกประตู แต่แล้วนึกถึงคำพูดของศรัณย์ตอนเจอกันที่โรงพยาบาล ว่าเขาจะทรยศต่อชาวบ้านและกำนันคล้ายไม่ได้ จึงได้สติขึ้นมาบอกตัวเอง
“ไม่ใช่...ต้องไม่ใช่แบบนี้ คิดจะหลอกฉันรึคุณศรัณย์ ฉันไม่โง่ให้คุณหลอกหรอก”
รินเดินไปหาดวงสวาทบนเรือน เธอหน้าตาตื่นคิดว่าจะมาเยาะเย้ย รินรู้ทันบอก “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ คุณคงคิดว่าฉันจะมาเยาะเย้ยสินะ”
“แล้วจะทำไหมล่ะ”
“คุณไม่เคยมีความหมายสำหรับฉัน ทำไมฉันต้องทำด้วยล่ะคะ ฉันแค่จะถามว่าที่คุณตามคุณศรัณย์มาที่นี่ คุณสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน”
“ฉันมากับคุณน้า นี่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันมีความหมาย ฉันก็แค่คนไม่มีที่ไป”
“ตกลงว่า คุณกับคุณศรัณย์ตอนนี้จะเรียกว่าอะไรดี”
“รู้ไหมทำไมฉันถึงหันมาเล่นงานคุณ เพราะศรัณย์ไม่เคยสนใจฉันเลยยังไงล่ะตั้งแต่มีคุณ ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่นี่เพราะหนีเจ้าหนี้และฉันอยากทำบางอย่างก่อนที่จะเดินทางไปเมืองนอก ไปหาพ่อแม่ และคงไม่กลับมาที่นี่อีก” น้ำเสียงดวงสวาทดูจริงจัง
“คุณยอมตัดใจแล้วจริงหรือคะ”
“ฉันแต่งงานกับคุณชายนริศเพราะเห็นแก่ประโยชน์ แล้วในที่สุดฉันก็ทิ้งเขาไป ฉันทำลายชีวิตคุณนริศด้วยมือของฉันเอง คนทั้งคนต้องตายเพราะฉัน ฉันคงทำแบบนี้กับศรัณย์ กับใครอีกไม่ได้แล้ว”
รินถอนใจโล่งอก เข้าไปจับมือให้กำลังใจ “ในสายตาฉัน คุณเคยเป็นผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์น่าหลงใหล ขอให้คุณกลับมาเข้มแข็งในเร็ววันนะคะ”
ดวงสวาทพยักหน้าขอบคุณ และบอกไม่ต้องห่วง ท่านผู้ว่าจะพาตนกับแก้วไปอยู่ที่จวนเพื่อความปลอดภัย ที่นี่จะมีแต่ศรัณย์อยู่คนเดียว รินขอบคุณที่บอก...จากนั้นรินก็มาเยี่ยมสายที่อนามัย จึงรู้ว่าพอสายออกจากที่นี่ก็ต้องไปอยู่ที่จวนผู้ว่าเช่นกัน รินบอกสายให้สบายใจว่าตนจะชดใช้ข้าวของที่เสียหายให้ เสริมชมว่ารินสวยสง่าไม่เหมือนคุณนายคนเดิม สายก็เห็นด้วย
“ฉันคือคุณนายปลัดคนเดิม ที่มีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นก็เท่านั้นเอง” รินยืนยันกับทั้งสอง
ooooooo
เมื่อดวงสวาทตกอับ จิ้มลิ้มก็หันมาเป็นคนของรินเพราะได้รับเงินเดือนจากเธอ รินสั่งให้จิ้มลิ้มหาคนงานมาซ่อมบ้านศรัณย์ กำชับต้องทำให้เสร็จในสองสามวัน ถ้าเสือขาวมาเผาอีกเธอก็จะสร้างใหม่อีก ศรัณย์ฟังแล้วหมั่นไส้ ที่ตอนนี้เธอเป็นเศรษฐีจะเนรมิตอะไรก็ได้
“แหม คุณมีงานเยอะแยะ ทำกันเองเดือนหนึ่งจะเสร็จหรือคะ จ้างคนน่ะดีแล้ว จะไปว่าคุณนายทำไมล่ะคะคุณปลัด” จิ้มลิ้มแก้ตัวให้ริน เจ้านายใหม่อย่างไม่เคอะเขิน
“ฮึ่ย ไหนว่ารักบ้านหวงบ้าน ทำได้แค่วันสองวันก็เลิกแล้ว” ศรัณย์สบถ
“เอ๊า รักบ้านนี่แปลว่าต้องลงเสาเข็ม ผูกขื่อ ต้องล้างท่อระบายน้ำเองไหมล่ะคะ มีเงินก็ใช้เงินสิคะ ไม่ได้ไปปล้นใครมาเสียเมื่อไหร่”
ศรัณย์อึ้งเพราะจิ้มลิ้มพูดถูก ตนมีทิฐิเรื่องรินรวยจนหน้ามืดตามัว พอพักทานกลางวัน ศรัณย์เดินมาที่ครัว เห็นรินกำลังทำกับข้าว ท่าทางเป็นรินคนเก่าก็ตะลึงมอง รินเปรย
“สำหรับคุณพ่อและพี่ชาย ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพื่อให้พวกท่านสบายใจ แต่สำหรับคนที่เป็นสามี ฉันจะไม่เปลี่ยน น้ำพริกลงเรือของคุณ คุณจะได้กินทุกวัน เสื้อผ้าของคุณข้าวของทุกอย่าง ฉันจะดูแลให้คุณด้วยตัวของฉันเอง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ศรัณย์ซาบซึ้ง แต่พยายามตัดใจเดินหนี รินมองตามอย่างหมายมาด ดูซิใครจะชนะ...ขณะนั่งทานอาหาร ศรัณย์ก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จาทำเหมือนไม่มีใครอยู่ด้วย รินแค้นใจอะไรจะร้ายกาจนัก แต่ตนยังมีวิธีเอาชนะ
ตกค่ำ ศรัณย์ในชุดนอนเดินเข้าห้องนอน จิ้มลิ้มโผล่จากที่ซ่อนมาล็อกประตูด้านนอก ศรัณย์ได้ยินเสียงกลับมาเขย่าประตู ร้องถามว่าใครล็อก ย้ายมาดันประตูที่เชื่อมต่อห้องริน ก็ล็อกเช่นกัน รินเดินออกมาจากหลืบ บอกเขาว่าเป็นฝีมือจิ้มลิ้ม ศรัณย์มองหน้าไม่พอใจ
“ถ้าคุณไม่พูดกับฉัน เราก็ไม่ต้องไปไหน จิ้มลิ้มจะไม่เปิดจนกว่าฉันจะสั่ง...หน้าที่ภรรยา นอกจากดูแลสามีเรื่องอาหารการกิน เรื่องส่วนตัวแล้ว ยังมีหน้าที่อีกอย่างที่สำคัญ”
รินเข้าโอบคอศรัณย์ ยิ้มยั่วยวนใช้มือไล้ไปตามตัวเขา ศรัณย์ตกใจรีบจับมือเธอไว้ ทำหน้าดุให้หยุด เธอยังกระซิบเย้ายวนข้างหู “คุณพยายามหยุดฉัน หรือหยุดหัวใจตัวเองกันแน่คะ”
ศรัณย์ไม่คิดว่ารินจะแสบขนาดนี้ บีบมือเธอแรงขึ้น มองด้วยสายตาตำหนิ รินแกล้งหอมแก้มเขาทำให้เขาต้องหลับตาเพื่อข่มความรู้สึก รินยั่วอีกว่าเขาทนไม่ได้หรอก ตนใช้เวลาไม่กี่เดือนก็เอาชนะใจเขาได้ คราวนี้ตนก็จะชนะอีก ศรัณย์จ้องหน้าเธอสักพักรู้สึกถึงความสุขที่ผ่านมาแต่ไม่พูดอะไร รินไม่กล้าพอที่จะทำมากกว่านี้จึงผละตัวออกบ่นอย่างน้อยใจ
“เงินทอง เกียรติยศในฐานะทายาทมหาเศรษฐี มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงฉัน เปลี่ยนแปลงเรา คุณจะยังเป็นคุณ เป็นสามีและฉันจะยังเป็นภรรยา...อย่าไล่ฉันไปไหนอีกนะคะ ให้ฉันอยู่เคียงข้างคุณ ถ้าคุณจะต้องตายเพราะเสือคนไหน คุณต้องตายโดยมีฉันอยู่เคียงข้าง และถ้าฉันจะตาย คุณก็จะเป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉัน ที่ฉันจะบอกก็มีแค่นี้” พูดจบรินจะเดินออก
ศรัณย์คว้ามือเธอดึงกลับมา ดันตัวเธอชิดผนังแล้วก้มจูบอย่างรุนแรง สักพักก็ถอนหน้าออก ทำเสียงดุดัน “หล่อนเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด ร้ายกว่าดวงสวาทหลายร้อยเท่า ผู้หญิงอย่างหล่อนชนะผู้ชายได้ทั้งโลก แต่บังเอิญเป็นฉัน ฉันที่เป็นสามีหล่อน ถ้าฉันเอาหล่อนไม่อยู่ ฉันก็คงเป็นสามีหล่อนไม่ได้” ศรัณย์ใช้ความเข้มแข็งในใจประกอบกับคิดถึงความปลอดภัยของริน จึงสะบัดตัวเธอเซไปแล้วหันไปหยิบปืน ร้องบอกจิ้มลิ้มให้ถอยห่างประตู
ศรัณย์ยิงเปรี้ยงใส่ประตู จิ้มลิ้มตกใจร้องลั่นไม่อยู่แล้ววิ่งโล่ไป เขาหันมาหน้าเข้มใส่ริน “ข้าราชการที่ทำงานอย่างฉัน ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวและประชาชนปลอดภัย เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะมาอยู่เคียงข้างฉัน ในเมื่อหล่อนไม่ออกไปจากบ้านนี้ ฉันก็จะเป็นฝ่ายออกไปเอง หล่อนจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีก” พูดจบศรัณย์เดินหน้าเครียดออกไป รินอึ้งที่ปั่นหัวเขาไม่สำเร็จ
ooooooo
เจ้าคุณบำรุงกับเพ็ญแขเริ่มเอือมระอากับการออกเที่ยวเตร่กลางคืนของบารนี จึงตำหนิว่าเป็นหม้ายคนครหาเหยียดหยามก็มีแต่พวกปากมาก แต่เที่ยวกลางคืนติดเหล้าเมาหยำเป คนทั้งโลกไม่ใช่แค่เยาะเย้ย แต่ยังจะรังเกียจด้วย บารนีเถียงว่าใครๆเขาก็เที่ยวกัน
“เที่ยวแต่พอสมควรคงไม่มีใครว่า แต่เที่ยวทุกวันอย่างลูก แม่ว่าไม่ถูกต้อง”
“สถานที่อโคจร คือที่รวมของความเสื่อมทุกอย่าง คนไม่ดี ของไม่ดีจะฉุดให้เราตกต่ำ ลูกต้องหยุดและนี่คือมาตรการขั้นแรก ตัดเงิน ไม่มีเงินก็ไม่ต้องเที่ยว” เจ้าคุณบำรุงสั่งเด็ดขาด
เพ็ญแขเสริมถ้ายังไม่ดีขึ้น มาตรการถัดไปคือ ให้ออกไปจากบ้าน บารนีโวย ตนถูกผัวทิ้งแล้วพ่อกับแม่ยังจะทิ้งตนอีก เพ็ญแขว่าคนไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน ทำตัวไร้ประโยชน์และยังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ต้องโดนทำโทษ บารนีร้องไห้โฮวิ่งออกจากบ้านไปหาอรุณ
อรุณตกใจว่าบารนีเป็นอะไร เธอมาถึงตรงไปเทเหล้าจะดื่ม เขาดึงไว้ให้คุยกันก่อน เธอโผกอดเขาฟูมฟาย “คุณพ่อ คุณแม่น่ะสิคะ ฮือๆ พี่อรุณ บานีไม่มีใครเหลือแล้ว ฮือๆ”
อรุณกอดตอบงงๆ แล้วนั่งดื่มเป็นเพื่อนเพื่อไม่ให้เธอไปเที่ยวเมาที่อื่นจนผล็อยหลับ กลางดึกสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นบารนียังนั่งเมาร้องไห้ฟูมฟาย พ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ด่าว่าตนเป็นคนไร้ค่า ใครจะดีสมบูรณ์แบบอย่างริน แล้วถามว่าตนชั่วจริงๆหรือ อรุณพาซื่อตอบ
“ตอนนี้ยัง แต่ถ้าเที่ยวแบบนี้ทุกคืนเป็นแน่”
บารนีร้องไห้โฮที่อรุณยังว่า อรุณรีบปลอบ “หยุดเที่ยวเถอะนะ ทุกวันนี้พี่เหนื่อยเหลือเกิน ต้องคอยเงี่ยหูฟังว่าเราน่ะหนีออกไปเที่ยวรึเปล่า เพราะถ้าเราออกพี่ก็ต้องออกตามไป พอออกไปก็ตื่นไปทำงานไม่ไหว เตี่ยด่าพี่ทุกวันเลย เรื่องไปร้านสายเนี่ย”
บารนีมองอรุณอย่างซาบซึ้ง มีเขาคนเดียวที่ดีกับตน อรุณขอให้ลืมอดีตเสียเอามาเป็นบทเรียน เริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอขยับเข้าประชิดถามเริ่มอย่างไร จะมีใครสนใจตนเท่าเขา ด้วยความเมาทำให้บารนีโน้มคออรุณลงจูบ อรุณเผลอตัวจูบตอบ สักพักรู้สึกตัวรีบผละออกลนลาน
“เอ้อ ไม่ พี่ทำไม่ได้ พี่จะไม่ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเพราะเหล้า พี่ไม่ทำ พี่ทำไม่ได้”
บารนีสร่างเมา รู้สึกอับอายรีบขอตัวกลับ อรุณเสียใจคลึงขมับตัวเองเรียกสติกลับมา...
รุ่งเช้า อรุณมาที่บ้านเจ้าคุณบำรุง เห็นบารนีนั่งเครียดอยู่ก็ชะงัก ต่างคนต่างเขินต่อกัน อรุณเอ่ยปากก่อนว่ามาขอข้าวกิน ที่บ้านไม่มีใครอยู่ บารนีจะไปสั่งแม่ครัวให้ แต่แล้วทั้งสองก็พูดพร้อมกันว่า...เรื่องเมื่อคืน... ต่างหยุดอึ้ง อรุณเอ่ยก่อน
“เราลืมมันไปซะเถอะนะ ดีแล้วที่ไม่เกิดอะไรขึ้น พี่กลัวจะเสียน้องสาวทั้งสามคนของพี่ไป ถ้าเรามองหน้ากันไม่ติด พี่คงทนไม่ได้”
บารนีบอกตนก็เสียใจที่ปล่อยอารมณ์ไปแบบนั้น เพราะตนเหงา อรุณเตือนว่าถ้าเราทำอะไรลงไปเพราะความเหงาก็จะไม่ต่างจากเรื่องพณิช แค่ถูกใจแต่ไม่รัก เมื่อเวลามีปัญหาก็ทิ้งกันไปง่ายๆ บารนีรู้สึกอายมาก ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่อรุณ ชีวิตตนคงตกต่ำกว่านี้ อรุณเข้ากอดปลอบอย่างน้องสาวว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาต้องมีคู่ คนตั้งครึ่งโลกที่มีชีวิตโสดและมีความสุข บารนียิ้มเข้าใจ
ooooooo
เสนอทำตามคำสั่งศรัณย์ มารับรินไปอยู่จวนผู้ว่ากับแก้วเพราะกลัวเสือขาวจะย้อนกลับมา รินถามเมื่อคืนศรัณย์นอนที่ไหน เสนอบอกไม่ได้เพราะถูกสั่งห้ามไว้ รินอ่อนใจ
ศรัณย์มาประชุมที่จวนผู้ว่าจึงเข้ากราบแม่ แก้วกอดด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง ถามเจอรินหรือยัง ได้ปรับความเข้าใจกันไหม เขาหน้าเครียดบอกแม่ว่าไม่มีเวลาจะคิดเรื่องนี้ แก้วเตือน
“คู่ที่ใกล้ชิดและรักกันมากๆจะมีความกลัวชนิดหนึ่งอยู่ในใจ กลัวว่าใครจะตายก่อนและส่วนใหญ่ขอเป็นคนตายก่อนทั้งนั้น เพราะตายก่อนไม่ต้องทรมาน ถือว่าโชคดี คนที่เหลืออยู่นี่สิ ชีวิตเหมือนถูกสาปให้จมอยู่กับความเหงาสุดหัวใจ...แม่อยู่คนเดียวมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่มีวันไหนที่แม่ไม่คิดถึงพ่อ”
“แม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมครับ”
“เอาไปคิดดูนะ แม่จะไปห้องพระสวดมนต์ให้ลูก” แก้วเดินไป ปล่อยให้ศรัณย์ครุ่นคิด
ถึงเวลาเข้าประชุม ศรัณย์กางแผนที่อธิบายแผนการเคร่งเครียดว่าเราต้องเป็นฝ่ายโจมตีเสือขาวก่อน ขอแบ่งกำลังพลที่ปกป้องเมืองส่วนหนึ่ง ตนจะไปสำรวจเส้นทางเขาน้ำเย็นหาทางเข้าค่ายพวกมันให้ได้ ผู้ว่าอนุมัติแต่กำชับถ้าไม่เจอต้องรีบกลับ
โชติขับรถพาศรัณย์และกำลังพลออกไป สวนกับรถเปิ่นคนของเสือขาว ทำทีเอาอาหารมาส่งโรงเรียน ต่างไม่เคยเห็นกัน เปิ่นผ่านด่านตำรวจไปอย่างง่ายดาย...พอมาถึงโรงเรียนครูออกมามองๆที่ไม่ใช่คนส่งอาหารคนเดิม เปิ่นทำทะเล้นใส่ครูจนครูรำคาญให้ยกไปไว้ที่โรงอาหาร เปิ่นยิ้มกริ่มดำเนินงานตามแผน สักพักพอเดินออกมาหน้าโรงเรียน โรงอาหารก็ระเบิดตูมขึ้น
รถดับเพลิงและรถพยาบาลรีบมาที่โรงเรียน รถเสนอที่ขับพารินและจิ้มลิ้มจะไปจวนผู้ว่าผ่านมาทางตลาด เห็นความโกลาหลของชาวบ้านที่เป็นห่วงลูกๆเพราะโรงเรียนไฟไหม้ก็ตกใจ ไม่ทันไรเสือชินขับรถกระบะเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว เสือขาวและสมุนอีกสิบคนที่อยู่ใต้ผ้าใบหลังกระบะลุกขึ้นยิงกราดไปทั่วพร้อมตะโกน...
ไอ้เสือบุก เสนอรีบบอกให้รินกับจิ้มลิ้มหลบ จิ้มลิ้มเห็นหน้าเสือขาวก็จำได้ ร้องลั่นชี้บอกว่าคนนั้นคือเสือขาว ทำให้เสือขาวเห็นริน
พวกมันเข้าทุบกระจกร้านค้าเข้าไปเอาทรัพย์สิน รินเข่นเขี้ยว “คนชั่ว คนเลว คนอื่นเขาทำมาทั้งชีวิต หน้าด้านปล้นเอาแบบนี้ แย่จริงๆ”
เสนอดึงปืนออกมา บอกให้รินและจิ้มลิ้มออกจากรถแล้วคลานหนีหลบไปทางตรอก ตนจะอยู่ช่วยชาวบ้าน จิ้มลิ้มกลัวจนสติแตก เสนอต้องบอกให้ตั้งสติ รินเป็นห่วงเสนอแต่เขาขอร้องให้เธอรีบหนี ประจวบกับนายอำเภอพาตำรวจมายิงต่อสู้...เสือขาวเห็นรินหนีเข้าไปในตรอก รินเห็นเด็กยืนร้องไห้อยู่ก็วิ่งกลับไปอุ้มเด็ก จิ้มลิ้มกลัวลานหาที่ซ่อนตัว เสือขาวเข้ามาดักหน้าริน เธอรีบดันเด็กให้วิ่งหนีไปก่อน บอกเสือขาวว่าตนมีเงินทองจะให้เขาหมด
“ฉันเคยเห็นหล่อน หล่อนเป็นเมียของไอ้ศรัณย์!” เสือขาวหัวเราะสะใจ “โชคเข้าข้างฉันให้ฉันกระทืบมันที่ยอดดวงใจ งานนี้มันจะเจ็บยิ่งกว่าตายอีก...มานี่!” เสือขาวลากรินไป
เสนอเห็นรีบวิ่งมาช่วย แต่กลับโดนเสือขาวยิงเข้ากลางท้อง รินกรี๊ดลั่น เสือขาวชกท้องรินสลบอุ้มขึ้นรถพร้อมสมุนหอบถุงใส่ทรัพย์สินที่ปล้นมาได้
ooooooo
ศรัณย์ผล็อยหลับในรถที่แล่นไปยังเขาน้ำเย็น สะดุ้งตื่นจากการที่โชติจอดรถเพราะด่านตำรวจโบก นายตำรวจวิ่งมาทำความเคารพแล้วรายงานว่ามีวิทยุด่วนจากในเมือง เสือขาวปล้นเมือง นายอำเภอให้สกัดรถปลัดเพราะภรรยาถูกเสือขาวจับเป็นตัวประกัน
ศรัณย์ตกใจมาก โชติถามจะทำอย่างไรดี ศรัณย์บอกว่ากลับก็ไม่ทัน เชื่อว่าพวกมันต้องเอาสมบัติกลับค่าย ตนจะดักจับแถวนี้ ว่าแล้วก็ขอตำรวจใช้วิทยุสั่งการ... นายอำเภอบอกว่าพวกเสือขาวใช้เส้นทางบ้านดง ศรัณย์เห็นว่าเส้นนั้นเข้าป่าได้หลายทาง ต้องกระจายกำลังกันสกัด
“ตอนนี้ทางตำรวจกำลังจัดม้าให้ผมเข้าป่า ถ้าได้เห็นร่องรอยผมว่าไม่ยาก มันเอาเมียผมไป ผมจะล่ามัน มันไม่มีสิทธิ์แตะต้องผู้หญิงของผม ว่าแต่...รินไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงครับ”
“โชคไม่ดีเลย นายเสนอขับรถเข้ามาในเมืองพอดี นี่นายเสนอก็เจ็บอยู่โรงพยาบาล...นายเสนอบอกคุณบราลีหนีออกไปได้แล้ว แต่ก็วกกลับมาใหม่” นายอำเภอเล่าไม่ทันจบศรัณย์แทรก
“เห็นชาวบ้านร้องไห้...”
“ครับ...คุณรู้ได้ยังไง สมเป็นผัวเมียกันจริงๆ”
“เจอกันจะหยิกให้แก้มหลุด เขาทำให้ผมเสียสมาธิอยู่เรื่อย”
“เขาคือพลังของคุณต่างหาก ภรรยาที่ดีคือพลังของสามี ผมสังหรณ์ว่าจะเป็นรบครั้งสุดท้ายระหว่างเรากับมัน มันจับคุณบราลีไป คราวนี้คุณจะมีพลังเต็มเปี่ยมที่จะจัดการพวกมัน ทลายค่ายมันแล้วก็เอาผู้หญิงทุกคนที่มันจับตัวไปออกมา”
“ครับนายอำเภอ คราวนี้มันถึงฆาตแน่ ไอ้เสือขาว!” สีหน้าศรัณย์เต็มไปด้วยความแค้น
ศรัณย์ขี่ม้านำโชติและตำรวจหลายนายเข้าไปในป่าโปร่ง มุ่งหน้าเขาน้ำเย็น...รถบรรทุกเสือขาวจอดขนของลง เสือขาวอุ้มรินที่สลบขึ้นหลังม้า เสือชินเห็นแล้วสะใจที่ศรัณย์ต้องคลั่งตายเพราะเมียสวยขนาดนี้หายไป เสือขาวเสียงเข้มห้ามใครแตะต้อง เธอเป็นของตน ทุกคนเปลี่ยนมาขึ้นม้าที่ผูกทิ้งไว้
ด้านศรัณย์ขี่ม้ามาเจอผ้าสีแดงลักษณะคล้ายพู่ผูกติดต้นไม้อยู่ สังเกตดูผูกไว้เป็นระยะๆทำนองบอกทาง ฉุกคิดถามโชติว่าผู้หญิงในหมู่บ้านที่โดนจับตัวไปมีใครบ้าง โชติคิดๆแล้วนึกออกว่ามีหลานสาวเนื่องชื่อพู่... ศรัณย์ปักใจว่าต้องเป็นเด็กคนนี้แน่
ในขณะที่พู่และเพื่อนๆในค่ายโจรได้ยินเสียงม้าและเกวียนเข้ามา พู่เจ็บใจที่เสือขาวและพวกกลับมาได้ เสือขาวอุ้มรินไปที่กระท่อมตน รินสะดุ้งตื่นพบว่าตัวเองถูกมัดมือไว้ รีบถามที่นี่ที่ไหน เสือขาวเยาะว่าตนปล้นเมืองสำเร็จและจับตัวเธอมาได้ เขาเชยคางเธอขึ้น รินโวย
“เอามือสกปรกของแกออกไป มันยังไม่จบ ศรัณย์ไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ เดี๋ยวเขาจะตามมาฆ่าแกเอง”
“ค่ายโจรของฉันอยู่ในหุบเขาลึกลับ ไม่มีใครหาเจอ หรอก ผัวหล่อนนอนกอดแผนที่ตามหามากี่เดือนแล้วล่ะ”
รินหวั่นใจที่ตรงนี้เป็นหุบเขา เสือขาวเข้าลวนลาม รินดิ้นรนต่อสู้ใช้ขาถีบ เสือขาวโมโหเงื้อมือจะตบแล้วชะงักกลัวแก้มช้ำ แล้วบอกต้องไปจัดการนับเงินก่อน ยังมีเวลาจัดการเธออีกมาก รินหวาดกลัวร้องให้คนช่วย... เสือขาวออกมาถามพรรคพวกได้ของมากน้อยแค่ไหน เสือชินบอกเป็นของเก๊เสียครึ่ง เงินสดก็ได้ไม่มาก เสือขาวจึงบอกว่าคราวนี้ปล้นได้น้อยคราวหน้าปล้นใหม่ และเข่นเขี้ยวจะต้องฆ่าศรัณย์ให้ได้
ทางศรัณย์กับพวกตามรอยพู่ที่ผูกไว้มาถึงลำธารลอดใต้หน้าผาใหญ่ โชติบอกว่านี่เป็นลำธารศักดิ์สิทธิ์เขาน้ำเย็น พวกตำรวจทำท่าหวั่นเกรง ศรัณย์จึงถามมีอะไร โชติสาธยาย
“แถวนี้ล่ะครับที่เขาลือว่ามีผีเจ้าป่าเจ้าเขาชอบมาหลอกหลอนลวงคนไปกระโดดน้ำตก”
“ก็เลยกลัวกันล่ะสิ ผีเจ้าป่าเจ้าเขาก็ต้องคุ้มครองคนสิ จะมาหลอกคนทำไม อย่างมงายกันนักเลย นี่ไงรอยม้าใหม่ๆ พวกมันมาแถวนี้แน่” ศรัณย์ให้โชติบอกพิกัดแจ้งขอกำลังเสริมมาที่นี่
ตรงนี้ไม่มีสัญญาณตำรวจต้องไปหาตรงอื่น ศรัณย์สำรวจหน้าถ้ำเห็นมีพู่ติดอยู่ เท่ากับระดับน้ำ มองภาพรวมของเส้นทาง ตรงนี้เป็นทางแยก จะไปซ้ายหรือขวาดี โชติบอกว่าไม่มีพู่อีกเลย ศรัณย์ครุ่นคิดสั่งการตำรวจ “แบ่งกำลังออกไป ชุดของคุณไปทางนี้ ผมกับคุณโชติจะรอฟังคำสั่งจากนายอำเภอทางวิทยุ”
ศรัณย์ยังวนเวียนดูหน้าถ้ำ วักน้ำลูบหน้าแล้วคิดถึงริน เปรยออกมาว่า 41 วันแล้ว โชติงง ศรัณย์เงยหน้ามองฟ้าถอนใจ “41 วันที่เราแยกกันอยู่ ตั้งแต่เขาไปดูแลพ่อของเขาที่พระนคร ใน 41 วันมีบางวันที่เราเจอกันบ้าง แต่พูดไม่ดีกัน หรือไม่ก็ไม่พูด...41 วันที่ผมไม่มีความสุขเลย”
โชติจับไหล่ปลอบว่าเราต้องช่วยรินออกมาได้แน่ แล้วศรัณย์ก็เห็นบางอย่างผิดสังเกต...
ooooooo