ตอนที่ 12
ขณะที่ศรัณย์กับตำรวจสามนายเดินออกจากบ้านที่คิดว่าเสือขาวมาพัก เพื่อจะไปสอบถามชาวบ้านแถวนั้น ตำรวจทั้งสามคุยกันว่าอากาศแปรปรวนจู่ๆเย็นลงมีหมอก ได้อย่างไร ศรัณย์หันขวับไปมองแล้วตะโกนให้ทุกคนระวังและหลบ ว่าแล้วก็ยิงเข้าไปในกลุ่มหมอกด้วยมาดเท่
ตำรวจที่หลบซ่อนตัวแปลกใจว่าศรัณย์ยิงอะไร ทันใดก็มีเสียงเปรี้ยงๆออกมาจากหมอกควันพร้อมร่างกำยำของเสือขาวที่ปากพึมพำมนต์คาถา ศรัณย์โดดหลบ ตำรวจทั้งสามยิงใส่แต่ปืนขัดลำกล้อง ทั้งสามคนจึงเชื่อว่าเสือขาวมีอาคมแน่ มีเพียงศรัณย์ที่ยิงสวนได้ เสือขาวยืนผงาดไม่หลบ ทั้งสองยิงใส่กันจนหมดแม็กซ์ ตำรวจนายหนึ่งร้องว่าปลัดมีอาคมเหมือนกัน
ศรัณย์อารมณ์เสียตะโกนว่า “โว้ย ปืนพวกคุณไม่เคยทำความสะอาดส่วนอีกคนกระสุนก็เก่ามาก ตำรวจท้องที่อย่างพวกคุณใช้ปืนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ล่ะ” ตำรวจนายหนึ่งบอกจำไม่ได้ อีกคนบอกพกปืนไว้ขู่ ไม่เคยทำความสะอาด ศรัณย์สวน “ก็นั่นไง...มนต์คาถาไม่แน่นอน สติปัญญานี่สิแน่นอนกว่า ตอนนี้กระสุนผมหมด และของมันก็หมดเหมือนกัน”
ศรัณย์บ้าเลือดพอกับเสือขาว ต่างทิ้งปืนเดินออกไปประจันหน้ากัน ศรัณย์ท้าให้ต่อยกันตัวต่อตัว เสือขาวเยาะเจ็บหนักคราวก่อนยังไม่เข็ด หนีมานี่ยังตามมาอีก ศรัณย์ถามมาที่นี่ทำไม เสือขาวกวนว่ามาเที่ยวผู้หญิง อยากเจอขาวๆอวบๆจะทำไม ศรัณย์เยาะ
“โดนระเบิดคราวที่แล้ว ป่านนี้คงด้วนไปแล้วมากกว่า กูไม่เชื่อหรอก ว่าไง มึงกับกูจบความแค้นกันตรงนี้ตัวต่อตัว หมัดแลกหมัดไม่มีปืน ไม่มีระเบิด”
“หมัดแลกหมัดไม่มีปืน ไม่มีระเบิด ระหว่างมึงกับกู วันนี้ วันตาย! มึงตายกูรอด กูรอดมึงต้องตาย!” เสือขาวประกาศกร้าวติดๆกันราวท่องมนต์ แล้วท่องคาถาธนูมือแต่ว่าไม่ทันจบ
ตำรวจทั้งสามตะโกนเตือนศรัณย์ให้ระวังตัว ศรัณย์เสียงกร้าวจะเล่นกลอะไรอีก น่าขันสิ้นดี ตนไม่กลัว ...ทั้งสองวาดลวดลายแม่ไม้มวยไทยกันดุเดือดไม่มีใครยอมใคร จนศรัณย์เสียทีถูกเสือขาวใช้ไม้กระบองกดคอลงกับพื้น คำรามใส่
“ถ้ากูตายวันนี้มึงก็ได้ยศ ได้เงินค่าหัว แต่ถ้ามึงตายกูก็ได้แค่สะใจ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา”
พูดจบเสือขาวมองไปที่ถนนข้างหน้าซึ่งมีแต่หมอก ศรัณย์รู้ในทันทีว่ามีคนมาช่วยจึงร้องว่า ไอ้เสือไม่มีสัจจะ! พร้อมกับถีบเสือขาวออกก่อนจะกระโจนหลบหาที่กำบัง เสียงปืนรัวมา มีรถปิกอัพวิ่งฝ่าหมอกออกมา คนบนรถคาบใบไม้ยิงรัว เสือขาวกระโดดขึ้นรถตะโกนก้อง
“มึงกับกูเจอกันคราวหน้า...คราวหน้าวันตาย! มึงตายกูรอด กูรอดมึงต้องตาย!”
รถแล่นออกไป กลุ่มตำรวจวิ่งกรูเข้ามาหาศรัณย์ “คุณปลัด คุณปลัด ตายรึยังครับ”
ศรัณย์เจ็บใจว่าเสือขาวนัดพวกมาทำอะไร สามตำรวจดูตามเนื้อตัวศรัณย์และเชื่อว่าเขาหนังเหนียวมีอาคมเช่นเดียวกับเสือขาว ศรัณย์โวยด้วยความโกรธ “เฮ้ย ถ้าอยากใช้ปากทำงานนัก ก็เอาปากไปถามชาวบ้านแถวนี้ ไปสืบมาให้ได้ ว่าไอ้เสือขาวมันมาทำอะไรแถวนี้”
สามตำรวจรับคำลนลานไปสอบถามชาวบ้านได้ความว่า แม้นเป็นป้าของเสือขาว เสียไปเมื่อปีก่อน ถ้ามีคนมาพักที่บ้านน่าจะเห็นแสงไฟบ้าง แม้นมีลูกชื่อเสือชินแต่ถูกจับได้ที่ราชบุรีเข้าเรือนจำไปแล้ว ศรัณย์นึกได้ทันทีเพราะตนเป็นคนจับเสือชินเอง เพิ่งรู้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสือขาว แต่ตอนนี้ถูกย้ายเข้าเรือนจำที่พระนคร ศรัณย์นึกบางอย่างได้ทันที
“หรือว่า...แย่แล้ว! รีบไปเถอะคุณตำรวจ” ศรัณย์วิ่งนำทุกคนไป...
พอเปิ่นซึ่งเป็นนักทำระเบิดช่วยเสือขาวมาได้ ทั้งสองก็ทำการติดตั้งระเบิดที่รั้วเรือนจำด้านนอก เพราะภายในเรือนจำกำลังมีการก่อสร้างระเบิดถนน เสือขาวจึงใช้โอกาสนี้ระเบิดกำแพงเข้าไปช่วยเสือชินพร้อมพรรคพวกจำนวนหนึ่งออกมา
ระหว่างนั้นศรัณย์รีบมาแจ้งที่กรมการปกครองว่าเสือขาวจะแหกคุกแต่ไม่ทันการ เสือขาว เปิ่น เสือชินและพวกพากันหนีเข้าป่าไปได้...อธิบดีตำหนิเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ปล่อยให้นักโทษแหกคุกหนี ศรัณย์คาดว่าพวกมันต้องกลับปักษ์ใต้แน่ ขอให้อธิบดีสั่งทุกหน่วยทุกเส้นทาง ตรวจรถไฟและรถประจำทางทุกคันทุกเส้นที่ลงปักษ์ใต้ ตนจะต้องจับมันให้ได้
เสนอมาบ้านพระพิจารณ์เพื่อรายงานชรัตน์กับรินว่าคืนนี้ศรัณย์นอนที่บ้านน้ากล่ำกับแม่ พรุ่งนี้เช้าถึงจะมาหา รินรีบถามว่างานเรียบร้อยดีไหม เขาตอบว่าวุ่นมากคงต้องอยู่พระนครสักพัก ชรัตน์กล่าวกับรินว่า พรุ่งนี้ทำบุญบ้านกันเลย ตนใจร้อนอยากให้ศรัณย์เห็นบ้านเร็วๆ เสนอถามบ้านอะไร แต่ชรัตน์ไม่บอกอยากให้ศรัณย์มาเห็นแล้วตื่นเต้น รินยิ้มให้เสนอที่ทำหน้างง
ด้านบารนีกลับบ้านพระนครก็เก็บตัวเงียบมาหลายวัน อรุณแวะมาถามไถ่ก็พอดีบารนีแต่งตัวจะออกไปเที่ยวเต้นรำ บุรณีเตือนว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำบุญบ้านริน บารนีไม่สนใจเดินกรีดกรายออกไป อรุณเป็นห่วงจึงตามไปดูแล...บารนีดื่มหนักจนเมา มีนักเที่ยวเข้ามาเกาะแกะ อรุณต้องกันบอกอย่ายุ่งกับน้องตน นักเที่ยวสำรอก “จะไปรู้ได้ไง ผู้หญิงดีๆเขาก็ต้องอยู่บ้านสิวะ ถุย”
“ไอ้ตัณหากลับ ไอ้พวกผู้ชายเจ้าชู้ ไอ้ผู้ชายไม่รู้จักพอ ฮือ...มีเมียแล้วก็มาโกหก ไอ้คนเลว ฮือ...มาหลอกกันทำไม ผู้ชายเลวทุกคน ฮือ...” บารนีเมาโวยวาย อรุณเห็นใจรู้ว่าเธอประชดชีวิต
ooooooo
เช้าวันใหม่ ศรัณย์กับแก้วมาหารินที่บ้านพระพิจารณ์ แต่กลับเจอคนรับใช้รายงานว่าเธอไปทำบุญบ้านใหม่ มีคนขับรถรอพาทั้งสองไปที่บ้านนั้น...พอรถมาจอดหน้าบ้าน ศรัณย์กับแก้วก็ตะลึงเพราะมันคือบ้านศิวะเวทย์ ชรัตน์ออกมาต้อนรับ ศรัณย์ถามนี่มันอะไรกัน
“เซอร์ไพรส์ เดี๋ยวนายก็รู้ เชิญครับคุณน้า เร็วเข้าศรัณย์เข้าไปเลย” ชรัตน์ดุนหลังศรัณย์
ทั้งศรัณย์และแก้วตกใจเมื่อเห็นในบ้านมีแขกผู้ใหญ่ที่คุ้นหน้าจำนวนหนึ่ง ทุกคนยกมือไหว้แก้ว เสียงคนประกาศ “ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเข้าสู่งานทำบุญบ้านใหม่ของคุณหนูบราลี เจ้าของคนใหม่ของบ้านศิวะเวทย์ค่ะ”
รินเดินลงบันไดมาอย่างงามสง่า ด้วยเสื้อผ้า ทรงผมและเครื่องประดับราวกับเจ้าหญิง แก้วกับศรัณย์ยืนช็อก หมายความว่าอย่างไร ชรัตน์เฉลย
“คุณพ่อท่านจัดการยกทรัพย์สินให้ริน ยกให้หลายรายการรวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย มองไปรอบๆสิ ฉันเชิญญาตินายมาเพื่อให้รู้ว่า บ้านศิวะเวทย์ได้กลับคืนมาเป็นของนายแล้ว พวกนั้นจะได้เลิกโทษพ่อนายเสียทีที่ทำให้บ้านประจำตระกูลหลุดมือไป”
แก้วรับไหว้ญาติและเพื่อนบ้าน ชรัตน์กระซิบกับศรัณย์ “คนพวกนี้ตอนแกล้มละลาย เขาเคยดูถูกแก แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แกจำไม่ได้หรือ”
รินเข้ามากราบแก้วและทักศรัณย์ ญาติๆทักทายชื่นชมแก้วกับศรัณย์ว่าวิญญาณเจ้าคุณนิติคงดีใจต้องขอบคุณบราลี เสียงชื่นชมทำให้ศรัณย์เครียดจัดด้วยเป็นคนถือศักดิ์ศรีไม่ต้องการเกาะเมียกิน แต่ต้องนิ่งฟังพระสวดจนจบ ระหว่างนั้นเขามองไปตรงไหนของบ้านก็เห็นแต่ภาพอดีต รินเอามือแตะที่ขาเขาถามเป็นอะไรหรือเปล่า เขาไม่ตอบหน้าเครียด
เวลาผ่านไปแขกทยอยกลับ ชรัตน์ชวนศรัณย์ไปดูข้างบนว่าจะใช้ห้องไหนบ้าง ศรัณย์เก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไปหันมาตำหนิริน “หล่อนรู้ได้ยังไงว่าฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่!”
“เอ้า ก็นี่บ้านรินก็เท่ากับบ้านแก ฉันบอกรินให้ย้ายมาอยู่กับแกที่นี่ จะให้คนขนของเข้ามาวันนี้แหละ แกก็ด้วยมาอยู่ซะคืนนี้เลย งานเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ” ชรัตน์ยังไม่รู้ความรู้สึกเพื่อน
รินตกใจกับสายตาสามี ศรัณย์บอกถ้ารินอยากอยู่ก็อยู่โดยไม่มีตน แล้วชวนแก้วกลับ ชรัตน์งงวิ่งตามศรัณย์สั่งเสนอเอารถมารอรับ รินตามมาถามว่าเขาโกรธอะไร เขาเหน็บ
“เมื่อครู่คุณเดินลงมาจากชั้นบนราวกับเจ้าหญิง คุณกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ไปแล้ว สูงจนผมเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป” ชรัตน์ยังงงจับแขนถามเป็นอะไร ศรัณย์สะบัดออก “นายเป็นแบบนี้อีกแล้ว เป็นแบบนี้ทุกที ฉันต้องเป็นฝ่ายทนนายมาตลอด แต่ครั้งนี้มันสุดๆแล้วว่ะชรัตน์ หัดคิด ถึงจิตใจคนอื่นบ้างสิวะ คนที่เขาจนคนที่เขาเกิดมาไม่มีเท่าแก แกเคยคิดถึงจิตใจคนอื่นบ้างไหม”
ชรัตน์ยังงงถามต้องทนคบตนมาตลอดสิบกว่าปีหรือ ศรัณย์พรั่งพรูความอัดอั้น ว่าตั้งแต่พ่อตายบ้านและทรัพย์สินถูกยึด ตนต้องไปอยู่วัด เวลานั่งรถไปเรียน ตนยอมอ้อมเพื่อไม่ต้องผ่านบ้านนี้ ไม่ต้องการให้ความทรงจำเรื่องพ่อตายย้อนคืนมา ทันใดดวงสวาทโผล่มาทำเสียงปัง!
“เสียงปืน...ปัง มันยังดังลั่นในความรู้สึกทุกครั้งที่เห็น ยังได้ยินเต็มสองหูทุกครั้ง”
บุรณีโวยดวงสวาทเกี่ยวอะไรด้วย รินถามศรัณย์จริงอย่างที่ดวงสวาทพูดหรือ ดวงสวาทยิ้มเยาะว่าจริงทุกคำเพราะเขาเป็นคนบอกตน แปลกที่ภรรยากลับไม่รู้ ไหนว่ารักกันมาก ชรัตน์ไม่เคยคิดมาก่อนถามแก้วว่ารู้สึกอย่างนั้นหรือ เธอพยักหน้าเล่าว่า วันที่ทนายครอบครัวเขามาแจ้งยึดบ้าน วันนั้นเจ้าคุณก็ยิงตัวตาย ชรัตน์ตกใจไม่รู้มาก่อน ดวงสวาทตอกย้ำอย่างสะใจ
“รพิพันธ์ครอบครองทุกอย่างของศิวะเวทย์ และเป็นเหตุให้เจ้าคุณนิติตาย หล่อนกลายเป็นรพิพันธ์ไปแล้ว คราวนี้จะทำยังไงดีล่ะจ๊ะ คุณหนูคนสวย”
รินรู้สึกแย่ที่รู้ว่าได้ทำร้ายจิตใจคนรัก ชรัตน์ท้วงว่าตนหวังดี ต่อให้รพิพันธ์เป็นเจ้าหนี้ศิวะเวทย์ เราก็เป็นเพื่อนรักกันมาตลอดไม่ใช่หรือ ศรัณย์ระบายความอัดอั้น “เวลาที่นายมีรถเก๋ง มีแผ่นเสียงใหม่ ไปเที่ยวหรูหรา นายสู้อุตส่าห์พาฉันในคราบยาจกไปด้วย ต่อให้คนมอง ฉันก็อดทนเพราะรู้ว่านายไม่คิดอะไร แต่วันนี้คนที่มางานทุกคน สายตาที่มองฉันเหมือนมองหนูตัวใหญ่ๆที่ตกถังข้าวสารของเมีย ฉันรับไม่ได้จริงๆ”
รินใจหายวาบ น้ำเสียงดวงสวาทเยาะหยันขนาดเพื่อนยังเจ็บ แล้วที่เป็นผัวเมียกันจะขนาดไหน ลำบากแน่แม่เศรษฐีคนใหม่...ชรัตน์แก้ต่างว่าศรัณย์ถือทิฐิไม่เข้าเรื่อง สายตาคนนอกจะสำคัญกว่าความรู้สึกของเมียและเพื่อนหรือ เขาควรยินดีกับรินถึงจะถูก ที่เมื่อก่อนไม่มีพ่อไม่มีอะไรเลย ศรัณย์โต้และเดินเข้ามาหาริน “เรื่องดีใจฉันดีใจด้วยอยู่แล้ว ดีใจจนไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงความเจริญของเขาด้วยซ้ำ หล่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ ดูแลคุณพ่อเป็นเพื่อนพี่ชาย บริหารจัดการความร่ำรวยพวกนี้ไปก่อน ฉันยังมีงานต้องทำ ไว้เสร็จงานของฉันแล้วเราค่อยคุยกัน”
“ไม่ๆ คุณจะเดินหนีไปไม่ได้นะคะ” รินไม่ยอมเดินตามมาดักหน้าศรัณย์ “เรื่องระหว่างรพิพันธ์กับศิวะเวทย์ฉันไม่เคยรู้มาก่อน”
“ตอนนี้หล่อนมีพี่ชายที่ดูแลหล่อนอย่างดี มีทรัพย์สมบัติที่ใช้ชาตินี้ก็ไม่หมด ปลัดจนๆอย่างฉันไม่คู่ควรกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว”
รินน้ำตาร่วงเผาะ ดวงสวาทตบมือสะใจยืมคำของสายมาพูด...เอาแล้วเอาหล่า เสนอหมั่นไส้อยากผลักกระถางล้มใส่ ศรัณย์ระบายความอัดอั้นอีกว่า ไม่เคยนึกฝันว่าจะได้กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก เงินเดือนข้าราชการจนๆไม่มีปัญญาซื้อบ้านให้รินได้ เธอโชคดีแล้ว รินบอกตนทำเพื่อเขาและแม่แก้ว...แก้วเอ่ยปากขอบใจ บุรณีช่วยพูดว่าที่ชรัตน์ยกบ้านนี้ให้เพราะความเป็นเพื่อน ชรัตน์มองด้วยสายตาขอบคุณ รินกล่าวทั้งน้ำตา
“ฉันขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เราจะโกรธกันด้วยเรื่องนี้จริงหรือคะ”
ชรัตน์เริ่มทนไม่ไหวบอกรินไม่ต้องขอโทษ ความ ผิดทั้งหมดอยู่ที่ตน ตนเพิ่งรู้ว่าความเป็นเพื่อนของตนไม่มีค่าเลย ศรัณย์อึ้งตัดบทขอตัวกลับไปทำงาน ไม่วายดวงสวาทเยาะอีก
“ไปแล้ว หันหน้าหนีไม่มีอาลัย ไม่มีคำตอบว่าจะทำยังไงกับเมียคนนี้ จะเลิกก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็ไม่มีใจ อนิจจา...ความรัก”
เสนอสุดทนผลักกระถางล้มกลิ้งใส่ ดวงสวาทโดดหลบแทบไม่ทัน โวยวายลั่น บุรณีกอดปลอบริน แก้วมองด้วยความสงสารและเข้าใจ...หลังจากนั้น รินกราบขอโทษแก้ว เสียใจที่กลายเป็นแบบนี้ ความรักอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้เรารู้จักกันมากขึ้นเลย แก้วขอให้ให้เวลาศรัณย์สักพัก
ด้านชรัตน์เสียใจไม่น้อย บุรณีมาปลอบว่าเห็นใจที่เขาทำดีไม่ได้ดี ท่าทางศรัณย์เป็นคนคิดมาก จะกลับมาใช้ชีวิตกับรินอีกไหม เพราะรินกลายเป็นรพิพันธ์ไปแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ชรัตน์กุมขมับปวดหัว...ศรัณย์เองก็เครียดคิดหนักเรื่องรินจนไม่มีกะจิตกะใจจะประชุม
ooooooo
ตกดึก อรุณเห็นบารนีย่องออกจากบ้านก็รู้ว่าหนีเที่ยวอีกจึงตามไปด้วยความเป็นห่วง ไม่วายพอได้ยินนักเที่ยวคุยกันว่าหนีเมียมาคลอเคลียกับสาวอื่น บารนีก็เข้าไปด่าว่าทั้งสองยกใหญ่อรุณต้องเข้าไปขอโทษจ่ายเงินค่าเสียหายให้ ก่อนจะลากเธอออกมากอดปลอบให้สงบอารมณ์
ไม่ต่างจากศรัณย์ที่ตั้งด่านดักจับเสือขาวอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาอดคิดถึงรินไม่ได้จนทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องไห้ออกมาท่ามกลางความมืดคนเดียว...รินเองก็ทนทุกข์กับความเจ็บปวด นั่งร้องไห้เฝ้าพระพิจารณ์เงียบๆ
รุ่งเช้า เสนอเอาปิ่นโตมาให้ศรัณย์ถึงที่ด่านตั้งจุดสกัด และบอกเขาว่ารินได้ปิดบ้านศิวะเวทย์ไปแล้ว เอาแต่ร้องไห้ อยากให้เขากลับไปคุยกันให้รู้เรื่อง ศรัณย์นิ่งไม่รู้จะทำอย่างไรดี...
ดวงสวาทเริงร่าเข้ามาหารินที่บ้านรพิพันธ์ อ้างเอาของมาฝากชรัตน์กับช้องนาง รินจะไปตามทั้งสองมาให้ เธอกลับเรียกไว้ “ยังไม่หมดจ้ะ อันนี้แพงสุด ผ้าเช็ดหน้ากรุด้วยลูกไม้ฝรั่งเศส ไว้ให้หล่อน...ซับน้ำตา”
รินหันกลับมามองหน้านิ่งไม่แสดงอาการโกรธหรือเศร้า ถามช่วงนี้เธอคงมีความสุขมาก ดวงสวาทรับว่าที่สุด เพราะคนโกหกไม่สมควรได้คนดีๆอย่างศรัณย์ไป รินสวนเชือดนิ่มๆ
“ความสุขจอมปลอม ความเชื่อก็ปลอม หลอกตัวเองว่ามีเหตุผลที่จะทำร้ายฉัน ทั้งที่ทั้งหมดเกิดจากความอิจฉาริษยา เกิดจากความเลวในใจของคุณเอง”
“หล่อนด่าฉันอีกแล้วนะ!” ดวงสวาทเป็นฝ่ายโมโหเสียเอง
“ก่อนหน้าที่คุณมา ฉันไม่มีแรงเลย แต่ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้านี่ ฉันจะเก็บเอาไว้กับตัว เก็บเอาไว้เตือนใจ จะระลึกเอาไว้ว่า ชีวิตชีวิตหนึ่งมีคนรอเหยียบเรามากมายแค่ไหน และเราจะไม่มีวันทำให้เขามีความสุข...ขอบคุณ นะคะ” รินมองผ้าเช็ดหน้าแล้วถือเดินออกไป
ดวงสวาทเต้นเร่าๆด่าไล่หลังว่าจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตกับศรัณย์อีก เพราะเขาไม่มีทางทำใจได้ รินหันมาโต้ “หัวใจคุณมีแต่ความโกรธเกลียด ชีวิตน่ะมีขึ้นมีลง วันไหนคุณตกต่ำ ความโกรธเกลียดมันจะโถมใส่ตัวคุณ คิดถึงหน้าฉันเอาไว้นะคะ คิดถึงคำพูดที่คุณเยาะเย้ยฉัน เวลาคุณลำบาก คุณจะเห็นหน้าฉันเยาะเย้ยคุณ เหมือนที่คุณทำกับฉันวันนี้ จำเอาไว้!”
ดวงสวาทยืนแค้นใจที่ผิดหวังไม่อาจทำให้รินโกรธได้...กลับเข้าบ้านเห็นพ่อกับแม่กำลังวุ่นวายกับการโทรศัพท์ จึงถามมีปัญหาอะไรกัน มหินท์รีบบอกว่ามิสเตอร์จิมผู้จัดการห้าง จู่ๆหายตัวไป บริษัทได้เซ็นเช็คให้เขาไปซื้อที่ดินเป็นล้าน มาหายตัวไปไม่เข้าบริษัท ไม่ทันไรนริศเดินหน้าเครียดเข้ามารายงานว่ามิสเตอร์จิมไม่อยู่ทั้งที่โรงแรมและบริษัท มหินท์ถามเสื้อผ้ายังอยู่ไหม นริศตอบว่าไม่ทราบ กลัวเสียมารยาทที่จะเข้าไปค้น มหินท์ลุกพรวดหมั่นไส้นริศขึ้นทุกที
“โฮ้ย! ยังมามัวสนใจเรื่องมารยาทอะไรอีก ใช่สิมันเงินครอบครัวผม ไม่ใช่เงินคุณชาย ถึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ ไปๆ กลับไปโรงแรมไปเฝ้ามันจนกว่ามันจะกลับ ผมจะไปด้วย”
นิจพยายามโทร.ต่อ ดวงสวาทเซ็งไม่อยากเอาความทุกข์มาเพิ่มในหัวอีก ปลอบๆแม่ไปว่ามิสเตอร์จิมท่าทางรวยคงไม่โกงเรา อาจไปเที่ยวไหนเดี๋ยวก็กลับ
ooooooo
ปัญหาหนักอก รินครุ่นคิดจนตัดสินใจมาพูดต่อหน้าพระพิจารณ์ ช้องนางและชรัตน์ ว่าความรัก ของตนกับศรัณย์เราแทบไม่รู้จักกันมาก่อนแต่งงาน เหตุนี้จึงเกิดเรื่องเพราะรู้จักกันไม่มากพอ ช้องนางปลอบอย่าเพิ่งเสียกำลังใจ อายุยังน้อยค่อยๆเรียนรู้กันไป แต่รินกลับบอกว่า
“คุณศรัณย์เป็นคนแปลก เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อปราบปรามโจรโดยไม่สนใจต่อลาภยศ สรรเสริญ การที่หนูเป็นแค่ลูกชาวป่าชาวดง กลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย” ชรัตน์ไม่เข้าใจ
“ชีวิตคู่อยู่ด้วยความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ หนึ่งบวกหนึ่งต้องรวมเป็นหนึ่ง รวมเป็นสองไม่ได้ ดิฉันอยากจะขออนุญาตคืนทรัพย์สินต่างๆให้กับรพิพันธ์ ไม่ขอรับทั้งบ้านทั้งตำแหน่งต่างๆ คุณศรัณย์จะได้สบายใจ”
พระพิจารณ์ส่งเสียงอ้อแอ้ไม่ยอม ชรัตน์ไม่รับคืน เธอต้องให้โอกาสพวกเราชดเชย รินน้ำตาคลอ “โธ่คุณพ่อ... ช่างกรุณาหนูเหลือเกิน”
ช้องนางบอกว่าพี่ชายตนไม่ใช่คนเจ้าชู้ เป็นสุภาพบุรุษ ทุกอย่างที่ทำลงไปจะรับผิดชอบ ชรัตน์โทษคนผิดคือศรัณย์ไม่ใช่ริน ขอให้รินเห็นแก่พ่อ ท่านเจ็บมากเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนใช้ ชีวิตยังอีกยาวไกลให้เก็บทรัพย์สมบัติพวกนี้ไว้อาจจำเป็นในอนาคต พวกตนไม่ยอมให้เธอลำบากอีก ช้องนางย้ำว่าจะไม่รับคืนและปลอบว่าให้เวลาศรัณย์คิดสักพัก เขาต้องคิดได้...พระพิจารณ์ดิ้นรนร้องว่าของริน...ของริน... ทำให้รินน้ำตาร่วงเข้าไปกอดพ่อ ตระหนักในความรักของพ่อ
เช้าวันใหม่ นิจกับมหินท์ปลุกดวงสวาทให้ตื่นมาเก็บของไปสนามบิน เพราะมิสเตอร์จิมเชิดเงินบริษัทหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เราต้องหนีเจ้าหนี้ หนีกรรมการบริษัทคนอื่นๆ ตอนนี้เรายังเอาทรัพย์สินออกไปได้บ้าง ถ้ารอเขาฟ้องจะไม่เหลืออะไรเลย...ดวงสวาทตกใจถามหานริศ นิจโวยไม่รู้อยู่ไหน เป็นตัวต้นเหตุแท้ๆ บริหารผิดแถมโง่โดนเขาหลอกอีก มหินท์ใส่ยับ
“พ่อไม่ฆ่ามันตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว อยากจะทำห้างอยากจะเอาฝรั่งมาแล้วไง เจอฝรั่งซี้ซั้วพลอยทำให้เราลำบากไปด้วย”
ดวงสวาทหวั่นใจถ้าหนีแล้วจะกลับมาไม่ได้อีก ชีวิตตนต้องอยู่เมืองไทย โวยตนไม่เกี่ยวข้องด้วยตนจะไม่หนี มหินท์กับนิจอ่อนใจจึงบอกถ้าโดนยึดบ้านยึดรถหมดแล้วก็บินตามไปแล้วกัน ทั้งสองหอบกระเป๋าลงมาข้างล่าง เจอนริศนั่งซึมอยู่ นิจโมโหก็อดด่าว่าไม่ได้
“จำเอาไว้ ครอบครัวฉันพินาศเพราะแก ขอให้แกถูกตำรวจจับ ขอให้แกล้มละลาย ขอให้ตกนรกหมกไหม้เพราะคำสาปแช่งของฉัน”
นริศรู้สึกผิดจริงกราบขอโทษ ทั้งสองไม่สนใจพากันออกไป ดวงสวาทลงมาถึงพุ่งเข้าถามนริศนี่มันอะไรกัน เขาบอกว่ามิสเตอร์จิมมีสิทธิ์จัดการเรื่องเงินทุกอย่าง เขาวางแผนมาโกงเรา ตนคิดไม่ถึงจริงๆ หญิงสาวสุดทนด่าว่าผู้เป็นสามีว่าโง่อย่างที่พ่อบอกจริงๆ นริศร้อนรนบอกที่ทำทั้งหมดก็เพื่อเธอ เพื่อให้ได้วังคืนมาให้เธอ ไม่อย่างนั้นตนคงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างที่ตั้งใจไว้ ดวงสวาทตวาดอย่ามาโทษ นริศเกาะแขนภรรยาร่ำไห้อย่าโกรธอย่าเกลียดตนเพราะตนทนไม่ได้ เธอเน้นทีละคำด้วยความเกลียดชัง “ไป...ตาย...ซะ!”
นริศผงะ ดวงสวาทย้ำว่าเขาหลอกตนว่าเขามีทุกอย่าง เขาสวน “ผมไม่เคยหลอก คุณต่างหากที่คิดไปเองว่าผมมี ตำแหน่งคุณชายไม่ใช่หรือที่คุณต้องการ”
“คุณหลอก! คุณหลอกด้วยการไม่พูดไงล่ะ นี่แหละคือการหลอกลวง!”
“คุณพ่อคุณแม่ของคุณต่างหากที่ไม่เคยถาม ทุกคนเชื่อเปลือกของผม ทุกคนมีแต่ความโลภ และความโลภพวกนั้นก็บังตา ผมไม่ผิด!”
ดวงสวาทโกรธเข้าทุบตีที่มาด่าว่าพ่อแม่ และโทษว่าเขาทำลายชีวิตตนพินาศไม่เหลืออะไร หญิงสาวร้องไห้วิ่งหนีไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ขับรถออกไป ทิ้งนริศไว้ลำพัง
สุดท้ายดวงสวาทก็ไม่รู้จะไปไหนนอกจากมาหาศรัณย์ที่กรมการปกครอง เขาตกใจและพอรู้เรื่องของเธอ ก็พาเธอมาพักกับแม่ที่บ้านน้ากล่ำ แก้วปลอบดวงสวาทด้วยเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาก่อน และจัดที่นอนให้เธอได้พัก
ooooooo
เมื่อรินยอมรับสมบัติไว้ พระพิจารณ์ก็มีกำลังใจขึ้น ตั้งใจทำกายภาพบำบัดจนพยาบาลเอ่ยปากกับรินว่าท่านมีกำลังใจรักษาตัวเพราะเธอ พระพิจารณ์พยายามพูดว่า รักริน รักชรัตน์ และรักน้อง รินยิ้มปลาบปลื้มยิ่งเข้าใจความหมายที่เจ้าคุณบำรุงสอน
“คนที่รอความรัก จะต้องรอไปตลอดชาติ คนที่คาดหวังในความรัก จะผิดหวังเสมอ แต่คนที่สร้างความรักด้วยตัวเอง ไม่รอไม่ยอมแพ้ เขาจะมีความรักอยู่รอบตัว... วันนี้รินจะออกไปสร้าง ออกไปสู้เพื่อความรัก คุณพ่ออวยพรให้รินนะคะ”
พระพิจารณ์บีบมือรินพูดว่า รัก...รัก...ยิ่งทำให้รินมีกำลังใจมุ่งมั่น ในขณะเดียวกัน ชรัตน์เห็นข่าวครอบครัวดวงสวาทก็เป็นห่วง รีบมาที่บ้านเธอ พบนริศนั่งซึมเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่าทุกคนหนีไปแล้ว ตนไม่รู้จะหนีไปไหน ดวงสวาทเกลียดตน ชรัตน์จะพาหนีไปพักที่บ้านแต่นริศไม่ไป จะอยู่รับผิดชอบ แม้เจ้าหนี้จะฆ่าก็ยอม ตนอยากให้ดวงสวาทรู้ว่าตนรักเธอมาก
ขณะเดียวกัน รินให้คนขับรถพามาที่บ้านน้ากล่ำ เพื่อมาสร้างความรักกับศรัณย์ ตนจะสู้เพื่อความรัก แต่แล้วมาเห็นศรัณย์กำลังป้อนข้าวดวงสวาท กอดเธอท่าทางห่วงใย ดวงสวาทให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทิ้งตน เขาสัญญา... รินได้ยินน้ำตาร่วงเผาะถอยกลับ ไม่ทันฟังที่ดวงสวาทพูด
“คุณหมดสิ้นทุกอย่างเพราะดวงหมดรักคุณ สิ่งที่ดวงทำกับคุณวันนั้น วันนี้ดวงโดนกรรมสนองแล้ว...ดวงขอโทษนะคะศรัณย์”
แก้วเห็นรถแล่นออกไปจากบ้านแต่ไม่รู้ว่ารถใคร ก็คิดว่าคงเป็นรถที่มาผิดบ้าน...รินมาร้องไห้กับบุรณีและบารนี บุรณีให้รินอ่านข่าวครอบครัวดวงสวาทว่าเธอคงกำลังลำบาก แต่บารนีกลับโวยวายว่าถ้าเป็นเพื่อนกันทำไมต้องกอดกันด้วย แถมว่าศรัณย์โกรธรินที่รินกลายเป็นเจ้าหญิง แต่ตัวเองมาทำแบบนี้ช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว รินรู้สึกว่าที่บารนีพูดก็มีส่วนถูก
“ช่วงนี้รินจะไม่ถามอะไรเขา จะรอให้คุณดวงสวาทดีขึ้นก่อน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรก็ไม่รู้ เรื่องเก่ายังไม่ได้คุยกันเลย หรือบางทีเราคงไม่มีวาสนาต่อกัน” รินสะอื้นสมเพชตัวเอง
ooooooo
วันต่อมา ศรัณย์มาประชุมที่กรมการปกครองตามปกติ ขณะที่เสือขาวพาพรรคพวกเสือชินข้ามแม่น้ำมาด้วยแพ ในใจเคียดแค้นศรัณย์มากที่ทำให้พวกตนต้องเดินทางลำบากขึ้น
แก้วคอยดูแลหาข้าวหายาให้ดวงสวาท แต่เธอก็คร่ำครวญจะหาศรัณย์ ไม่ฟังแก้วอธิบายว่าเขาไปทำงาน สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวแต่งตัวแอบหนีไปนั่งดื่มที่คลับแห่งหนึ่ง เผอิญเจอกับบารนีที่เมานิดๆ จึงโดนบารนีประจานเสียงดัง “เจ้าข้าเอ๊ย มาดูผู้หญิงตกอับที่ถูกฝรั่งโกงลงข่าวในหนังสือพิมพ์กันเร็ว หน็อย...ยังกล้าออกมาเจอหน้าผู้คนไม่กลัวตำรวจจับเลยนะ”
ดวงสวาทเห็นผู้คนมองมาและซุบซิบ เห็นสมรกับโฉมนั่งอยู่ไม่ห่างก็โบกมือหาพรรคพวก แต่สองสาวเมินหน้าทำเป็นไม่รู้จัก บารนีหัวเราะเยาะ ว่าเมื่อก่อนทะนงตนไม่เห็นหัวใคร ถึงเวลาตกต่ำทุกคนยิ่งเหยียบให้จมดินเป็นสองเท่า...ดวงสวาทตวาดจะหาเรื่องกันใช่ไหม
“ยัยรินน่ะเขาผู้ดี เขาด่าหล่อนอย่างผู้ดี แต่คนอย่างหล่อนด่าแบบนั้นไม่รู้สึกตัวหรอก มันต้องเจอฉัน... เลิกยุ่งกับศรัณย์! เลิกทำร้ายจิตใจคนอื่น เพราะตอนนี้หล่อนไม่มีอะไรเหลือให้คนอื่นเขามาสนใจแล้ว” ดวงสวาทเต้นเร่าๆเงื้อมือจะตบ บารนีสวน “ยังไม่เลิก ยังไม่เข้าใจอีก ที่ผ่านมาคนคบหล่อนเพราะเกรงใจในวงศ์ตระกูลเกรงใจอำนาจเงิน แต่ตอนนี้ถ้ายังไม่รีบทำความดี เพื่อนทุกคนก็จะตีจากไปแม้แต่ศรัณย์ เขาจะทนหล่อนไม่ได้ เขาไม่ต้องการหล่อนอีกแล้วรู้ไว้”
ดวงสวาทตะโกนลั่นไม่จริง บารนีลากตัวออกไปบอกอย่าทำให้คนอื่นเขาหมดสนุก เธอร้องกรี๊ดๆให้ปล่อย บารนีจึงผลักล้มลงหน้าทางเข้าและไล่ให้ไสหัวไป ไปจากสังคมนี้ ไปจากชีวิตคนรอบข้างตน ดวงสวาทร้องไห้โฮ บารนีสะใจบอกคนเลวอย่างเธอต้องเจอคนเลวอย่างตน
แก้วเห็นดวงสวาทหายไปก็ตกใจ ศรัณย์กลับมารู้เรื่องรีบไปตามที่บ้านมหินท์ เจอนริศยังนั่งเบลอถามว่าเป็นนักข่าวหรือกรรมการ หรือทนายความ เขาจึงแนะนำตัวว่าชื่อศรัณย์ นริศเงยหน้ามองรีบถามว่าดวงสวาทอยู่กับเขาหรือเปล่า ศรัณย์บอกว่าตนก็มาตามหาเธอ นริศยอมรับว่าศรัณย์ดูดีกว่าตน เหตุนี้ดวงสวาทถึงตัดใจจากเขาไม่ได้ ศรัณย์รีบบอกว่าตนแต่งงานแล้วไม่มีทางกลับไปหาเธอได้อีก นริศหัวเราะเยาะตัวเองแล้วร้องไห้ออกมา ศรัณย์แปลกใจว่าเขาเป็นอะไร แล้วฉุกคิดว่าดวงสวาทเคยพูดถึงสะพานที่ตนเคยโดดน้ำตอนโดนเธอบอกเลิก จึงผลุนผลันไป
ด้านรินพยายามจะหักใจ ให้คนรถขับพามาที่บ้านศิวะเวทย์ นั่งคิดอะไรมากมายแล้วเดินเข้าไปในห้องพระนิติ เห็นบนโต๊ะทำงานมีกล่องไม้วางอยู่ บนกล่องมีพระพุทธรูปตั้งทับ ข้างหน้ามีกระถางธูปและเชิงเทียน ดูเผินๆเหมือนหิ้งพระ จึงพนมมือไหว้บอกเจ้าคุณ
“หากท่านยังอยู่ที่นี่ ได้โปรดรับคำขอขมาจากดิฉัน ผู้ที่ได้ครอบครองบ้านหลังนี้โดยไม่ศึกษาประวัติให้ดี เพราะท่านดิฉันจึงได้แต่งงานกับคุณศรัณย์ แต่แล้วดิฉันก็ทำให้เขาเสียใจ ดิฉันขออโหสิกรรมจากท่านในทุกการกระทำเจ้าค่ะ” รินกราบแล้วยกพระพุทธรูปลงเพื่อเปิดกล่องดู แล้วต้องตกใจ ในนั้นมีปืนที่ท่านเจ้าคุณใช้ยิงตัวตาย รินหยิบปืนขึ้นมามองด้วยดวงตาทุกข์ระทม
“ชีวิตที่ไม่มีอะไรเหลือ กระสุนเพียงนัดเดียวจบความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเรา”
แก้วร้อนใจนั่งรอฟังข่าว เสนอถามว่าดวงสวาทจะฆ่าตัวตายเหมือนท่านเจ้าคุณไหม แก้วถอนใจบอกเวลาความทุกข์ถึงที่สุด คงมีชั่วขณะที่คิดทำแบบนั้น ระหว่างที่แก้วสนทนากับเสนอ รินยังกำปืนไว้ในมือ ดวงสวาทเดินร้องไห้มาบนสะพานอย่างหมดสิ้นทุกอย่าง แก้วบอกเสนอว่า
“บางคนตายเพราะอยากจบชีวิตที่คิดไปเองว่าไม่มีทางออก คนบางคนตายเพราะอยากอยู่ในชีวิตของคนที่เขารัก ให้จดจำไปตลอด คนพวกนี้คือตายเพื่อประชด เขาถึงเรียกว่าคิดสั้น คิดสั้นๆด้วยความอ่อนแอและเขลาเบาปัญญา คนที่เราประชดเขาร้องไห้ไม่นาน จากนั้นเขาก็ลืมเราไปใช้ชีวิตกับคนรักใหม่ ธรรมชาติชีวิตมันก็เป็นของมันอย่างนั้น”
ด้านนริศยังร้องไห้คร่ำครวญว่าตนผิดเอง ที่ทำทุกอย่างเพราะรักดวงสวาท...คำพูดของรินยังก้องอยู่ในหูดวงสวาท ที่ว่าชีวิตมีขึ้นลง วันไหนที่ตกต่ำ ความโกรธความเกลียดมันจะโถมเข้าใส่ ให้จำหน้าตนไว้ คิดถึงคำที่เคยเยาะหยัน เวลาที่ลำบากจะเห็นหน้าตนเยาะเย้ยเหมือนที่ทำกับตน จำเอาไว้...ดวงสวาทยังคิดถึงคำด่าของบารนีที่ว่าศรัณย์ไม่ต้องการตนแล้ว ยิ่งทำให้สิ้นหวัง ตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำ
เสียงแก้วยังให้แง่คิดกับเสนอว่า “ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรเหลือนั่นยิ่งแล้วใหญ่ ตกเป็นทาสของอารมณ์ชั่ววูบจนมองไม่เห็นใครที่เขารักเรา ไม่เห็นแม้หนทางอีกหลายร้อยวิธีที่จะแก้ปัญหา เสนอเอ๊ย คนเรามีลมหายใจไว้แก้ปัญหา ไว้มีความสุขนะ ไม่ใช่เอาไว้ทุกข์”
รินเก็บปืนลงกล่องอย่างเดิมและกลับบ้านรพิพันธ์ ส่วนนริศทานยาเข้าไปมากมายเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง... ศรัณย์โดดน้ำลงไปช่วยดวงสวาทขึ้นมาได้และพาส่งโรงพยาบาล พอเธอรู้สึกตัวก็ร้องไห้ฟูมฟายว่าช่วยตนทำไม ศรัณย์ให้เธอทำใจให้สงบ ก่อนจะบอกว่านริศกินยาฆ่าตัวตาย ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล ดวงสวาทช็อกนิ่งอึ้งน้ำตาไหลพราก เพราะตนที่ให้เขาไปตาย
เมื่อรินกลับมาบ้านด้วยสีหน้าเศร้า ชรัตน์บอกข่าวนริศ เธอตกใจมาก ชรัตน์เป็นห่วงดวงสวาท รินจึงบอกว่าไม่ต้องห่วงเธอมีศรัณย์คอยดูแล ชรัตน์ชวนรินไปเยี่ยม ที่โรงพยาบาล
ooooooo
ดวงสวาทเสียใจนอนอยู่โรงพยาบาล เสนอถามแก้วด้วยความหวั่นใจ แค่ศรัณย์ไปทำงานเธอยังฆ่าตัวตาย แล้วถ้ากลับไปหาริน เธอจะทำร้ายตัวเองอีกไหม แก้วหนักใจ “นั่นสิ เรื่องคราวที่แล้วก็ยังเป็นปัญหาอยู่ มาเจอแม่ดวงสวาทเอาชีวิตเข้าแลกแบบนี้อีก ศรัณย์คงปวดหัวน่าดู”
ศรัณย์นั่งเศร้าอยู่ในสวนของโรงพยาบาล รินเดินมาเพราะไม่อยากเข้าไปให้ดวงสวาทเห็นหน้า ปล่อยชรัตน์เข้าไปคนเดียว ศรัณย์เห็นรินต่างสบตากันด้วยความคิดถึง เธอถามว่าดวงสวาททำร้ายตัวเองเพราะเขาใช่ไหม ศรัณย์ส่ายหน้าคงมีหลายเรื่องที่รุมเร้าเข้ามารินตัดสินใจบอกเขาว่า
“เมื่อวานฉันได้คิดอะไรบางอย่าง คุณพ่อไม่ยอมรับบ้านศิวะเวทย์คืน ฉันเลยคิดจะยกให้รัฐบาลเอาไปทำโรงพยาบาลสำหรับทหาร ตำรวจ” ศรัณย์หน้าตื่น “แบบนี้ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ฉันเองก็คงอยู่บ้านนั้นไม่ได้ เป็นการทำบุญให้คุณพ่อคุณ ให้แม่เรียงเจ้าของสมบัติชิ้นนี้”
ศรัณย์ถามแล้วเธอจะเหลืออะไร ให้คนเช่าก็ได้ รินบอกว่าตนยังมีที่ดินอีกนิดหน่อย แล้วก็เงินเดือน “ให้เขาเช่าแล้วคุณจะกลับมาอยู่กับฉันไหม เราจะได้อยู่เป็นสามีภรรยากันอีกไหม” เห็นศรัณย์นิ่ง “ทำไมถึงนิ่งไป ถึงยังไงคุณก็ยอมรับฉันไม่ได้งั้นหรือคะ หรือเพราะคุณดวงสวาทเธอไม่เหลือใครแล้ว เมื่อไหร่ที่คุณทิ้งเธอเธอก็คงฆ่าตัวตายอีก คุณเลยทิ้งเธอไม่ได้ เป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ”
ศรัณย์สวน “ไม่ใช่ดวงสวาท ไม่ใช่ใครทั้งนั้น เพราะหล่อน เพราะหล่อนต่างหาก ชีวิตของฉันมีหล่อนเป็นดวงตะวันมานานแล้ว” รินตะลึง “เพราะฉันดึงหล่อนลงมาให้ตกต่ำไม่ได้ แม่คนใช้ก้นครัว ชั่วชีวิตของเธอลำบากมามากแค่ไหนแล้ว นั่งอยู่ในครัว ปรนนิบัติล้างห้องน้ำล้างเท้า ดูแลคนอื่นมามากขนาดไหน หล่อนไม่เหนื่อยหรือ ไม่อยากมีชีวิตที่มีความสุขรึไง”
“คุณคิดอย่างนี้จริงหรือคะ”
“อย่ายกบ้านให้การกุศลเลย หันมาทำอะไรให้ตัวเองบ้าง ฉันก็ไม่ต่างจากชรัตน์ ฉันอยากเห็นหล่อนเจริญขึ้น ดูหล่อนสิ ผิวพรรณกิริยามารยาทหล่อนเหมือนเจ้าหญิงของฉัน ของทุกคน”
รินน้ำตาไหลพรากบอกตนเป็นคนเดิม เป็นนางก้นครัว เป็นบราลี ศิวะเวทย์ ตนพอใจเป็นแบบนี้ ศรัณย์โต้แต่ความจริงเธอคือริน รพิพันธ์ ตอนนี้เธอต้องเป็นดวงตะวันของพ่อ ตนแย่งเธอจากท่านมาไม่ได้ คำว่าหน้าที่ที่เธอยึดถือมาตลอดจำไม่ได้หรือ รินสะอื้นว่าหน้าที่ที่ทำให้ห่างจากสามีที่รักสุดหัวใจ ศรัณย์แย้งว่าตอนนี้เสือขาวบ้าเลือดมาก กลายเป็นเสือร้ายที่ไม่กลัวความตาย ถ้ามันเข้าเขตปักษ์ใต้เมื่อไหร่คงล้างแค้นทั้งเมือง ตนยอมไม่ได้ ตนมีหน้าที่ต้องขัดขวาง รินถามเขาจะไปในเวลาที่ดวงสวาทเป็นแบบนี้ ได้หรือ ศรัณย์เห็นแก่ชาวบ้านจะทรยศพวกเขาไม่ได้
ศรัณย์คุกเข่าลงกับพื้น จับมือรินมากุมด้วยรู้สึกว่าครั้งนี้ตนจะรอดกลับมาได้หรือไม่ก็ไม่รู้ จึงไม่อยากมีภาระเป็นใครทั้งนั้น “เจ้าหญิงของฉัน เมื่อขึ้นไปอยู่ที่สูงแล้ว ก็จงใช้ชีวิตอย่างสง่างาม ให้สมกับความรักของพ่อของพี่หล่อน อย่าได้อาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งที่จะทำให้เธอตกต่ำลงไปอีก ยิ่งเธออยู่ในที่สูงเท่าไหร่ ฉันยิ่งมีความสุขเท่านั้น จำเอาไว้นะคนดีของฉัน” ศรัณย์จูบที่มือริน เธอร้องไห้ออกมามองสามีที่รักลุกเดินจากไปด้วยหัวใจโหยหา
ด้านเสือขาวพาเสือชิน เปิ่นและพวกเดินป่าไปยังค่าย พอเห็นหน้าผา เสือขาวก็บอกว่าข้างล่างคือปักษ์ใต้ ทุกคนมีกำลังใจขึ้นเซ็งแซ่จะถล่มทั้งเมืองให้จำพวกเราไปอีกนาน ในวันนั้น พู่เก็บสมุนไพรมาเต็มกระบุงเพื่อนหญิงอีกสามคนถามทำไมไปนานนึกว่าหนีไปแล้ว ท่าทางพู่มีพิรุธ เธอทำอะไรบางอย่างในป่า แต่บอกเพื่อนว่าจะหนีได้อย่างไร ยาสั่งของเสือขาวคงทำให้ตนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดแน่ แต่ก็แปลกใจที่เสือขาวหายไปนาน
ไม่ทันไรเสียงม้าดังเข้ามา สี่สาวรีบออกไปดู สามสาวดีใจที่เสือขาวกลับมา พู่เข่นเขี้ยวในใจทำไมไม่ตายๆไป ยังพาพรรคพวกชุดใหม่มาอีก..บรรดานักโทษที่หนีมากับเสือชินพอใจกับทางเข้าค่ายที่สุดยอด พวกตำรวจหาทั้งชาติก็ไม่เจอ พอเห็นสาวๆก็กระชุ่มกระชวยขึ้น เสือขาวให้ทุกคนรับรองพวกของตนอย่างดี พู่ทำทีดีใจเข้ามาบีบนวดให้เสือขาว...
ด้านดวงสวาทเมื่อออกจากโรงพยาบาลก็มาเคารพศพนริศที่วัด คิดถึงความหวานชื่นกับเขาตอนไปฮันนีมูน คิดถึงที่เขาพาเที่ยวเต้นรำ และคำสัญญาที่เขาจะดูแลตนไปตลอดชีวิต จะหาเงินมาซื้อวังคืนเพื่อตน เธอทรุดลงร่ำไห้ “ฉันทำให้คุณตาย ฉันเองเป็นคนฆ่าคุณ ฉันขอโทษ”
ดวงสวาทนึกถึงคำพูดของตนที่บอกให้เขาไปตายเสีย เธอก้มลงกราบสะอึกสะอื้นแทบขาดใจอยู่ตรงนั้น ด้วยรู้สึกผิด
ooooooo