icon member

ปดิวรัดา

ตอนที่ 1

เสียงข่าวจากวิทยุ...ข่าวด่วน! เสือชินแหกคุก เมืองราชบุรีออกมากับสมุนคนหนึ่ง เดือดร้อนถึงท่านผู้ว่าฯต้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง จึงขอให้ประชาชนโปรดระมัดระวัง ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และหากได้เบาะแสของเสือร้ายรายนี้ ขอได้โปรดแจ้งทางราชการด้วยความรวดเร็ว...

และในวันนั้นก็มีการปล้นบ้านคหบดี โดยเสือชินและสมุนเข้าทำร้ายแม่ครัวกับสามีและจับมัดไว้ จากนั้นก็รื้อค้นทรัพย์สิน เปลี่ยนเสื้อผ้าสลัดชุดนักโทษออก เสียงเรือขายกาแฟมาจอดที่ท่าน้ำ คนขายตะโกน

“โกปี๊มาแล้ว โกปี๊มาแล้วครับ ลุงขมป้ามี...”

เสือชินมองออกมาจากหน้าต่าง เห็นคนขายร่างสูงใหญ่ใส่หมวกปีกกว้างบดบังใบหน้า คนขายตะโกนว่า

“ป้ามีเอาแต่ฟังวิทยุไม่ได้ยินอีกแล้ว เดี๋ยวผมเอาเข้าไปในบ้านเลยนะครับ”

เสือชินเอาเงินให้สมุนไปจ่ายคนขายกาแฟเพื่อไม่ให้เข้ามาในบ้าน สมุนวางท่าเป็นคนในบ้านเอาเงินมาส่งให้และจะรับกาแฟ เห็นใบหน้าคนขายสะอาดสะอ้านหล่อเหลาก็ทักว่าไม่น่ามาขายกาแฟ ดูหน่วยก้านเป็นลูกผู้ดี คนขายตอบยิ้มๆ

“พ่อผมเป็นมหาเศรษฐี แต่ฆ่าตัวตาย ผมเลยตกอับต้องมาขายกาแฟ”

สมุนตื่นเต้นถามจริงหรือ คนขายเงยหน้าตอบว่าจริงครึ่งเดียว สมุนแปลกใจครึ่งไหน คนขายชกหน้า

สมุนอย่างรวดเร็วก่อนจะยืนมาดเท่เอ่ยว่า

“พ่อฆ่าตัวตายจริง ที่ไม่จริงคือไม่ได้ขายกาแฟ เป็นปลัดอำเภอ!” ว่าแล้วก็จับหัวสมุนกระแทกพื้นจนสลบเหมือด

ชายกลางคนคนขายกาแฟตัวจริงโผล่ออกมาเอาเชือกให้มัดคนร้าย ศรัณย์ถอดหมวกคืนให้พร้อมสั่ง

“รีบไปสถานีตำรวจ บอกว่าปลัดศรัณย์เจอตัวเสือชินที่แหกคุกออกมาแล้ว ขอกำลังเสริมมาที่บ้านคุณหลวงพินิจด่วน”

ศรัณย์...ปลัดหนุ่มฝีมือดีย่องเข้าไปในบ้านเพื่อจัดการเสือชิน ทั้งสองประจันหน้ากัน เกิดการต่อสู้ดุเดือด ศรัณย์เก่งทั้งหมัดมวยและยิงปืนแม่น ทั้งสองยื้อแย่งปืนกันจนเกิดเสียงดังปัง! ตำรวจมาถึงยังไม่ทันเข้าไปในบ้าน ปลัดหนุ่มก็ลากร่างเสือชินออกมาโยนให้ ทุกคนร้องเฮ...

“ปลัดศรัณย์จับเสือชินได้แล้ว...” ต่างปรบมือแสดงความยินดีกันใหญ่

ศรัณย์ควงปืนท่าประจำตัวแล้วเหน็บที่เอว ยิ้มรับความชื่นชมของทุกคน

ooooooo

วันต่อมาศรัณย์ในชุดปลัดอำเภอเต็มยศ เข้ารายงานตัวที่กรมการปกครองในกรุงเทพฯ กับท่านอธิบดีเทพ เขาตบโต๊ะปังอย่างไม่พอใจเสียงเข้มต้องการกำราบ

“บุกเดี่ยวเข้าไปจับเสือชิน ต้องการอะไร!”

“เงินรางวัล ตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง ผมต้องการทั้งหมด” ศรัณย์ยืนตรงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้ว่าอธิบดีเทพมีความเมตตาต่อตนเป็นพิเศษ

“ผมเตือนดีๆ ใจร้อน มุทะลุแบบนี้รังแต่จะอายุสั้นนะ...คุณหนู” เทพอ่อนใจเสียงเบาลง

ศรัณย์เจ็บปวดกับคำเรียกคุณหนู บอกตนไม่ใช่อีกแล้ว...เทพคิดถึงอดีตเมื่อตอนที่ศรัณย์อายุ 16 ปี เขาแวะเอาน้ำผึ้งจากทางเหนือมาฝากเจ้าคุณนิติ บิดาของศรัณย์ นั่งคุยกันได้ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงคนรับใช้เอะอะว่า...คุณหนูลงมา อันตราย...หยุด คุณหนู...หยุด...

ตามด้วยเสียงศรัณย์หัวเราะร่า เพราะเสนอวิ่งมาขวางแล้วต้องกระโดดหลบหน้าทิ่มไปในดิน

“ไอ้เหนอหน้าดำเป็นเงาะเลยเอ็ง ร้องกันลั่นบ้าน ห่วงรถหรือห่วงฉันกันแน่หา...นี่รถฉัน พ่ออุตส่าห์ซื้อให้

ฉันต้องขับเป็นอยู่แล้ว โวยวายโหวกเหวกน่ารำคาญ...”

ศรัณย์แอบขับรถโดยที่ยังขับไม่เป็น จอดรถลงมาหัวเราะเยาะเสนอแล้วทำท่าหล่อลูบผม พอจะเท้าแขนที่รถก็รู้สึกมันโล่งหายไป หันมองจึงรู้ว่ารถไหล ร้องลั่น

“เฮ้ยๆๆ...รถไหลๆ!”

คนรับใช้ร้องกันลั่นเมื่อเห็นรถไหลเข้าไปในพุ่มไม้ ควันพวยพุ่ง ศรัณย์ร้องด้วยความเสียดาย...โธ่!

รถฉัน...เจ้าคุณนิติกับเทพวิ่งมา หัวเราะกันใหญ่อย่างเอ็นดูศรัณย์...

เสียงศรัณย์เศร้าเพราะเป็นปมอันยิ่งใหญ่ในชีวิต ขัดภาพอดีตในห้วงคำนึงของเทพ “คุณหนูตกอับอย่างผม ถือคติ ยอมตายไม่ยอมแพ้”

“เพราะคุณพ่อใช่ไหม ท่านเลือกทั้งตาย...ทั้งแพ้...” เทพรู้สึกเห็นใจ

ศรัณย์หน้าเครียดคิดถึงอดีตอันเจ็บปวด...

เจ้าคุณนิติสภาพทรุดโทรม เมามายเอาปืนออกมายิงตัวตายฟุบคาโต๊ะทำงาน ทำให้ศรัณย์กับคุณหญิงแก้วผู้เป็นแม่ต้องระเห็จออกจากบ้านด้วยทรัพย์สินและบ้านโดนยึด ทนายความเอาเงินส่วนที่เหลือจากการขายของในบ้าน หักลบกลบหนี้เหลือเพียงไม่เท่าไหร่ให้แก่แก้ว เธอน้ำตาร่วงเผาะด้วยสงสารลูกและอเนจอนาถกับชีวิตตัวเอง

แก้วให้ศรัณย์ไปอยู่กับหลวงตาที่วัดเพื่อจะได้ร่ำเรียน ส่วนตนจะไปอาศัยน้าแสงที่คลองหกทำมาหากินส่งเงินมาให้ เธอเห็นลูกน้ำตาคลอจึงปลอบ

“พ่อโชคร้าย โดนโกงจนหมดตัว...ลูกต้องเข้มแข็ง ความยากจนไม่ทำให้ใครตาย มีแต่ทำให้คนเข้มแข็งขึ้น เชื่อแม่นะ”

ศรัณย์ต้องกล้ำกลืนสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ทำงานในวัด ทุกอย่าง ตื่นเช้าเดินตามพระบิณฑบาต ตกค่ำก็อ่านหนังสือตั้งใจเรียนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้...เสียงเทพขัดจังหวะความคิดคำนึงถึงอดีตของศรัณย์ว่า

“บ้าบิ่นทะเยอทะยานแบบนี้ ผมเห็นมาเยอะ”

“ไม่ตายก็ได้ดี ผมรู้...แต่ที่สงสัยคือ อย่างไหนเยอะกว่าครับ”

“ตาย! นี่เงินรางวัลที่จับเสือชินได้ มากโขอยู่ เอาไปทำอะไรดีล่ะ” เทพวางซองเงินให้

ศรัณย์กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเกิดแววตาสดใสขึ้นตอบว่า

“แหวนหมั้นครับ ผมจะขอผู้หญิงที่สวยที่สุดในพระนครแต่งงานครับ”

อธิบดีเทพผู้เคยเป็นคนใกล้ชิดของเจ้าคุณนิติ ยิ้มเอ็นดูและยินดีกับลูกชายเจ้านายเก่า

ooooooo

คฤหาสน์ครอบครัวดวงสวาท สาวที่ศรัณย์หมายหมั้นจะแต่งงานด้วย เธอเดินมาหาเขาอย่างงามสง่าจนศรัณย์ต้องเอ่ยปาก “นางฟ้าจำแลงของผม...”

ดวงสวาทชมว่าเขามาได้ตรงเวลาดีมาก ศรัณย์เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าว่าตนขอเข้าไปกราบคุณพ่อคุณแม่ของเธอ แต่คนรับใช้บอกว่าไม่อยู่ ท่านทั้งสองไม่อยากเจอตนใช่ไหม หญิงสาวหน้าเครียดทันที

“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ ดวงกำลังจะเล่าให้คุณฟัง ไปกันเถอะค่ะ”

ดวงสวาทเดินนำ ศรัณย์เหลียวมองเข้าไปในบ้านเห็นสายตาของมหินท์และนิจ พ่อแม่หญิงสาวที่แอบมองอย่างไม่พอใจ เขาใจหายวาบต้องมีเรื่องไม่ดีแน่

ในสถานลีลาศริมแม่น้ำ สองศรีพี่น้อง บราลีกับบุรณี บำรุงประชากิจ มาเที่ยวกับสองชายหนุ่ม คนหนึ่งคือพณิช คนรักของบราลีผู้พี่ อีกหนึ่งหนุ่มคืออรุณฤกษ์ เพื่อนบ้านที่โตมากับสองสาว บุรณีที่มาเพื่อเป็นเพื่อนพี่สาวจึงไม่สนใจการลีลาศใดๆ นั่งอ่านหนังสือเสียงเจื้อยแจ้ว...

“จะเลือกหญิงภรรยาจงสดับ เมียสับปลับอำมหิตคิดคบชู้ เสมอด้วยเพชฌฆาตลองตรองดู อย่าสมสู่เมียเสมอด้วยโจรี เมียเสมอด้วยนายแสนเหนื่อยหน่าย ไม่สมชายถูกขู่เข็ญสิ้นศักดิ์ศรี เมียเสมอด้วยมารดาผู้ปรานี เมตตามีแก่เราจนชีพวาย...”

บราลีสะดุดหูหน้าแดงติงน้องอ่านอะไร พณิชยิ้มรู้ทัน บุรณีเย้าว่า

“ภรรยาเจ็ดแบบ แบบเพชฌฆาต แบบโจร แบบเจ้านาย แบบแม่...ถ้าดุอย่างพี่บราลีแต่งงานจะเป็นภรรยาแบบไหนนะ”

พณิชผายมือเชิญบราลีออกไปเต้นรำ เธอห่วงน้องจึงบอกอรุณให้พาบุรณีไปเต้นรำด้วย แต่บุรณีปฏิเสธเพราะอยากอ่านหนังสือมากกว่า อรุณยิ้มอย่างเข้าใจรับปากจะดูแลให้ หญิงสาวอ่านต่อ

“เมียเสมอด้วยน้องนี้น่ารัก ใจสมัครโอนอ่อนตามที่หมาย เมียเสมอด้วยเพื่อนคือเพื่อนตาย ไม่เดียวดายเสมอกันทุกสิ่งไป เมียเสมอด้วยทาสผู้ต่ำต้อย ทุกวันคอยรับใช้ไม่ไปไหน บรรดาเมียทุกเมียที่แจ้งไป เมียยิ่งใหญ่มีหนึ่งนางตามตำรา”

อรุณข้องใจถาม เมียที่ยิ่งใหญ่กว่าเมียทุกแบบเป็นอย่างไร บุรณีคิดถึงริน...สาวกำพร้าที่แม่ของตนเลี้ยงมาแต่เล็ก เติบโตมาพร้อมกัน ตนรักเหมือนพี่น้อง เรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน ดูแลปรนนิบัติพ่อและแม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะตอบว่า

“เธองามนอก งามใน งามมรรยาท เฉลียวฉลาดสมรักสมเสน่หา ซื่อสัตย์ภักดีทุกเวลา ปดิวรัดาหมายถึงเธอ”

“อืม...ปดิวรัดา...ภรรยาผู้ซื่อสัตย์ ผู้ชายคนไหนได้ เมียอย่างนี้ ถือว่าได้ขึ้นสวรรค์ตั้งแต่ยังไม่ตาย”

อรุณพยักหน้าเข้าใจความหมายของคำว่าปดิวรัดา (ปะ-ดิ-วะ-รัด-ดา)

ooooooo

ในขณะเดียวกัน ศรัณย์และดวงสวาทยืนอยู่ริมน้ำของสถานลีลาศ ศรัณย์บอกแก่หญิงผู้เป็นที่รักว่า “แต่ไหนแต่ไร ดวงคือเจ้าชีวิตของผม ทำหน้าอย่างนี้ผมใจคอไม่ดีเลย”

ดวงสวาทสลัดความเครียดออกแล้วชวนชายหนุ่มไปเต้นลีลาศ บอกตนอยากเปิดสมอง...เต้นรำไปได้ไม่เท่าไหร่ ดวงสวาทกับบราลีเกิดชนกัน ดวงสวาทตวาดแว้ดหาว่าบราลีเป็นคนผิด บราลีเถียงว่าเธอเต้นผิดจังหวะมาชนเอง ศรัณย์เห็นท่าไม่ดีดึงดวงสวาทออกมากล่าวขอโทษบราลีและพณิช ดวงสวาทไม่พอใจฮึดฮัดจะไม่ยอมไป พณิชจึงชวนบราลีกลับไปนั่งพัก

บุรณีแปลกใจถามพี่สาวเกิดอะไรขึ้น บราลีบ่น “พวกผู้ดีจอมปลอมน่ะสิมาชนพี่ แทนที่จะขอโทษดันหันมาตวาดเราแว้ดๆ”

อรุณปัดว่าเรื่องเล็กๆอย่าไปสนใจ ทานอาหารกันดีกว่า...ดวงสวาทกลับมานั่งที่ด้วยอารมณ์หงุดหงิด ชรัตน์เดินตามหาจนเจอเข้ามาทัก ศรัณย์เห็นเพื่อนก็ดีใจรีบเชื้อเชิญให้นั่ง ชรัตน์ทักดวงสวาท เธอพยายามสงบอารมณ์ทักทายตอบแล้วขอตัวไปห้องน้ำ

ความจริงแล้วดวงสวาทอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องที่จะต้องพูดกับศรัณย์วันนี้แต่ยังหาโอกาสเริ่มต้นไม่ได้ พอเจอเรื่องอื่นจึงพาลอารมณ์เสีย

ชรัตน์มองไปเห็นบราลีก็ชี้บอกศรัณย์ว่า “ในที่สุดก็เจอหล่อน บราลี บำรุงประชากิจ สาวชุดสีโอลด์โรสนั่นไง” ศรัณย์กำลังเทน้ำให้เพื่อนตะลึงมองจนน้ำหกรดชรัตน์ “เฮ้ย! เปียกหมด ตกใจขนาดนั้นเลยหรือวะ... สวยใช่ไหมล่ะ”

ศรัณย์นึกถึงอดีตที่ยังร่ำรวย คุณหญิงแก้วเอาแหวนทับทิมออกมาบอกว่า

“แหวนวงนี้มีคู่ของมัน อีกวงมีเพชรล้อมด้วย ทั้งชุดอยู่กับครอบครัวบำรุงประชากิจ จำชื่อนี้ไว้นะลูก ท่านเจ้าคุณบำรุงประชากิจเป็นเพื่อนของพ่อ อุตส่าห์ยกลูกสาวให้หมั้นหมายกับลูกตั้งแต่ยังแบเบาะ ข้อตกลงของผู้ใหญ่จะทำเฉยไม่ได้นะลูก”

ศรัณย์ขอปฏิเสธ แก้วตำหนิเป็นเพราะสาวข้างบ้านใช่ไหม...

เสียงชรัตน์ถามว่าไม่เคยเห็นหน้าบราลีมาก่อนเลยหรือ ศรัณย์หยุดคิดถึงอดีตบอกไม่มีใครอยากสมาคมกับปลัดจนๆอย่างตน สัญญาเก่ารุ่นพ่อแม่ป่านนี้คงลืมไปแล้ว ชรัตน์เล่าว่าเคยเจอกับบราลีในงานสมาคมนักเรียนเก่าแต่ไม่ได้เข้าไปทัก ว่าจะเล่าให้ฟังคงลืม ศรัณย์ปัดว่าไม่มีใครอยากมาดองกับคนที่พ่อฆ่าตัวตายบนกองหนี้สิน ชรัตน์รู้จักเพื่อนดีดักคอ

“นายก็ไม่อยากดองกับเขาเหมือนกัน หัวใจของนายเต็มไปด้วยคุณดวงสวาท เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมายังรักกันอีก ถามจริงๆไม่เบื่อหรือวะ”

ศรัณย์บอกว่าวันนี้จะขอเธอแต่งงาน ชรัตน์ตกใจไม่คิดว่าจะกะทันหันแบบนี้...ศรัณย์ตามออกมาหาดวงสวาทที่ยืนอยู่ริมน้ำ คิดว่าเธอยังหงุดหงิดเรื่องเมื่อครู่ เขาตัดสินใจเข้ายืนตรงหน้าหันหลังให้แม่น้ำ ถอยไปจนหมิ่นเหม่และกล่าว

“คนไม่มีต้นทุนอย่างผม มีแต่กำลังกายเท่านั้นเป็นที่พึ่ง ของธรรมดาสักชิ้น ถ้าผมอยากได้ผมก็ต้องสู้ ยิ่งถ้าเป็นของพิเศษถ้าผมอยากได้ ผมก็ต้องเสี่ยง...”

ดวงสวาทตกใจว่าเขากำลังจะทำอะไรบอกให้ขยับเข้ามา “ผมชอบทำในสิ่งที่คนอื่นกลัว ผมบอกกับตัวเอง ผมต้องไม่ตาย ผมต้องไม่แพ้” ศรัณย์เอากล่องแหวนเพชรออกมา “ผมเสี่ยงชีวิตแลกมันมาเพื่อเป็นหลักประกันว่า การแต่งงานของเรานับจากนี้ ผมจะเอาชีวิตทั้งชีวิตเข้าแลกเพื่อดูแลคุณ แต่งงานกับผมนะครับ”

ดวงสวาทอึ้งปฏิเสธไม่ออก ร้องไห้โฮแทนก่อนจะบอกเขาว่า พ่อกับแม่บังคับให้แต่งงานกับคุณชาย

นริศสิ้นเดือนนี้ ศรัณย์คิดถึงสายตาท่านทั้งสองที่มองมา แล้วถามคนรักว่าจะแต่งหรือไม่ หญิงสาวสะอื้นอ้างไม่อยากเป็นลูกอกตัญญู และกล่าวคำขอโทษที่ไม่อาจแต่งงานกับเขาได้

“ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลกผมก็แพ้อยู่ดี เขามีมากกว่า ผมทุกอย่าง ชาติตระกูล เกียรติยศ เงินทอง เพราะแบบนี้ ใช่ไหม”

ดวงตาศรัณย์เจ็บปวด รู้สึกต่ำต้อยและพ่ายแพ้ที่สุดในชีวิต ปล่อยตัวหงายหลังตกน้ำตูมจมหายไป

ดวงสวาทกรีดร้องให้คนช่วยศรัณย์ เจ้าหน้าที่ของร้านกระโดดลงไปสองสามคน ชรัตน์วิ่งมาเห็นสีหน้าเพื่อนที่ถูกช่วยขึ้นมา รู้ว่าเพื่อนเจ็บปวดหมดอาลัยตายอยาก

ooooooo

ในคฤหาสน์บำรุงประชากิจ ริน...สาวสวยที่ถูกเลี้ยงมากึ่งคนรับใช้ คอยดูแลบราลีและบุรณี รวมทั้งไปเรียนหนังสือด้วยกัน เธอเป็นทั้งแม่บ้านแม่เรือน ได้รับการอบรมจากเพ็ญแขเป็นอย่างดี เธอปลูกต้นมะลิไว้มากมายเพื่อนำมาร้อยมาลัยทุกวัน

วันนี้รินกำลังนั่งร้อยมาลัย บุรณีนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ห่าง อรุณสอนบราลีเต้นรำ เพ็ญแขเดินนำแจ๋วยกของว่างมาวางแล้วติงลูกสาวเต้นอะไรไม่น่าดูเลย เหมือนแหม่มกะปิน่าเกลียด อรุณขำอธิบายว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว สาวๆต้องเข้าสังคม เพ็ญแขตัดบทไม่อยากเข้าใจ ชวนให้ลูกๆมาช่วยร้อยมาลัยถวายพระดีกว่า วันนี้วันพระ สองสาวยิ้มแหยๆฝากรินจัดการให้แทน

“ได้ค่ะ แต่คืนนี้ต้องไปสวดมนต์เองนะคะ พรุ่งนี้จะสอบจะได้สมองโปร่งไงคะคุณบุรณี”

“ตกลงวิชาความรู้ของคุณหญิงเพ็ญแขตกเป็นของคนใช้หมดสินะ ไม่มีลูกคนไหนคิดจะสืบทอดสักคน” เพ็ญแขติง

“ยัยรินนี่ไงคะผู้สืบทอด แม่ของเขาเอามาทิ้งให้คุณแม่เลี้ยง ก็เท่ากับยกให้เป็นลูก ยัยรินได้วิชาอาหาร ดอกไม้ เสื้อผ้า เดี๋ยวเขาก็สืบทอดให้คุณหญิงเพ็ญแขเองล่ะน่า” บราลีกระเซ้า

รินออกตัวว่าตนเป็นเพียงคนรับใช้ บุรณีแย้งว่าพ่อกับแม่ส่งเสียให้เรียน คนใช้ที่ไหนจะเรียนสูง แจ๋วเห็นด้วยเพราะส่งตนก็คงไม่เรียนมีผัวสนุกกว่า เพ็ญแขหยิกแจ๋วที่พูดจาน่าเกลียดแล้วเดินนำแจ๋วออกไป อรุณเหน็บว่า

“ยัยบุบอกรินเป็นพี่สาวนี่พอเข้าใจ แต่ยัยราลีเนี่ย ใช้งานรินตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน อันนี้พี่ยังแคลงใจนะ”

“คุณอรุณล่ะก็ อย่าแกล้งคุณราลีสิคะ ดิฉันทำได้ค่ะ” รินปราม

บราลีโกรธที่ถูกขัดคอไล่อรุณให้ปีนรั้วกลับบ้านไปเลย เขาหัวเราะแอบกระซิบกับรินว่าการบ้านการเรือนเพียบพร้อมแบบนี้มีคนจองหรือยัง ถ้าไม่มีตนจอง รินส่ายหน้าอย่ามาล้อเล่น เดี๋ยวลูกผู้ดีคนไหนมาได้ยินเขาจะหมดโอกาส อรุณยิ่งขำเอ็นดูความน่ารักเพียบพร้อมของริน

ooooooo

ในขณะที่ศรัณย์เศร้าซึมอิดโรยอยู่กับบ้านพักที่ราชบุรี ชรัตน์กับแก้วยืนมองอ่อนใจ แก้วบ่นว่าศรัณย์ลาพักร้อน วันๆไม่พูดจากับใคร ข้าวก็ไม่กินเอาแต่นั่งเหม่อ ชรัตน์รู้ว่าเป็นเพราะดวงสวาทจะแต่งงานอาทิตย์หน้า แก้วหนักใจ

“ความสวยของดวงสวาทเหมือนมีมนต์ ศรัณย์ตกเป็นทาสของเธอตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนพ่อแม่ของดวงสวาทก็ยินดี แต่พอตอนหลัง...” ชรัตน์บอกหลังจากที่เจ้าคุณนิติสิ้น แก้วพยักหน้า “ท่านเจ้าคุณติดหนี้จนต้องฆ่าตัวตาย จากคนรวยกลายเป็นคนจน เพื่อนแทบทุกคนกลายเป็นคนไม่รู้จัก รวมทั้งพ่อแม่ของดวงสวาทด้วย”

“คุณชายนริศเพิ่งกลับจากนอก ชาติตระกูลไม่มีที่ติ พ่อแม่ทุกคนคงอยากจับลูกสาวใส่พานถวายให้ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับคุณน้า”

แก้วคิดว่าวิธีแก้อกหักที่ดีที่สุด คือการมีรักครั้งใหม่ ชรัตน์อึ้งจะเป็นไปได้อย่างไร...

แก้วจัดแจงเขียนจดหมายถึงเจ้าคุณบำรุงประชากิจเพื่อทวงสัญญาหมั้นหมายของลูกๆ...พอศรัณย์ได้อ่านจดหมายก็ไม่พอใจ ต่อว่าแม่ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตนบ้าง ปลัดจนๆอย่างตนไปทวงสัญญาขอลูกสาวเขาแต่งงาน แก้วท้วงให้อ่านดีๆแม่เป็นคนขอไม่ใช่เขา

“พ่อของลูกกับท่านเจ้าคุณเป็นเพื่อนรักกัน ตอนลูกอายุได้สามสี่ขวบ พอได้ข่าวว่าท่านเจ้าคุณมีลูกสาว ทั้งสองก็ทำสัญญาให้ลูกๆได้แต่งงานกัน”

“คำว่าเพื่อนรักเราไม่มีมาตั้งแต่เราหมดตัว ทางนั้นก็หายจากชีวิตเราไปตั้งนานแล้ว เขาจะเรียกเราว่าเพื่อนรักอีกเหรอครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ปกติคุณแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้”

แก้วปลอบว่าดวงสวาทแต่งงานไปแล้ว ให้เขาหัดมองหญิงอื่นบ้าง ศรัณย์อึ้งอ้างป่านนี้ทางนั้นลืมสัญญาไปแล้ว ไม่มีทางยกลูกสาวให้ตน แก้วจึงบอกถ้าทางนั้นไม่ยอมตนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้ายอมขึ้นมาเขาต้องแต่งงาน เขาส่ายหน้า แก้วย้ำว่าเป็นความต้องการของพ่อ ถือเสียว่าทำให้พ่อ ศรัณย์ชะงักในใจดื้อแพ่ง

“ก็ได้ แต่ผมจะย้ายไปเป็นปลัดที่หัวเมืองปักษ์ใต้ คำสั่งลงมาแล้ว ผมต้องไปสิ้นเดือนนี้”

แก้วตกใจในเมื่อเขายังต้องอยู่ราชบุรีอีกสองปี ศรัณย์ยอมรับว่าอาสาไปเอง และให้แม่เขียนจดหมายบอกเจ้าคุณด้วยว่า แต่งงานกับตนแล้วต้องใช้ชีวิตที่ปักษ์ใต้ ถ้ายอมตนก็จะแต่ง ศรัณย์ชี้ไปที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านว่าจดหมายจะมาส่งทุกวันพฤหัสฯ ถ้าสี่สัปดาห์ไม่มีจดหมายตอบรับ แม่ต้องลืมเรื่องนี้และหยุดเซ้าซี้ตน

แก้วคิดสักครู่ก่อนจะตกลง ศรัณย์มั่นใจว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมให้ลูกสาวมาลำบากกับปลัดจนๆที่ปักษ์ใต้แน่ แก้วงงมีอะไรกันแน่ที่ปักษ์ใต้

ooooooo

เจ้าคุณบำรุงได้รับจดหมาย แล้วจำความสัมพันธ์อันดีของตนกับเจ้าคุณนิติได้ดี เพ็ญแขเอาเครื่องชุดทับทิมออกมาดูอย่างไม่เห็นด้วย บอกผู้เป็นสามีว่าลูกสาวกำลังสดใส จะตัดใจส่งไปแต่งงานจริงหรือ ทั้งสองมองไปที่บราลีที่กำลังหัดเต้นรำอย่างสนุกสนาน

“เราไม่เคยบอกเรื่องนี้กับบราลี เพราะไม่นึกว่าเขาจะมาทวงสัญญา”

“ศักดิ์เขาเป็นเพื่อนรักชนิดตายแทนกันได้ ทุกวันนี้ฉันยังเสียใจที่เขาไม่ให้โอกาสฉันเลย เขาไม่ควรคิดสั้นแบบนั้น น่าจะให้โอกาสฉันได้ช่วยเขาบ้าง”

“ท่านเจ้าคุณบำรุงกับท่านเจ้าคุณนิติมีภาระต้องรับราชการต่างจังหวัดทั้งคู่ คนหนึ่งขึ้นเหนือ อีกคนต้องไปอีสาน พออีกคนไปอีสานอีกคนก็ลงใต้ จำต้องห่างกันไปโดยปริยาย พ่อศรัณย์ที่ว่าเห็นครั้งสุดท้ายก็ยังแบเบาะ”

เจ้าคุณบำรุงบอกว่าตนตามข่าวอยู่ได้ยินว่าศรัณย์เรียนจบธรรมศาสตร์ การงานก้าวหน้า แต่เพ็ญแขก็ไม่เห็นด้วยที่จะส่งลูกไปเป็นคุณนายปลัดตามหัวเมืองแบบนั้น เจ้าคุณคิดว่าจะคุยกับบราลีเองเพราะอยากตอบแทนความเป็นเพื่อนรักกับเจ้าคุณนิติที่ตายจากไป...ก็พอดีพณิชมาขออนุญาตพาบราลีออกไปทานข้าวเย็น ด้วยกลัวจะน่าเกลียดจึงชวนอรุณฤกษ์มาด้วย เจ้าคุณบำรุงให้บุรณีไปเป็นเพื่อนบราลี และถามรินอยากไปก็อนุญาต แต่รินขอไม่ไปอยากอบผ้าให้เสร็จ

เพ็ญแขถือโอกาสที่รอบุรณีไปแต่งตัวชวนบราลีมาคุยลำพัง ถามลูกคิดอย่างไรกับพณิช หญิงสาวเขินอายไม่คิดว่าแม่จะถามตรงๆ จึงบอกว่าเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เอาอกเอาใจดี

“งั้นบอกเขานะให้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอลูกซะ”

“ให้ลูกถามแล้วมันไม่น่าเกลียดหรือคะ ปกติคุณแม่ให้ลูกระมัดระวังเรื่องพวกนี้”

“ทำซะ ถ้าชอบพณิชเขาจริงๆก็รีบทำ แม่ช่วยหนูได้เท่านี้”

บราลีงงกับคำพูดเร่งรัดของแม่...ในขณะที่รินนำพวงมาลัยที่ร้อยมาไหว้พระสวดมนต์เช่นเคย แจ๋วเห็นรินกราบพระห้าครั้งก็แปลกใจถาม รินตอบว่า ตนไหว้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เจ้าคุณและคุณหญิงซึ่งเปรียบเหมือนพ่อและแม่ สำหรับตนยินดีให้ทั้งชีวิตแก่ท่านทั้งสองที่เลี้ยงดูตนมา แจ๋วติงพูดต่อหน้าพระระวังจะได้ถวายชีวิตจริงๆ รินยินดีอย่างจริงใจ

สัปดาห์แรก แก้วมองบุรุษไปรษณีย์ที่ขี่จักรยานผ่านบ้านไป ศรัณย์แอบขำ แก้วค้อนขวับ

ด้านพณิชพาลุงมาพบเจ้าคุณบำรุงและเพ็ญแข เพราะพ่อแม่ของเขาเสียหมดแล้ว

“พณิชมีกิจการค้าขึ้นล่องภาคใต้กับพระนคร ฐานะของเราจัดว่าดีพอจะเลี้ยงดูคุณหนูให้มีความสุขได้ หากไม่รังเกียจผมใคร่จะสู่ขอหนูบราลีให้กับพณิชหลานชายของผม”

เจ้าคุณบำรุงอึกอักอ้างว่าลูกยังเด็ก บราลีขัดขึ้นว่าตนไม่เด็กแล้ว ตนตกลง บุรณีซึ่งแอบดูอยู่กับรินตกใจที่พี่สาวกล้าพูดออกไปแบบนั้น รินหวั่นใจจะโดนเพ็ญแขเอ็ด แต่กลับเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเพ็ญแข บุรณียิ่งตกใจถามรินเห็นอย่างที่ตนเห็นไหม รินพยักหน้าอย่างงงๆ

เจ้าคุณถามบราลีว่าชอบพณิชขนาดนั้นเลยหรือ หญิงสาวยิ้มอายๆ เพ็ญแขสรุปว่า

“อย่างนี้ดีไหมคะ เอาเป็นว่าหมั้นกันไว้ก่อน ในเมื่อท่านเจ้าคุณเห็นว่าลูกยังเด็กก็รอสักสองสามปีค่อยแต่ง”

พณิชยินดี เจ้าคุณคิดหนักจะทำอย่างไรกับเรื่องสัญญาเก่า รินกับบุรณีลุ้นว่าเจ้าคุณจะตอบอย่างไร แล้วท่านก็ตอบออกมาว่าตามใจ...เพ็ญแขโล่งอก

สัปดาห์ต่อมา แก้วลุ้นเมื่อเห็นบุรุษไปรษณีย์มาหยุดก้มๆเงยๆอยู่หน้าบ้าน จึงร้องถามว่ามีจดหมายบ้างไหม เขาเงยหน้ามาพร้อมดอกพุดเสียบคาจมูก ชมว่าช่างหอมเหลือเกิน แก้วเคืองประชดอยากได้ก็เอาไปทั้งกระถาง เขากลับยกไปจริงๆ ศรัณย์หัวเราะร่าบอกแม่ว่าเหลืออีกสองพฤหัสฯ แก้วค้อนให้อีกหนึ่งวง

ooooooo

แม้อะไรจะเปลี่ยนไปแต่เจ้าคุณบำรุงก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ เอ่ยปากกับเพ็ญแขว่ายังเหลือบุรณีอีกคน เพ็ญแขชะงักหน้ามุ่ยไม่พอใจ “นี่ท่านเจ้าคุณยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกหรือคะ”

“เมื่อคืนฉันฝันถึงนายศักดิ์ ฝันถึงตอนรุ่นหนุ่มที่ไปเที่ยวตกปลาด้วยกัน เขาคงมาทวงสัญญา ถ้าฉันทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ฉันคงตายตาไม่หลับ ข้อสัญญาไม่ได้บอกว่าลูกสาวคนไหน บุรณีก็เป็นเด็กน่ารัก ทางเขาคงไม่ว่าอะไร”

“คุณฝันร้ายถึงคนที่ตายไปแล้ว แล้วลูกเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าต้องแต่งงานไปกับคนเลวคนชั่ว คุณคิดรึคะว่าคุณจะตายตาหลับ”

รินซึ่งนั่งทำงานอยู่มุมหนึ่งได้ยินเรื่องราวรู้สึกสงสารบุรณี...เพ็ญแขไม่ไว้ใจที่จะให้ลูกสาวไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ เจ้าคุณเน้น “ฉันสอบถามมาแล้วจากคนที่เชื่อถือได้หลายคน ศรัณย์เรียนเก่ง จบรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เจ้านายและเพื่อนๆรักเขาทุกคน ที่สำคัญเขาขยันทำงานมาก เป็นเด็กที่มีอนาคต บุรณีก็เป็นลูกฉันเหมือนกันจะยกเขาให้ใครฉันก็เป็นห่วง”

เพ็ญแขยอมจำนน ให้ลองถามความสมัครใจลูกก่อน...เจ้าคุณจึงเรียกบุรณีมานั่งคุย ปูเรื่องว่าลูกเรียนจบแล้วมีแผนจะทำอะไร ดูแล้วลูกเป็นคนสบายๆมีหนังสือเล่มเดียวก็อยู่ได้ บุรณียิ้มๆ

“คุณแม่พูดเสมอผู้หญิงเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่หนูอยากสอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาจะได้เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย”

เพ็ญแขแย็บว่าควรคิดเรื่องแต่งงานบ้าง บุรณีคิดว่าการแต่งงานเหมือนกรงขัง เจ้าคุณติงคิดพิลึก รินทำทีเด็ดดอกมะลิแต่ที่จริงแอบฟัง บุรณีถามทำไมจะเรียน สูงๆแบบผู้ชายบ้างไม่ได้

“เพราะจะเก่งเกินหน้า ไม่มีผู้ชายที่ไหนอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เก่งกว่าตัวเองหรอก”

“สมัยนี้ไม่เหมือนยุคคุณแม่แล้ว นับจากนี้ต่อไปผู้หญิงจะเข้ามาทำงานเป็นหลักให้กับชาติบ้านเมืองมากขึ้น”

เจ้าคุณถามถ้าลูกต้องแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อเลือกเพื่อแสดงความกตัญญูจะได้ไหม พ่อกับแม่พบกันครั้งแรกก็วันแต่งงาน เป็นเรื่องธรรมดาของคนยุคเรา และสอน “ชีวิตที่นำด้วยอารมณ์ อารมณ์จะพาไปขึ้นสวรรค์ พาไปลงนรก เป็นไปได้ทั้งสองทาง แต่ชีวิตที่นำด้วยหน้าที่ หน้าที่ความรับผิดชอบจะพาไปทิศทางเดียว คือพาไปสู่สิ่งที่ดีงาม”

รินอึ้งกับคำสอนของเจ้าคุณ มันช่างน่าฟังมากในความรู้สึกตน แต่บุรณีกลับร้องไห้พูดไม่ออก...คืนนั้นรินต้องกอดปลอบบุรณีที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น บราลีเข้ามาฟังเรื่องราวแล้วเครียด เหตุนี้เองแม่ถึงเร่งให้ตนแต่งงาน บุรณีสะอื้นที่ตนไม่มีคนรักแม่ถึงช่วยไม่ได้ เพ็ญแขแอบฟังลูกๆปรับทุกข์กันด้วยความสงสาร

เช้าวันใหม่ แก้วเฝ้ารอจดหมายจนบุรุษไปรษณีย์ผ่านมา จึงแกล้งถามจะเอาอะไรอีก เขาบอกว่าเอาจดหมายมาส่ง แก้วดีใจรีบรับมาชูให้ศรัณย์ดู ทวงสัญญา “ลูกผู้ชายในยุคของพ่อรักษาสัจจะ เพราะถือว่าเป็นศักดิ์ศรี ท่านเจ้าคุณไม่มีทางลืมสัจจะของท่าน”

ศรัณย์กลืนน้ำลายเถียงไม่ออก จู่ๆบุรุษไปรษณีย์กลับมาดึงจดหมายจากมือแก้วแล้วโค้งคำนับ “ผมกราบขอโทษครับคุณปลัด คุณหญิง จดหมายของบ้านนั้นครับ ผมส่งผิด”

ศรัณย์หัวเราะก๊าก แล้วบอกว่าจะไปเริ่มเก็บของ พฤหัสฯหน้าถ้าไม่มีจดหมาย ตนจะออกเดินทางไปปักษ์ใต้ทันที

ขณะเดียวกันเจ้าคุณบำรุงจดๆจ้องๆจะเริ่มเขียนจดหมายอย่างไรดี รินยกน้ำชามาวางให้ เจ้าคุณถามถึงบุรณีหยุดร้องไห้หรือยัง เธอบอกว่าหยุดเป็นพักๆ เจ้าคุณเปรยอย่างทุกข์ใจ ถ้าบุรณีไม่ยอมตนตายไปคงไม่มีหน้าไปพบเพื่อน...รินเดินออกมารู้สึกในบ้านเต็มไปด้วยความทุกข์ เพ็ญแขนั่งเศร้าอยู่ในห้องพระ รินจึงเอาผ้าคลุมไหล่มาคลุมให้เพราะเห็นว่าอากาศเย็น

เพ็ญแขถาม ตนนั่งอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ รินก้มลงนวดขาให้เกรงจะเป็นเหน็บ เพ็ญแขมองความเอาใจใส่ของรินแล้วเปรยว่า พ่อแม่ที่ทิ้งเธอคิดอย่างไรนะถึงทิ้งเด็กดีอย่างเธอไว้บ้านเรา

“มารหัวขนอย่างหนูเขาไม่สนใจหรอกค่ะ ถ้าวันนี้ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงไม่เมตตา หนูคงไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีชีวิตที่ดีอย่างวันนี้”

“กิริยามารยาท ความขยันความซื่อสัตย์ จะทำให้หนูมีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ชายที่ได้หนูไปต้องโชคดีกว่าสามีของ บราลีและบุรณีแน่”

รินไม่ได้นึกถึงตัวเองสักนิด กลับเป็นห่วงบุรณีที่ร้องไห้ไม่หยุด เพ็ญแขโพล่งขึ้น ถ้าอยากช่วยพวกเราให้หมดทุกข์จริงๆ ช่วยแต่งงานกับศรัณย์แทนบุรณีได้ไหม รินตาโพลงด้วยความตกใจ เพ็ญแขลูบแขนลูบไหล่รินทวงบุญคุณ “เราสองคนเลี้ยงหล่อนเหมือนลูกหลาน ความรู้การศึกษา การอบรมไม่มีอะไรด่างพร้อย ถ้าหล่อนตกลง ท่านเจ้าคุณก็ไม่เสียสัจจะ ยัยบุก็ไปเรียนหนังสือต่อตามที่ตั้งใจได้...เป็นคุณนายปลัดอำเภอมันก็ไม่เลวนะริน”

รินอึ้งไม่อาจปฏิเสธใดๆได้ เพ็ญแขยิ้มอย่างมีความหวังขึ้น...จากนั้นเพ็ญแขก็นำความมาบอกเจ้าคุณบำรุง อ้างว่าเราเลี้ยงรินมาเหมือนลูก เจ้าคุณตกใจเพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ลูก เพ็ญแขสวน “ก็ทำให้มันใช่! จดทะเบียนรับรินเป็นลูกบุญธรรมสิคะ”

เจ้าคุณกังวลใจว่ารินยอมหรือไม่ เพ็ญแขมองหน้ารินซึ่งนั่งพับเพียบอยู่เชิงถาม รินใช้คำสอนของเจ้าคุณเป็นคำตอบ “ชีวิตที่นำด้วยอารมณ์ อารมณ์จะพาไปขึ้นสวรรค์ไปลงนรก เป็นไปได้ทั้งสองทาง แต่ชีวิตที่นำด้วยหน้าที่ หน้าที่ความรับผิดชอบจะพาไปทิศทางเดียว คือพาไปสู่สิ่งที่ดีงาม...หน้าที่ของเด็กที่แม่เอามาทิ้งอย่างรินมีเพียงอย่างเดียวคือตอบแทนพระคุณท่านทั้งสอง”

“เจ้าเป็นเด็กฉลาด มีหัวคิดเหมือนเคย” เจ้าคุณชมเชย เพ็ญแขยิ้มพอใจ

เจ้าคุณลงมือเขียนจดหมายตอบรับ รินเป็นคนนำไปหยอดตู้กับมือด้วยความเศร้าใจ ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าบ้าง

ooooooo

ขณะที่ศรัณย์กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เสียงไปรษณีย์ร้องเรียก เขารีบวางมือวิ่งออกมา แก้วกำลังรับจดหมาย บุรุษไปรษณีย์บอกว่าคราวนี้แน่นอน ตนตรวจสอบแล้ว

แก้วตื่นเต้นดีใจเปิดอ่านแล้วบอกลูกชายว่า ทางนั้นตอบตกลง ศรัณย์หน้าเสีย “เป็นไปได้ยังไง เขาส่งลูกสาวมาแต่งกับผมทำไมหรือเขาไม่รู้ข่าว”

แก้วชักสงสัยว่าทางปักษ์ใต้มีข่าวอะไร ศรัณย์ไม่ตอบบอกแต่ว่าพรุ่งนี้จะเดินทาง ตนให้แม่อยู่ด้วยแค่เดือนเดียวแล้วต้องกลับพระนคร แก้วไม่ยอมจะอยู่จนกว่าจะเสร็จงานแต่งงาน...

เมื่อสองสาวรู้เรื่องที่รินต้องไปแต่งงานแทนก็รู้สึกผิด รินพยายามปลอบใจตัวเองและบราลีกับบุรณีว่าตนดีใจที่ได้ทดแทนบุญคุณทุกคน...รินต้องมาเปลี่ยนชื่อที่อำเภอเป็นบราลีและจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าคุณบำรุงกับเพ็ญแข ส่วนบราลีเปลี่ยนชื่อเป็น...บรานี

วันต่อมา รินก้มกราบเจ้าคุณบำรุงและเพ็ญแขเพื่อเดินทางไปปักษ์ใต้ เจ้าคุณย้ำว่าความดีจะปกป้องคุ้มครอง จงเป็นคนดีให้ผู้อื่นเมตตาเหมือนที่ทำมา รินรับคำ บุรณีให้รินเขียนจดหมายมาทุกอาทิตย์ บรานีบ่นว่าไม่มีรินตนต้องแย่แน่ๆ แจ๋วร้องไห้โฮเพราะต้องทำงานหนักขึ้น...

บนรถไฟ รินนอนไม่หลับครุ่นคิดว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง คิดถึงคำสอนของเจ้าคุณ คำบอกเล่าของเพ็ญแขที่ว่าตัวเธอก็พบหน้าสามีวันแต่งงานเช่นกัน รินอยากรู้ว่าเธอกลัวอย่างที่ตนกลัวอยู่หรือไม่...พอรถไฟมาถึงสถานีสงขลา รินลงมามองไปรอบๆอย่างเดียวดาย

ที่บ้านพักปลัดซึ่งยังมีต้นไม้รกรุงรัง เสนอขับรถมาจอดเห็นแก้วยืนกังวลใจอยู่ เขารีบรายงานว่าศรัณย์หายไปไหนไม่รู้ ตนเลยรีบกลับมาก่อน แก้วถอนใจ “แย่จริงๆ เขาเดินทางจากพระนคร จากพ่อจากแม่มาแทนที่ให้การต้อนรับอย่างดี นี่อะไร วันแรกที่เจอกันก็สายเสียแล้ว”

เสนอรีบขับรถพาแก้วมารับรินที่สถานีรถไฟ แก้วเรียกบราลี เธอสะดุ้งยังไม่ชินกับชื่อนี้เท่าไหร่ และยังพูดตะกุกตะกักเรียกแก้วว่าคุณหญิงแทนที่จะเรียกว่าคุณแม่ ต้องเรียกเจ้าคุณกับเพ็ญแขว่าพ่อแม่ก็เรียกผิดๆถูกๆเป็นเจ้าคุณกับคุณหญิง แถมยังแย่งเสนอถือกระเป๋าเองด้วยความเคยชินที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองและรับใช้คนอื่น

ศรัณย์แอบกลับมาบ้านนั่งชื่นชมปืน สายเดินมาเจอแปลกใจถามไม่ไปรับเจ้าสาวหรือ เขาไม่ตอบถือปืนเดินไปฝึกยิงหลังบ้าน...แก้วพารินกลับมา รินลงจากรถมองบ้านที่ดูรกด้วยรู้สึกว่านี่หรือชีวิตใหม่ของตน แก้วพอเข้าใจความรู้สึกจึงบอกว่าที่นี่ไกลปืนเที่ยงเหลือเกินคงไม่สะดวกสบายเหมือนที่บ้าน รินรีบแก้ตัวว่าตนอยู่ได้เพียงแค่ไม่เคยจากบ้านไปไหนไกล แก้วเอ็นดูสงสาร

“โถ...ลูกมีแม่คนนี้อยู่ มีอะไรก็ปรับก็แก้กันไปนะลูก” แก้วจับมือรินสร้างความอบอุ่นใจและสาธยายว่าที่นี่ตนเพิ่งย้ายมาอยู่ได้สองสามวัน และแนะนำเสนอว่าเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงดูแลศรัณย์แต่เล็ก นิสัยไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เดี๋ยวก็คงรู้เอง ไม่ทันไรเสนอก็ร้องลั่นเพราะโดนประตูรถหนีบมือ ทั้งสองขำ แก้วบอกว่าเสนอเป็นคนซุ่มซ่ามและดวงซวยมาก

เสริมลูกชายของสายวิ่งมาบอกศรัณย์ว่าเจ้าสาวมาถึงแล้ว สวยมากอย่างกับนางฟ้า ศรัณย์เดินมามองทำท่าไม่ไยดีเท่าไหร่แต่แล้วต้องตะลึงเมื่อสบตาริน รินเองก็มองทำนองนี่หรือคือสามีในอนาคต แก้วแนะนำกับรินว่านี่คือ...ศรัณย์ ศิวะเวทย์ และแนะนำกับศรัณย์ว่านี่คือ...บราลี บำรุงประชากิจ

ศรัณย์อึ้งพึมพำว่าไม่ใช่ แล้วหัวเสียที่คิดจะมาหลอกกัน จึงเผลอหันกระบอกปืนไปทางเธอ รินสะดุ้งกลัวมาก แก้วเอ็ดลูกชายทำไมไม่รับไหว้ แถมยังหันปืนมาอีก เสนอวิ่งมารับปืนไปเก็บ บ่นทักทายอะไรแบบนี้ใจหายไปถึงตาตุ่ม แก้วถามลูกเป็นอะไร

ศรัณย์ตอบกำกวม “ตอนที่เราหมดตัว จู่ๆคนรู้จักก็เมินเฉยใส่เรา นั่นเรียกว่าเจ็บแล้ว แต่วันนี้ผมเพิ่งรู้ ระหว่างเมินเฉยกับเสแสร้งโกหกเพราะสมเพชเวทนา อันหลังเจ็บกว่าหลายเท่า!”

แก้วไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกพูด รินหวั่นใจ แก้วพารินมาที่ห้องพักซึ่งเป็นเรือนหลังเล็ก บอกแก่เธอว่าเรือนหน้าไว้เป็นเรือนหอตอนนี้อยู่กับตนที่เรือนหลังไปก่อน รินถามทำไมแก้วถึงไม่อยู่เรือนหน้า แก้วตอบว่ามันมีสองห้องเท่านั้น อยู่เรือนหลังมีทั้งเสนอและสายกับเสริม ทั้งสองเพิ่งมาอยู่เมื่อวาน มีอะไรก็ค่อยๆตักเตือนกันไป รินยิ้มรับคลายความกังวลเรื่องศรัณย์ลงบ้าง

เสริมชื่นชมความสวยหวานของรินอย่างมาก เสนอกับสายทำความรู้จักกัน สายโอ้อวดว่าตนเคยทำงานบ้านผู้ว่ามาก่อน ฉะนั้นฝีมือทำอาหารของตนไม่ต้องห่วง เสนอแอบชิมแกงส้มแล้วต้องถุยทิ้ง แอบบ่นเจ้านายตนผอมแน่คราวนี้

เมื่ออาหารจัดขึ้นโต๊ะ แก้วชวนรินและศรัณย์ให้ทานข้าว ทั้งสามตักอาหารเข้าปากแล้วต่างชะงักกับรสชาติที่ไม่เอาไหนแต่ไม่กล้าติเตียน รินพยายามจะสบตาศรัณย์ทำความรู้จักแต่เขากลับพูดขึ้นลอยๆว่าหน้าหวาน...รินเขิน แก้วแย็บถามหมายถึงสวยใช่ไหม ศรัณย์ลุกเดินไปอุ้มลูกสุนัขที่วิ่งเข้ามา

“มาจากไหนก็ไม่รู้...น่ารัก น่ารักมากๆ ว่าไง...”

รินหน้าเสียที่เขาหมายถึงสุนัข เสริมวิ่งเข้ามาขอโทษที่มันมาวุ่นวาย ตนเจอมันหลงมาจึงจับอาบน้ำให้ข้าวมันกิน แล้วขออนุญาตเลี้ยง ศรัณย์ไม่ว่าอะไรกลับบอกว่ามันตัวเมียให้ชื่อมันว่าหน้าหวาน เสริมชอบใจ แก้วเคืองลูกชายสงสารริน ศรัณย์ไม่สนใจขอตัวไปทำงานแล้วเดินไปราวกับรินไม่มีตัวตน เธอหน้าซีดเหมือนจะร้องไห้

คืนนั้นรินนอนหน้าเตียงแก้ว เธอฝันว่าศรัณย์ต่อว่าเธอหลอกลวง เธอไม่ใช่บราลี แล้วยิงเข้ากลางอกเธอ รินสะดุ้งตื่นหายใจหอบมือสั่นด้วยความกลัว ไม่รู้ชีวิตต่อไปจะเจออะไร

เช้าวันใหม่ เพ็ญแขไปตลาดได้ยินคุยกันเรื่องโจรเหิมเกริมที่ปักษ์ใต้ก็ตกใจมาก กลับมาบ้านต่อว่าเจ้าคุณบำรุงรู้เรื่องนี้แล้วทำไมไม่บอกยังส่งรินไปอีก

บรานีกับบุรณีพลอยตกใจไปด้วย เจ้าคุณอธิบายว่า

“ที่ฉันปกปิดเพราะความกังวลไม่ก่อประโยชน์อะไรแก่ใครเลย เสือขาวมันกำเริบขึ้นมา เพราะคำลือของชาวบ้าน ลือว่าโจรก๊กนี้มันเรียนวิชาอาคม...ขุนโจรที่เป็นหัวหน้าชื่อว่าเสือขาว ตั้งตนเป็นพี่ใหญ่ ขุนโจรที่เหลือมีเสือบาง เสือกิจและสมุนอีกหลายคน”

แก้วเพิ่งเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ โวยศรัณย์นี่ใช่ไหมเรื่องที่ปกปิด รินได้ยินหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน...ปักษ์ใต้เดือด เสือขาวเหิมเกริมหนัก ออกปล้นฆ่าไม่เว้นวัน...ศรัณย์เล่าว่าเดิมเสือขาวก็ปล้นควายปล้นคนเดินทาง แต่พักหลังร่วมก๊วนกันเหิมเกริมเริ่มเข้ามาในเมืองปล้นฆ่าชาวบ้าน ไม่มีข้าราชการเก่งๆยอมลงมาทำงาน ชาวบ้านต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว

ก่อนหน้านี้อธิบดีเทพทักท้วงไม่ให้ศรัณย์ไป เขาไม่ฟังอ้างว่าตัวเองถูกฝึกมาทุกอย่าง ไม่ยอมแพ้คนเถื่อนพวกนั้น เทพหาว่าเขาบ้าบิ่นจะเอาเงินรางวัลนำจับไปขอผู้หญิงแต่งงานหรือ เขาสลดลงบอกไม่มีผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว และย้ำคำสอนของเทพทำให้เขาต้องอึ้ง “ผมจำได้ ข้าราชการเป็นข้าพระเจ้าอยู่หัว เป็นบ่าวของประชาชน ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป ผมจำได้ไม่เคยลืม”...

เสียงเจ้าคุณบำรุงยังเล่าให้ภรรยาและลูกๆฟังว่า ตนอดชื่นชมในตัวศรัณย์ไม่ได้ ตนสอบถามหลายคน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าศรัณย์เป็นคนเก่ง เป็นปลัดนักบู๊ที่มีฝีมือ แต่เพ็ญแขถอนใจปลงๆ “คนเราอยู่ที่ไหนถ้าถึงคราวตายก็ตายได้ ท่านเจ้าคุณพูดเสมอ”

เจ้าคุณรับว่ารินก็เหมือนลูก ไม่อยากให้เป็นอันตราย ตนมั่นใจว่าธรรมมะย่อมชนะอธรรม

ooooooo

ปดิวรัดา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด