icon member

ทองเนื้อเก้า

ตอนที่ 13

เณรวันเฉลิมสวดมนต์ทำวัตรเย็นทั้งน้ำตาเพราะเรื่องที่ได้ยินจากลำดวนเมื่อกลางวันว่าแม่ยังติดเหล้าและเข้าบ่อนทุกวันเหมือนเดิม หลวงลุงปิ่นมองมาด้วยความเวทนาและพยายามเตือนสติให้เห็นสัจธรรมของมนุษย์

“คนน่ะมันต่างจากสัตว์เดรัจฉานตรงแยกผิดชอบชั่วดีได้ ข้าว่าโยมแม่ของเณรน่ะ เขาต้องอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาต้องรู้ว่าอะไรเป็นความสุขหรือความทุกข์” เณรถอนใจเพราะเห็นแล้วว่าแม่ยังวนเวียนที่เดิม “จิตเขาไม่เข้มแข็งพอเณร เขาถึงต้องพ่ายแพ้ต่อมารทุกที ถึงจะสงสารโยมแม่เท่าไหร่ แต่เณรแบกโลกไว้ทั้งหมดไม่ได้ ปลงซะเถอะนะ ทำทุกอย่างเท่าที่ได้แล้วกัน ตั้งใจเรียนศึกษาธรรมและประพฤติแต่กรรมดี วันหนึ่งโยมแม่ของเณรคงจะคิดได้”

เวลาเดียวกันที่บ่อนเฮียเล้ง...ลำยองไม่ได้นึกถึงคำสัญญาใดๆ กำลังออดอ้อนขอกู้เงินเพิ่มจากเล้งเพราะที่พกมาแต่เช้าเล่นเสียหมดนานแล้ว เล้งเหล่ตาและเตือนกรายๆว่าขอเป็นรอบสองแล้ว ลำยองตื๊อไม่เลิกจนเจ้าของบ่อนใจอ่อนแต่เธอต้องพิมพ์ลายนิ้วมือในเอกสารขายฝากบ้านและที่ดินเป็นประกัน ลำยองทั้งมึนทั้งร้อนเงินเลยพิมพ์นิ้วมือส่งๆโดยไม่ทันตรวจดูเอกสารให้ถ้วนถี่ เล้งแสยะยิ้มขี้โกงแล้วส่งเงินให้สองพัน...เสร็จกูล่ะ!

เรื่องลำยองขายฝากบ้านกับเฮียเล้งเข้าถึงหูสันต์ในเช้าวันถัดมาตอนมาเยี่ยมแม่ ปั้นส่ายหัวเหนื่อยหน่ายพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงสุดเซ็งว่าลำยองเอาบ้านกับที่ดินไปแลกกับเงินแค่ห้าหมื่นบาท สันต์ถึงกับกุมขมับวีรกรรมเมียเก่า

“อะไรนะครับ ขายฝากมันก็แค่ปีเดียวน่ะสิ แล้วเกิดหลุดเขาจะยอมให้อยู่หรือ โดนยึดแน่ๆ”

“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าเณรรู้จะอยู่ในผ้าเหลืองได้หรือ ถึงอยู่ได้ก็ไม่เป็นสุขสงบอย่างนี้หรอก”

“เสียดายนะครับ กำนันเสืออุตส่าห์มีน้ำใจยกบ้านให้แท้ๆ ทำไมลำยองถึงล้างผลาญตัวเองกับลูกขนาดนี้”

สันต์ถอนใจหนักหน่วงแล้วชวนเทวีไปหาเณรวันเฉลิมด้วยกัน พร้อมนำของกินมากมายมาถวาย เณรจะไม่รับเพราะเกรงใจแต่เทวียืนกรานว่าตั้งใจซื้อมาทำทาน เณรเลยรับไว้และรีบขนไปให้น้องๆที่บ้าน ลำยองซึ่งยังเมาค้างมองมาด้วยแววตาเฉยชา เณรไม่ถือโกรธแถมแนะให้แม่ไปหาหมอชดเพราะเห็นบ่นปวดโน่นนี่ตลอด ลำยองรับปากส่งๆและขอเงินลูกดื้อๆ เณรอึ้งไปเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องพูดถึงของกินมากมายแทน ลำยองไม่สนใจแถมพูดแดกดัน

“ไปอยู่สุขสบายแล้วตัดช่องน้อยแต่พอตัวเลยนะ... อีอ้อยมานวดให้กูหน่อย ไม่รู้จักบุญคุณเลย กูเป็นแม่มึงนะ”

เณรหน้าเจื่อน ค่อยๆถอยออกไปด้วยความน้อยใจ เสียใจเหลือเกินที่แม่มีอคติและไม่เคยเห็นความดีตนเลย

แต่ถึงกระนั้นลำยองก็เชื่อคำพูดของเณรจนยอมให้แม่ลากไปหาหมอชดเพื่อขอยา หมอยาตรวจอาการลำยอง จัดแจงสั่งยาให้มากมายและแนะนำให้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะมีหลายอาการที่น่าจะตรวจให้แน่นอน ลำยองฟังแล้วเบ้หน้าและพูดจาค่อนแคะหมอยาเพราะเคืองที่ต้องหมดตัวเพราะหวยหลายงวด

“หมอไม่ได้เก่งจริงมากกว่า ถ้าเก่งจริง...ทำไมทายไม่แม่นล่ะ ลูกชายข้าบวชตั้งนานหลายเดือนแล้วไม่เห็นข้าจะโชคดีอย่างที่ว่าสักที ยังงี้มันโกหกหลอกลวงกันชัดๆนี่หว่า”

แลอับอายรีบลากลูกสาวกลับบ้าน ลำยองบ่นไม่เลิกเรื่องหมอชดและพาลโทษคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยจนลำยงอดตอกกลับไม่ได้ว่าทำตัวเอง มีแต่คนคอยเตือนและช่วยเหลือทั้งนั้นแต่ไม่เคยฟัง ลำยองปรี๊ดแตกแหวใส่น้องเสียงเขียว แลเครียดจนต้องกุมขมับแต่ลำยงก็ไม่หยุดเพราะคิดว่าพี่สาวควรจะมีคนพูดใส่หน้าตรงๆเสียบ้าง

“กูจะเอาลูกกูสึกมาช่วยกันทำมาหากิน”

แลกับลำยงตาโตตกใจร้องห้ามกันใหญ่ ลำยองไม่ยี่หระและยืนยันจะสึกเณรให้ได้ สามคนแม่ลูกคงเถียงกันอีกนานถ้าลำดวนไม่วิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ที่บ้านลำยอง!

ooooooo

แลวิ่งตามลำยองกับลำดวนไปที่บ้าน เห็นภาพอ้อย เหน่งและจิตรานั่งรวมกันที่มุมหนึ่ง โดยมีลูกน้องของเฮียเล้งคอยคุมไม่ให้ร้องไห้ มีอีกสามสี่คนกำลังช่วยกันขนของในบ้านออกมากองรวมกัน ลำยองหน้าเสียโวยวายไล่ทุกคนออกไป แต่กลับถูกย้อนว่าทั้งบ้านและที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของเฮียเล้งเรียบร้อยแล้ว

ลำยองโกรธมากและตามไปเอาเรื่องเฮียเล้งถึงบ่อน แต่ถูกตอกกลับไม่ไว้หน้าว่าทำสัญญาขายฝากไว้แล้ว

“มึงโกงกูไอ้เล้ง...ขายฝากมันหนึ่งปี หมาตัวไหนมันก็รู้”

“แล้วหมาตัวไหนวะมันมาพิมพ์แปะโป้งมันเอาไว้ว่าเป็นหนี้กู ยอมยกที่ยกบ้านให้กูเนี่ย”

เล้งโยนกระดาษสัญญาที่ลำยองพิมพ์ลายนิ้วมือทิ้งไว้แล้วหัวเราะเสียงดังบาดอารมณ์ แลซึ่งตามมาด้วยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นรอยนิ้วมือของลูก ลำยองถลาไปทุบตีเล้งอย่างบ้าคลั่ง ลูกสมุนปราดไปดึงตัวออกมาเหวี่ยงไปกองกับพื้น ลำยองปวดแปลบที่ท้องพร้อมของเหลวสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้น!

ลำยองถูกหามส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ แลดูอาการจนค่ำจึงกลับบ้านด้วยสภาพอ่อนแรง ลำยงกับลำดวนรีบถามถึงลำยองด้วยความเป็นห่วง แลถอนใจเบาๆบอกว่าเด็กในท้องตายไปนานแล้ว เพราะพิษเหล้า ลำยงกับลำดวนอยากจะเป็นบ้าตาย แถมเซ็งเพราะต้องหมดเงินไปกับค่ารักษาพยาบาลเรื่องไม่เป็นเรื่องของลำยอง ชดฟังสามแม่ลูกแล้วสงสารเณร ไม่อยากให้รู้แต่ไม่แน่ใจว่าจะปิดได้นานแค่ไหน

เณรวันเฉลิมไปเยี่ยมโยมแม่กับน้องๆที่บ้านในอีกหลายวันต่อมาพร้อมของกินมากมายเหมือนเคย แต่ต้องตะลึงเมื่อค้นพบว่าบ้านกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว เณรรีบไปหายายที่บ้าน ทันได้ยินแม่กับยายเถียงกันเรื่องเดิมๆ

“มึงน่ะเกิดมาทวงเวรทวงกรรมกูนังลำยอง เลี้ยงโตแล้วยังต้องเลี้ยงลูกให้อีก ปัญญาก็ไม่ได้อ่อนสักหน่อยมึงน่ะ”

ลำยองร้องไห้ฟูมฟายไม่เลิก คำพูดของแม่ไม่ระคายเคืองเพราะใจมัวแค้นเล้งที่ยึดบ้านไปไม่เลิก

“มึงมันโง่เอง เมาจนไม่มีสติ เขาให้ทำอะไรก็ทำหมด แล้วมึงจะมาตีโพยตีพายทำไมอีบ้า บ้านหลังนั้นกำนันเสือเขาอุตส่าห์ยกให้เด็กๆอยู่กันแต่มึงก็ทำลายหมด แล้วจะมาคร่ำครวญทำไม...อีลำยอง อีคนล้างผลาญ!”

ลำยองกรีดร้องเสียงดัง เณรสะดุ้งและตัดสินใจปรากฏตัว ปอซึ่งกำลังหิวเห็นหน้าหลานเลยไปขอของกิน เณรยื่นห่อข้าวของมากมายให้และถามถึงแม่กับน้องในท้องด้วยความเป็นห่วง แลถอนใจหน่ายๆแล้วบอกความจริงเรื่องเด็กในท้องว่าตายไปนานแล้ว และเรื่องบ้านที่ลำยองเอาไปขายฝากจนโดนยึดเมื่อไม่กี่วันก่อน ลำยองไม่สำนึกแถมพาลเณรว่าบวชแล้วนำแต่เรื่องซวยๆมาให้ เณรถึงกับอึ้ง แลสงสารจึงบอกให้กลับไปก่อน...เดี๋ยวมันก็ทำใจได้เอง

เณรออกจากบ้านยายเพื่อไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝั่งตรงข้าม พบกับแป้งซึ่งรอส่งยาระหว่างทางเลยเตือนให้เลิกเพราะเป็นบาป แป้งไม่สะทกสะท้านแถมสวนกลับหลานด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

“ไอ้ตัวบาปนี่มันเป็นยังไงวะ ไหนเอ็งลองบอกให้ข้ารู้หน่อย มันมีขนไหม มีเขาหรือเปล่า” เณรส่ายหน้าน้อยๆ แล้วบอกให้โยมน้าสงสารแลบ้าง แป้งชะงักแต่ยังไม่สำนึก “แล้วเอ็งล่ะไม่สงสารแม่เอ็งบ้างหรือไง ถึงได้หนีไปบวช แบบนี้ เอ็งมันสบายแล้วนี่หว่า  อยู่เฉยๆก็มีข้าวกิน มีคนเอา เงินมาให้ใช้  แถมยังยกมือไหว้อีกต่างหาก”

แป้งเดินอาดๆจากไปแล้ว เณรได้แต่มองตามด้วยความอ่อนใจ...คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้ซึ้ง

เวลาเดียวกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลำยง...ปั้นแวะมาคุยกับแลเรื่องเณร กลุ้มใจไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าเณรรักโยมแม่มากแค่ไหน แลเล่าว่าเณรไม่พูดอะไรเลยตอนรู้ว่าบ้านถูกยึด ไม่มีใครเดาถูกว่าเณรจะทำอย่างไรต่อไป ปั้นพลอยกังวลไปด้วยเพราะกลัวหลานจะทิ้งอนาคตสดใสมาลงนรกของแม่บังเกิดเกล้า

ooooooo

ลำยองเก็บตัวอยู่บ้านแม่ไม่นานก็ทนอยากเหล้าไม่ไหว แต่ไม่มีเงินเลยเลือกไปขโมยจากร้านขายของชำในตลาดจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เจ้าของร้านตามไปด่าแลและสมาชิกคนอื่นๆในบ้านจนหูชากันไปหมด แลหมดปัญญาจะแก้ตัว สั่งให้ลำยงคืนค่า เสียหาย เจ้าของร้านรับเงินไป แต่ไม่วายด่าส่งท้าย

“ก็เท่านี้แหละ...บอกอีลำยองด้วยนะ หนหน้าถ้ามีอีกกูจะเอาตำรวจไปลากคอมันเข้าคุกแน่”

จบคำก็สะบัดหน้าจากไป ทิ้งลำยงให้มองหน้ากับแม่เซ็งๆพร้อมบ่นกระปอดกระแปดเรื่องลำยอง

“ไม่รู้ชาติที่แล้วเป็นหนี้มันหรือไงนะแม่ ชาตินี้ถึงต้องตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวอย่างนี้”

“ก็อย่างที่เขาว่านั่นแหละนังลำยง กูมันผิดเอง กูเลี้ยงลูกไม่ดี มันถึงได้เป็นแบบนี้”

ขณะที่แลต้องรับคำประณามหยามเหยียดจากวีรกรรมลูกสาว ลำยองเมาไม่รู้เรื่องและไปเตร็ดเตร่แถวโรงลิเกเก่าท้ายตลาด สาวขี้เมาร่ายรำด้วยความสนุกสนานเพราะคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้ากลับชาติมาเกิด แต่เพราะอาการคันจากแผลพุพองทั่วตัวทำให้หงุดหงิดจนต้องลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น ฉับพลันนั้น...มีเสียงดนตรีดังจากขบวนแห่นาค ลำยองลุกพรวดถลาไปร่วมวงด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่เพราะสภาพแผลทั่วตัวทำให้ผู้คนรังเกียจค่อยๆถอยห่าง สาวขี้เมาก็ไม่สนใจเต้นรำตามจังหวะจนหมดแรงและนอนหมดสติตรงลานหน้าโรงลิเกนั่นเอง!

ลำยองถูกลากกลับบ้านในเย็นวันเดียวกันแต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็ร้องรำทำเพลงทั่วร้านจนลูกค้าแตกกระเจิงเพราะกลัวแผลพุพองและน้ำเหลืองที่เริ่มไหลเยิ้ม ลำยงกับแลได้แต่มองหน้ากันด้วยความเซ็ง

ฝ่ายสันต์กับเทวีมาหาเณรวันเฉลิมเช้าวันถัดมาเรื่องอ้อย ทราบดีว่าเณรเป็นห่วงน้องสาวคนนี้ไม่น้อยเพราะมีอาการผิดปกติทางสมองตั้งแต่เกิด หลวงลุงปิ่นรับฟังเรื่องโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษอย่างอ้อยด้วยความสนใจแต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผล เพราะอาการของอ้อยนั้นไม่ธรรมดาเลย แค่บอกให้อยู่เฉยๆยังยาก

“เด็กพิเศษแบบนี้ต้องได้รับการดูแลพิเศษค่ะหลวงลุง อย่างน้อยให้เขาดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นภาระคนอื่น”

เณรสบายใจมากขึ้นที่น้องสาวจะได้ไปโรงเรียนและมีคนดูแลจริงๆจังๆ เมื่อแลทราบเรื่องก็พลอยโล่งใจและชื่นชมเทวีออกนอกหน้าที่เป็นตัวตั้งตัวตีจะเอาอ้อยไปเข้าโรงเรียน เช่นเดียวกับเณรที่ซึ้งน้ำใจโยมแม่เลี้ยงมาก มีแต่แม่แท้ๆที่ก่อเรื่อง ทำให้ร้านก๋วยเตี๋ยวของลำยงเริ่มจะเฉาเพราะวีรกรรมร่ายรำเมื่อวันก่อน

ลำดวนกับชดเพียรเรียกลูกค้าเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลเพราะใครๆก็เมินหน้าหนี ลำยงกับแลชักเครียดเพราะกลัวขาดทุนแล้วจะไม่มีเงินเลี้ยงปากท้องคนทั้งครอบครัว แต่ต้องยั้งปากไว้ไม่โวยวายกระโตกกระตาก เพราะหากเณรรู้คงอยู่ในผ้าเหลืองไม่สุขและตัดสินใจสึกออกมาช่วยเหลือแน่ๆ

เณรอยากไปเยี่ยมโยมแม่แต่แลกับลำยงช่วยกันรั้งสุดความสามารถ อ้างโน่นอ้างนี่จนเณรยอมถอยกลับไปเรียนหนังสือ แลถอนใจหนักหน่วงแล้วเดินไปหลังบ้าน เห็นปอกับลำยองที่สติเริ่มฟั่นเฟือนทั้งคู่เถียงกันเหมือนเด็กๆ

“มึงมันบ้า...มึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นใคร กูเป็นนางฟ้าโว้ย กูจะกลับวิมานของกูละ กูเบื่อ”

“มึงเป็นนางฟ้า แล้วทำไมมึงไม่เหาะขึ้นไปวะ มึงตอแหล มึงไม่ใช่นางฟ้าหรอก”

ลำยองคลั่งอาละวาดใส่พ่อ อ้อย เหน่งและจิตรากอดกันกลมเพราะกลัวฤทธิ์แม่ ปอได้แต่หัวเราะเยาะเสียงดังเพราะได้กวนประสาท แลอยากจะเป็นบ้าแต่ไม่ทันขยับ ลำยองก็วิ่งพรวดออกไปข้างนอกแล้ว!

แลจะตามแต่ต้องหมดอารมณ์เสียก่อนเมื่อเดินถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ชาวบ้านแวะมาคุยและแจ้งข่าวร้ายที่แพร่สะพัดไปทั่วตลาด “คนเขาพูดกันทั้งซอยว่าอีลำยองเป็นฝีมะม่วง ขืนมากินก๋วยเตี๋ยวคงติดโรคกันพอดี แจกฟรียังไม่เอาเลย”

ชาวบ้านจากไปแล้ว ลำยงเข่าอ่อน นึกเคืองโชคชะตาที่ต้องซวยไม่รู้จบ...แล้วจะเอาอะไรกินล่ะคราวนี้

เวลาเดียวกันตัวซวยของบ้านเดินโซซัดโซเซไปตามทางในซอย กวาดตามองหาเหล้าเพราะอยากเต็มที ชาวบ้านผ่านมาเห็นก็แสดงท่าทางขยะแขยงไม่อยากเข้าใกล้อดีตสาวสวยที่สุดในซอยเพราะสภาพทรุดโทรมและแผลเหวอะหวะทั่วตัว ลำยองร่ายรำไปมาราวกับคนบ้า ชาวบ้านสมเพชและโยนเศษเงินให้ราวกับเธอเป็นขอทาน

ลำยองเดินลัดเลาะไปจนถึงร้านขายยาดองเจ้าประจำ สาวขี้เมาตาลุกวาวแล้วถลาไปขอซื้อเหล้าทันที เจ้าของร้านยังจำวีรกรรมวันก่อนได้เลยไล่ตะเพิด แต่ลำยองไม่สนเพราะอยากเหล้าจัด โพล่งออกไปอย่างไร้สติ

“มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นนางฟ้านะโว้ย เดี๋ยวกูสาปให้มึงกลายเป็นหมาเลย เอาเหล้ามาขายกูเดี๋ยวนี้”

“มึงไปไกลๆร้านกูเลยอีตัวเชื้อโรค สกปรกเหม็นเน่าไปหมดอีบ้า...ยังไม่ไปอีก เดี๋ยวกูตีตายเลย”

“เอาเหล้ามาขายกู กูมีเงินนะ ทองกูก็มีเป็นหีบๆ...”

ลำยองควักเศษเงินที่ชาวบ้านโยนให้มายื่นตรงหน้า เจ้าของร้านเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจและคว้าไม้กวาดมาไล่ตี ลำยองกระโดดหนีวิ่งไปไม่เหลียวหลังแต่ยังทำท่าคลุ้มคลั่งจนทุกคนละแวกนั้นแตกตื่นไปหมด

ooooooo

ลำยองเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยจนไปล้มหมดสติตรงพุ่มไม้ข้างทาง เณรวันเฉลิมสะพายย่ามผ่านมาแถวนั้นพอดีแต่ไม่เห็นเพราะเป็นมุมลับตา ชดกับลำยงตามหาสาวขี้เมาจนทั่ว เมื่อเจอก็ต้องแบกสภาพเมาแอ๋กลับบ้านด้วยความทุลักทุเล ลำยองดิ้นไม่หยุดเพราะคิดว่าจะมีคนมาจับตัว แลต้องเอาผ้าก้อนใหญ่ยัดปากและจับไปอาบน้ำถึงจะสงบ

อาการของลำยองแย่ลงเรื่อยๆจนทุกคนเริ่มปลง ร้านก๋วยเตี๋ยวของลำยงต้องปิดตัวลงในอีกไม่กี่วันถัดมาเพราะไม่มีคนเข้าร้านเพราะเกรงอิทธิฤทธิ์ลำยอง เมื่อปั้นแวะมาเยี่ยมแลก็ซักถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่รู้จะขายต่อทำไมว่ะ กำรี้กำไรก็น้อย มาเจอฤทธิ์อีลำยองเข้าไปอีก มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ไม่มีใครมากินเลย”

“แล้วนี่จะไปทำอะไรกินกัน กลับไปขายขนมอย่างเคยน่ะหรือ”

ปั้นเสียดายลำยงซึ่งมีฝีมือ จึงเสนอให้ลำยงกับชดไปขายของสดที่ร้านเพราะไม่ได้ขายมานานแล้ว

“ตั้งแต่ตาสินตายข้าก็ขายแต่ของแห้ง เรื่อยๆพอแก้เบื่อกันไป มีแต่ลูกค้ามาถามหาซื้อกับข้าวของสดตลอด แต่ข้าคนเดียวทำไม่ไหว ข้ายกให้มันเลยเห็นว่าขยันทั้งผัวและเมีย หลานๆก็เอาไปเลี้ยงที่บ้านข้าได้ ข้าไม่คิดค่าเช่า” แลซึ้งใจจนน้ำตาคลอ ปั้นยิ้มน้อยๆ “ข้าเคยบอกเณรแล้วว่าจะให้น้องๆมาอยู่บ้านได้ ถึงวันนี้ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกยายแล”

แลน้ำตาร่วงเผาะและปล่อยโฮในที่สุด “ข้าทำไม่ดีกับเอ็งสารพัด ทำไมเอ็งยังมีน้ำใจกับข้าขนาดนี้ยายปั้น”

“คนเราก็เท่านี้แหละ ใช่ว่าจะอยู่ค้ำฟ้ากันตลอดเมื่อไหร่ อีกไม่นานก็ตายจากกันแล้ว ทำดีต่อกันไม่ดีกว่าหรือ”

เมื่อสันต์ทราบเรื่องบ่ายวันเดียวกันก็ภูมิใจในตัวแม่มากที่ไม่ถือโทษแล แถมยังช่วยเหลือครอบครัวลำยอง

“ดีแล้วล่ะครับแม่ คนดีคนขยันอย่างลำยงกับผัวน่าจะได้รับสิ่งดีๆตอบแทนบ้าง อีกอย่าง...ถ้าเณรเห็นว่าน้องๆสุขสบายขึ้นจะได้สบายใจ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือได้เต็มที่”

ปั้นพยักหน้ารับแกนๆ “สบายใจเรื่องน้อง แต่ไม่รู้เรื่องแม่จะยิ่งทำให้กลุ้มใจขนาดไหน”

สันต์ทราบเรื่องอาการป่วยของลำยองเลยตัดสินใจแวะไปเยี่ยมที่บ้านแล สภาพเมียเก่าที่เคยสวยจนใครๆต้องมองเหลียวหลังแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวหน้าตาน่าเกลียดเพราะแผลพุพอง แถมยังไม่มีสติอาละวาดคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยความหวาดระแวงว่าจะมาทำร้าย แลพร่ำโทษตัวเองเพราะคิดว่าลูกสาวคนโตต้องเป็นบ้าแบบนี้เพราะตน

“เพราะยาดองขวดนั้นแท้ๆเลย ถ้าข้าไม่เอาให้มันกินวันนั้น วันนี้มันคงไม่ทุเรศแบบนี้”

“น้าแลอย่าโทษตัวเองเลยครับ อะไรๆมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวลำยองเขาเองด้วย” สันต์ควักเงินในกระเป๋าให้แลสามร้อย “เงินนี่ผมช่วยค่ารักษาลำยอง น้ารีบพาไปหาหมอเถอะนะครับ”

“ข้ากับนังลำยองทำเลวกับเอ็งสารพัด เอ็งไม่ถือโทษเลยหรือไง”

“ที่แล้วมาก็แล้วไปเถอะน้าแล ถือซะว่าเป็นกรรมที่ทำร่วมกันมา ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าต้องช่วยกันทำให้เณรสบายใจที่สุด จะได้มีสมาธิเรียนหนังสือนะน้าแล”

แลปาดน้ำตาพยักหน้ารับหงึกหงัก และบททดสอบก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อเณรวันเฉลิมแวะมาเยี่ยมบ่ายวันเดียวกัน ลำยงกับชดต้องโกหกว่าปิดร้านเพราะกำไรน้อยและจะไปช่วยขายของสดที่ร้านปั้นแทน เณรไม่ซักอะไรมากเพราะโล่งใจมากกว่า อย่างน้อยน้องๆจะได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องมาเบียดเสียดในห้องแคบๆ เหมือนทุกวันนี้

แต่ถึงกระนั้นคนที่เณรเป็นห่วงมากกว่ากลับหายหน้าหายตาไปหลายวัน เณรเป็นห่วงเลยตัดสินใจไปเยี่ยมถึงในห้องปอ ลำดวนพยายามส่งสัญญาณให้แม่แต่ไม่ทันเพราะเณรเข้าไปแล้ว แต่โชคยังดีเพราะลำยองนอนคลุมโปง เณรจึงไม่เห็นสภาพแผลพุพองตามตัว แลถอนใจหนักๆด้วยความโล่งใจ...อย่าเพิ่งเห็นสภาพโยมแม่ตอนนี้เลย

ooooooo

ลำยองเพ้อและอาละวาดหนักขึ้นจนทุกคนในบ้านตัดสินใจพาส่งโรงพยาบาลสำหรับคนบ้า ลำยองดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์เพราะอยากเหล้าและกลัวถูกลักตัวไปขังเหมือนในลิเก

“กูเป็นนางฟ้า ผัวกูเป็นพระอินทร์นะโว้ย กูจะสาปพวกมึงเป็นหมาให้หมดเลย”

หมอกับพยาบาลแทบแตกกระเจิงเมื่อเห็นสภาพลำยอง...ลำดวน ลำยง และชดช่วยกันอ้อนวอนให้รับตัวไปรักษาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลเพราะหมอปฏิเสธและบอกว่าลำยองมีอาการทางประสาทเนื่องจากผลข้างเคียงของโรคซิฟิลิสต่างหาก แถมยังแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเฉพาะทางอีก สุดท้ายทั้งสามเลยต้องแบกลำยองกลับบ้านด้วยความทุลักทุเล

ลำยองไม่สนใจอะไรนอกจากโวยวายว่าด้วยเรื่องลิเกและคำทำนายว่าเป็นนางฟ้ากลับชาติมาเกิด ระหว่างที่ทุกคนนั่งหน้าเหี่ยวในรถรับจ้าง สาวขี้เมาก็เอะอะและร่ายรำชุดใหญ่เหมือนกำลังแสดงบนเวทีในโรงลิเก

“พวกมึงน่ะจะตกนรกกันหมดไอ้พวกฉิบหาย เห็นคนสวยแล้วยังไม่ไหว้อีก กูไม่ได้สวยอย่างเดียวนะมึง กูรวยด้วย ทองเต็มแขนเต็มคอเลย พวกมึงเห็นไหม เงินกูมีเป็นหีบๆ เดี๋ยวกูเอามาแจกให้หมดเลย”

ทุกคนส่ายหน้าเอือมๆแต่ไม่คิดห้ามปรามเพราะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ แต่โชคร้ายเพราะรถรับจ้างดันเสียและต้องช่วยกันเข็นไปข้างทาง ลำยองฉวยโอกาสที่ทุกคนวุ่นวายกระโจนหนีหายไปในฝูงชน ลำยง ลำดวนและชดหน้าเสีย ช่วยตามหากันให้จ้าละหวั่น...ตายแน่ๆ เกิดไปอาละวาดใครเขาเข้า ไม่ต้องถูกจับตัวเข้าโรงพักหรือวะ!

จนพลบค่ำคณะกู้ชีพมาแจ้งข่าวร้ายกับแลว่าลำยองหนีไปไหนไม่รู้ แต่ทุกคนไม่ท้อและคิดจะออกไปตามหาอีกรอบในวันรุ่งขึ้น แต่แลห้ามไว้ บอกว่ามันเลิกบ้าคงกลับมาเอง

“ปล่อยไปตามบุญตามกรรมเถอะ ขืนมัวตามมันคงไม่ต้องทำมาหากิน มันทำตัวเอง ช่างหัวมัน ข้าปลงแล้ว” ชดเลยถามถึงเณรว่าถ้ารู้จะทำเช่นไร “แล้วแต่เวรกรรมเถอะ ถ้าจะไม่ได้บวชพระเพราะกรรมเก่ามันมากก็สุดแล้วแต่เวร”

ลำยงดูออกว่าแม่ใจเสียแค่ไหนแต่ไม่ยอมพูดออกมา อดีตแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวสงสารแม่มากแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ส่วนแลนั่งฟุบหน้าร้องไห้คนเดียวในห้อง ปอตื่นมาเห็นนึกว่าเมียจะสวดมนต์ขอหวยเลยขอให้โชคดีแล้วอย่าลืมปันเงินมาซื้อเป็ดพะโล้ของโปรดให้บ้าง แลไม่พูดอะไรนอกจากเอาแต่ร้องไห้หนักขึ้นด้วยความช้ำใจ...กูอยากตายจริงๆโว้ย!

ooooooo

ลำยองไม่ได้กลับบ้านนับตั้งแต่วันนั้นแต่เดินสะเปะสะปะไปตามทางจนถึงหน้าโรงงานของกวง อภิชาตซึ่งโตจนรู้ความบ้างแล้วมองมาด้วยแววตาสงสัยปนสงสาร สุดท้ายตัดสินใจมาหากวงเพื่อขอเงินไปให้ขอทาน

“น่าสงสารนะป๊า ไม่รู้มีเงินซื้อข้าวกินหรือเปล่า ขอยี่สิบสิป๊า ตี๋อยากเอาไปให้เขา”

กวงยิ้มปลื้มที่ลูกชายมีน้ำใจกับคนยากจน แต่เมื่อตามไปดูกลับต้องอึ้งเพราะขอทานที่ว่าคืออดีตเมียซึ่งไม่ได้เห็นหน้ามาหลายปี เสี่ยเจ้าของโรงงานควักเงินหนึ่งร้อยบาทให้ลูก อภิชาตรับไปยื่นตรงหน้าขอทานสาว ลำยองทะลึ่งพรวดอุทานเสียงตื่นเต้นว่าเป็นลูก กวงตกใจแผลพุพองและอเนจอนาถใจจนทนดูไม่ไหวรีบเรียกลูกชายเข้าโรงงาน

อภิชาตตะลึงไม่หายกับท่าทางคุกคามน่ากลัวราวกับคนบ้าของหญิงขอทาน ความสงสารแปรเปลี่ยนเป็นความรังเกียจจนต้องพูดให้ป๊าฟัง กวงกอดลูกแนบอกและห้ามไม่ให้ออกไปไล่เพราะคงจะหนีหน้าไปเองเมื่อเบื่อ อภิชาตไม่รู้เรื่องอะไรมาก แต่เมื่อเป็นคำสั่งป๊าก็เลิกสนใจและไปหมกมุ่นกับของเล่นต่อ

กวงสะเทือนใจไม่น้อยกับสภาพเมียเก่า เขาอดทนรอจนเย็นย่ำจึงพาอภิชาตกลับบ้าน ภาวนาในใจตลอดขออย่าให้เจอลำยองอีกเลยเพราะไม่อยากรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แต่เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตเพราะสาวขี้เมายังวนเวียนแถวนั้นและพร่ำเพ้อเรียกลูกไม่หยุด กวงตัดใจขับรถผ่านไม่เหลียวหลัง...ถือว่าเราหมดเวรกรรมกันเพียงเท่านี้เถอะลำยอง

ขณะที่ลำยองหาทางกลับบ้านไม่เจอ สันต์กับปั้นไปเยี่ยมเณรวันเฉลิมกับหลวงลุงปิ่นที่วัด ปั้นถวายเพลและพูดคุยกับเณรด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชื่นใจเหลือเกินเพราะได้ยินว่าเณรสอบผ่านนักธรรมตรีแล้ว ส่วนสันต์หลบไปปรับทุกข์กับหลวงลุงที่กุฏิเพราะกลุ้มใจเรื่องลำยองหนีออกจากบ้าน แถมยังเป็นโรคร้ายที่รอวันตายเท่านั้น

“ผมไม่แน่ใจว่าเราจะปิดความจริงจากเณรได้นานแค่ไหนกัน”

“กรรมเอ๋ยกรรม...ปลงเสียบ้างเถอะพ่อสันต์ ยกธรรมะเข้าข่มบ้าง ความจริงยังไงก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ แต่เด็กอย่างเณรน่ะถึงยังไงก็ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก”

เณรเจอโยมพ่อแล้วคิดถึงโยมแม่ เลยตัดสินใจไปเยี่ยมถึงบ้านโยมยายในตอนบ่ายวันเดียวกัน แลมารับหน้าและพยายามชวนคุยโน่นนี่ไม่ให้ถามถึงลำยอง แต่เณรไม่ละความตั้งใจ ถามถึงโยมแม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แลถอนใจหนักหน่วงเพราะเหนื่อยจะโกหกเต็มที เลยบอกความจริงแบบครึ่งๆกลางๆว่าลำยองไม่สบายและออกไปบ่อนแล้ว

“ใครห้ามก็ไม่ฟัง แต่มันเล่นนิดๆหน่อยๆนะเณร เงินไม่ค่อยมีหรอก อีกหน่อยมันคงเลิกได้ ได้ยินบ่นเหมือนกันว่ามันเบื่อแล้ว เหล้ามันก็เลิกแล้วนะเณร เลิกเหล้าได้...ทำไมบ่อนมันจะเลิกเข้าไม่ได้ล่ะ จริงไหมเณร”

ปอตามมาโวยวายขอของกินกับแลขัดจังหวะ เณรได้แต่มองตายายเถียงกันแล้วปลงสังเวช อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ที่ไม่หายป่วยสักที แถมยังชอบเข้าบ่อนเหมือนเดิมอีกต่างหาก...มันน่าน้อยใจนัก เมื่อไหร่โยมแม่จะคิดได้สักที!

เวลาเดียวกันที่โรงลิเกร้างหลังตลาด ลำยองในสภาพสกปรกดูไม่ได้เพราะมีคราบน้ำเหลืองและสะเก็ดแผลเต็มตัวกำลังวิ่งไล่เด็กๆอย่างสนุกสนาน ไม่รู้เลยว่าเด็กๆที่คิดว่าเป็นเพื่อนเล่นล้อเลียนเธอด้วยถ้อยคำหยาบคาย

“อีบ้า...หาผัว ตัวเน่า อีบ้า...หาผัว ตัวเน่า”

ลำยองไม่มีสติเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้โวยวายจนเด็กๆงงไปหมด ชาวบ้านผ่านมาเห็นจึงไปเรียกชดกับลำยงมาพากลับบ้าน สองผัวเมียฝากร้านกับลำดวนและรีบรุดไปยังโรงลิเก ลำยองเกือบจะถลกผ้าถุงตัวเองทิ้งอยู่แล้วเพราะโมโหที่เด็กๆวิ่งหนี ชดร้องห้ามและแหวเด็กๆเสียงเข้มที่ล้อเลียนคนไม่สบายอย่างลำยอง

“เป็นบ้าแล้วรังแกได้หรือวะ ถ้าเกิดเขาเป็นพ่อแม่พี่น้องพวกมึงล่ะ”

ลำยงน้ำตาร่วงเผาะด้วยความสงสารพี่สาว ตัดสินใจเข้าไปคุยด้วยแต่ลำยองจำใครไม่ได้เลย

“ต่อหน้ากูทำไมพวกมึงไม่รู้จักคุกเข่าไอ้ขี้ข้า กูเป็นนางฟ้านะมึง เดี๋ยวกูสาปให้เป็นคางคกซะเลย”

เด็กๆยังคงมุงไม่ห่าง ส่งเสียงหัวเราะชอบใจที่เห็นหญิงบ้าคลุ้มคลั่งตรงหน้า ลำยองเกิดฮึดกระโจนไล่จับเด็กๆแต่คว้าไว้ไม่ได้สักคนจึงทรุดตัวกับพื้น ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเป็นเด็กเสียเอง

“ไอ้พวกเทวดาผู้ชายมันขี้อิจฉาไม่อยากให้ผู้หญิงได้ดี มันให้ข้าลงมาเกิด ลงมาลำบากต้องมีลูก แต่ลูกข้าเขาก็มีบุญมากนะ เขาเกิดวันดีด้วย อีกหน่อยเขาจะได้เป็นพระอินทร์ ลูกจ๋า...ลูกอยู่ไหน เสด็จแม่ลำบากเหลือเกิน”

ลำยงกับชดจะเอาตัวลำยองกลับบ้านแต่คิดแล้วแรงสองคนคงไม่ไหวเลยลงทุนจ้างเด็กๆให้ช่วยแบก แต่แม้ทุกคนจะยอมช่วยแต่ยังรังเกียจผิวหนังเต็มไปด้วยน้ำหนองและน้ำเหลือง ลำยงต้องกลับไปเอาผ้าห่มที่บ้านมาห่อตัวพี่สาว แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งเพราะดันเจอกับเณรพอดี ความเลยแตกและเณรตามติดไปดูอาการโยมแม่ด้วย แลกับลำยงช่วยกันห้ามเท่าไหร่เณรก็ไม่ฟังเพราะเป็นห่วงโยมแม่มากกว่าอะไรทั้งหมด

“เณรอยู่บนสวรรค์แล้ว อย่าไปเยี่ยมกรายดูขุมนรกนี้เลย” ลำยงขอร้อง

“ถ้าโยมแม่อยู่ในนรก ผมก็ยินดีจะลงนรกไปช่วยดึงขึ้นมา ถ้าช่วยไม่ได้ผมจะลงนรกแทน โยมน้าอย่าห้ามเลย”

ooooooo

สภาพโยมแม่ทำให้เณรถึงกับเข่าอ่อนน้ำตาไหลพรากด้วยความสงสาร ลำยง ชดและเด็กๆออกแรงช่วยกันจับสุดฤทธิ์แต่ลำยองแรงเยอะจนใครๆก็เอาไม่อยู่วิ่งหนีกระเจิงไปอีกรอบ เณรไม่สนใจอะไรแล้ว วิ่งตามแม่ไม่ลดละ ชาวบ้านแตกตื่นแต่ลำยองไม่รู้เรื่อง หลับหูหลับตาวิ่งจนผ้านุ่งผ้าถุงหลุดลุ่ยไปหมด

เณรวิ่งตามแม่ไปทั่วตลาด ชาวบ้านละแวกนั้นตาโตเมื่อเห็นเณรในผ้าเหลืองกระโดดตะครุบขาหญิงบ้าเหมือนคนตัณหาจัด เณรร้องไห้โฮและโอบกอดแม่แน่นจนลำยง แลและชดตามมาทัน บรรดาไทยมุงส่งเสียงฮือฮาซุบซิบกันใหญ่ว่าเณรทำอนาจารวิ่งไล่จับผู้หญิงแก้ผ้า

“อัปรีย์จริงๆ ศาสนาเสื่อมหมด ไอ้พวกไม่มีสมอง มารศาสนาแท้ๆ”

ลำยงทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ต่อหน้าฝูงชน “พวกมึงเป็นบ้าอะไร เขาเป็นแม่ลูกกัน แม่ไม่สบายแล้วมึงจะให้ลูกดูดายได้ยังไง พวกมึงอวดแต่ว่าเคร่งศาสนาแต่หัวใจพวกมึงทำด้วยอะไร”

ไทยมุงแตกกระเจิงเพราะถูกลำยงด่าใส่หน้า เณรยังกอดแม่แน่นน้ำตานองหน้า...โยมแม่ไปหาหมอกันนะครับ

หมอกับพยาบาลช่วยกันจับด้วยความลำบากเพราะลำยองดิ้นไม่หยุดมาตลอดทางตั้งแต่ตลาดถึงห้องฉุกเฉิน พยาบาลสาวเบ้หน้าเมื่อเห็นสภาพเต็มตาแล้วถึงกับบ่นกระปอดกระแปดด้วยความรังเกียจ

“คนบ้านี่...ทำไมไม่เอาไปส่งบ้านสมเด็จ เอามาที่นี่ทำไม ตัวสกปรกจังเลย”

“เคยเอาไปส่งแล้วค่ะ แต่หมอที่นั่นบอกให้เอามาส่งที่นี่เพราะเป็นซิฟิลิสขึ้นสมอง” ลำยงย้อนเคืองๆ

พยาบาลสาวหน้าม้านและก้มหน้าก้มตาจับตัวลำยองให้หมอตรวจ เณรยืนยันจะอยู่เป็นเพื่อนโยมแม่แต่ไม่มีใครยอมเลยจำยอมออกไปรอข้างนอกด้วยใจกระวนกระวาย กว่าหมอจะออกมารายงานผลก็เป็นเวลาพักใหญ่เพราะลำยองฤทธิ์มากไม่ยอมให้ใครจับตัวง่ายๆ แต่ข่าวร้ายกว่านั้นคือโรงพยาบาลไม่อาจรับลำยองไว้รักษาได้เพราะอาการหนักมากจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว มีแต่รอวันตายอย่างเดียว เณรน้ำตาไหลพราก คุกเข่าอ้อนวอนเสียงสั่น

“ช่วยแม่ผมด้วยเถอะครับ ช่วยรับตัวแม่ผมไว้รักษาด้วยนะครับ”

“หมอทำได้ดีที่สุดแค่ช่วยให้คนไข้หายคลั่งด้วยยาเท่านั้นเอง คนไข้มาช้าเกินไป”

เณรกับแลทรุดตัวกับพื้นอย่างอ่อนแรงเพราะรู้ดีว่าลำยองมีเวลาเหลือไม่นานเท่าไหร่นัก ลำยงพาทุกคนกลับบ้าน ส่วนเณรแยกไปสวดมนต์ที่โบสถ์เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แม่เผื่อจะลดความเจ็บปวดทรมานจากโรคร้าย หลวงลุงปิ่นเห็นเข้าก็ซักถามด้วยความเป็นห่วง เณรคิดนิดเดียวแล้วตัดสินใจบางอย่าง

“ผมกำลังนึกว่า...พอโยมแม่ค่อยยังชั่วและกลับมาอยู่บ้าน ใครจะเป็นคนคอยดูแลโยมแม่ แล้วยังน้องๆอีก โยมยายคนเดียวคงไม่ไหว ผมคิดว่าคงต้องสึกครับหลวงลุง”

เมื่อปั้นกับแลทราบเรื่องวันถัดมาเลยแจ้นไปหาเณรถึงวัดและพยายามเกลี้ยกล่อมให้คิดดีๆเพราะเป็นเรื่องใหญ่

“ยังไงย่าก็ไม่อยากให้เณรใจร้อน รอไปอีกหน่อยเถอะ นึกถึงปู่กับพ่อเขาให้มากๆเถอะนะเณร”

“อุตส่าห์ได้บวชได้เรียนให้ยายได้อาศัยเกาะชายผ้าเหลืองทั้งที อย่าเพิ่งสึกเลยนะเณร ยายจะดูแลแม่เขาให้เอง”

“ผมกับโยมแม่คงทำกรรมหนักหนาร่วมกันมาในชาติก่อน ถึงต้องมารับกรรมร่วมกันในชาตินี้ หนี้เวรหนี้กรรมของผมคงยังไม่หมดสิ้นง่ายๆหรอกครับ ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกโยมยายโยมย่า”

แต่คนที่เดือดสุดคงเป็นสันต์ที่เพิ่งทราบเรื่องจากแม่ในเย็นวันเดียวกันว่าเณรจะสึกมาดูแลแม่กับน้องๆ

“อีนี่มันเป็นมารล้างผลาญชีวิตลูก ทำไมมันไม่ตายๆไปให้สิ้นเรื่อง จ้องแต่ทำลายอนาคตลูก หนังเหนียวนักนะ...กูจะฆ่ามึงด้วยมือกูเองอีลำยอง”

สันต์ผลุนผลันจะออกไปให้ได้ เทวีลุกมาห้ามแต่เหมือนจะสู้แรงไม่ไหว ปั้นเลยปราดไปตบหน้าลูกชายฉาดใหญ่

“ฆ่ามันแล้วได้อะไร ติดคุกแล้วคิดไหมว่าลูกเต้าจะอยู่กันยังไง” สันต์ทรุดตัวกับพื้นน้ำตาคลอ “ลำยองมันอยู่ได้ไม่นานหรอก เณรเขาจะสึกชั่วคราวเท่านั้น แค่จะได้ดูแลแม่เท่านั้น เอ็งอย่าใจร้อนไปเลย คิดในด้านดีเอาไว้บ้างว่าเขาใฝ่ดี แม่ทั้งคนอุ้มท้องเขาและเลี้ยงเขามาจนโต จะดีจะเลวยังไงก็แม่เขานะลูก เขาทำความดีอย่างนี้ เราจะขวางเขายังไงได้ คนดีมีความกตัญญู ยังไงก็ไม่มีวันตกอับหรอก เชื่อแม่เถอะ อาฆาตมาดร้ายเขา เราเองจะเป็นทุกข์”

ooooooo

เจ้าอาวาสทำพิธีสึกให้เณรวันเฉลิมในเช้าวันถัดมา สันต์กับเทวีไปรอรับหน้าวัดด้วยท่าทางห่อเหี่ยวและหดหู่ เสียใจเหลือเกินที่เณรต้องเจอวิบากกรรม สูญเสียอนาคตเรื่องการเรียนเพราะวีรกรรมของแม่บังเกิดเกล้า

“ผมเสียใจครับพ่อ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง แต่ผมไม่มีทางเลือก”

“ลูกเลือกได้ถ้าจะเลือก แต่ลูกไม่เห็นแก่ตัวพอ ลูกรักตัวเองน้อยเกินไป รักคนอื่นมากเกินไป”

“แต่คนอื่นคนนั้นคือแม่ของผมเอง ถ้าแม่ตกนรก ผมก็จะลงนรกเพื่อช่วยแม่ครับ”

“ลูกก็รู้ว่าตกนรกแล้วช่วยกันไม่ได้ กระทั่งบุญที่ทำมาเองยังไถ่ถอนกันไม่ได้ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ทุกคนต้องช่วยตัวเอง แล้วถ้าพ่อตกนรกล่ะ...วันจะช่วยพ่อไหม”

“พ่อไม่มีทางตกนรกหรอกครับเพราะพ่ออยู่ในโลกมนุษย์จริงๆ ถึงจะไม่ได้อยู่บนสวรรค์แต่ก็เฉียดๆเข้าไปแล้ว ครอบครัวของพ่อเป็นสุขดีมีหลักฐาน บ้านที่เป็นบ้านน่ะไม่ใช่สวรรค์หรอกหรือครับ”

สันต์นิ่งงันไปกับความคิดของลูก จนปัญญาจะห้ามหรือค้านอะไรเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีประโยชน์ แลซึ่งรอรับหลานที่บ้านได้แต่ส่ายหน้าปลงๆเมื่อมองวันเฉลิมปรนนิบัติแม่อย่างดี

“มันคงไม่รู้ตัวมันหรอกมั้งว่าทำบาปขนาดไหน ขนาดพระเณรยังต้องสึกออกมาจนได้ อีลำยองนะอีลำยอง”

สันต์เวทนาเมียเก่ามาก แม้ยังโกรธที่ทำให้ลูกชายต้องสึกแต่พยายามคิดว่าเป็นเรื่องของกรรมและทางเลือก อันสมควรที่ลูกต้องการ นายทหารเรือควักเงินจากกระเป๋าสามร้อยส่งให้แต่วันเฉลิมไม่ยอมรับ สันต์ต้องยืนกรานให้เก็บไว้เพราะเชื่อว่ายังมีค่าใช้จ่ายอีกมาก วันเฉลิมจึงยกมือไหว้ก่อนรับไว้พร้อมกับประกาศความตั้งใจ

“ผมจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของใคร”

เทวีสงสารลูกเลี้ยงเลยเสนอให้พาเหน่งไปฝากหลวงลุงปิ่น เผื่อจะช่วยอบรมสั่งสอนให้เป็นคนใฝ่ดีและตั้งอยู่ในศีลธรรมเหมือนพี่ชาย ส่วนอ้อยมาลาพี่ชายและบอกจะไปโรงเรียนพิเศษกับเทวี วันเฉลิมพยักหน้ารับและกอดน้องสาวนิ่งพร้อมกับสั่งสอนให้เป็นเด็กดีอย่างที่เคยสอน สันต์กับเทวีมองมาด้วยความซึ้งใจและพาอ้อยจากไปเงียบๆ

หลังจากนั้นมาวันเฉลิมก็รับผิดชอบดูแลทุกคนในบ้าน แทนแลซึ่งแก่มากแล้ว ปออาละวาดเป็นพักๆเพราะสติฟั่นเฟือน แต่คนอาการหนักที่สุดคือลำยองเพราะมีทั้งอาการอยากเหล้าจนคลุ้มคลั่งและสภาพคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนคนบ้าตลอดเวลา แลทนไม่ไหวจะไปซื้อเหล้ามาให้แต่วันเฉลิมห้ามไว้และขอให้นึกถึงพระพุทธคุณไว้ จะได้ช่วยคุ้มครองให้มีสติ แต่สภาพลูกสาวกับผัวทำให้หญิงชราแทบเป็นบ้า ทุบตีตัวเองระบายความแค้นที่สุมอก

“กูอยากตาย ทำไมกูไม่ตายให้พ้นทุกข์เสียที ชีวิตนี้มันมีแต่ความทุกข์ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้ว”

วันเฉลิมขยับมาปลอบใจ “ยาย...ทุกคนก็มีทุกข์กันทั้งนั้น จนก็ทุกข์ รวยก็ทุกข์ ไหนๆได้เกิดเป็นคนแล้วต้องดิ้นรนกันให้เต็มกำลังสติปัญญา คิดเสียว่าความลำบากที่เรากำลังเผชิญเป็นแค่บททดสอบจิตใจของเราบทหนึ่ง ยายจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจของเราเอง บางเรื่องยายก็ต้องปล่อยวาง มีเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น ผมจะหาเงินมาเลี้ยงยายกับแม่เอง”

วันเฉลิมยิ้มให้กำลังใจยายแล้วพาเข้านอน รุ่งเช้าจึงพาเหน่งไปที่วัด หลวงลุงยินดีดูแลให้และถามถึงอนาคตของวันเฉลิม แอบหวั่นลึกๆว่าจะต้องวนเวียนกับปัญหาและวิบากกรรมของแม่จนไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง

“ถึงอนาคตผมมันจะมืดมนก็ไม่สำคัญเท่าวันนี้ของแม่กับน้องๆหรอกครับหลวงลุง”

ooooooo

วิมลทราบเรื่องเณรวันเฉลิมสึกแล้วรู้สึกเป็นห่วง เพราะกลัวเด็กชายไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์เหมือนคนอื่นๆ ส่วนสมฤดีบ่นนิดหน่อยเพราะเสียดายจะไม่ได้ใส่บาตรเณรอีก แต่ถึงกระนั้นสองยายหลานก็จะเป็นกำลังใจให้วันเฉลิมเสมอเพราะเอ็นดูและชื่นชมในความกตัญญูรู้คุณของเขา

ฟากแลตามไปปรับทุกข์กับปั้นที่ร้าน สภาพยุ่งเหยิงที่บ้านทำให้จิตใจห่อเหี่ยวจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

“ข้าละอายใจเหลือเกินยายปั้น เห็นไอ้วันแล้วสะท้านใจ มันไม่เคยตีโพยตีพายให้เห็นสักครั้ง ไอ้เราเสียอีกโวยวายเหมือนคนบ้า อยู่มาจนแก่ปูนนี้ ข้าไม่เคยทำได้สักครั้งเลยยายปั้น”

ปั้นบอกว่าหลานเป็นคนมีสติ พลางจับมือแลให้กำลังใจว่าของแบบนี้ต้องค่อยๆฝึก  อีกหน่อยคงทำได้เองหากเจอเรื่องมากๆเข้า...เวลาเดียวกันที่มุมหนึ่งในตลาด วันเฉลิมเดินผ่านพ่อค้าขายไอติมแล้วเกิดความคิดหาเงินเลี้ยงแม่กับน้อง แลทราบเรื่องก็ทำท่าจะห้ามเพราะยังเด็กเกินกว่าจะไปเดินขายของแบบนั้น แต่หลานชายยืนกรานทำให้พูดไม่ออก

วันเฉลิมเริ่มอาชีพสะพายกระติกไอติมขายในเช้าวันถัดมา สันต์กับเทวีผ่านมาเห็นแล้วสะเทือนใจเพราะอนาคตของเด็กชายน่าจะสดใสกว่านี้ เมื่อแลทราบจากอดีตลูกเขยถึงสภาพหลานชายก็อดถอนใจหนักหน่วงไม่ได้ แต่ไม่รู้จะห้ามปรามยังไง วันเฉลิมกลับมาหลังจากนั้นไม่นาน สันต์เห็นรองเท้าลูกขาดเลยเสนอจะซื้อให้แต่เด็กชายปฏิเสธ

“ผมขอแลกเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ รองเท้าถึงมันจะขาดแต่ยังกันเจ็บเท้าได้อยู่ ผมอยากได้เสื้อนักเรียนให้น้องเหน่งมากกว่าครับ  อีกไม่กี่วันโรงเรียนจะเปิดแล้ว น้องเหน่งยังไม่มีเสื้อเลยครับ”

สันต์ถึงกับอึ้งในความรักแม่กับน้องของลูกชาย ได้แต่พยักหน้าและรับปากจะจัดการให้  วันเฉลิมสบายใจขึ้นแต่ไม่นานนักเพราะชดเกิดอาการชาที่แขนทำงานไม่ได้ในบ่ายวันเดียวกัน ลำยงเครียดมาก วันเฉลิมเสนอตัวช่วยงานแลกกับเงินค่าจ้างไม่กี่บาท  แลเบือนหน้าหนีด้วยความสงสารหลาน...เวรกรรมอะไรแบบนี้ไม่รู้ไอ้วันเอ๊ย

วันเฉลิมไปช่วยลำยงขนของที่ร้านแต่เช้า ปั้นพยายามรั้งให้อยู่ทานข้าวแต่เด็กชายปฏิเสธเพราะกลัวไปเอาไอติมสาย วิมลกับสมฤดีได้เป็นลูกค้าครั้งแรกเลยอุดหนุนเป็นการใหญ่ วันเฉลิมตั้งท่าจะทอนเงินแต่วิมลกลับไม่ยอมรับ

“ให้ยายได้มีโอกาสช่วยเหลือพ่อวันบ้างเถอะนะ ยายรู้ว่าพ่อวันทำงานหนักหาเงินมาซื้อยาให้แม่ ยายเป็นกำลังใจให้นะลูก ขอให้เด็กคิดดีทำดีอย่างพ่อวันสมหวังทุกสิ่งที่ตั้งใจ ขอคุณพระคุ้มครองนะลูกนะ”

วันเฉลิมเดินขายไอติมจนบ่ายจึงตัดสินใจกลับบ้าน ระหว่างทางพบแป้งเลยขอให้กลับบ้านบ้าง

“กลับไปทำไมวะ แม่เอ็งยึดหัวหาดไปแล้วนี่ เหม็นเน่าน้ำเหลืองไปทั้งบ้าน ขืนเข้าไปใกล้ๆติดโรคตายห่า เอ็งทำงานอย่างกับวัวควายแลกเงินสิบยี่สิบบาท สู้มาทำงานกับข้าไม่ดีกว่าหรือไง งานสบายนะโว้ย”

วันเฉลิมยืนกรานไม่ทำงานทุจริต “เอ็งอย่าโง่ไปหน่อยเลย สมัยนี้คนเขาไม่สนกันแล้วโว้ย มือใครยาวสาวได้สาวเอา ถ้าเอ็งมาทำงานกับข้าอย่างเบาะๆก็วันละร้อย เผลอๆโชคดีก็ได้ส่วนแบ่งเป็นพันเป็นหมื่น เอ็งจะได้เอาไปรักษาแม่บ้าๆของเอ็งไง”

“น้าแป้งอย่ามาหว่านล้อมให้เสียเวลาเลย ผมยอมเป็นคนโง่ทำงานเป็นวัวเป็นควายแลกเงินไม่กี่สิบบาทดีกว่ายอมขายศักดิ์ศรีทำงานที่สังคมรังเกียจอย่างน้าแป้งครับ”

ขาดคำเด็กชายจึงเดินหนีออกมาดื้อๆ แวะซื้อปีกเป็ดพะโล้ให้ตาที่ร้องอยากกินทุกวันจนแลอยากจะเป็นบ้า ปอแทะกระดูกเป็ดอย่างหิวโหย แลมองมาด้วยสภาพเวทนาระคนสมเพช สุดท้ายเลยตัดสินใจไปปรับทุกข์กับลำดวนที่ร้าน

“ฉันเวทนาไอ้วันมัน มันยังหวังว่าแม่จะหาย มันจะหายเข้าไปได้ยังไง หมอเองยังบอกว่ารอวันตายเท่านั้น ฉันไม่อยากจะพูดหรอกนะ เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรม มันไม่ได้ทรมานคนเดียว คนอื่นต้องพลอยทรมานไปด้วย”

ฝ่ายวันเฉลิมอยู่บ้านดูแลแม่กับตาให้ทานข้าว ลำยองจำอะไรไม่ได้ ได้แต่อ้าปากรับข้าวกับเป็ดพะโล้จากลูก วันเฉลิมดีใจที่แม่เริ่มกินข้าว แต่ผิดคาดเพราะลำยองพ่นทุกอย่างออกมาหมดแล้วหัวเราะเสียงดังราวกับคนบ้า วันเฉลิมไม่โกรธแม่แม้แต่น้อย...อย่างน้อยๆวันนี้ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ซึ่งไม่ได้ยินมานานแล้ว

ooooooo

ทองเนื้อเก้า

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด