ตอนที่ 12
วันเฉลิมตื่นเช้ามาเก็บของและดูแลน้อง ส่วนลำยองนอนแผ่กลางบ้านเพราะยังเมาค้าง อ้อยกับเหน่งคลานเล่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยว่าต้องระเห็จไปนอนบ้านยายในไม่กี่วันนี้แล้ว วันเฉลิมรวบรวมเสื้อผ้าของทุกคนมามัดเป็นห่อ และออกไปหาปู่กับย่าเพื่อยืมรถเข็น
สินกับปั้นง่วนกับการทำความสะอาดที่นอนหมอนมุ้ง ให้หลานชายกับน้องๆ เมื่อวันเฉลิมมาถึงชายชราจึงอาสาตามไปช่วยขนของ เพราะคิดว่าหลานคงขนเองไม่ไหวแต่เด็กชายปฏิเสธเสียงซื่อ
“ผมแค่จะมาขอยืมรถเข็นของปู่ไปขนของครับ ใช้เสร็จแล้วผมจะรีบเอามาคืน”
ปั้นไม่ทันได้ยินบทสนทนาก่อนหน้า เมื่อเห็นหลานจึงทักด้วยความดีใจ “ไอ้วัน...ปู่เอ็งเขากวาดถูห้องที่เอ็งจะมาอยู่ไว้แล้วนะ ที่นอนหมอนมุ้งก็เตรียมตากแดดไว้ให้แล้ว เอ็งเอาน้องๆมาอยู่ด้วยกันได้เลยย่าอนุญาต”
“กลางวันเอ็งไปโรงเรียน ปู่กับย่าจะช่วยดูมันให้ เอ็งจะได้เรียนหนังสือเต็มที่” สินเสริมเต็มที่
“แล้วแม่ล่ะครับ แม่จะไปอยู่ที่ไหน”
คำถามของหลานทำให้สองปู่ย่าพูดไม่ออกวันเฉลิมเดาคำตอบได้และตัดสินใจไม่ย้ายไปไหน เพราะห่วงแม่กับน้องๆ ปั้นกับสินน้ำตาคลออยากเป็นบ้าตายเพราะสงสารหลาน...มันจะรักแม่เอาโล่อะไรขนาดนั้นวะ!
วันเฉลิมสะเทือนใจไม่น้อย เพราะลึกๆแล้วอยากไปอยู่กับปู่และย่า แต่เพราะสามัญสำนึกหน้าที่ลูกชายคนโตทำให้ทิ้งแม่กับน้องไม่ลง เมื่อวิมลทราบเรื่องเลยพยายามพูดให้คิดว่าหน้าที่เรียนหนังสือก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“พ่อวันก็ตั้งใจเรียนหนังสือไป ความจริงน้องๆน่ะ มันหน้าที่แม่เขาต้องดูแลไม่ใช่หน้าที่พ่อวันนะ” วันเฉลิมไม่คิดเช่นนั้นเพราะเชื่อว่าคนเป็นพี่ต้องดูแลน้อง วิมลถอนใจเบาๆแล้วอธิบายเสียงอ่อน “มันก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมว่าพ่อวันอายุเท่าไหร่ พี่ช่วยน้องเท่าที่ทำได้ เราต้องช่วยตัวเราเองก่อนนะลูก”
“แสดงว่าผมเห็นแก่ตัว ผมอกตัญญูน่ะสิครับ ไม่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง”
“พ่อวันเอ๊ย...คิดแบบนั้นได้ยังไง กรรมของใคร...
คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ ทำไมต้องรับแทนเขาด้วยวันข้างหน้าก็ว่าไปอย่าง ถ้าพ่อวันโตมีงานทำ จะช่วยส่งเงินช่วยแม่เลี้ยงน้องก็อีกเรื่อง”
วันเฉลิมนิ่งคิดตามแต่ความรักต่อแม่กับน้องทำให้ยืนยันความคิดเดิม แต่เมื่อกลับบ้านได้เจอสภาพแวดล้อมวุ่นวายยุ่งเหยิง ทำให้คำพูดเตือนสติของวิมลกลับมาในหัวอีกครั้ง
“คนเรานะพ่อวัน ช่วยตัวเองยังไม่รอดแล้วจะช่วยคนอื่นได้ยังไง เหมือนพ่อวันว่ายน้ำไม่เป็นแล้วน้องคนหนึ่งตกน้ำ พ่อวันกระโดดลงไปช่วยเลยจมน้ำตายด้วยกันทั้งคู่ แล้วน้องอีกสองคนบนฝั่งล่ะ ใครจะพากลับบ้าน”
วันเฉลิมดึงตัวเองกลับมาและก้มหน้าก้มตาเก็บของไม่หยุดเพื่อหยุดความคิดไขว้เขว เป็นชั่วโมงกว่าจะวางมือและมองกองข้าวของด้วยความภาคภูมิใจ วันเฉลิมไปบอกแม่ซึ่งยังนอนเมาแอ๋ว่าจะขนของบางส่วนไปบ้านยายและให้แม่ดูน้องแทน แต่ไม่ทันขยับทั้งแม่และลูกก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อปานวิ่งหน้าเลิ่กลั่กเข้ามาในบ้าน!
ลำยองตั้งท่าจะโวยวายเพราะน้องชายมาถึงพร้อมกองกำลังตำรวจซึ่งวิ่งวนไปมาหน้าบ้าน วันเฉลิมหน้าเสีย โตพอจนรู้ว่าน้าชายต้องหนีอะไรมาแน่ถึงมีสภาพเหงื่อแตกพลั่กและหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ ปานถลึงตาใส่หลานขู่ไม่ให้พูดมากและขอหลบอยู่ด้วยสักสองสามวัน วันเฉลิมส่ายหน้าน้อยๆแล้วบอกว่าจะย้ายออกแล้วเพราะบ้านถูกยึด ปานหน้าซีด เริ่มสติแตกเพราะไม่คิดจะเจอทางตันวันเฉลิมสงสารและพยายามกล่อมให้น้ายอมมอบตัว
“หลวงลุงบอกว่าเราหนีอะไรก็ได้ แต่หนีกรรมของตัวเองไม่ได้หรอกน้าปาน”
“ไอ้บ้า...กูเครียดจะตายอยู่แล้ว เสือกเอาคำพูดหลวงลุงมาหลอกมาหลอนกูอีก มึงนะมึง!”
ooooooo
ขณะที่ปานใกล้เป็นบ้าเพราะกลัวถูกจับ แลกับทุกคนในบ้านต้องตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความงงจัด ไม่เข้าใจและไม่อยากเชื่อว่าปานจะกล้าปล้นร้านขายยา แถมแทงเจ้าของร้านจนอาการสาหัส แลอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่พอตั้งสติได้ก็รีบพาเจ้าหน้าที่ไปบ้านลำยองเพราะมั่นใจว่าลูกชายต้องไปหลบที่นั่นแน่
“ไอ้ปาน...เอ็งอยู่ข้างในใช่ไหม เอ็งออกมามอบตัวซะ นี่แม่เอ็งนะ เอ็งได้ยินไหม ตำรวจเขาไม่ทำอะไรมึงหรอก”
ปานเครียดหนักเพราะกลัวความผิด วันเฉลิมช่วยกล่อมอีกแรงแต่ไม่ได้ผล ปานไม่ยอมจนมุม ฮึดหยิบมีดและวิ่งพรวดออกจากบ้านไปทางถนนใหญ่ ตำรวจสองสามนายหันมาเห็นและกระโจนตะครุบตัวได้ทัน ปานล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงแต่ยังดิ้นไม่หยุดเพราะไม่อยากติดคุก แลมาทันเห็นเหตุการณ์เลยด่าลูกชายเสียงลั่น
“ไอ้ปาน...ทำไมมึงไม่ทำมาหากินอย่างคนดีๆ
เขาทำกัน ได้เล็กได้น้อยทำไมมึงไม่รู้จักอดทน จะยากจะจนยังไงมันก็ต้องมีศักดิ์ศรี กูเลี้ยงมึงไม่ดีใช่ไหม กูไม่ได้สั่งสอนมึงใช่ไหม มึงถึงทำมาหาแดกปล้นเขากินอย่างนี้”
แลโกรธลูกมากจนลงไม้ลงมือระบายความในใจ ปานได้แต่ก้มหน้ายอมให้แม่ตีเพราะรู้สึกผิดไม่ต่างกันที่ทำให้แม่ร้องไห้และช้ำใจเช่นนี้ ลำยงต้องไปดึงแม่ออกมาและปล่อยให้ตำรวจพาปานขึ้นโรงพักเพื่อดำเนินคดี วันเฉลิมมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยแววตาสลด สะเทือนใจเหลือเกินที่ทุกคนรอบตัวมีแต่เรื่องแย่ๆชวนให้จิตใจหดหู่
เรื่องปานถูกจับกลางตลาดและต้องติดคุกเพราะปล้นร้านขายยาแพร่สะพัดไปทั่วภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ปั้นกับสินได้ยินว่าแลร่ำไห้และโวยวายอย่างลืมอายเพราะเสียใจที่ลูกชายทำผิดร้ายแรงก็ได้แต่ปลงสังเวช โดยเฉพาะปั้นซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแลมาตลอดและฝังใจมากว่าที่วันเฉลิมต้องตกระกำลำบากทุกวันนี้เพราะแลสั่งสอนลำยองไม่ดี
“มาเสียใจตอนนี้มันสายไปแล้ว ลูกเต้าน่ะมันต้องอบรมสั่งสอนตั้งแต่เล็กๆ ผิดก็ต้องตีจะได้หลาบจำ คนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ท้ายลูกส่งเสริมแต่ความคิดชั่วๆ เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ สุดท้ายก็เป็นแบบอีแลนี่แหละ”
สินส่ายหน้าอ่อนใจ “อย่าไปทับถมมันเลยแม่ปั้น ยายแลมันสำนึกผิดแล้วล่ะ”
“ลูกเต้ามันเอาดีไม่ได้สักคน ไม่สำนึกก็แปลกแล้วล่ะ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้แต่ต้องเลือกจะใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีได้สิวะตาสิน” พูดจบจึงหันไปทางสันต์ซึ่งมาเยี่ยมพ่อแม่และได้ยินเรื่องชวนสลดของปานแล้ว “เรื่องไอ้วัน...แม่จนปัญญาแล้วสันต์เอ๊ย เอ็งไปเกลี้ยกล่อมนังลำยองมันเองเถอะ”
สันต์หนักใจเพราะรู้ดีว่าลูกชายรักแม่มากแค่ไหน แต่ถึงกระนั้นนายทหารเรือก็ไม่ถอดใจและตรงไปหาลูกชายถึงบ้าน วันเฉลิมกำลังขนของไปบ้านแล สันต์อาสาช่วยและเสนอให้ลูกไปอยู่กับปู่และย่า ส่วนน้องๆก็เอาไปด้วยแต่ลำยองคงต้องไปอยู่บ้านแลตามเดิม วันเฉลิมปฏิเสธเสียงเบาและบอกว่าไม่สามารถทิ้งแม่ได้
“พญาช้างเผือกท่านไม่เคยทอดทิ้งแม่ของท่านเลย ถึงจะถูกจับตัวไปขังเลี้ยงดูอย่างดี ท่านก็ไม่ยอมกินอาหารสักมื้อเพราะรู้ว่าแม่ตาบอดของท่านยังไม่ได้กิน ท่านต้องให้แม่ของท่านกินอิ่มก่อนท่านถึงจะกินครับ”
สันต์พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องเป็นบ้าหรือว่าภูมิใจดีที่ลูกชายเป็นคนกตัญญูรู้คุณบิดามารดาเช่นนี้
ooooooo
วันเฉลิมอุ้มน้องๆมาที่บ้านยายและฝากฝังให้ช่วยดูแลเพราะตัวเองต้องไปขนของต่อ แลยังสะเทือนใจเรื่องปานและไม่มีแก่ใจจะเจรจาด้วย วันเฉลิมสงสารยายมากและปลอบให้คลายกังวล
“อย่าทุกข์ใจเรื่องน้าปานเลยครับ อีกไม่นานก็ได้ออกมาแล้ว ผมว่าน้าปานต้องเปลี่ยนตัวเองได้ครับ”
แลฝืนยิ้มทั้งน้ำตาและช่วยหลานอุ้มน้องๆไปฝากไว้กับปอในห้อง แต่ดันลืมคล้องกุญแจด้านหน้า!...หลังจากนั้นสองยายหลานจึงกลับไปปลุกลำยองที่บ้าน แต่สาวขี้เมาไม่ยอมตื่น วันเฉลิมเลยตัดสินใจพยุงแม่ขึ้นรถเข็นของปู่และลากออกมาด้วยความทุลักทุเล สันต์กับเสือลอบมองห่างๆด้วยความเวทนา
“ข้าอยู่มาจนแก่ขนาดนี้ เห็นคนดิบๆ สันดานหยาบๆ มาไม่น้อย แต่ข้าต้องยกให้นังคนนี้ มันสุดยอดของความ ดิบความหยาบ เพราะอะไรก็ไม่มีทางขัดเกลามันได้ เอ็งรู้ไหมสันต์...อะไรที่ทำให้ข้านอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ทั้งที่ข้าน่าจะดีใจที่ได้เป็นเจ้าของบ้าน” สันต์มั่นใจว่าเป็นเพราะวันเฉลิม “แม่ลูกช่างตรงกันข้ามกันเหลือเกินสันต์เอ๊ย ไอ้วันมันไม่น่าเกิดเป็นลูกผู้หญิงพรรค์นั้นเลย พ่อแม่เอ็ง เอ็งและหลวงพี่ปิ่น...ไม่เสียแรงเลยที่สั่งสอนอบรมมันมาดี”
“เขาเกิดมาดีครับลุงกำนัน ถนนที่เขาเดินไปอาจจะขรุขระสักหน่อย แต่อยู่ที่พวกเราไม่ใช่เหรอครับที่ต้องช่วยประคับประคองให้เขาเดินไปได้ตลอดรอดฝั่งจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางของเขา”
กว่าวันเฉลิมจะลากแม่ถึงบ้านยายก็ใช้เวลาไม่น้อย น้องๆของเขาอยู่กันครบในห้องปอ แต่เจ้าของห้องตัวจริงกลับหายไปไหนไม่รู้ ทุกคนในบ้านแลแตกตื่นและตามหากันให้วุ่นเพราะปอหลงขนาดหนัก กลัวไปเดินทะเล่อ ทะล่าที่ไหนแล้วถูกรถชน วันเฉลิมใจไม่ดีและช่วยตามหาจนกระทั่งถึงวัด หลวงลุงปิ่นสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
“ถ้าผมไม่ลืมคล้องประตู ตาคงไม่เป็นอย่างนี้ครับหลวงลุง”
“เอ็งอย่าโทษตัวเองนักเลย ทุกคนมันหลงลืมผิด พลาดกันได้ทั้งนั้น ใช่ว่าใครจะอยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้นี่หว่า”
วันเฉลิมกลับไปสมทบทุกคนที่บ้านและต้องตกใจเมื่อชาวบ้านวิ่งมาบอกว่าเห็นชายแก่ถูกรถชนตายที่ถนนหน้าตลาด วันเฉลิมวิ่งนำหน้าแลไปดูแล้วต้องถอนใจโล่งอก เมื่อเห็นว่าศพจมกองเลือดนั้น
ไม่ใช่ตาอย่างที่นึกกลัว แลอยากจะบ้าและตัดสินใจไปรอที่บ้าน...สร้างปัญหานัก มึงหาทางกลับบ้านเองแล้วกันไอ้ปอ!
แม้จะประกาศกร้าวไม่ตามผัว แต่แลกลับร่ำไห้ไม่หยุดเพราะเป็นห่วงคู่ชีวิตที่ล่มหัวจมท้ายด้วยกันมา วันเฉลิมทนเห็นน้ำตายายไม่ได้เลยอาสาไปตามตาอีกรอบ แต่ไม่ต้องไปไกลเลยเพราะเด็กชายพบปอยืนปากสั่นแช่น้ำในคลองหน้าบ้าน ลำยงช่วยเช็ดตัวให้พ่อ ส่วนแลด่าผัวไม่หยุดเพราะโมโหที่ทำให้ใจไม่ดีอยู่นานสองนาน
“มึงนะมึง ใครต่อใครตามหามึงให้วุ่น หาแต่เรื่องให้ตลอด แล้วมึงลงไปทำอะไรในน้ำ”
“กูลงไปงมหาอีอ้อย มึงด่ากูทุกวัน กูเจ็บนะมึง กูเอาอีอ้อยมาจากน้ำได้ มึงจะได้เลิกด่ากูสักที”
แลอ้าปากค้าง ส่วนคนอื่นๆพูดไม่ออก ปอหลงหนัก ข้อขึ้นเรื่อยๆ...จำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่เรื่องหลานตัวเอง!
ooooooo
สันต์ไม่ละความพยายามจะเกลี้ยกล่อมลูกชายเรื่องเรียน แต่ไม่อยากฝืนใจลูกเลยได้แต่กล่อมให้เรียนต่อเพราะเด็กชายหัวดี อนาคตน่าจะมั่นคงและเป็นที่พึ่งพาให้แม่กับน้องๆได้
“อาเทวีบอกว่าโรงเรียนเปิดรับสมัครนักเรียนประถมห้าแล้วนะลูก พ่อว่าจะพาวันไปฝากโรงเรียนวัดนวล แต่มันไกลไปหน่อย เดินไปเดินกลับจะเสียเวลามาก เอาโรงเรียนวัดปากน้ำบางเสาธงละกันนะ เดินใกล้หน่อย...ดีไหมลูก”
วันเฉลิมบอกว่าจะไม่เรียนต่อเพราะต้องดูแลน้อง สันต์เข้าใจว่าลูกกังวลเรื่องค่าเทอมแต่กลับกลายเป็นว่าเด็กชายรักน้องมากและอยากให้ทุกคนมีโอกาสเรียนบ้าง สันต์ถอนใจเบาๆแล้วถามเสียงอ่อน
“พ่อรู้ว่าจริงๆแล้ววันอยากเรียนใช่ไหม พ่อไม่ได้มีเงินทองมากมาย อาจไม่มีสมบัติอะไรให้วัน แต่อย่างเดียวที่พ่อให้ได้ตอนนี้คือการเรียน วันจะได้มีความรู้ติดตัว วันข้างหน้าจะได้เลี้ยงตัวเองได้นะลูก”
วันเฉลิมก้มหน้านิ่งแล้วเปรยเสียงเบา “ผมต้องถามแม่ก่อนครับ ถ้าแม่ให้เรียน ผมคงได้เรียน”
วันเฉลิมหันไปดูแลน้อง ไม่แสดงท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจอะไรจนสันต์เริ่มเครียด กลัวลูกทิ้งโอกาสเรื่องเรียนจริงๆ ลำยงเห็นใจอดีตพี่เขยมากและปลอบให้ใจเย็นๆ เพราะยังพอมีเวลากล่อมลูกอีกมาก
คืนแรกของการไปอยู่บ้านยาย วันเฉลิมต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงตะโกนโหวกเหวกของน้าๆ อาการแตกตื่นและข่าวเรื่องไฟไหม้ร้านค้าเรือนแพแถวตลาดทำให้เด็กชายวิ่งหน้าตื่นออกจากบ้านไปหาปู่กับย่าทันที สินกับปั้นกำลังวุ่นกับการโกยข้าวของมีค่าและดับไฟ แต่ดันลืมหีบเก่าที่เก็บทองหยองกับเงินของวันเฉลิมไว้ใต้เตียง สินบุกไปเอาเพราะสงสารเมีย โดยมีวันเฉลิมไปช่วยด้วย แต่สองปู่หลานก็ต้านแรงไฟไม่ไหวต้องหนีเอาชีวิตรอดออกมาก่อน
ปั้นร้องไห้โฮเพราะร้านค้าและบ้านไหม้เกือบทั้งหลัง ที่สำคัญหีบสมบัติต้องมอดไหม้ตามไปด้วย สินพร่ำขอโทษเมียและโทษตัวเองที่แก่เกินจะคว้าอะไรไว้ทัน วันเฉลิมเห็นใจย่ามากและปลอบให้ทำใจ
“ย่าครับ...อย่าเสียดายมันเลย ช่างมันเถอะ”
“เงินกับทองในหีบนั่น มันของเอ็งทั้งนั้นนะไอ้วัน ปู่กับย่าเก็บออมไว้ให้เอ็งเรียนหนังสือ หมดกันคราวนี้”
ปั้นฟูมฟายไม่หยุด สินไม่รู้จะทำยังไงเพราะคงหามาคืนยากเต็มที แต่ไม่วายสั่งเสียหลานเรื่องการเรียน
“เอ็งต้องเรียนหนังสือต่อนะไอ้วัน จะจนยากยังไงก็ต้องเรียน เอาให้จบมหาวิทยาลัยได้ยิ่งดี เอ็งจะได้มีความรู้ไว้เลี้ยงตัวเอง รับปากปู่นะว่าเอ็งจะเรียนต่อ” วันเฉลิมไม่กล้ารับปากเพราะกลัวแม่ แต่สินกลับเข้าใจว่าหลานกลัวไม่มีเงินเรียน “อย่าไปเสียดายมัน ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ห้องเอ็งเดี๋ยวปู่ซ่อมให้ใหม่ เอ็งเอาน้องๆมาอยู่ที่นี่นะไอ้วัน”
วันเฉลิมก้มหน้านิ่งจนสินใจไม่ดี “เอ็งอย่าน้อยใจในโชคชะตาวาสนาของเอ็ง คุณค่าความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ใครเขาเอามายกให้ แล้วก็ไม่มีใครลักขโมยช่วงชิงจากเอ็งได้เช่นกัน เอ็งสร้างมันได้ด้วยตัวเอง เหมือนทองคำ ไงล่ะ...ที่ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นทองวันยังค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยน แปลงหรือลดคุณค่าในตัวเองได้หรอก”
วันเฉลิมเข้าใจดีแต่ไม่กล้ารับปากปู่เพราะกลัวไม่มีวันนั้น ส่วนสินเหนื่อยจัดเพราะใช้แรงเยอะ เลยไปนั่งพักโดยมีปั้นไปหาน้ำมาให้ดื่ม วันเฉลิมรื้อกองข้าวของที่เสียหายตามคำสั่งย่า เผื่อจะเหลืออะไรที่พอใช้ได้ สินมองตามด้วยสายตาอ่อนแสงและเปรยกับเมียว่าอยากเห็นหลานชายคนโตบวชเหลือเกิน
“ฉันอยากให้มันบวชสักพรรษาหนึ่ง แต่ตัวเองคงไม่มีวาสนาได้เห็นชายผ้าเหลืองหลานหรอก”
“พูดอะไรแบบนั้นตาสิน ไอ้วันมันเป็นคนดี ถึงไม่ได้บวช แกก็สบายใจเถอะ จะหาเด็กที่ไหนอย่างไอ้วันมันล่ะ”
“ฉันไม่ได้อยากอาศัยเกาะชายผ้าเหลืองลูกหลานขึ้นสวรรค์หรอกแม่ปั้น ที่อยากให้มันบวชเพราะคิดว่าช่วยให้ไอ้วันมันพ้นทุกข์ได้บ้าง ทำใจได้บ้างที่มีแม่อย่างนี้ กรรมเก่าของมันช่างมากนัก บวชแล้วอาจจะช่วยให้จิตใจมันสงบทนทุกข์ทรมานได้ดีขึ้นต่างหาก พระศาสนาจะทำให้ไอ้วันมันเป็นคนเต็มคนนะแม่ปั้น”
ปั้นเห็นดีด้วยแต่คงเป็นไปได้ยากเวลานี้เพราะเงินทองทรัพย์สมบัติมอดไหม้ไปพร้อมบ้าน สินเริ่มหอบหายใจแรงและถี่เพราะเหนื่อยจัดแต่ไม่อยากบอกให้เมียกังวล แถมรวบรวมแรงสั่งปั้นให้เป็นธุระเรื่องหลานบวชให้ได้ ปั้นไม่เอะใจคำพูดแปลกๆของผัวและย้อนเสียงเรียบว่าต้องมีวันนั้นแน่เพราะเขายังแข็งแรงดี
“ถ้าไอ้วันมันได้บวช นังลำยองมันคงไม่กล้ากวนพระเจ้าหรอก ไม่ได้เรียนทางโลก ก็เรียนทางธรรมแทนแล้วกัน”
“เออ...แกไม่ต้องห่วงหรอกตาสิน ยังไงฉันต้องหาทางแยกไอ้วันออกจากแม่มันให้ได้”
สินยิ้มบางๆ ขอบใจเมียยกใหญ่ที่รับปาก อาการเจ็บหน้าอกและความเหนื่อยที่รุมเร้าทำให้ชายชราเริ่มคิดว่าตัวเองคงไม่มีวาสนาได้เห็นชายผ้าเหลืองของหลาน จึงพูดจาสั่งเสียอีกหลายคำแต่ปั้นไม่ได้จับสังเกต และเข้าใจว่าผัวคงแก่จนเพ้อเลยผละไปเก็บของ สินตัดสินใจไม่อธิบายและมองเมียกับหลานคุ้ยหาของมีค่าด้วยแววตาอ่อนแสง...ข้าคงตายตาหลับเพราะเชื่อว่าปั้นคงมีคนดูแลและหลานชายคนโตจะบวชเรียนให้
ooooooo
สินจากไปอย่างสงบระหว่างที่ปั้นกับวันเฉลิมคุ้ยหาของมีค่าในบ้าน วันเฉลิมพบทองก้อนใต้เตียง ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้ที่ไม่ได้ทำให้ทองคำในหีบสูญสลายแต่ละลายไปรวมกันแทน ปั้นวิ่งหน้าตื่นไปบอกผัวแต่ต้องน้ำตาไหลพรากเมื่อพบว่าเขาไม่มีลมหายใจอีกแล้ว วันเฉลิมมองปู่กับย่าด้วยแววตาสลด เสียใจที่คนที่รักจากไปอีกคนหนึ่งแล้ว
กว่าวันเฉลิมจะกลับบ้านยายอีกครั้งก็เกือบรุ่งสาง ทุกคนกำลังช่วยกันเก็บกวาดด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะหมดแรงไปกับการยกของหนีตั้งแต่เมื่อคืน ลำยองเห็นหน้าลูกแล้วของขึ้น ยิ่งรู้ว่าไปหาสินกับปั้นเลยยิ่งโกรธ
“ไปช่วยมันทำไม อ๋อ...มึงอยากเสนอหน้าไปให้มันเห็นว่ามึงกตัญญูรู้คุณอย่างนั้นเหรอ ถ้ามึงหวังจะได้สมบัติมันน่ะนะไอ้วัน มึงฝันไปเถอะ มันเอาไปให้ลูกกับเมียใหม่พ่อมึงหมดแล้ว”
แลหันไปแหวให้หยุดพูด ลำยองเถียงว่าลูกชายทำไม่ถูก...บ้านจะไหม้อยู่แล้วดันไปช่วยคนอื่น แลเบ้หน้าและตอกกลับ “แล้วมึงช่วยเหรอ เมาข้ามวันข้ามคืน ถ้าไฟลามมาจริงๆ กูจะปล่อยให้ไฟคลอกตายในบ้านนี่แหละ”
ปอหลงจนลืมเรื่องไฟไหม้และเข้ามาป่วนสองแม่ลูกจนแลอยากจะบ้า ลำยงไม่สนใจและถามหลานเรื่องบ้านสินกับปั้น วันเฉลิมก้มหน้านิ่งและบอกเสียงอ่อยว่าปู่ตายแล้ว ลำยองหัวเราะเสียงดังทันทีด้วยความสะใจ
“สาแก่ใจกูจริงๆ มันทำกับกูไว้มาก มึงเห็นไหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เป็นอย่างที่กูแช่งไว้ทุกอย่าง มันตายยังไงวะไอ้วัน ไฟคลอกตายเป็นตอตะโกเลยไหมวะ มันน่าจะตายห่าไปด้วยกันทั้งคู่เลยนะ อย่างนี้ต้องเลี้ยงโต๊ะจีนแล้วโว้ย”
วันเฉลิมทนไม่ได้ค่อยๆปลีกตัวออกไป ตามด้วยคนอื่นๆ ทิ้งลำยองให้ยิ้มร่าดีใจคนเดียว...สมน้ำหน้าไอ้เฒ่าสิน!
วันเฉลิมหนีไปหาหลวงลุงปิ่นและเล่าเรื่องสินเหนื่อยจนหมดลมเมื่อคืนก่อน ชดตามไปด้วยเพราะอยากช่วยหลานจัดการงานศพของสิน หลวงลุงมองลูกศิษย์ก้นกุฏิร้องไห้ไม่หยุดก็นึกเวทนาเลยเทศนาด้วยน้ำเสียงปรานี
“อะไรๆในโลกนี้มันเป็นอนิจจังทั้งนั้นไอ้วัน ไม่มีอะไรยั่งยืนคงอยู่ตลอดไปหรอก เนื้อหนังมังสา...สุดท้ายก็เป็นแค่เถ้าถ่าน อย่างเดียวที่เหลือคือคุณงามความดีที่ปู่เอ็งเขาทำทิ้งเอาไว้ให้ระลึกถึงเท่านั้นแหละ”
สันต์กลับมาบ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพร้อมเทวีซึ่งช่วยจัดการทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระสามีที่ต้องคอยปลอบใจแม่ด้วยความเต็มใจ นายทหารเรือรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ดูใจและช่วยเหลือพ่อกับแม่ตอนลำบาก ปั้นตบบ่าปลอบไม่ให้คิดมากและพูดถึงคำสั่งเสียสุดท้ายของสินที่อยากให้วันเฉลิมได้บวชเรียน
สันต์นำเรื่องความปรารถนาของพ่อไปปรึกษาหลวงลุงปิ่นในคืนเดียวกันนั้น ปั้นบอกว่าผัวเป็นห่วงหลานมาก ไม่อยากให้จมปลักกับความทุกข์นานๆ หลวงลุงยิ้มแล้วบอกว่านับเป็นกุศลเหลือเกินที่สินคิดอย่างนี้ก่อนตาย สันต์ตั้งใจว่าจะต้องทำความฝันพ่อให้เป็นจริงให้ได้ แต่คงต้องฝ่าด่านยากที่สุดเสียก่อน
ooooooo
ด่านยากที่สุดของสันต์คือลำยอง สาวขี้เมาได้แต่นอนซดเหล้าไม่ยอมไปไหนเหมือนเคย ระหว่างที่คนอื่นๆในบ้านเตรียมตัวไปงานศพสิน แถมใส่เสื้อผ้าด้วยสีสันสดใสเพราะไม่อยากแม้แต่จะไว้ทุกข์ให้กับอดีตพ่อผัวที่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นมารผจญ ลำยงส่ายหน้าอ่อนใจและถามให้แน่ใจว่าพี่สาวจะไม่ไปร่วมงานจริงๆ
“จ้างให้กูก็ไม่ไป กูไม่ไปให้จัญไรไอ้แก่นั่นมาติดตัวกูหรอก”
“ที่ชวนเนี่ย ชวนให้ไปขอให้ศพลุงสินแกอโหสิกรรมให้พี่น่ะ”
“พวกมันต่างหากโว้ยต้องมากราบอโหสิกรรมกู ถ้าไม่มีพวกมัน ป่านนี้กูเป็นคุณนายทหารเรือไปแล้ว”
ลำดวนอดไม่ได้แขวะเข้าให้จนลำยองอยากลุกมาตบเป็นกำลัง แลเข้าขวางและสั่งให้แยกกันเพราะเบื่อเสียงทะเลาะ ลำยองไม่ยอมและด่าไล่หลังน้องอีกกระบุงโกย ทุกคนได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ...เมื่อไหร่มันจะหายบ้า!
แล ลำดวน ลำยงและชดมาไหว้ศพสินด้วยความเคารพ ปั้นไม่ได้สนใจอะไรแต่แลกลับรู้สึกประหลาดเพราะยังรู้สึกเหม็นขี้หน้าคู่ปรับไม่น้อย ลำยงยุให้แม่ไปทักทายปั้นเพราะเป็นเจ้าภาพ แลลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมไปอย่างเสียไม่ได้ ปั้นรับไว้แบบขอไปทีเช่นกันและไม่ยอมสบตาด้วย...เอาเถอะ กูจะยอมสงบศึกให้ละกัน!
ขณะเดียวกันอีกด้านของงานศพ สันต์ ปั้นและเทวีช่วยกันเกลี้ยกล่อมวันเฉลิมให้บวช วันเฉลิมยังก้มหน้านิ่งเพราะเป็นห่วงแม่ สันต์ไม่ละความพยายามกล่อมให้ลูกเห็นข้อดีของการบวชเรียน
“วันจะได้อยู่กับหลวงลุงไงล่ะลูก สงบสุขดี...วันชอบอยู่กับหลวงลุงไม่ใช่หรือลูก น้องๆน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฝากน้าลำยง น้าลำดวนเลี้ยงสักพักคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
วันเฉลิมไม่ยอมรับปาก ปั้นจึงยกคำขอของสินมาอ้าง “ปู่เอ็งเขาสั่งเอาไว้ ถ้าเอ็งบวชเขาจะได้ตายตาหลับ ไม่ต้องตามห่วงเอ็ง ทองที่เอ็งรื้อเจอในกองไฟนั่นน่ะ ปู่เอ็งเขาตั้งใจเก็บไว้เป็นทุนให้เอ็งได้บวชเรียน”
วันเฉลิมเริ่มลังเลเพราะใจอยากบวชเป็นทุน เทวีจึงช่วยพูดด้วยเพราะเห็นว่าเด็กชายควรได้รับโอกาสดีๆ สันต์กับปั้นลุ้นสุดตัว แต่วันเฉลิมกลับคิดว่าแม่คงไม่ยอม สันต์กับเทวีเลยอาสาไปกล่อมลำยองให้
วันเฉลิมพยักหน้ารับน้อยๆ “ถ้าแม่ยอม ผมก็จะบวชครับ”
เมื่อลำยงกับแลทราบเรื่องความปรารถนาสุดท้ายของสินก็ถึงกับพูดไม่ออก สันต์น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของพ่อที่แม่เล่าให้ฟังว่าอยากเห็นชายผ้าเหลืองจากหลานชายคนโตสักครั้งก่อนตาย
“พ่อแกตั้งใจว่า ถึงไอ้วันไม่ได้เรียนโรงเรียนธรรมดาก็เรียนนักธรรมแทน ชีวิตจะได้สุขสงบบ้าง”
“เผลอๆนังลำยองมันเห็นผ้าเหลือง มันอาจจะกลับตัวกลับใจได้มั่งก็ดีนี่หว่าไอ้สันต์ ให้มันบวชเลย”
“เจ้าวันเขาไม่ยอมบวชน้าแล เขาว่าบวชไม่ได้ถ้าแม่ไม่อนุญาต”
แลถึงกับอึ้ง อยากจะบ้าตายนักที่หลานรักแม่ผิดเวลาแบบนี้ ลำยงถอนใจเซ็งๆและบอกจะช่วยพูดกับพี่สาวให้ สันต์พยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปทักทายเสือซึ่งมาเคารพศพเหมือนกัน กำนันหนุ่มใหญ่เห็นใจปั้นมากที่ต้องเสียคู่ชีวิตซึ่งอยู่ด้วยกันมานาน ปั้นไม่คิดมากเพราะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
“นั่นสิแม่ปั้น...สุดท้ายมันก็เท่านี้ อยู่ที่เราเลือกจะให้คนข้างหลังจดจำเรายังไงต่างหาก”
เสือแวะไปทักทายวันเฉลิมอีกด้าน ได้ยินจากปั้นกับสันต์ว่าเด็กชายอาจจะไม่เรียนต่อก็เสียดายแทนเพราะรู้มาว่าหัวดีมาก วันเฉลิมบอกว่าต้องอยู่บ้านเลี้ยงน้อง เสือถอนใจเหนื่อยหน่ายแล้วเปรยเสียงเข้ม
“แม่เอ็งมันไม่มีปัญญาเลี้ยงหรือไง เอ็งตัวแค่นี้ถึงกับต้องอ้าขาผวาปีกจะรับผิดชอบน้องนุ่งเป็นโขยง”
เสือแกล้งถามว่ายายกับน้าๆไม่ช่วยเลี้ยงหรือ แลไม่รู้เรื่องและบ่นว่าช่วยเท่าที่ได้ แต่คงไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะทุกคนต่างมีภาระรับผิดชอบตัวเองกันทั้งนั้น วันเฉลิมเข้าใจดีแต่แม่ก็ยังเป็นแม่
“ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงแม่ได้นี่ครับ แล้วน้องๆผมจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีใครคอยดูแล”
“เอ็งกำลังทำให้ข้ารู้สึกบาปหนักที่ทำลายอนาคตเอ็ง ยึดเอาบ้านแม่เอ็งมา เอ็งคิดว่าข้าใจยักษ์ใจมารใช่ไหม”
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยครับ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของกรรม ทุกคนหนีกรรมตัวเองไม่พ้นหรอกครับ”
ooooooo
ความน่าสงสารของวันเฉลิมทำให้เสือใจอ่อนยอมยกบ้านคืนให้ เด็กชายดีใจมากวิ่งออกไปบอกแม่ที่บ้านยาย ลำยองไม่อยากเชื่อและตั้งท่าจะด่าแต่แลเข้าขวางและสั่งสอนลูกสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มึงต้องกราบกำนันเสือเขา เขาเวทนามึงกับลูกๆ กลัวไม่มีที่ซุกหัวนอน ถือว่าทำบุญ”
“ทำบุญเหรอ ยังหลงเสน่ห์อยากได้กูทำเมียมากกว่า...ไอ้แก่เอ๊ย”
ลำยองหัวเราะด้วยความสะใจ ส่วนวันเฉลิมเสียความรู้สึกมากที่แม่ไม่รู้จักซึ้งในพระคุณของเสือแม้แต่น้อย
คืนเดียวกันที่งานศพสิน เสือแจ้งข่าวเรื่องยกบ้านคืนให้ลำยองแก่ครอบครัวสันต์ ทุกคนดีใจแทนวันเฉลิมที่เสือมีน้ำใจ กำนันหนุ่มใหญ่ยิ้มน้อยๆแล้วเล่าถึงความรู้สึกก่อนหน้านี้
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะรื้อบ้านเอาไม้ไปปลูกใหม่ในสวนข้า ส่วนที่ตรงนั้นใครสนใจซื้อข้าก็จะขาย แต่หน้าไอ้วันมันตามไปหลอนข้าทุกคืน ข้าคืนบ้านหลังนั้นให้นังลำยองเพราะเห็นแก่ไอ้วัน ไอ้เด็กคนนี้มันดีเกินไป”
สันต์กับปั้นยกมือไหว้ขอบคุณแทนวันเฉลิม ส่วนเทวีมองมาด้วยแววตาสบายใจที่ลูกเลี้ยงมีคนเมตตา เสือนึกถึงวันเฉลิมด้วยความเอ็นดูในความใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พลันต้องหน้าเครียดเมื่อนึกถึงอนาคตของเด็กชาย
“ข้าคิดไปเยอะกว่าเอ็งอีกไอ้สันต์ ไอ้วันไม่มีทางมีสมาธิจะร่ำเรียนอะไรได้หรอก ถ้ามันยังขลุกขลักนัวเนียกับน้องกับแม่มันอย่างนี้ ข้าต้องหาทางแยกไอ้วันออกจากนังลำยองให้ได้”
เวลาเดียวกันที่บ้านแล...ทุกคนในบ้านพยายามกล่อมลำยองยอมให้วันเฉลิมบวชหน้าไฟให้สิน สาวขี้เมา ไม่ยอมและโบ้ยให้ลูกคนอื่นของสันต์ทำแทนเพราะกลัวไม่มีคนรองมือรองเท้า แลโมโหมากที่ลูกสาวคิดได้แค่นี้
“อีลำยอง...มึงนี่มันไม่ได้ตาบอดอย่างเดียว ใจมึงยังบอดด้วย เขาตายไปแล้ว มึงไม่ไปอโหสิกรรมเขาไม่เท่าไหร่ แต่ลูกมึงจะทำบุญทำกุศลให้เขา มึงยังขัดขวาง กูไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
“ใครจะทำบุญทำทาน อโหสิกรรมอะไรก็เชิญ คนอย่างอีลำยองมันเจ็บแล้วจำโว้ย ดีเท่าไหร่แล้วไม่เผาพริกเผาเกลือสาปส่งให้มันลงนรก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดน่ะ”
แลสุดจะทนด่าทอลูกเสียงสั่นแต่ลำยองไม่สนใจแถมประกาศกร้าวไม่ยอมให้ลูกชายบวชเด็ดขาด
“กูเป็นแม่มันโว้ย กูสั่งอะไรไอ้วันมันก็ต้องทำ ไอ้นี่มันลูกกตัญญูของกูคนเดียวโว้ย มันต้องหาเลี้ยงกูหาเลี้ยงน้องมัน หน็อย...แต่อ้อนแต่ออกก็จะมาพรากลูกจากอกกู ตายโหงตายห่าแล้วยังไม่เลิกคิดจัญไรอีกไอ้เฒ่า”
ลำยองกรอกเหล้าเข้าปากแล้วหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ แลอยากจะตบสักฉาดให้หายแค้น สองแม่ลูกยืนจ้องหน้ากันไปมา โดยไม่รู้เลยว่าวันเฉลิมแอบได้ยินทุกอย่าง เจ็บปวดเหลือเกินที่แม่ไม่เคยเห็นค่าความดีของตน
ooooooo
วันเฉลิมพาแม่กับน้องๆย้ายเข้าบ้านในเช้าวันต่อมา วิมลกับสมฤดีมาต้อนรับอย่างยินดี ดีใจมากที่วันเฉลิมได้กลับมาเป็นเพื่อนบ้านอีกครั้ง เด็กชายเห็นแม่อารมณ์ดีเลยขออนุญาตเรียนหนังสือต่อ แต่ลำยองปฏิเสธโดยอ้างว่าเรียนไปก็เท่านั้นเพราะเขาเป็นลูกคนโตต้องออกไปทำโรงงานหาเลี้ยงน้อง
แลอยากจะบ้าตายเพราะลูกสาวเป็นมารผจญของหลาน ไม่ให้เรียนแถมไม่ให้บวชอีกต่างหาก ลำยองไม่สะทกสะท้านกับคำบ่นของแม่และหันไปถามลูกชายอย่างใจเย็นว่าเธอบีบบังคับให้ดูแลแม่กับน้องหรือเปล่า วันเฉลิมก้มหน้าตอบว่าไม่ ลำยองหัวเราะชอบใจใหญ่ แลได้แต่มองมาด้วยความเอือมระอา...เป็นแม่ประสาบ้าอะไรของมันวะ!
แลคร้านจะเกลี้ยกล่อมลูกสาวเรื่องวันเฉลิมเลยต้องไประบายกับสันต์ด้วยความคับแค้นใจ นายทหารเรือเห็นใจอดีตแม่ยายมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความกักขฬะของลูกสาวคนโตเลยปลอบให้ใจเย็นและตนจะลองหาวิธีอื่น
“ข้ารู้นะพ่อสันต์...ไอ้วันน่ะมันอยากบวชเรียนใจจะขาด แต่มันติดที่อีลำยองคนเดียว”
“เขาคงคิดว่าทำอย่างนี้แล้วแปลว่าเขาจะชนะทุกคน”
“ชนะบ้าบออะไรของมัน คนจะบวชมันขวางไม่ให้บวชแบบนี้ นรกถามหาแหงๆอีลำยองเอ๊ย”
เสือไปเยี่ยมวันเฉลิมที่บ้านสายวันเดียวกัน ทันเห็นภาพลำยองซึ่งลงแดงอย่างหนักเพราะอาการติดเหล้าเรื้อรังกำลังขู่บังคับเอาเงินจากลูกชาย วันเฉลิมพยายามบอกว่าไม่มีก็ไม่เชื่อ ลงมือตบตีด้วยความโมโห เสือรีบห้ามเพราะสงสารเด็กชาย แต่ลำยองกลับเข้าใจไปอีกทางว่าเขามาหาเพราะรักและคิดถึงตน
“พี่เสือคืนบ้านให้ฉันมาไม่ใช่เพราะพี่อยากให้โอกาสฉันแก้ตัวเหรอ”
เสือโยนซองใส่โฉนดบ้านบนโต๊ะอย่างแรง “ข้าคืนบ้านหลังนี้ให้เอ็งเพราะเห็นแก่ไอ้วันเฉลิมลูกเอ็ง เอ็งควรจะสำนึกให้มากๆว่าถ้าไม่มีไอ้วัน เอ็งก็ไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนข้างถนนหรอกโว้ยนังลำยอง!”
งานศพของสินดำเนินต่อไปอีกหลายวัน วันเฉลิมถูกลำยองห้ามขาดไม่ให้ไปร่วมงาน แต่เด็กชายก็แอบหนีไปจนได้เพราะอยากได้อาหารที่เหลือจากการเลี้ยงแขกมาให้น้องๆ สันต์เครียดมากที่เห็นสภาพลูกชายเป็นแบบนั้น เทวีพลอยกลุ้มใจไปด้วยจนต้องคิดแผนการช่วยวันเฉลิมให้หลุดจากสภาพย่ำแย่เช่นนี้
ฝ่ายลำยองตัดสินใจเปิดห้องให้เช่าใหม่เพราะทนไม่ไหวที่ไม่มีจะกินเช่นนี้ แลอดไม่ได้เตือนสติให้คิดดีๆเพราะไม่อยากให้หลานๆต้องทนอยู่ในสภาวะแวดล้อมเหมือนสลัมอย่างที่แล้วๆมา
“สลัมแล้วไง ไม่มีจะกินมันก็สลัมเหมือนกันล่ะแม่ ไอ้เฒ่าเสือเฮงซวยบอกว่าจะหาเลี้ยงก็เลี้ยงให้ตลอดสิโว้ย”
“มึงทำตัวมึงเองนะอีลำยอง มึงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บุญขนาดไหนแล้วที่ยังมีที่ซุกหัวนอนเนี่ยอีบ้า มึงเคยมองเข้าไปในตาลูกไหม ตามึงบอดใจมึงบอดใช่ไหม มึงถึงไม่เห็นอะไรในนั้นเลย”
ลำยองสะบัดหน้าหนี กัดฟันแน่นเพราะสะเทือนใจไม่น้อย แต่อาการอยากเหล้าจนตัวสั่นทำให้สำนึกชั่วดีสั่นคลอนไปหมด แลเห็นลูกสาวตัวสั่นจึงถามด้วยความเป็นห่วง ลำยองไม่อยากโดนแม่ด่าเลยเฉไฉโกหกขอยืมเงินไปซื้อข้าวสาร แลไม่อยากเชื่อ เรียกวันเฉลิมไปซื้อแทน แต่ลำยองคว้าเงินไปเสียก่อนและออกจากบ้านไม่เหลียวหลัง แลได้แต่มองตามด้วยความสงสัย...
ดูท่าเงินเธอคงไม่ได้ไปซื้อข้าวสารอย่างที่บอก แต่คงเป็นค่ายาดองมากกว่า!
ooooooo
ครอบครัวสันต์ช่วยกันวางแผนเพื่อช่วยวันเฉลิมให้ได้บวช ทุกคนลงความเห็นว่าคงต้องให้แลช่วยด้วยเพราะลำยองเชื่อแม่มากกว่าใคร ปั้นอาสาไปบอกคู่ปรับด้วยตัวเอง แลยินดีให้ความร่วมมือแต่ไม่รับปากว่าจะสำเร็จเพราะรู้จักสันดานลูกสาวดีว่ายากจะจัดการแค่ไหน ปั้นเอาใจช่วยเพราะคงเป็นโอกาสเดียวของวันเฉลิมที่จะได้บวชเรียน
แลคิดหนักแต่เห็นด้วยว่าวันเฉลิมจะต้องพ้นจากสภาพเลี้ยงน้องดูแลแม่จนตัวเองเกือบตายเสียที ปั้นดีใจมากและขอตัวกลับ แต่ไม่ทันพ้นประตูดีลำยองก็เข้ามาเห็นเสียก่อน เลยโวยวายใหญ่หาว่าอดีตแม่ยายตามมารังควานถึงบ้าน แลกลัวแผนแตกรีบช่วยพูดกลบเกลื่อน ลำยองมึนๆอยู่แล้ว เชื่อสนิทว่าคงตาฝาดไปเอง
แลพยายามหาโอกาสดำเนินการแผนช่วยวันเฉลิม แต่คิดว่าคงทำคนเดียวไม่ไหวเลยไปหาเสือเพื่อขอให้ช่วย กำนันหนุ่มใหญ่เข้าใจว่าแลมาหาเพื่อขอให้กลับไปคืนดีกับลูกสาวจึงพูดดักคอเสียงเข้ม
“เรื่องลูกสาวเอ็ง ข้าไม่ฟังแล้วนะโว้ยนังแล จบกันไปแล้ว ข้าอโหสิกรรมให้ไปแล้ว”
“กำนันอุตส่าห์คืนบ้านให้มัน บุญคุณกำนันครั้งนี้ชาตินี้ชาติหน้าก็ใช้ไม่หมด”
“ไม่ต้องมาสรรเสริญเยินยอข้า ข้าไม่ได้ทำบุญทำทานให้ลูกสาวเอ็ง ข้าเห็นแก่หลานเอ็งคนเดียว”
“ฉันรู้...แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว กำนันสงเคราะห์มันให้ถึงฝั่งอีกหน่อยได้ไหม”
กว่าจะปรึกษาแผนการกับเสือเสร็จก็เป็นเวลาพลบค่ำ แลเลยแวะไปดูหลานๆที่บ้านลำยองด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ต้องอารมณ์เสียหนักเมื่อทราบจากวันเฉลิมว่าลำยองขังอ้อย เหน่งและจิตราไว้ในห้อง ส่วนตัวเองหายไปไหนไม่รู้
“เกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะทำยังไง เกิดอีอ้อยมันซนเอานิ้วแหย่เข้าไปในรูปลั๊กไฟจะเป็นยังไง แม่เอ็งนี่มันไม่มีหัวคิด”
“ผมผิดเองครับยาย ถ้าผมไม่ไปงานศพปู่คงมีคนอยู่กับน้องๆ”
“เอ็งไม่ต้องออกรับแทนมัน ผีเหล้าผีพนันคงเข้าสิงมันจนไม่เหลือความเป็นคนแล้ว” วันเฉลิมพยายามห้ามยายไม่ให้ว่าแม่แต่แลไม่สนใจ “ทำไมข้าจะว่าไม่ได้ สารพัดความเลวความชั่วอยู่ในตัวแม่เอ็งขนาดนี้ไอ้วัน”
วันเฉลิมน้ำตาร่วงเผาะและตัดสินใจไปตามหาแม่กับยายที่บ่อนหลังจากนั้นแต่ไม่พบ แลอดเวทนาหลานไม่ได้ที่ต้องไปเจอสถานที่อบายมุขแบบนั้น แต่หญิงชราก็จนใจเพราะคงห้ามไม่ให้รู้เห็นไม่ได้ จนดึกดื่นค่อนคืน...สองยายหลานจะกลับบ้านอยู่แล้วจึงพบลำยองในสภาพเมาไม่ได้สตินอนแผ่หราอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทาง!
สองยายหลานช่วยกันลากลำยองเข้าบ้านด้วยความทุลักทุเล แลหงุดหงิดมากและหมายมั่นปั้นมือจะเร่งดำเนินการตามแผนให้เร็วที่สุด...ไม่อยากให้หลานต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาพอเนจอนาถเช่นนี้ต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว
ooooooo
งานฌาปนกิจศพสินถูกจัดขึ้นในวันถัดมาสันต์ ปั้นและเทวีรวบรวมกองเถ้ากระดูกกลับบ้านและส่งจิตถึงชายชราให้คลายกังวลเรื่องวันเฉลิมเพราะแลช่วยเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว โดยเริ่มต้นแผนการในเช้าวันถัดมาเมื่อลำยองแผลงฤทธิ์ขัดขวางไม่ยอมให้วันเฉลิมไปสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวัดใกล้บ้าน
แลใช้เงินของเสือซื้อของกินมากมายก่อนไปบ้านลูกสาวคนโต แถมต่อว่าอย่างไม่เกรงใจที่ขวางความเจริญลูก
“มึงรู้ไหมว่าไอ้วันมันไม่ยอมไปสอบเรียนต่อก็เพราะมึง”
“ไม่ได้เรียนต่อแล้วมันจะตายเหรอ ยังไงมันก็ต้องทำงานโรงงานหาเงินมาเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องมัน”
แลส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะเรียกหลานๆมากินข้าวต้มมัดและไก่ย่างตัวโต ลำยองแปลกใจที่แม่มีเงินซื้อของกินมากมาย แลยักไหล่น้อยๆแล้วบอกว่าถูกหวยเลขเด็ดเมื่อวันก่อน ลำยองตื่นเต้นและคาดคั้นแม่ให้บอกวิธีหาเลขเด็ดบ้าง แลแกล้งทำเป็นไม่สนใจทำทีก้มหน้าก้มตาดูหลานกินข้าว ฉับพลันนั้นก็ทำตาโตบอกว่าเห็นบางอย่างบนหัววันเฉลิม
“กูไม่รู้ว่าอะไรแต่เป็นเงาๆ ทองๆสุกอร่ามไปหมดเลย มึงดูสิ” วันเฉลิมงง ลำยองอาการหนักกว่าเพราะคิดว่าแม่เห็นผี แลยกมือไหวปลกๆ “กูขนลุกไปหมดแล้ว พระพุทธรูปประทับบนดอกบัว สีทองสุกปลั่งไปหมดเลย ไอ้วันเอ๊ย”
แลก้มลงกราบหลานสามทีเหมือนกราบพระวันเฉลิมร้องห้ามเสียงหลง ลำยองหันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะพูดอะไร แลเห็นท่าแล้วรู้ว่าลูกสาวต้องเชื่อแน่เลยรีบสำทับ “อีลำยอง...อีบ้า มึงนั่งเฉยทำไม พระผ่านมาโปรดถึงที่แล้วนะมึง”
ลำยองได้สติรีบยกมือไหว้ลูกชายตัวสั่น วันเฉลิมตกใจกระถดถอยหนี ไม่เข้าใจว่ายายเห็นอะไรกันแน่ แลไม่ยอมทิ้งโอกาสหลอกลูกสาวเลยยิ่งเล่นหนัก อ้างถึงคำทำนายทายทักของหมอดูชื่อดังที่ตัวเองอุปโลกน์ขึ้น
“เจ้าประคุณเอ๊ย...ไม่น่าล่ะ หมอชดแกถึงว่าข้ามีลูกหลานมีบุญวาสนา คนจะกราบไหว้ทั่วบ้านทั่วเมือง” ลำยองยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แลเลยเฉลยให้ฟังด้วยความตื่นเต้น “ก็ไอ้วันน่ะ มันต้องเป็นพระมาเกิดแหงๆ มันถึงได้เป็นเด็กกตัญญู มีน้ำใจผิดคนอื่นแบบนี้ มันสละทุกอย่าง แม้แต่ความสุขสบายหรืออนาคตของตัวเองเพื่อแม่กับน้อง”
ชื่อหมอชดทำให้ลำยองสงสัยเพราะไม่เคยได้ยิน แลไม่มีพิรุธแม้แต่น้อยตอนบอกว่าเป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง
“ปากดีนะมึงอีลำยอง หมอชดแกเป็นคนถือศีลเคร่งครัดนะโว้ย แกมีวิชาแต่ไม่เคยอวดใคร ปกติแกไม่รับดูหมอให้ใครหรอก แต่เผอิญวันนั้นข้าไปขอเจียดยาให้พ่อเอ็ง แกนึกยังไงไม่รู้ดูดวงให้ข้า”
ลำยองเนื้อเต้นขึ้นทันทีเพราะมีที่หมายใหม่จะไปขอหวย เธอคะยั้นคะยอให้แม่พาไปหา โดยพาวันเฉลิมกับจิตราไปด้วยเพื่อเป็นข้ออ้างให้หมอชดกวาดคอให้ แลลอบยิ้มน้อยๆและสบตากับหมอยา ส่งสัญญาณให้เริ่มดูดวงให้ลำยองตามแผน หมอชดแกล้งมองไปทางวันเฉลิมและถามเรื่องพระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชาที่เด็กชายสนใจนักหนา
“รู้ไหมว่าทำไมพระพุทธองค์ต้องห้ามญาติ ห้ามเรื่องอะไร”
“ท่านห้ามพระญาติสองตระกูลที่แย่งที่ทำนาและทะเลาะวิวาทกันครับ เป็นการระงับสงครามระหว่างเครือญาติ”
หมอชดพยักหน้าพลางมองไปทางพระพุทธรูปอีกองค์ วันเฉลิมยิ้มและอธิบายเสียงใส
“ส่วนปางนี้เป็นปางที่พระพุทธองค์ทรงเอาชนะพระยามารวัสวดีได้ครับ พระองค์ประทับขัดสมาธิมือซ้ายวางหงายบนตัก มือขวาวางบนเข่านิ้วชี้ที่ดิน พระยามารจะมาชิงบัลลังก์ที่ประทับตอนจะตรัสรู้ของพระองค์ พระองค์ทรงอ้างพระแม่ธรณีเป็นพยานว่าบัลลังก์แก้วนั้นเป็นของพระองค์ หลังจากนั้นพระองค์ก็ตรัสรู้ครับ”
หมอชดชอบใจมากที่เด็กชายรอบรู้ไม่น้อย สอบถามก็ได้ความว่าเรียนมาจากหลวงลุงปิ่น ลำยองไม่สนใจฟังลูกเพราะสายตามัวจดจ้องอ่างน้ำมนต์และคราบน้ำตาเทียนที่เรียงตัวกัน เผื่อจะตีเป็นเลขเด็ดได้ หมอชดสบตาแลแล้วจึงถามเด็กชายเรื่องกรรม วันเฉลิมตอบฉะฉานราวกับเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวมาตลอด
“กรรมคือการกระทำครับ ผู้ใดทำกรรมใดก็ต้องชดใช้กรรมนั้นครับ ไม่อาจทดแทนกันด้วยกรรมอื่นได้ ใครทำบาปก็ต้องรับบาป ไม่ใช่ว่าทำบุญแล้วจะแก้กันไปได้ครับ”
หมอชดปลื้มวันเฉลิมมากจนหยิบพระเครื่องมาให้ “ห้อยคอไว้ พระจะได้คุ้มครอง ถ้าได้บวชก็ถอดบูชาบนหิ้งนะ คิดว่าเจ้าคงได้สืบพระศาสนา จะช่วยไถ่บาปให้พ่อแม่พ้นเคราะห์ พบแต่ความสุขความเจริญ หวังว่าจะไม่มีใครขัด”
วันเฉลิมอึ้งไปอึดใจ เช่นเดียวกับลำยอง ไม่คิดมาก่อนว่าลูกชายต้องบวชเพราะไม่เห็นความจำเป็น “ถ้าได้บวชจะเจริญ เขาเป็นพระมาในชาติปางก่อน ชาตินี้ยังไงก็ต้องบวช กุศลถึงจะยาวติดต่อกัน” ลำยองจะค้านแต่แม่หมอรีบพูดแทรก “ถ้าได้บวชแม่จะโชคดี พ้นทุกข์พ้นเคราะห์ ได้ลาภและยศสรรเสริญ กรรมอันใดที่ก่อไว้ก็จะสูญไป คนได้บุญมากที่สุดคือคนอุ้มท้อง...ลูกไม่ใช่ของเรานะแม่คุณ ถ้ากักไว้ไม่ให้บวชจะบาปหนัก ทำอะไรก็ไม่เจริญ”
ลำยองตบเข่าฉาด นึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วคิดเอาเองว่าที่ต้องซวยซ้ำซวยซากเพราะลูกชายยังไม่ได้บวช แต่ถึงกระนั้นสาวขี้เมาก็หนักใจเพราะไม่มีเงินบวชลูก แลรีบรับปากจะจัดการให้เพราะกลัวลูกสาวเปลี่ยนใจ ส่วนวันเฉลิมมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความมึนงง ร้องบอกว่าไม่อยากบวชเพราะเป็นห่วงน้องๆ
“ก็แม่เอาแต่กินเหล้าเล่นไพ่ แล้วใครจะดูแลบ้านเลี้ยงน้องล่ะครับ”
“เอาวะ...ข้าจะกินเหล้าให้น้อยลงก็ได้ เอ็งคอยดูสิ ข้าจะกินให้น้อยจนอดได้สักวัน...ข้าสัญญา”
แลดีใจมากแต่ต้องเก็บอาการและรีบร่ำลาหมอยา วันเฉลิมเดินตามแม่กับยายออกไปและโอดว่าไม่อยากบวชเพราะเป็นห่วงแม่กับน้อง ลำยองหันขวับมายื่นคำขาดกับลูกเสียงกร้าว
“มึงไม่ต้องอิดออดเลยนะไอ้วัน พรุ่งนี้ยังไงมึงก็ต้องบวช ความจริงบวชวันนี้เลยได้ก็ดีนะ ข้าจะได้เฮงเร็วๆ”
หมอชดมองตามครอบครัวลำยองด้วยความพอใจ แต่ยังรู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องโกหกหลอกลวงลำยองเรื่องบุญเก่าของวันเฉลิม หมอยาคุกเข่าต่อหน้าพระประธานและก้มลงกราบอย่างเรียบร้อย
“ลูกมาขมาลาโทษ วันนี้ลูกจำใจต้องทำผิดศีลข้อมุสา ลูกรู้ว่ามันเป็นบาปแต่เพื่อช่วยเด็กคนหนึ่งให้พ้นจากที่ต่ำ บาปครั้งนี้ลูกขอน้อมรับเอาไว้ด้วยตัวลูกเอง”
ooooooo
เมื่อแลไปแจ้งข่าวดีกับครอบครัวสันต์ ปั้นดีใจออกนอกหน้าที่หลานชายคนโตจะได้บวชหน้าไฟให้ผัว สันต์ดีใจไม่แพ้กันเพราะจะได้หมดห่วงอนาคตของลูก แลพลอยมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือหลานให้พ้นจากวิบากกรรมของลำยอง ปั้นปลื้มใจมากจนลืมตัวโผไปจับมือแลแน่นด้วยความตื้นตัน
“ขอบใจเอ็งมากนังแล ความจริงเอ็งก็เป็นคนดีมีน้ำใจ”
แลสะบัดมือออกเพราะไม่ชิน “ขอบอกขอบใจอะไรกัน ไอ้วันมันหลานข้า ข้าทำเพื่อหลานโว้ย ไม่ใช่เพื่อเอ็ง”
สันต์น้ำตาคลอและออกไปหาหลวงลุงปิ่นเพื่อกราบนิมนต์เจ้าอาวาสวัดให้ช่วยบวชลูกชาย หลวงลุงปิ่นดีใจด้วยและช่วยเป็นธุระเรื่องบวชเรียนของวันเฉลิมเป็นอย่างดี ส่วนแลยังอยู่ที่บ้านกับปั้นและคาดคั้นถามเรื่องคนต้นคิดแผนการหลอกลำยอง ปั้นไม่ยอมบอกแต่เมื่อแลสบตาเทวีแล้วจึงถึงบางอ้อ
“กูนึกไม่ถึงเลย แม่เลี้ยงไอ้วันนี่มันเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก มันร้ายกาจใช่เล่น”
“เขาไม่ได้ร้ายโว้ย เขารักไอ้วันมันเหมือนลูกที่ต้องทำอย่างนี้เพราะหวังดีกับไอ้วันมันต่างหาก”
คืนเดียวกันที่บ้านลำยอง...วันเฉลิมดูแลน้องๆให้เข้านอนก่อนจะไปลาแม่ เด็กชายแอบเห็นแม่กระดกเหล้าเข้าปากแล้วอยากขอถอนคำพูดเรื่องบวช แต่ลำยองไม่ยอมให้เปลี่ยนใจเพราะกลัวไม่เฮง
“แม่รับปากต่อหน้าพระแล้วนะครับว่าจะเลิกเหล้าเข้าบ่อน วันไม่อยากให้แม่ผิดสัญญา”
“มึงยังไม่ทันบวชสักหน่อย รอให้ผ่านพรุ่งนี้มึงนุ่งผ้าเหลืองก่อนสิวะถึงจะเริ่มสัญญา”
วันเฉลิมไม่ค่อยวางใจนักแต่คิดว่าคงขัดแม่ไม่ได้เลยจัดแจงบอกเรื่องการดูแลน้องๆแต่ละคน โดยเฉพาะอ้อยที่ซนหนักจนใครๆก็เอาไม่อยู่ ลำยองโบกมือห้ามด้วยความรำคาญและโบ้ยให้ไปบอกลำดวนเพราะจะเป็นคนรับหน้าที่ต่อจากเขา วันเฉลิมส่ายหน้าน้อยๆบอกว่าน้าสาวมีภาระมากมายอยู่แล้วคงจะลำบากมาก
“กูเป็นพี่มัน กูสั่งอะไรมันก็ต้องทำทั้งนั้นแหละ มึงจะยึกยักอะไรเนี่ยไอ้วัน อย่าบอกนะว่ามึงจะเปลี่ยนใจไม่บวช ไม่ได้นะโว้ย มึงไม่อยากเห็นแม่มึงเฮงหรือไง ไปๆ รีบไปนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
วันเฉลิมเข้านอนตามคำสั่งและตื่นแต่เช้ามืดไปวัด แต่ลำยองไม่ยอมลุกจนสายโด่ง ลำดวนต้องตามมาปลุกและขู่เรื่องโชคลาภที่อาจชวดเพราะพลาดงานบวชของวันเฉลิม สาวขี้เมาจึงพยุงร่างออกจากฟูกได้ ทุกคนนั่งรอด้วยความอดทน เมื่อลำยองมาถึงก็เอาแต่เร่งให้เสร็จพิธีเพราะใจร้อนอยากให้โชคลาภถึงตัวเร็วๆ หลวงลุงปิ่นส่งกรรไกรให้เธอขลิบผมลูกชายเป็นคนแรกก่อนจะส่งให้สันต์ ลำยองตัดเสร็จก็ตะโกนลั่นจนเป็นที่เอือมระอาของทุกคน
“ผมนี่ของข้านะ ข้าจะเอาไปบูชา ใครมาแย่งจะด่าให้เข็ดเลย!”
กว่าพิธีกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ลำยองก็นั่งหาวไปหลายตลบตามประสาคนเมาค้าง เณรวันเฉลิมเดินออกจากโบสถ์ตามหลวงลุงปิ่นด้วยท่าทีสงบ สาวขี้เมาถึงกับตะลึงเพราะราศีจับลูกชายจนแทบจำไม่ได้ ปั้นน้ำตาคลอด้วยความดีใจ ส่วนสันต์ตื้นตันใจมาก ตรงเข้ามาไหว้เณรและเปรยเสียงอ่อน
“หมดห่วงซะทีนะเณร ถึงไม่ได้เรียนทางโลก เณรก็มุ่งหน้าทางธรรมนะ ไปให้ไกลเท่าที่จะไปได้นะลูก”
เณรสบตาโยมพ่อแล้วเดินไปหาคนสำคัญ ลำยองประนมมือแต้ เณรได้แต่อมยิ้มน้อยๆ
“โยมแม่อย่าลืมรักษาสัญญาที่ให้ไว้นะครับ”
“จ้ะ...เสด็จแม่ไม่ลืมหรอกจ้ะ แต่นี่เณร...เผื่อฝันดีเห็นเลขอะไรสวยๆเด็ดๆ เณรก็ไปบอกเสด็จแม่บ้างนะจ๊ะ”
เณรไม่รับปากใดๆ ในใจยังกังวลเพราะเชื่อว่าแม่คงทำตัวเหมือนเดิม หลวงลุงปิ่นสะกิดให้กลับกุฏิ เณรน้อยจึงต้องตัดใจและเดินห่างจากญาติโยมไปเรื่อยๆ...หวังว่าแม่คงจะเรียนรู้และดูแลน้องๆเป็นอย่างดี
ooooooo
ขณะที่ลำยองหมกมุ่นกับการจดโพยหวย เณรวันเฉลิมได้แต่กลุ้มใจคนเดียวบนกุฏิเพราะเป็นห่วงน้องๆว่าอาจจะไม่มีคนดูแล หลวงลุงไม่อยากให้คิดมากเพราะลำยองจะต้องเรียนรู้หน้าที่แท้จริงของการเป็น แม่บ้าง
“เณรควรจะมั่นใจในตัวโยมแม่เขานะ ยังไงเขาก็สัญญาไว้แล้ว เขาน่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรอกน่า ทำใจให้สบายและสวดมนต์ซะ จะได้สงบไม่ต้องฟุ้งซ่าน”
เณรน้อยจึงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือด้วยใจสงบ ส่วนลำยองกลับบ้านด้วยสภาพตัวสั่นเพราะอยากเหล้ามาหลายชั่วโมง คำสัญญาต่อหน้าลูกชายและพระพุทธรูปเมื่อวันวานยังตามหลอกหลอนจนไม่กล้าหยิบเหล้าเข้าปาก แต่สุดท้ายเมื่อความเจ็บปวดแล่นผ่านทั่วร่าง สาวขี้เมาก็แพ้ใจตัวเองยอมตกเป็นทาสน้ำเมาเช่นเคย
เณรวันเฉลิมตื่นมาทำวัตรแต่เช้าและออกบิณฑบาตครั้งแรกพร้อมหลวงลุงปิ่น ทุกคนที่บ้านแลกับบ้านสันต์ตั้งหน้าตั้งตาคอยใส่บาตร รวมถึงบ้านวิมลกับสมฤดีด้วย มีเพียงบ้านโยมแม่ที่ปิดเงียบเหมือนไม่มีคนตื่น เณรน้อยกำลังจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว พอดีลำยองวิ่งอุ้มหม้อข้าวหน้าตื่นออกมา
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเสด็จไปเพคะโยมลูก”
เณรชะงักและหันมามองด้วยความยินดี ลำยองประคองหม้อข้าวมาใกล้ๆและพูดเสียงหวาน
“แม่หุงข้าวก้นไหม้ ข้างบนไม่ค่อยสุก ใส่บาตรแล้วแม่จะบาปไหมจ๊ะเณร”
“ไม่หรอกครับโยมแม่ แค่มีเจตนาดี มีจิตเป็นกุศล โยมแม่ก็ได้รับบุญแล้วครับ โยมแม่ตั้งใจรับพรนะครับ”
ลำยองเทข้าวใส่บาตรด้วยมือไม้สั่น เมื่อเณรให้พรจบก็ลูบหัวตัวเองเรียกโชคลาภสุดฤทธิ์ เณรเห็นสภาพสั่นเทาของแม่ก็พอเดาได้ว่าเป็นอาการอยากเหล้า เลยเตือนสติให้เลิกและนึกถึงคำสัญญาต่อหน้าพระให้มากๆ ลำยองรู้สึกผิดและไม่อยากให้ลูกชายเซ้าซี้เลยรับปากส่งๆว่าจะเลิก เณรไม่ค่อยไว้ใจแต่คิดว่าคงห้ามไม่ได้เหมือนเคย
สายวันเดียวกันเณรน้อยจึงได้เริ่มเรียนหนังสือจากพระครูพี่เลี้ยงที่กุฏิหลวงลุงปิ่น ท่าทางคล่องแคล่วของเณรน้อยทำให้ทุกคนเบาใจเพราะเชื่อว่าอนาคตน่าจะไปได้สวยเพราะเณรมีระดับสติปัญญาดีมาก
ฟากลำยองรีบรุดไปเช็กผลหวยแต่ต้องฝันสลายเพราะเสียหมดตัว สาวขี้เมาเลยพาลโกรธทุกคนโดยเฉพาะหมอชด โวยว่าทำนายมั่วที่ให้ลูกบวชแล้วจะเฮง ลำยงเห็นอาการตีโพยตีพายของพี่สาวจึงเตือนสติให้เลิกเหล้าเข้าบ่อนแทนการหวังโชคจากหวย แต่ลำยองไม่สนใจแถมด่าน้องสาวอีกชุดใหญ่ที่ตอกย้ำความซวยของเธอ
ฝ่ายเณรวันเฉลิมตั้งอกตั้งใจเรียนหนังสือและสวดมนต์อย่างดี เป็นที่ชื่นใจของพระครูพี่เลี้ยงและหลวงลุงปิ่น เมื่อถึงเวลาฉันเพล เณรน้อยมองเห็นกองอาหารเหลือจึงตัดสินใจขออนุญาตหลวงลุงเอาไปฝากน้องๆที่บ้าน หลวงลุงอนุญาตเพราะเวทนา เณรน้อยดีใจมากและเร่งรุดเอาอาหารไปให้น้อง แต่ไม่พบใครเลยตัดสินใจไปตามหาที่ร้านลำยง ลำดวนเห็นเณรแล้วอดบอกไม่ได้ว่าลำยองเอาที่ดินบ้านไปจำนองในบ่อน!
เณรวันเฉลิมอึ้งไปอึดใจ ฝากของให้น้องๆแล้วเดินคอตกกลับวัด แลกับลำยงต่อว่าลำดวนเคืองๆที่ปากสว่าง ลำดวนไม่ยี่หระและคิดว่าเณรมีสิทธิ์จะรู้ แลกับลำยงได้แต่มองหน้ากันเครียดๆด้วยความเป็นห่วงเณรที่คงอยู่ไม่สุขแน่เพราะห่วงน้องกับแม่