ตอนที่ 7
พิมพ์พรทำตามที่รับปาก พาพ่อไปดูหน้าคำแก้วในวันต่อมา คำปองเห็นบุญส่งก็หน้าตึง ไม่อยากเสวนาด้วยเพราะยังปักใจว่าเคนต้องตายเมื่อสิบเก้าปีก่อนเพราะอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุ
บุญส่งจับสังเกตท่าทางของคำแก้วพลางถามถึงสารทุกข์สุกดิบของคำปอง
“ฉันก็สบายดีตามอัตภาพ ตั้งแต่พี่เคนตาย ฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่บุญส่งเลย”
“เอ็งพูดเหมือนข้าเป็นต้นเหตุทำไอ้เคนตายอย่างนั้นแหละ โน่น...เจ้าแม่นาคีต่างหากที่ฆ่าผัวเอ็ง”
“เจ้าแม่ไม่เคยทำร้ายใคร ถ้าไม่มีใครไปหาเรื่องเจ้าแม่ก่อน” คำแก้วโต้ทันควัน
บุญส่งไม่ยี่หระท่าทีของคำแก้ว ประกาศกร้าวอย่างไม่เกรงกลัว “มาดอนไม้ป่าคราวนี้ ข้าตั้งใจมาชำระแค้นนังงูผีที่มันทำให้ข้าต้องขาเป๋พิกลพิการแบบนี้ จับมันได้เมื่อไหร่ ข้าจะถลกหนังแล้วสับมันเป็นชิ้นๆ!”
คำแก้วโกรธจัดและเกือบจะใช้พลังพญานาคในตัว คำปองต้องบีบมือห้ามไว้ถึงสงบลง แต่กระนั้น...ท่าทางแปลกๆของคำแก้วก็หนีไม่พ้นสายตาจับผิดของบุญส่ง ไหนจะกลิ่นสาบงูคละคลุ้งทั่วบ้าน ทำให้อดีตพรานและล่ามประจำดอนไม้ป่าเชื่อสนิทว่าคำแก้วจะต้องเป็นบริวารของเจ้าแม่นาคีกลับชาติมาเกิดแน่
“ผมขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่ผมก็มันจะต้องตายกันไปข้าง!”
คำประกาศชำระแค้นของบุญส่งทำให้เหล่าบริวารของเจ้าแม่นาคีไม่พอใจ โดยเฉพาะวัชระปราการ บุกเดี่ยวถึงเรือนพักของบุญส่งหรือพระเจ้านิรุทธราชในอดีตชาติ หวังเอาชีวิตขจัดเสี้ยนหนามให้เจ้าแม่นาคี แต่งูใหญ่
สีน้ำตาลทองก็สู้อิทธิฤทธิ์ครุฑทองคำไม่ได้ ถูกทำร้ายจนต้องหอบร่างสะบักสะบอมกลับถ้ำใต้เทวาลัย
เหล่าบริวารของเจ้าแม่นาคีหนักใจมาก มืดด้วยหนทางจะช่วยเจ้านายสาวให้รอดพ้นจากความแค้นของพวกกำนันแย้มและบุญส่ง เช่นเดียวกับสุภัทรที่แทบผวาเมื่อฝันถึงงูใหญ่ในถ้ำใต้เทวาลัย กังวลว่าทัศนัยจะตกอยู่
ในอันตราย
สุภัทรไปตามหาทัศนัยในถ้ำใต้เทวาลัยในวันต่อมา โดยมีพวกเพื่อนๆของลูกชายช่วยนำทาง เมื่อทศพลซึ่งเพิ่งตัดสินใจจะสร้างกระต๊อบเล็กๆอยู่กินกับคำแก้วฉันสามีภรรยารู้ว่าพ่อจะไปสำรวจถ้ำใต้เทวาลัย ก็เข้าใจผิดคิดว่าพ่ออยากขุดซากเมืองโบราณเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
สองพ่อลูกประกาศสงครามเย็นกันจนทุกคน
รอบข้างอึดอัดใจ โดยเฉพาะคำแก้ว ไม่สบายใจเลยที่เป็นสาเหตุให้พ่อลูกต้องทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน...
ooooooo
เวลาเดียวกันที่ตำบลนาคหนี...ลำเจียกพร้อมด้วยชบาและซ่อนกลิ่นตามหาเมืองอินทร์ หมอผีหนุ่มรูปงามชื่อดังด้วยความยากลำบาก ครั้นเมื่อเจอก็ต้องหนักใจเป็นสองเท่าเพราะเขาปฏิเสธไม่ทำเสน่ห์ให้
“แต่คนที่แย่งคนรักของฉันคือเจ้าแม่นาคีนะ”
ชื่อของเจ้าแม่นาคีทำให้เมืองอินทร์เปลี่ยนใจ ยอมให้สามสาวไปคุยด้วยที่บ้าน ลำเจียกดีใจมาก แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าหมอผีชื่อดังจากตำบลอื่นจะรู้เรื่องเจ้าแม่นาคี
เมืองอินทร์พยักหน้าแววตาลุกวาว “ข้าตามหาเจ้าแม่นาคีมานานแล้ว เชื่อกันว่าหนังของเจ้าแม่นาคีนั้นวิเศษนัก หากใครได้ครอบครองจะอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า”
“แต่ตอนนี้ฤทธิ์มันมากขึ้นทุกวันถึงขั้นเข้าสิงมนุษย์ กลายร่างเป็นได้ทั้งคนทั้งงู จะปราบมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
“ฤทธิ์เยอะแบบนี้สิดี ข้าชอบ”
ลำเจียกชอบใจมาก แล้วก็ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อเขายืนกรานปฏิเสธจะทำเสน่ห์ให้
“ข้าบอกแล้วไงว่าเรื่องต่ำๆพรรค์นั้น ข้าไม่ยุ่งด้วย ข้าสนใจจะปราบเจ้าแม่นาคีถลกหนังมันมาปลุกเสกต่างหาก”
ขณะที่ลำเจียกคิดหาวิธีเปลี่ยนใจเมืองอินทร์
คำแก้วก็ตื๊อขอดูแลแม่เหมือนเดิม เริ่มด้วยการขนผ้าผ่อนใช้แล้วของแม่ไปซัก แม้ว่ามันจะเปื้อนระดูเธอก็ไม่รังเกียจ แต่คำปองกลับห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอกลูก ผ้ามันเปื้อนเลือด เดี๋ยวแม่เอาไปซักเอง”
“ให้ฉันทำเถอะนะ ฉันอยากทำให้แม่”
“เก็บแรงไว้ปรนนิบัติผัวเอ็งจะดีกว่า ตอนนี้เอ็งออกเรือนไปแล้วนะ”
“ไม่ทันไรแม่ก็ไล่ฉันให้ไปอยู่กับคนอื่นซะแล้ว แม่ไม่รักฉันแล้วเหรอ”
คำปองส่ายหน้าอ่อนใจกับคำพูดตัดพ้อของลูกสาว “ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะ เพราะแม่รักเอ็ง แม่ถึงอยากให้เอ็งได้แต่งงานกับคนดีๆอย่างพ่อทศพล แล้วไปให้พ้นๆจากที่นี่”
“คุณทศพลเป็นคนดีจริงๆใช่ไหมแม่ เขาไม่ได้หลอกเราใช่ไหม...”
ไม่มีใครตอบคำถามนั้นได้ คำแก้วเลยคิดจะหาคำตอบนั้นด้วยตัวเองในคืนเดียวกัน ทศพลไม่รู้เรื่อง ทำท่าก้อร่อก้อติกเหมือนเคยจนคำแก้วทนไม่ไหว แหวเสียงเขียวไม่ให้เขาทำรุ่มร่าม
“โธ่...คำแก้ว ทะลึ่งตรงไหน คุณเป็นเมียผมแล้วนะ”
“ก็แค่ในนามเท่านั้น ฉันยังไม่ได้ตกเป็นของคุณสักหน่อย”
พูดจบก็ขยับตัวออกห่างแต่ทศพลก็ตามไปดึงตัวไว้ ดึงมือมากุม
“ต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านของเรา ถึงจะคับแคบสักหน่อยแต่ต่อไปคงพอขยับขยายได้ ผมจะปลูกผักสวนครัวเอาไว้กินเอง แล้วก็ให้คุณเอาไปขายที่ตลาดด้วย...คุณว่าดีไหม”
“คนกรุงอย่างคุณทำไร่ทำสวนเป็นกับเขาหรือไง”
“ผมรู้ว่ามันเหนื่อย แต่ผมก็จะอดทนเพื่ออนาคตของเรา เผื่อเรามีลูกหัวปีท้ายปีขึ้นมาจะได้ไม่ลำบาก”
คำแก้วใจอ่อนลงมากเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขา แต่ก็ทำกระเง้ากระงอดเพราะยังเขิน ไม่อยากและไม่พร้อมจะให้เขารู้ความในใจ ทศพลไม่ทันสังเกตท่าทางของเธอ มัวย้ำเรื่องขอลูก
“ผมจะเลี้ยงเขาอย่างดีที่สุด ไม่ให้ต้องว้าเหว่เหมือนผม”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยของเขาทำให้คำแก้วนึกสงสาร อยากปลอบแต่ก็พูดไม่ออก
“ทำไมคุณไม่ลองพูดจากับพ่อดีๆบ้าง”
“ผมกับพ่อเหมือนไม้เบื่อไม้เมา คุยไม่กี่คำก็ทะเลาะกันทุกที”
“คุณเป็นลูกยังไม่เข้าใจพ่อตัวเอง แล้วถ้าเป็นพ่อคนจะเข้าใจลูกได้ยังไง”
“งั้นก็ลองมีลูกกับผมสักคนสิ ผมจะได้ลองเป็นพ่อดู”
จบคำก็ยิ้มร่า ขโมยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ คำแก้ว ตาโตตกใจ ผลักเขาออกอย่างเขินจัด
“คุณนี่มันจริงๆเลย วกมาเรื่องนี้ทุกที สักวันถ้าคุณไม่มีพ่ออย่างฉัน...คุณจะเสียใจ”
ooooooo
คำแก้วรู้ดีว่าสามีรักพ่อมากแต่ไม่ยอมแสดงออก เธอเลยพยายามกล่อมให้เขาคิดใหม่ สองพ่อลูกจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก ทศพลก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเธอ เช้าวันต่อมาเลยตัดสินใจร่วมสำรวจถ้ำใต้เทวาลัยกับพ่อ
สุภัทรดีใจมากแต่ยังตีหน้าขรึมเหมือนไม่ยี่หระ อาการเดียวกับคำแก้ว เมื่อถูกคำปองถามถึงทศพล
“เอ็งเป็นเมียประสาอะไร ผัวไปไหนยังไม่รู้”
“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้นี่แม่ เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองแหละ”
“แต่เอ็งออกเรือนอยู่กินกับเขาแล้ว ก็ต้องดูแลเขาถึงจะถูก”
“ถึงฉันจะแต่งงานไปแล้วแต่ฉันก็ยังอยากดูแลแม่นี่จ๊ะ”
“แม่อยู่คนเดียวได้ แม่อยากให้เอ็งอยู่ปรนนิบัติผัวมากกว่า”
“ฉันไม่ใช่ทาสเขาเสียหน่อย ถ้าทนฉันไม่ได้ก็กลับกรุงเทพฯไปซะ”
“เขาไปขึ้นมาจริงๆจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
ทศพลไม่รู้ตัวว่าจะมีใครคิดถึง มัวจับผิดพ่อที่สำรวจถ้ำใต้เทวาลัยด้วยท่าทางสนอกสนใจตามประสาผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี สองพ่อลูกค่อนแคะกันไปมาจนแก๊งเพื่อนๆของทศพลเหนื่อยใจ ก่อนจะสงบศึกได้ชั่วคราวเมื่อสุภัทรค้นพบว่ารูปปั้นพญานาคเป็นของเลียนแบบ!
“รูปปั้นนี้ไม่ได้พังทลายตามกาลเวลา แต่มันถูกทำลายต่างหาก”
และผู้ต้องสงสัยจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากพระเจ้านิรุทธราชแห่งเมืองมรุกขนคร แต่กระนั้นสุภัทรก็ยังไม่มีหลักฐานจนกว่าจะหาแผ่นจารึกโบราณอีกครึ่งให้พบ...
ฟากพวกกำนันแย้ม...ปรึกษากันให้วุ่นถึงการล้างแค้นเจ้าแม่นาคี รวมทั้งการกระชากหน้ากากคำแก้วว่าเป็นพวกบริวารเจ้าแม่หรือไม่ บุญส่งเสนอจะใช้ครุฑทองคำจัดการ หมออ่วมพยักหน้าเห็นด้วย
“ตามตำนานครุฑกับนาคต่างเป็นศัตรูคู่แค้นกันมา พระวิษณุประทานพรให้ครุฑเป็นอมตะ ไม่มีศาสตราวุธใดสามารถทําอันตรายได้ พญาครุฑจึงมีมหิทธานุภาพมากยากที่พญานาคจะต่อกร”
พวกกำนันแย้มและบุญส่งหารืออย่างเคร่งเครียดหลังจากนั้นจะหาทางล่อคำแก้วมาติดกับให้ครุฑทองคำจัดการ โดยไม่รู้เลยว่าคำปองซึ่งเอาแกงมาให้สุภัทรแอบได้ยินทุกอย่าง!
คำปองตกใจทำชามแตกเลยถูกจับเป็นตัวล่อคำแก้ว และเวลาเดียวกันนั่นเอง...สุภัทรก็เกือบตายคาถ้ำใต้เทวาลัย เพราะวัชระปราการบริวารหนุ่มของเจ้าแม่นาคีทำให้ผนังถ้ำถล่มปิดทางเข้าออกไว้
ทศพลถลาไปช่วยพ่อทันเวลาแต่ต้องแลกกับบาดแผลฟกช้ำตรงหัวไหล่เพราะรับแรงกระแทก สุภัทรเฝ้ามองลูกชายด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ทิฐิเกินกว่าจะพูดอะไร ได้แต่ตั้งใจมาดมั่นจะกลับมาสำรวจถ้ำนี้อีกครั้ง เพราะเชื่อแน่ว่าทัศนัยต้องค้นพบอะไรบางอย่างที่นี่แน่!
ooooooo
ฉัตรสุดาร้อนใจมากเมื่อรู้ว่าผนังถ้ำใต้เทวาลัยถล่ม และรู้ด้วยว่าคงไม่แคล้วเป็นฝีมือของวัชระปราการหรืองูใหญ่สีน้ำตาลทองบริวารหนุ่มผู้จงรักของเจ้าแม่นาคี ซึ่งก็จริงดังคาด
“ศิลาจารึกนั่นจักนำความหายนะมาสู่เจ้าแม่”
“ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงเจ้าแม่แต่สิ่งที่ท่านทำมันเสี่ยงเกินไป ท่านเกือบทำให้ชายคนรักของเจ้าแม่ต้องมีอันเป็นไป”
“หากตายเสียได้ก็ดี”
คนรักของเจ้าแม่นาคีก็คือทศพลนั่นเอง เขาไม่ได้สำเหนียกเลยว่าเหตุการณ์วุ่นวายในถ้ำจะเป็นฝีมือของใคร มัวตีหน้าเศร้าทำสำออยอ้อนเมียที่ประคบแผลตรงหัวไหล่ให้ คำแก้วหมั่นไส้แต่เมื่อเห็นสภาพแผลที่ช้ำมากก็ใจอ่อนยวบ ยอมผ่อนน้ำหนักที่มือและตัดสินใจถามเขาตรงๆ
“คุณไปที่เทวาลัยนั่นเพราะเป็นห่วงพ่อคุณใช่ไหม”
“เปล่า...ผมตามไปเพราะเป็นห่วงอาจารย์ทัศนัยต่างหาก”
ท่าทางไขสือของเขาทำให้คำแก้วอ่อนใจ
“โกหกใครก็โกหกได้แต่อย่าโกหกตัวเอง คุณเป็นห่วงพ่อคุณ...ฉันรู้”
“แต่พ่อไม่เคยเป็นห่วงผมเลย”
คำแก้วถอนใจยาว เอ่ยเสียงอ่อน “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก พ่อแม่แต่ละคนก็มีวิธีเลี้ยงลูกไม่เหมือนกัน ท่านอาจจะอยากให้คุณเข้มแข็ง ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง”
จบคำก็ผละไปดูแม่ แล้วก็ต้องตกใจหน้าซีด เมื่องูเขียวเพื่อนรักสองตัวมาแจ้งข่าวร้ายว่าคำปองถูกพวกกำนันแย้มจับไว้ที่โรงนา คำแก้วไม่รอช้ารีบไปช่วย เลยติดกับถูกอิทธิฤทธิ์ครุฑทองคำเล่นงานจนปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว!
เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาหรือสองงูเขียวเพื่อนรักของคำแก้วเห็นท่าไม่ดี เลยรีบแปลงเป็นคนไปตามทศพลมาช่วย แต่พวกของกำนันแย้มมีมากกว่า เขาเลยถูกซัดจนหมอบ
เสียงกรีดร้องของคำแก้วทำให้คำปองเกิดฮึด พยายามสลัดเชือกจะไปช่วย แต่ก็ถูกกอขวางไว้แล้วจะลากตัวไปข่มขืน แต่เพราะเธอกำลังมีระดู เลือดที่ไหลออกมาเลยทำให้พลังของครุฑทองคำเสื่อม!
ครุฑทองคำระเบิดเป็นเสี่ยงๆหลังจากนั้น พวกกำนันแย้มกับบุญส่งถึงกับอ้าปากค้าง กว่าจะตั้งสติได้ งูตัวใหญ่หลายตัวโผล่มาเล่นงาน วัชระปราการ เลื่อมประภัสและฉัตรสุดานั่นเองที่มาล้างแค้นให้เจ้านายสาว หมออ่วมพาหนีและแจกจ่ายว่านพญาลิ้นงูให้ทุกคน แต่ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
และระหว่างความเป็นความตายนั่นเอง จู่ๆกายทิพย์ของเจ้าแม่นาคีก็ออกจากร่างของคำแก้วมายับยั้งทุกอย่างไว้ก่อน ไม่ให้บริวารหนุ่มสาวทั้งสามฆ่าพวกกำนันแย้ม
พวกกำนันแย้มกับบุญส่งรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด ท่ามกลางความโกรธแค้นของเหล่าบริวารของเจ้าแม่นาคี โดยเฉพาะวัชระปราการที่คิดว่าพวกนั้นสมควรตาย!
“พวกมันทำร้ายเจ้าแม่ เหตุใดเจ้าแม่จึงห้ามไม่ให้ข้าฆ่าพวกมันซะ”
“ข้าไม่อยากก่อกรรมทำเข็ญอีกแล้ว อย่าสร้างเวรสร้างกรรมต่อกันอีกเลย”
“แต่คนใจบาปเยี่ยงพวกมันสมควรตาย”
ฉัตรสุดาแย้ง
“ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น ที่ข้าและพวกเจ้าต้องรับกรรมเป็นงูอยู่ทุกวันนี้ก็หนักหนาพออยู่แล้ว ปล่อยให้ฟ้าดินลงโทษพวกมันเถิด อย่าให้เลือดชั่วของพวกมันต้องแปดเปื้อนเจ้าเลย”
“พวกมันคงไม่ยอมรามือแต่เพียงเท่านี้แน่” เลื่อมประภัสยังหวั่นแทนเจ้านายสาว
“ชาติที่แล้วข้าฆ่าพวกมัน ชาตินี้พวกมันจึงกลับมาจองล้างจองผลาญข้า อีกไม่นานข้าก็จักกลายร่างเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นพวกมันก็จักไม่มีทางทำอันใดข้าได้อีก...”
แม้จะรอดมาได้แต่พวกกำนันแย้มกับบุญส่งก็ไม่สำนึก วางแผนจะทำลายชื่อเสียงของคำแก้วด้วยการจะป่าวประกาศให้ทั่วดอนไม้ป่าว่าอีกฝ่ายเป็นบริวารเจ้าแม่นาคี หมออ่วมก็ร่วมวงด้วย อาสาจะแจกว่านพญา-ลิ้นงูให้ชาวบ้านทุกคนไว้ป้องกันตัว หากพวกงูออกมาอาละวาดอีก
ฝ่ายทศพล...หมดสติไปตลอดคืน คำแก้วกับคำปองต้องช่วยกันพากลับบ้าน และเมื่อเขาฟื้นใน
เช้าวันต่อมาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดพวกกำนันแย้มกับบุญส่งถึงต้องจับตัวคำปองไปขัง คำแก้วเลยอธิบายเสียงเครียด
“ไอ้พวกหมออ่วมมันวางแผนจับตัวฉันไปทำพิธีคุณไสยเล่นของสกปรก แต่แม่ดันไปได้ยินซะก่อน มันเลยจับตัวแม่ไปขัง สุดท้ายมันกลับแพ้ภัยตัวเองโดนของย้อนเข้าตัวเกือบตาย ฉันกับแม่เลยรอดมาได้แต่ตอนนั้นคุณสลบไปแล้ว”
คำแก้วมีสีหน้าอึกอัก ไม่อยากเล่ารายละเอียดเพราะกลัวเขาจะล่วงรู้ถึงความผิดปกติของเธอ แต่ทศพลก็ไม่ได้สังเกตอาการนั้น มัวแค้นใจที่พวกกำนันแย้มกัดไม่ปล่อย
“ผมไม่เข้าใจ ผมไม่เห็นว่าคุณจะมีอะไรที่น่ารังเกียจ คนพวกนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“อะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น ต่อไปฉันอาจจะน่ารังเกียจในสายตาคุณก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นคุณจะยังรักฉันไหม”
ทศพลยิ้มกว้าง ดึงตัวเธอมากอดแน่น “ต่อให้นานๆไป คุณเป็นยายแก่หนังเหี่ยว ยานโตงเตง ผมก็รักคุณไม่มีวันเปลี่ยน จะอยู่เป็นตาแก่คอยดูแลยายแก่อยู่ข้างๆนี่แหละ”
สองสามีภรรยาคุยกันกะหนุงกะหนิงราวกับว่าไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ สุภัทรซึ่งเพิ่งทราบเรื่องจากนมอิ่มว่าลูกชายคนเดียวเกือบตายเพราะไปช่วยเมียเมื่อคืน รีบมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ถึงกับหน้าตึงเมื่อเห็นท่าทางหวานชื่นของทั้งสอง ทศพลเห็นหน้าพ่อก็ทำเย็นชาเหมือนเคย จนสุภัทรอดค่อนแคะไม่ได้
“แกมันอวดดี อวดเก่งกับเขาไปทั่ว ชาวบ้านถึงเหม็นหน้าแก ขืนอยู่ที่นี่ต่อแกคงได้ไปนอนในป่าช้าสักวัน”
“ถ้าพ่อไม่อยากทนเห็นหน้าผมนัก พ่อก็กลับกรุงเทพฯไปสิครับ”
“ฉันกลับแน่แต่แกต้องกลับไปกับฉันด้วย พอกันที... ฉันจะไม่ทนให้แกอวดดีกับฉันอีกต่อไปแล้ว”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่กลับ ผมจะอยู่ที่นี่กับคำแก้ว เชิญพ่อกลับไปเสวยสุขที่คฤหาสน์หลังโตคนเดียวเถอะ”
“ไอ้ทศพล...แกมันหลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น สักวันแกจะต้องเสียใจ!”
ooooooo
คำแก้วไม่สบายใจที่เห็นพ่อลูกต้องมีปัญหากันเพราะเธอ แล้วก็ยิ่งสะเทือนใจเมื่อเผชิญหน้า
สุภัทรในเวลาต่อมา แต่กลับได้รับท่าทีเย็นชาจากเขา
“สาวบ้านป่าบ้านดงอย่างเธอมันมีดีอะไรนักหนา ลูกชายฉันถึงได้หลงหัวปักหัวปํา!”
พูดจบก็ผละกลับเรือนพัก ทิ้งอิ่มให้มองมาด้วยความสงสาร ก่อนจะตัดสินใจไปกล่อมทศพลให้กลับกรุงเทพฯตามที่สุภัทรต้องการ แต่ทศพลก็ยืนกรานจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าไม่มีคำแก้ว
“คุณหนูอย่าดื้อเลยนะคะ หนูคำแก้วคงไม่มีความสุข ที่ต้องเห็นคุณหนูกับคุณพ่อแตกหักกันเพราะเธอ”
“แล้วป้าอิ่มจะให้ผมทำยังไงถึงจะพอใจพ่อ ป้าอิ่มจะให้ผมทิ้งคำแก้วเหมือนที่พ่อทิ้งแม่น่ะเหรอ”
“ป้าก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ถึงคุณหนูจะกลับกรุงเทพฯ คุณหนูก็พาหนูคำแก้วไปอยู่ด้วยได้นี่คะ”
“ผมพาคำแก้วไปอยู่ด้วยก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบ ยังไงพ่อก็ยังไม่ยอมรับคำแก้วอยู่ดี”
“ทำไมคุณหนูไม่คุยกับคุณท่านให้รู้เรื่องล่ะคะ”
“พ่อไม่มีวันเข้าใจผมหรอกเพราะพ่อไม่เคยมีหัวใจ”
คำแก้วแอบได้ยินทุกอย่าง ซึ้งใจมากที่รู้ว่าเขาไม่คิดทิ้งเธอ เลยตัดสินใจจะรับรักเขา แต่ก่อนจะได้สารภาพความในใจ ทศพลซึ่งคิดมากเรื่องพ่อจนนอนไม่หลับก็มาขอนอนหนุนตักเธอเสียก่อน
“ขอบคุณนะคำแก้ว”
“ขอบคุณที่ฉันให้คุณนอนหนุนตักน่ะเหรอ”
ทศพลส่ายหน้ายิ้มๆ อ้อนเสียงหวาน “ขอบคุณที่คุณอยู่ข้างๆผม คุณรู้ไหมว่าเพราะผมมีคุณ ผมถึงมีกำลังใจ คุณเข้ามาเติมความสุขในชีวิตผม คุณคือชีวิตของผมนะคำแก้ว”
“แต่ครอบครัวคุณก็คือชีวิตส่วนหนึ่งของคุณเหมือนกันนะ”
“อย่าผลักไสผมอีกคนเลยนะคำแก้ว ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว”
“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อคุณคือครอบครัวของฉัน คุณคือส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันเหมือนกัน”
ทศพลถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะรับรัก คำแก้วยิ้มเอ็นดู ก่อนจะสารภาพทุกอย่างจากใจ
“คุณบอกว่าฉันคือกำลังใจของคุณ ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ข้างๆคุณ คอยเป็นกำลังใจให้จนกว่าคุณจะหมดรักฉัน”
คำรักของเธอเหมือนน้ำชะโลมหัวใจอันแห้งผาก และเขาก็ตั้งใจจะรักษามันไว้ตลอดชีวิต
“มันจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาดคำแก้ว”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณ...”
“เลิกเรียกผมว่าคุณเสียที”
“ไม่ให้เรียกว่าคุณ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“พี่...เรียกผมว่าพี่ แล้วเรียกแทนตัวเองว่าคำแก้ว ...ได้หรือเปล่า”
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย”
“ก็เพราะว่าตอนนี้คุณเป็นเมียผมแล้ว...ไหนลองเรียกซิ”
คำแก้วเขินหน้าแดงแต่สุดท้ายก็ยอมเรียกเขาว่าพี่ ทศพลชื่นใจมาก ดึงตัวมากอดด้วยความปลื้มใจ ในที่สุดความรักแรกพบของเขาก็สมหวังเสียที
ooooooo
ลำเจียกพยายามไม่ลดละจะให้เมืองอินทร์ช่วยทำเสน่ห์ แต่หมอผีหนุ่มก็ปฏิเสธเสียงแข็งเหมือนเดิมจะไม่ยอมทำคุณไสยดำแบบนั้น คนงามดอนไม้ป่าเลยตัดสินใจใช้มารยาสาไถยของหญิงสาว ทั้งยั่วทั้งอ่อยจนเขาแทบตะบะแตก และเมื่อทนไม่ไหวก็ต้องรับปากแบบเสียไม่ได้
ฝ่ายพิมพ์พรก็เต้นเป็นเจ้าเข้าเมื่อต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจทุกเช้า ทศพลมาช่วยคำแก้วขายของที่ตลาด สองสามีภรรยายิ้มแย้มและพะเน้าพะนอกันราวกับมีกันและกันแค่สองคนในโลก จนเธอต้องไประเบิดอารมณ์กับเจิดนภา
“ฉันเกลียดมัน ถ้ามีฉันก็ต้องไม่มีนังคำแก้ว”
“เราจะเอาอะไรไปสู้กับนังปีศาจงูนั่นได้ ขนาดพญาครุฑของพ่อเธอมันยังไม่กลัวเลย”
“ฉันจะเตือนให้พลรู้ว่านังคำแก้วมันไม่ใช่คน”
“ช่วงข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ พลไม่เชื่อเธอหรอก ดีไม่ดีจะหาว่าเธอเสียสติ ปั้นเรื่องใส่ร้ายเมียเขา”
“แล้วเธอจะปล่อยให้พลสมสู่กับนังงูผีอย่างนี้เหรอ”
“เขาไม่เชื่อเธอ เธอต้องหาตัวช่วย!”
ตัวช่วยของเจิดนภากับพิมพ์พรก็คือแก๊งเพื่อนหนุ่มๆของทศพล วันชนะ ประกิต สมมาตรและเชษฐ์ถึงกับขำกลิ้ง เมื่อได้ยินข้อกล่าวหาของสองสาวว่าคำแก้วเป็นบริวารของเจ้าแม่นาคีกลับชาติมาเกิด สี่หนุ่มรู้ดีว่าพิมพ์พรเจ็บแค้นเรื่องทศพลจึงไม่อยากยุ่ง แต่เมื่อถูกตอแยหนักเลยตัดสินใจจะร่วมพิสูจน์ให้รู้แล้วรู้รอด!
คำแก้วกับทศพลไม่ได้สำเหนียกว่าจะเจอศึกจากเพื่อนๆ มัวพลอดรักอย่างหวานชื่นที่กระต๊อบ ทศพลมีความสุขมาก ได้แสดงความรักกับภรรยาอย่างเต็มที่ แต่คำแก้วก็ยังเขินเวลาเขาดึงตัวไปหอมหรือกอด
“อย่าน่า...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“เราอยู่กันแค่สองคนใครจะมาเห็น นอกจากพี่กับคำแก้ว...พี่อยากกอด อยากหอมคำแก้วทั้งวันทั้งคืน”
“เมื่อแรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน อยู่ด้วยกันนานๆ น้ำตาลก็พาลขม”
“แต่รักกับพี่ไม่มีหวานน้อยลง ขนาดเกลือยังกลายเป็นน้ำผึ้งได้เลย”
ทศพลส่งตาหวานอ้อนอยากเข้าหอด้วยแต่คำแก้วนึกกระดาก บ่ายเบี่ยงล้มตัวนอนดื้อๆ หนุ่มเมืองกรุงมองตามด้วยความเอ็นดู ไม่อยากเร่งรัด ล้มตัวนอนข้างๆแล้วดึงตัวเธอมากอดอย่างมีความสุข
แก๊งเพื่อนหนุ่มๆของทศพล พิมพ์พรและเจิดนภาหาทางพิสูจน์เรื่องคำแก้วในคืนเดียวกันนั่นเอง แต่ทั้งหมดก็ต้องกระเจิงหนีไปคนละทาง เมื่อทศพลรู้ทันและยกถังน้ำมาสาดไล่
และคืนเดียวกันที่ตำบลนาคหนี...เมืองอินทร์ก็ทำตามที่รับปาก เตรียมพิธีเรียกเสน่ห์ด้วยการให้ลำเจียกเปลือยกายและลงไปแช่ในอ่างน้ำที่มีว่านมหาเสน่ห์แช่ไว้
“ว่านผัวหลงเป็นสุดยอดว่านมหาเสน่ห์ ใครได้อาบน้ำว่านนี้จะมีเมตตามหานิยมผัวรักผัวหลง ไอ้หนุ่มนั่นจะกระสันรัญจวนอยากร่วมเสพสังวาสกับเอ็งไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น...”
แสงจันทร์สาดแสงลงเรือนร่างของลำเจียกให้ผุดผาดกว่าเดิม เรียกกำหนัดของเมืองอินทร์ให้พลุ่งพล่านแทบระงับไม่อยู่ คนงามบ้านดอนไม้ป่ายิ้มลำพองใจ หมายมั่นปั้นมือจะจับทศพลทำผัวให้ได้โดยเร็วที่สุด!
ooooooo
พิธีเรียกเสน่ห์ของเมืองอินทร์คงจะขลังไม่น้อย เพราะกลางดึกคืนนั้นเองคำแก้วก็สะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา ทศพลพลอยรู้สึกตัวแล้วก็ถึงกับส่ายหน้าเบาๆเมื่อรู้ว่าเธอฝันร้าย
“คำแก้วฝันว่าโดนควักลูกตาไปทั้งสองข้าง”
“มันก็แค่ฝันร้าย ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ด้วยทั้งคน”
“แม่เคยบอกถ้าฝันว่าโดนควักลูกตามันเป็นลางว่าจะสูญเสียของรัก”
“แล้วของรักของคำแก้วคืออะไร...พี่หรือเปล่า”
คำแก้วใจไม่ดี เผลอตัวพยักหน้า ทศพลปลื้มมาก ดึงตัวมากอดและปลอบให้คลายใจ
“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะพี่จะไม่มีวันจากคำแก้วไปไหน เราจะอยู่ด้วยกันจนกว่าเราจะตายจากกัน”
“อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตายได้ไหม โบราณเขาถือ”
“ฝันร้ายจะกลายเป็นดี เชื่อพี่...นอนต่อเถอะ”
คำแก้วข่มตานอนแบบไม่เต็มใจนัก ยังผวากับความฝันที่เหมือนจริงอย่างบอกไม่ถูก ทศพลก็เหมือนจะรู้เลยพยายามเอาใจภรรยาคนสวยทุกทางในเช้าวันต่อมา
ท่าทางยิ้มแย้มของเขาทำให้คำแก้วค่อยๆลืมเลือนฝันร้ายและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเหมือนเดิม ทศพลไม่อยากให้เธอเหนื่อยเลยเสนอตัวช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ภรรยาคนสวยก็ทำหน้าไม่เชื่อ
“คำแก้วไม่เชื่อใจพี่เหรอว่าพี่จะเลี้ยงดูคำแก้วได้”
“เชื่อน่ะเชื่อ แต่อะไรที่พอทำได้ คำแก้วก็ทำทั้งนั้น”
“พี่ไม่อยากให้คำแก้วต้องเหนื่อย ต้องลำบาก พี่จะพยายามสร้างครอบครัวด้วยน้ำพักน้ำแรงของพี่เอง”
“ตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว คำแก้วก็ไม่อยากให้พี่ต้องเหนื่อยคนเดียว”
คำแก้วซึ้งใจมากแต่ยังตีหน้านิ่งเหมือนไม่ยี่หระกับความดีของเขา แต่ทศพลก็ไม่ท้อ ตั้งใจแล้วจะทำให้ภรรยาคนสวยมีความสุขสบายทั้งกายและใจให้ได้
แต่ไม่ทันได้พิสูจน์ สองสามีภรรยาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพังพอนหน้ากระต๊อบ แก๊งเพื่อนหนุ่มๆของทศพล พิมพ์พรและเจิดนภานั่นเองที่ไม่ล้มเลิกความพยายามจะพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับคำแก้ว พังพอนตัวน้อยส่งเสียงขู่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คำแก้วก็ไม่กลัว จ้องกลับเสียอีกด้วยแววตาดุราวกับสัตว์ร้าย!
วันชนะซึ่งแอบดูจากอีกมุมเห็นแววตาแข็งกร้าวนั้นพอดี แล้วก็ถึงกับอึ้ง แต่ไม่ทันคิดอะไร คำปองก็โผล่มาขัดจังหวะ บอกให้ทศพลเอาพังพอนไปปล่อยป่า หาไม่จะขโมยกินไก่หมดเล้า
แววตาเหมือนสัตว์ร้ายของคำแก้วฝังใจวันชนะ จนถึงกับคิดว่าคำแก้วอาจเป็นบริวารของเจ้าแม่นาคีตามข้อกล่าวหาของพวกพิมพ์พร แต่เพื่อนร่วมแก๊งคนอื่นกลับไม่เห็นด้วยเพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน
ooooooo
คำแก้วกับทศพลไปขายของที่ตลาดหลังจากนั้น แล้วก็ต้องหัวเสียอีกรอบ เมื่อถูกพวกกำนันแย้มถากถาง
“เปรี้ยวปาก อยากกินผัดเผ็ดงูแกล้มเหล้าเว้ย”
“ลองไปล่างูแถวปราสาทร้างท้ายหมู่บ้านดูสิ เขาว่ากันว่างูชุมนัก อาจจะได้งูตัวใหญ่ๆก็ได้ แต่ระวังงูฉกเอานะ”
แหย่จบก็ส่งแววตาอาฆาตให้ กำนันแย้มถึงกับร้อนๆหนาวๆ ต่างจากบุญส่งที่ไม่กลัว
“ต่อให้ใหญ่แค่ไหน ผมก็ไม่กลัว ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งดีจะได้แล่เนื้อมันเอามาผัดเผ็ดเลี้ยงคนทั้งดอนไม้ป่า”
คำแก้วโกรธมาก เรื่องราวในอดีตชาติ ความแค้นระหว่างเจ้าแม่นาคีกับพระเจ้านิรุทธราช ทำให้ยิ่งแค้นอยากฆ่าให้ตาย แต่ไม่ทันขยับตัว ทศพลก็โพล่งออกไปก่อนเพราะเดือดร้อนแทนเธอ
“คำแก้วไม่กินเนื้องู ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน อยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ดอนไม้ป่าเป็นของกำนันอยู่แล้วนี่”
“อยากกินเนื้องูก็ระวังตัวให้ดีแล้วกัน โบราณว่าหมองูมักตายเพราะงู กำนันอาจดวงไม่แข็งเหมือนคราวก่อน”
คำแก้วขู่ทิ้งท้ายแต่พวกกำนันแย้มกับบุญส่งก็ไม่สะทกสะท้าน ทศพลเลยต้องช่วยอีกแรง
“กำนันจะจัดการงูที่ไหนผมไม่ว่า แต่อย่ามารังแกเมียผมก็แล้วกัน!”
ท่าทางไม่กลัวเกรงของคำแก้วกับทศพลทำให้พวกกำนันแย้มร้อนรนมาก อยากหาทางเอาคืน หมออ่วมเลยเสนอให้นำเหล็กไหลที่เชื่อกันว่ามีอานุภาพสามารถป้องกันอันตรายจากสิ่งลี้ลับได้ทุกชนิดมาปราบเจ้าแม่นาคี ทุกคนเห็นด้วยแต่ก็ต้องทำหน้าเครียดหลังจากนั้น เพราะหนทางไปภูพระนางสถานที่ที่เชื่อว่ามีเหล็กไหลซ่อนอยู่นั้นไม่ง่ายเลย
คำแก้วไม่ได้สนใจว่าพวกกำนันแย้มจะมีแผนอะไรอีก มัวกังวลเรื่องความผิดปกติของตัวเองที่นับวันก็ยิ่งเด่นชัดเจนยากจะปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา แต่ทศพลกลับไม่สำเหนียกถึงความแปลกประหลาดนั้นเลย เป็นห่วงความรู้สึกเธอมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำว่าต้องสะเทือนใจแค่ไหนกับการจองล้างจองผลาญของพวกกำนันแย้ม
“อย่าไปใส่ใจเลย เขาจะคิดยังไงก็ช่าง เราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้”
“พี่เชื่อเรื่องที่พวกกำนันแย้มหาว่าคำแก้วเป็นงูหรือเปล่า”
“พุทโธ่! ใครจะไปเชื่อ พวกนั้นหลอกว่าคำแก้วเป็นงูจะได้ไล่พี่กลับกรุงเทพฯ แผนตื้นๆพี่รู้ทันหรอก”
“แล้วถ้าคำแก้วเป็นงูขึ้นมาจริงๆล่ะ”
“พี่ก็จะยอมให้คำแก้วรัดให้ตายเลย...แบบนี้ๆ”
ทศพลกอดรัดเธอแล้วขโมยหอมแก้มซ้ายขวาหลายที คำแก้วเขินจนลืมความกังวลชั่วขณะ
“พอได้แล้ว คำแก้วช้ำไปทั้งตัวแล้ว”
“พี่รักคำแก้วนะ แล้วคำแก้วล่ะรักพี่หรือเปล่า”
คำถามของเขาทำให้เขินหนักแต่สุดท้ายเธอก็ต้านแรงเสน่หาของเขาไม่ไหวต้องบอกรักออกไป นับวันความรักต่อเขาก็ยิ่งเพิ่มพูน เช่นเดียวกับความหวงแหน จนกลัวใจเหลือเกินหากต้องสูญเสียเขาไปสักวัน...
ooooooo
เมืองอินทร์คิดว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ ลำเจียกเลิกตอแยและกลับดอนไม้ป่า ไม่อยู่ยั่วตบะเขาให้แตกวันละหลายร้อยหน หากเขายอมทำพิธีเรียกเสน่ห์ให้ แต่ก็ต้องผิดหวัง พิธีไม่ได้ผลเพราะลำเจียกไม่เคยเป็นเมียทศพลจริงๆ เขาเลยต้องทำพิธีกรรมใหม่คือมนต์เสน่ห์ธงสามชาย
“ข้าจะเขียนชื่อเอ็งกับชื่อไอ้หนุ่มนั่นลงในธง เอ็ง เอาไปปักที่ยอดต้นไม้สูงๆ ลมจะนำมนต์เสน่ห์ในธงนี้ไปหามัน”
ลำเจียกทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เมืองอินทร์รำคาญจะล้มพิธี คนงามบ้านดอนไม้ป่าเลยต้องปะเหลาะห้ามไว้ หมอผีหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะอธิบายถึงมนต์ดำ
“มนต์ของข้าจะทำให้มันเกิดความรัญจวนใจ เอาแต่คิดถึงเอ็ง ร่ำร้องหาเอ็งตลอดเวลา ไม่เกินสามวัน มันจะร้อนรนจนทนไม่ไหวตามเอ็งมาถึงที่นี่ เอ็งก็จะได้จับมันทำผัว!”
มนต์ดำของเมืองอินทร์ทำหน้าที่ได้ดี ทศพลซึ่งเคยพะเน้าพะนอคำแก้วตลอดเวลา จู่ๆก็เกิดอาการเหม็นเบื่อ เย็นชาและอึดอัดที่อยู่ใกล้เธอ และในคืนเดียวกันนั่นเอง เขาก็ขอไปนอนกับแก๊งเพื่อนที่เถียงนาดื้อๆ
แก๊งเพื่อนแปลกใจมากเพราะก่อนหน้านั้นทศพลทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายหากไม่ได้แต่งงานอยู่กินกับคำแก้ว แต่เวลานี้กลับทำท่าเหมือนจะตายเช่นกันหากต้องอยู่ใกล้ๆ
คำแก้วก็แปลกใจไม่แพ้กันแต่คิดว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมาก เช้าวันต่อมาเลยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเคย แต่เขาก็มึนตึงใส่แล้วผละไปทำสวนโดยไม่แตะต้องอาหารที่เธอทำแม้แต่น้อย
ทศพลก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร นอกจากครั่นเนื้อครั่นตัวและหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก และระหว่างที่ขุดดินเตรียมทำสวนนั่นเอง เขาก็เห็นภาพหลอนของลำเจียกเดินผ่านไปผ่านมาจนแรงกำหนัดพลุ่งพล่านแทบระงับไม่อยู่ แต่สำนึกผิดชอบชั่วดีก็ช่วยให้เขาตั้งสติได้ ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจฟุ้งซ่านไปกับสิ่งยั่วยวนนั้น
พวกกำนันแย้มกับบุญส่งออกเดินทางไปภูพระนางเพื่อตามหาเหล็กไหลในเช้าวันเดียวกัน พวกเขาชวน
สุภัทรไปด้วยแต่ด็อกเตอร์หนุ่มคนดังก็ปฏิเสธ ไม่อยากยุ่งเรื่องความขัดแย้งในท้องถิ่น แต่อยากอยู่หาตัวทัศนัยและแผ่นจารึกโบราณอีกครึ่งมากกว่า เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาในร่างงูเขียวแอบได้ยินทุกอย่างก็เดือดร้อนแทนเจ้านายสาว
“พวกมันกัดไม่ปล่อย คราวนี้ถึงขั้นบุกป่าฝ่าดงตามหาเหล็กไหลเลยเหรอนี่”
“ลงมือกำจัดพวกมันก่อนเลยดีกว่า”
“แต่พวกมันมีว่านพญาลิ้นงู”
“ข้าจะลองเสี่ยง”
“ไม่จำเป็นหรอกฉัตรสุดา ภูพระนางเต็มไปด้วยภยันตรายและภูตผีปีศาจ ไม่เคยมีใครไปที่นั่นแล้วรอดชีวิตกลับมา ปล่อยให้พวกมันรนหาที่ตายกลางป่านั่นแหละ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ เจ้าแม่จะได้หมดเสี้ยนหนามเสียที!”
ooooooo
ทศพลคาดการณ์ผิดทุกอย่าง อาการภาพหลอนถึงลำเจียกและความอึดอัดใจที่ต้องอยู่ใกล้คำแก้วทวีความรุนแรงจนถึงขั้นหมางเมินและเอาตัวออกห่าง คำแก้วน้อยใจมากและคิดว่าเขาเบื่อ เช่นเดียวกับแก๊งเพื่อนๆของเขาที่คิดว่าทศพลเป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็ว
อิ่มก็ลำบากใจไม่แพ้กัน เมื่อทศพลระบายอย่างอึดอัดใจเรื่องคำแก้วว่าอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แม่นมเก่าแก่ร้อนใจเลยไปปรึกษาสุภัทร ด็อกเตอร์หนุ่มเป็นห่วงลูกชาย แต่เพราะทิฐิเลยยังตีหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจ
ลำเจียกไม่ได้รู้เรื่องด้วย ร้อนรนเพราะเข้าใจว่ามนต์ดำของเมืองอินทร์ไม่ได้ผล หมอผีหนุ่มเลยตัดรำคาญอีกรอบด้วยการทำพิธีฝังรูปฝังรอยให้ แต่คนงามบ้านดอนไม้ป่าต้องไปเอาดินปากผีตายโหงมาให้ด้วยตัวเอง
ชบากับซ่อนกลิ่นต้องตามไปด้วย ผวาและขนลุกตลอดเวลาที่ต้องอยู่ในป่าช้า แต่ลำเจียกกลับไม่หวั่น เพราะความอยากได้ผัวแท้ๆเลยข่มความกลัวเอาดินปากผีตายโหงมาจนได้
เมืองอินทร์หัวเราะชอบใจในความใจเด็ดของลำเจียก ลงมือปั้นหุ่นชายหญิงจากดินปากผีตายโหง นำมาประกบติดกันแล้วร่ายคาถา เรียกทศพลซึ่งนอนหลับกับคำแก้วให้ร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก มีแต่ภาพเย้ายวนของลำเจียกลอยวนไปมาในหัว และเมื่อทนไม่ไหวก็จะออกไปหาลำเจียกถึงบ้าน
คำแก้วตามไปรั้งตัวไว้แต่เขาก็สะบัดออก ตวาดลั่นไม่ให้ยุ่งในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเลยต้องถอยและพยายามข่มตาหลับ แล้วก็ต้องเหงื่อแตกพลั่กทั้งตัวเมื่อฝันถึงอดีตชาติ ตอนไชยสิงห์ยกทัพไปรบกับทัพพระเจ้านิรุทธราชและถูกจับได้!
ฝันร้ายของคำแก้วตามหลอนไม่เลิกจนถึงเช้าวันต่อมา เมื่อแก๊งเพื่อนของทศพลโผล่มาหาพร้อมสามีที่เอะอะโวยวายตลอดทางเพราะถูกลากตัวจากบ้านลำเจียก คำแก้วพยายามจะเรียกสติให้เขาแต่ก็ต้องผงะ เมื่อเขาประกาศก้องว่าเธอไม่ใช่เมียเขาแต่เป็นลำเจียกต่างหาก!