ตอนที่ 11
พวกกำนันแย้มหนีไปคนละทิศละทาง เปิดโอกาสให้ทศพลมุ่งหน้าสู่เทวาลัยเพื่อตามหาคำแก้วแต่หารู้ไม่ว่าเจ้าตัวคนที่ตามหาหลบซ่อนตัวในแนวป่า พยายามปกปิดตัวตนที่ขึ้นเกล็ดงูเกือบทั่วตัวไม่ให้คำปองเห็น
“ฉันเป็นงู...แม่ไม่กลัวฉันเหรอ”
“กลัวอะไร กลัวเอ็งจะรัดแม่ตายหรือไง”
“ความลับไม่มีในโลก สักวัน...คุณทศพลก็ต้องรู้ว่าฉันไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนคนอื่น แล้วก็คงจากฉันไป”
“ความกังวล...เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่ากับใครก็มักจะก่อตัวใหญ่ขึ้นและเมื่อกังวลเรื่องหนึ่งเรื่องใด มันก็จะกังวลต่อไปอีกไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง เอ็งจะทุกข์เพราะความคิดของเอ็งเอง”
“เขาว่ากันว่าคำพรของพ่อแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์นัก แม่ให้พรฉันทีได้ไหมจ๊ะ”
“แม่ขอให้คุณพระคุ้มครองเอ็งให้แคล้วคลาดจากสิ่งร้ายๆที่มาแพ้วพาน ศัตรูจงแพ้ภัย ขอให้ลูกของแม่จงมีสติ รู้กายรู้ใจวางทุกข์ใจเบาได้นะลูกนะ”
คำปลอบโยนของแม่ทำให้คำแก้วสบายใจขึ้น และผละไปเทวาลัยหลังจากนั้นเพื่อคืนสภาพเป็นมนุษย์เหมือนเดิม แต่ก็คลาดกับทศพลที่กลับบ้านอย่างผิดหวังเพราะไม่เจอตัวภรรยาสุดที่รัก คำปองสงสารแต่ก็น้ำท่วมปากบอกลูกเขยไม่ได้ว่าลูกสาวคนเดียวเป็นงูเจ้าแม่นาคี
พิธีกองกูณฐ์ปราบเจ้าแม่นาคีถูกทำลายเพราะแผนร้ายของเหล่าบริวารงูของเจ้าแม่นาคีแท้ๆ ส่งลำเจียกมาป่วนจนเมืองอินทร์ตบะแตก ได้คนงามบ้านดอนไม้ป่าเป็นเมียจนได้
พวกกำนันแย้มเป็นเดือดเป็นร้อนมาก ตัดสินใจจับพวกคนเมืองเป็นตัวประกันและเรียกร้องให้ออกจากดอนไม้ป่าหากอยากมีชีวิตรอด สุภัทรกับทัศนัยเห็นท่าไม่ดีเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กๆ เลยยอมตกลงจะออกจากดอนไม้ป่าทันทีหากยอมให้นำเทวรูปเจ้าแม่นาคีและแผ่นจารึกโบราณทั้งสามแผ่นกลับไปด้วย
ทุกอย่างทำท่าจะจบด้วยดี ทุกคนแยกย้ายและไม่ต้องอาฆาตกันอีกหากเมืองอินทร์จะไม่เห็นสิ่งที่ถูกบันทึกบนแผ่นจารึกโบราณทั้งสามเสียก่อน ข้อต่อรองเพื่อไล่พวกคนเมืองจากดอนไม้ป่าเลยเป็นโมฆะ
ooooooo
สุภัทรกับทัศนัยเร่งให้พวกนักศึกษาเก็บข้าวของกลับบ้าน แต่ทศพลก็เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมกลับยืนยันหัวเด็ดตีนขาดจะไม่ไปจากดอนไม้ป่าหากคำแก้วไม่ไปด้วย
คำแก้วเป็นห่วงความปลอดภัยของสามีตัดสินใจบอกลาและขอให้เขากลับกรุงเทพฯพร้อมทุกคน คำปองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวคนเดียว แต่กระนั้นก็ไม่เห็นด้วย
“คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้”
“ฉันไม่อยากให้คุณทศพลต้องทนลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพราะฉันอีก”
“เอ็งไม่รักเขาแล้วเหรอลูก”
“เพราะฉันรักเขา ฉันถึงได้ยอมปล่อยเขาไป”
“คุณทศพลคือคนที่เอ็งรออยู่ใช่ไหม”
คำแก้วพยักหน้า น้ำตารื้น “คุณทศพลเป็นรักแรก รักเดียว และรักสุดท้ายของฉัน”
“ดูแลเขาให้ดี อย่าปล่อยให้หัวใจของเอ็งต้องหลุดลอยหายไปเลยนะ...”
คำแก้วคิดหนักไม่รู้จะตัดสินชะตาชีวิตของตัวเองเช่นไร ต่างจากหมออ่วมที่หลังจากถูกงูบริวารเจ้าแม่เล่นงานคราวก่อนก็เก็บตัวในบ้านไม่ออกไปไหนจนกอต้องไปตาม
“นังงูผีมันฆ่าไม่ตาย มันต้องกลับมาล้างแค้นเอ็งกับข้าแน่ๆ”
“ปลูกว่านพญาลิ้นงูรอบบ้านก็ช่วยไม่ได้ ขนาดพ่อหมอเมืองอินทร์ตั้งพิธีกองกูณฐ์เผามันทั้งเป็นยังเอามันไม่ลง”
“ข้าตรวจดูเลขผานาทีแล้ว อีกสามวันจะเกิดสุริยคราส”
“อีกแล้วเหรอ ทำไมปีนี้มันถึงได้เกิดถี่นักวะ”
“เพราะคนสมสู่กับงู มันถึงเกิดอาเพศ เมื่อใดก็ตามที่นาคราชกลืนดวงตะวัน บริวารเจ้าแม่นาคีจะมีฤทธิ์ พวกเอ็งฆ่ายังไงมันก็ไม่ตาย!”
คืนเดียวกันที่บ้านกำนันแย้ม...บุญส่งแอบขโมยแผ่นจารึกโบราณมาให้เมืองอินทร์ แล้วก็ต้องตะลึงทั้งวงเมื่อหมอผีหนุ่มจากนาคหนีบอกว่ามนต์อาลัมพายน์บนแผ่นจารึกนี้ใช้ปราบเจ้าแม่นาคีได้
“บริวารนังเจ้าแม่นาคีมันร้ายกาจนัก มนต์อาลัมพายน์จะปราบมันได้เหรอ”
“อย่าว่าแต่บริวารนังเจ้าแม่นาคีเลย มนต์บทนี้แม้แต่พญานาคก็ยังกลัว”
“มนต์อะไรของเอ็ง ตั้งแต่เกิดจนหัวหงอก ข้ายังไม่เคยได้ยินชื่อ” กำนันนิ่วหน้าไม่เชื่อ
“มนต์อาลัมพายน์เป็นมนต์ที่พญาครุฑมอบให้ฤาษีโกสิยโคตรตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระภูริทัต มนตราบทนี้มีอำนาจเหนือพญานาคราชและอสรพิษทั้งปวง เมื่อได้ยินจะทุรนทุรายประดุจเหล็กร้อนยอนเข้าไปในหู”
เมืองอินทร์ยกมือสัมผัสแผ่นจารึกอย่างเบามือ พลันก็ปรากฏนิมิตจากอดีตชาติเมื่อครั้งขุนวังหรือกอ
ในชาตินี้ตัวสั่นงันงกมารายงานพระเจ้านิรุทธราชหรือบุญส่งในชาตินี้ว่าทุบทำลายเทวรูปพญานาคทั่วเมืองมรุกขนครแล้ว
“ดี...นับแต่นี้ชาวมรุกขนครจักไม่บวงสรวงบูชาพญานาคอีกต่อไป หากอ้ายอีคนไหนกล้าฝ่าฝืนโองการข้า ข้าจักเอาตัวมันมาตัดตีนมือให้สิ้น!”
แต่กระนั้น...อิทธิฤทธิ์ท้าวศรีสุทโธนาคที่อาละวาดใส่เหล่าทหารที่ทุบทำลายเทวรูปก็ทำให้พวกอำมาตย์หวาดหวั่น พยายามยับยั้งไม่ให้พระเจ้านิรุทธราชลบหลู่พญานาคใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขงแต่ก็หาได้ผลไม่
“หากพญานาคมีจริง เหตุใดจึงดูดายปล่อยให้
มรุกขนครฟ้าร้อนฝนแล้งจนอดอยากยากแค้นทั้งเมืองเยี่ยงนี้”
พระโหราธิบดีหรือหมออ่วมในชาตินี้ไม้เบื่อไม้เมาของเจ้าอินทร์ทักท้วงให้ทำพิธีขอขมาเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง แต่พระเจ้านิรุทธราชก็ไม่เปลี่ยนใจแถมสั่งให้เจ้าอินทร์หาวิธีปราบพญานาคอีกต่างหาก
“ข้าจักจารึกมนต์อาลัมพายน์ลงแผ่นศิลาตั้งไว้ในหอคำหลวง มนต์บทนี้ใช้ปราบพญานาคน้อยใหญ่ได้ทุกตระกูล ตราบใดที่แผ่นศิลาจารึกมนตรานี้ยังอยู่ จักไม่มีพญานาคตัวใดกล้ากล้ำกรายอาณาเขตของหอคำหลวงได้เจ้าข้า...”
ooooooo
เมืองอินทร์หรือเจ้าอินทร์ในอดีตชาติลำพองใจมากเมื่อรู้จากนิมิตว่าตนเป็นคนบันทึกมนต์อาลัมพายน์บนแผ่นจารึก และมนต์โบราณศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถือเป็นความหวังเดียวจะปราบงูเจ้าแม่นาคีได้
ทศพลไม่ได้สนใจว่าใครจะมีแผนปราบคำแก้วบ้าง มัวน้อยใจที่เธออยากให้เขากลับกรุงเทพฯ
“พี่คิดไปเองแท้ๆว่าคำแก้วมีใจให้พี่ ไม่เคยรู้เลยว่าที่คำแก้วทำทุกอย่างเพื่อผลักไสให้พี่ไปจากคำแก้ว”
คำแก้วน้ำตาคลออึกๆอักๆอยากสารภาพความจริงแต่ก็พูดไม่ออกจนเขาเข้าใจว่าเธอไม่รัก
“ถ้าลำบากนักก็อย่าพูดเลย พี่เข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว พรุ่งนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯไม่มาให้คำแก้วเห็นหน้าอีก”
แต่ถึงจะประชดแบบนั้นทศพลก็ตัดใจจากภรรยาสุดที่รักไม่ได้ต้องกลับมาหา คำแก้วซึ่งแอบนั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียวที่หลังบ้าน ถึงกับไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหน้าสามี
“อย่าร้องไห้นะ อย่าร้อง พี่อยู่นี่แล้ว...คนดีของพี่”
“คำแก้วไม่อยากให้พี่ไปไหน แต่คำแก้วไม่อยากให้พี่ต้องเดือดร้อนเพราะคำแก้วเป็นต้นเหตุอีกแล้ว”
“ถึงคำแก้วจะไล่พี่ แต่พี่ก็ไปไหนไม่พ้น ต้องกลับมาหาคำแก้วอยู่ดี”
“พี่พลไม่อยากไปให้พ้นจากที่นี่เหรอ”
“อยากสิ...แต่ถ้าคำแก้วของพี่อยู่ที่นี่ พี่จะไปไหนได้ คำแก้วล่ะ...ยังอยากไล่พี่ให้กลับกรุงเทพฯอยู่หรือเปล่า”
คำแก้วโผกอดเขาแน่น เอาหน้าซุกอกไม่ยอมสบตา ทศพลต้องเชยคางขึ้น
“ไม่อยากก็ตอบมาสิ ไหน...ลองพูดให้พี่ชื่นใจซิ”
“คำแก้วรักพี่ อยากให้พี่อยู่กับคำแก้ว...ตลอดไป”
ความรักของคำแก้วและทศพลจบลงด้วยดีแม้จะมีความลับบางอย่างที่บอกไม่ได้ แต่เธอก็เชื่อว่าความรัก ที่มีต่อกันจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ ต่างจาก คณะคนเมืองที่เหลือถูกกักตัวไม่ได้กลับกรุงเทพฯเพราะพวกกำนันแย้มผิดสัญญาจะไม่ให้นำเทวรูปเจ้าแม่นาคีและแผ่นจารึกโบราณทั้งสามแผ่นกลับไปด้วย
อิ่มได้ยินว่ามนต์โบราณบนแผ่นจารึกจะใช้ปราบคำแก้วก็โกรธจัดถลาไปเอาเรื่องเลยถูกพวกกำนันแย้มฆ่าอย่างเลือดเย็น สุภัทรกับทัศนัยจะตอบโต้เลยถูกจับมัดรวมกันไว้กับเหล่านักศึกษาและนำไปขังในหลุมดักสัตว์
พิมพ์พรกับเจิดนภาไม่รู้เรื่องคิดว่าพวกเพื่อนหนุ่มๆ สุภัทรและทัศนัยล่องแพกลับกรุงเทพฯไปแล้วตามที่กำนันแย้มแอบอ้าง และเมื่อได้ยินว่าทศพลไม่ได้กลับก็ไปดักตบคำแก้วถึงบ้านด้วยความหึงหวง
ทศพลไม่พอใจมากจะต่อว่าเพื่อนสาวเหมือนเคย แต่คำแก้วกลับไม่ยี่หระตอกเสียงเรียบ
“เธอตบหน้าฉัน แต่ฉันจะไม่โต้ตอบเธอ เธอนึกว่าฉันตบไม่เป็นงั้นเหรอ...เปล่าเลย แต่ฉันไม่อยากจะทำ เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนและไม่ใช่นิสัยของผู้ดี เธอหาว่าฉันเป็นงูผี ครึ่งคนครึ่งสัตว์ แล้วตัวเธอเองล่ะ...ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า หรือว่าใกล้สัตว์เข้าไปทุกที”
พิมพ์พรโกรธจนตัวสั่นตั้งท่าจะทำร้ายคำแก้วอีกรอบ แต่ทศพลก็ขวางไว้ ก่อนจะเอ็ดเสียงเข้ม
“คุณหาว่าคำแก้วเป็นงู แต่ดูสิ่งที่คุณทำกับคำแก้ววันนี้สิ แล้วอย่างนี้...ใครเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์กันแน่!”
ooooooo
ถ้อยคำต่อว่าของทศพลเจ็บไปถึงทรวงจนพิมพ์พร ต้องสะบัดหน้าหนี คำแก้วได้แต่มองตามหน่ายๆแต่ไม่ได้บ่นอะไรหลังจากนั้นจนทศพลอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้
“พิมพ์พรทำกับคำแก้วขนาดนี้ ไม่โกรธบ้างเลยเหรอ”
“แม่บอกว่าความโกรธเหมือนงูร้ายที่อยู่ในกายเรา ถ้าระงับความโกรธไว้ได้ งูร้ายก็จะไม่ออกมา”
“แม่คำปองเปรียบเปรยไว้ดีจริงๆ คนบางคนโกรธจนกระทั่งลืมสติ ปล่อยให้งูพิษทำร้ายทั้งตัวเองและผู้อื่น ถึงขนาดฆ่าแกงกันได้ด้วยเหตุผลโง่ๆ”
พูดถึงคำปองคำแก้วก็เป็นห่วง ทศพลเลยอาสาไปตาม ทันได้ช่วยแม่ยายจากพวกปากหอยปากปูที่ตลาดไม่ให้ปะทะคารมกันเพราะเรื่องคำแก้วเป็นงูเจ้าแม่นาคี
“บ้ากันทั้งหมู่บ้าน! คนที่นี่ถูกกำนันแย้มล้างสมองกันไปหมด จะชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้”
“มันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เราสองแม่ลูกเคยทำเอาไว้ ชดใช้กันเสียจะได้จบกันในชาตินี้ แม่แก่แล้ว ตายก็ไม่เสียดายชีวิตห่วงก็แต่คำแก้ว”
ทศพลสงสารแม่ยายต้องบากหน้ามาขายของที่ตลาด เสี่ยงต่อคำพูดบาดหูไม่เว้นแต่ละวัน เลยตัดสินใจมอบเงินส่วนตัวไว้ใช้จ่ายจะได้ไม่ลำบากอีก คำปองไม่ยอมรับเลยกลายเป็นยื้อยุด ชบากับซ่อนกลิ่นผ่านมาเห็นโดยบังเอิญก็คิดอกุศลว่าลูกเขยกับแม่ยายแอบเป็นชู้กัน!
เรื่องฉาวโฉ่แพร่สะพัดทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว แต่เมืองอินทร์ก็ไม่สนใจมัวคร่ำเคร่งกับการเตรียมพิธีปราบงูเจ้าแม่นาคีอีกรอบ ลำเจียกแวะมาหาด้วยความคิดถึงกระเง้ากระงอดใหญ่ที่เขาไม่มีเวลาให้
“เมื่อไหร่จะเสร็จเสียที ฉันเบื่อแล้วนะ”
“ข้าต้องสมาทานศีลแปดอย่างเคร่งครัด งดเว้น การร่วมประเวณีจนกว่าจะปราบนังงูผีได้สำเร็จ”
“แล้วฉันล่ะ...ฉันเป็นเมียพ่อหมอนะ จะให้ฉันเป็นข้าวคอยเคียวแห้งเหี่ยวคารวงหรือไง หัดเอาใจฉันบ้างสิ”
“สองยามคืนนี้ ข้าจะอ่านมนต์อาลัมพายน์เรียกบริวารนังเจ้าแม่นาคีมาสังหารถึงที่”
“ของดีอยู่ตรงหน้าแท้ๆยังไม่สนใจ...”
ทศพลเข้านอนแต่หัวค่ำด้วยความเหนื่อยอ่อน แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในอดีต พญานาคแผลงฤทธิ์จนบ้านเมืองล่มสลาย คำแก้ว ได้ยินเสียงสามีโวยวายก็ตื่นมาดู
“พี่ฝันร้าย...ฝันเห็นกระแสน้ำพัดเมืองถล่ม ผู้คนจมหายไปกับสายน้ำ พี่เห็นพญานาคตัวใหญ่มหึมา
ตาแดงก่ำ มันพ่นน้ำออกมาอย่างบ้าคลั่ง น่ากลัวเหลือเกิน ภาพของมันยังติดตาพี่อยู่เลย”
คำแก้วเสียวสันหลังวาบ กลัวความลับแตก ได้แต่ตีหน้านิ่งกลบเกลื่อน
“ก็แค่ฝันร้าย พี่คงคิดมากเรื่องเมืองมรุกขคร จนเก็บเอามาฝัน”
“แต่ความฝันของพี่คราวนี้มันชัดเจนเหลือเกิน เหมือนกับมันเกิดขึ้นจริงๆ พญานาคตัวนั้นมันน่ากลัวมาก”
“พี่กลัวพญานาคมากเลยเหรอ”
“กลัวสิ...ทั้งกลัวทั้งขยะแขยงเลยล่ะ ดีนะที่มันเป็นแค่ความฝันไม่ใช่ความจริง ไม่งั้นพี่คงช็อกตายไปแล้ว!”
ooooooo
ความรู้สึกของสามีที่มีต่อพญานาคทำให้คำแก้ว กลุ้มใจมาก แต่คงไม่เท่าพวกสุภัทรที่ต้องติดแหง็ก ในหลุมดักสัตว์ แก๊งเพื่อนสนิทของทศพลยืนคุยกันเงียบๆ ส่วนทัศนัยปรึกษากับสุภัทรถึงข้อความบนแผ่นจารึก
“ข้อความในจารึกบอกแต่เพียงว่าพระเจ้านิรุทธราช มีโองการให้พราหมณ์ชื่อเจ้าอินทร์จับเอี่ยนด่อนตัวใหญ่เท่าลำตาลยาวเจ็ดวาในลำน้ำโขง”
“เอี่ยนด่อน...ปลาไหลเผือกน่ะเหรอครับ”
“ใช่...พระเจ้านิรุทธราชฆ่าปลาไหลเผือกตัวนั้นแล้วก็รับสั่งให้แจกจ่ายเนื้อให้กินทั้งเมือง จารึกบอกไว้เท่านี้”
“ฟังดูเหมือนนิทานปรัมปรามากกว่าจะเป็นเรื่องจริง ปลาไหลเผือกตัวใหญ่เท่าลำตาล ยาวตั้งเจ็ดวามีที่ไหน”
“อาจเป็นสัตว์น้ำที่มีลักษณะคล้ายปลาไหลอย่างงูใหญ่หรือไม่ก็...”
“พญานาค! บางทีมรุกขนครอาจล่มสลายเพราะพญานาคก็เป็นได้”
สุภัทรกับทัศนัยเริ่มเชื่อแล้วว่าพญานาคอาจมีจริงและเป็นสาเหตุให้พวกเขาต้องมาร่วมชะตากรรมที่นี่ แต่สำหรับพวกกำนันแย้มความเชื่อเรื่องพญานาคและเจ้าแม่นาคีนั้นจริงยิ่งกว่าตำนานไหนๆ และวันนี้ก็ถึงเวลาจะทำพิธีอ่านมนต์อาลัมพายน์เรียกตัวเจ้าแม่นาคีให้ปรากฏตัว!
เมืองอินทร์เป็นผู้อ่านมนต์โบราณ เหมือนเมื่อครั้งที่เขาทำในอดีตชาติ คำแก้วได้ยินก็ดิ้นรนด้วยความทรมานและวิ่งเตลิดจากบ้านไปหาพวกที่ทำพิธี ทศพลรีบตามติด เช่นเดียวกับเหล่างูบริวารของเจ้าแม่นาคีที่ได้ยินมนต์นั้นด้วย ทุรนทุรายไม่ต่างจากเจ้าแม่ แต่ก็ต้องรีบออกไปขัดขวาง
ทศพลสู้เต็มที่ ไม่ให้ใครยุ่งกับคำแก้วที่กรีดร้อง เสียงหลงด้วยความเจ็บปวด กำนันแย้มโมโหจะยิงทศพล แต่เลื่อมประภัสก็เอาตัวมาขวางและตัดสินใจเอาตัวพุ่งชนแผ่นจารึกโบราณจนพิธีล่ม!
วัชระปราการที่ตามมาตกตะลึงมาก แต่เมื่อตั้งสติได้ก็เลื้อยไปรัดร่างคำแก้วพาหนี เมืองอินทร์แค้นใจมากที่พิธีล่ม แต่พลันก็ได้เบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นประกายของบางอย่างในหงอนศิลาที่หลุดจากเทวรูปเจ้าแม่นาคี
เพชรพญานาคนั่นเอง เจ้าของประกายที่เมืองอินทร์ เห็นในหงอนศิลา และเขาก็รู้ได้ทันทีว่าอัญมณีล้ำค่านี้เป็นของประจำตัวเจ้าแม่นาคี เลยคิดแผนร้ายจะส่งบุญส่งไปเกลี้ยกล่อมทศพลให้พิสูจน์ความจริงบางอย่าง
ทศพลไม่สำเหนียกว่าจะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนร้าย มัววิตกเรื่องคำแก้วหายตัวไป คำปองถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเรื่องราวจากลูกเขย แต่ก็พอเดาได้ว่าลูกสาวคนเดียวอยู่ที่ไหน
“คำแก้วถูกงูเอาตัวไปรึ”
“ผมตามหาคำแก้วทั้งคืนแต่ก็ไม่พบ ไม่รู้ไอ้งูนั่นมันเลื้อยหนีไปไหน”
“พ่อทศพลอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย คำแก้วดวงมันยังไม่ถึงฆาตหรอก”
“แต่นั่นมันงูยักษ์นะแม่ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคย เห็นงูตัวใหญ่ขนาดนี้ ผมเป็นห่วงคำแก้วเหลือเกิน”
“แม่ยกคำแก้วให้เป็นลูกเจ้าแม่นาคีตั้งแต่อยู่ในท้อง งูนั่นอาจเป็นบริวารเจ้าแม่ที่ส่งมาช่วยคำแก้ว”
“ผมจะตามไปช่วยคำแก้วกลับมาให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยอม!”
ooooooo
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีสลบไสลไม่ได้สติพักใหญ่ วัชระปราการเฝ้าดูแลไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง พลันก็ได้ถอนใจโล่งอกเมื่อเจ้านายสาวฟื้น เจ้าแม่นาคีปวดร้าวทั้งตัวเพราะอำนาจมนต์อาลัมพายน์ แต่ความเจ็บปวดนั้นก็เทียบไม่ได้เลย เมื่องูบริวารหนุ่มบอกว่าเลื่อมประภัสตายแล้ว
“เลื่อมประภัสสละชีวิตตนเพื่อปกป้องแม่ทัพไชยสิงห์ให้รอดพ้นมรณภัยจากพวกของอ้ายนิรุทธราช”
“น้ำใจเจ้าช่างประเสริฐแท้ เลื่อมประภัส ฉัตรสุดา เจ้าสองพี่น้องรับใช้ข้าจนตัวตาย...ชาตินี้ข้าเป็นหนี้เจ้าแท้ๆ”
“หักห้ามใจเถิดเจ้าข้า ทุกชีวิตต่างหลีกหนีความตายไม่พ้น”
“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน วัชระปราการ...บริวารของข้า ล้มตายราวใบไม้ร่วง ข้าไม่รู้จักมีชีวิตต่อไปด้วยเหตุใด”
“เพื่อคนที่เจ้าแม่รักเจ้าข้า...เจ้าแม่รอคอยวันที่จักกลายเป็นมนุษย์เพื่อครองรักกับแม่ทัพไชยสิงห์ อีกไม่นานเจ้าข้า ฝันร้ายจักผ่านพ้นไป ข้าจักอยู่รับใช้เจ้าแม่จนกว่าชีวิตของข้าจักหาไม่...”
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีพักรักษาตัวในเทวาลัย โดยไม่รู้เลยว่าทศพลกับคำปองต้องเดือดเนื้อร้อนใจแค่ไหน สองแม่ยายลูกเขยเกือบเข้าไปในเทวาลัยได้อยู่แล้ว ถ้าจะไม่ถูกพวกกำนันแย้มจับตัวไว้ก่อน ด้วยข้อหาจากพวกชาวบ้านว่าทั้งสองลักลอบเป็นชู้กัน!
“มันไม่ใช่อย่างที่กำนันคิด ผมรักและเคารพน้าคำปองเหมือนแม่คนที่สอง เรื่องนี้ต้องเป็นการกลั่นแกล้ง กันแน่”
“ถ้างั้น...เอ็งมาทำอะไรสองต่อสองกับนังคำปองที่นี่”
“ผมกับแม่มาตามหาคำแก้ว”
เหตุผลของทศพลไม่มีใครเชื่อ แถมถูกประณามอีกต่างหากว่าทั้งสองแอบไปพลอดรักกันในที่ลับตา
คำปองเหลือจะทน กดดันทั้งเป็นห่วงลูกและรำคาญใจกับข้อกล่าวหาบ้าๆ โพล่งออกไปอย่างอัดอั้น
“อำนาจอยู่ในมือมึง ต่อให้กูไม่ได้ทำ มึงก็ยัดเยียดหาว่ากูทำอยู่ดี ถ้าพวกมึงอยากจะฆ่าแกงกูนัก...ก็เอาเลย!”
ชาวบ้านโห่ร้อง ตั้งท่าจะทำร้ายคำปอง ทศพลพยายามจะช่วยแต่ก็ต้านแรงชาวบ้านไม่ไหว ลำเจียกผ่านมาเห็นอดีตผัวรักถูกรุมทึ้งก็อดไม่ได้เสนอหน้าไปช่วยชบากับซ่อนกลิ่นหน้าซีด เมื่อเห็นสายตารู้ทันของลำเจียก แล้วก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อถูกพูดกระทบ
“ปั้นเท็จใส่ร้ายคนอื่นเสียๆหายๆ ตามกฎของหมู่บ้านเราต้องเอากะลาตบให้เลือดกบปากจริงไหมจ๊ะลุงกำนัน”
จบคำถามของลำเจียก พวกชาวบ้านรวมทั้งชบากับซ่อนกลิ่นก็สลายตัว ทิ้งพวกกำนันแย้มให้ฮึดฮัดอย่างหัวเสียที่เอาผิดทศพลกับคำปองไม่ได้เหมือนเคย
ทศพลพาคำปองกลับบ้านหลังจากนั้น ลำเจียกตามมาส่งและเรียกร้องค่าตอบแทนความดีให้รับเธอเป็นเมีย
“อย่าพูดจาประเจิดประเจ้อ ตอนนี้เธอเป็นเมียพ่อหมอเมืองอินทร์ เดี๋ยวใครได้ยินจะเป็นเรื่องใหญ่”
“แต่ลำเจียกรักคุณ ต้องการคุณ...ที่ลำเจียกตกเป็นเมียพ่อหมอเมืองอินทร์ก็เพราะนังงูผีมันใช้เล่ห์เพทุบายกับลำเจียก บอกตามตรงพ่อหมอเมืองอินทร์ลีลาจืดชืด ไม่เอาไหน สู้คุณทศพลไม่ได้เลยสักนิด”
นักศึกษาหนุ่มจากเมืองกรุงถอนใจหน่ายๆ “เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้หรอกลำเจียก ตัดใจจากผมเสียเถอะ ผมรักคำแก้วและหัวใจผมไม่มีวันจะรักใครได้มากเท่านี้อีกแล้ว”
คำพูดปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของเขาทำให้ลำเจียกเหลืออด แหวลั่น “คุณทศพลกำลังหลงเสน่ห์นางอสรพิษ นังคำแก้วมันเป็นงู ลำเจียกเคยเห็นกับตา จะเอาลำเจียกไปสาบถสาบานวัดไหนก็ได้ คิดดูสิ...เวลานังคำแก้วมันตกอยู่ในอันตราย ไอ้งูนรกพวกนั้นก็ออกมาช่วยมันทุกที ถ้าไม่ใช่นังงูผี แล้วจะเรียกว่าอะไร...”
ooooooo
คำพูดทิ้งท้ายของลำเจียกทำให้ทศพลเริ่มสับสน ไหนจะคำพูดก่อนหน้านี้ของแก๊งเพื่อนสนิท และท่าทางน่าสงสัยของคำปอง ทำให้เขาต้องทบทวนเหตุการณ์และพฤติกรรมของคำแก้วที่ผ่านมาอีกครั้ง
แต่ไม่ทันสรตะ บุญส่งซึ่งรับหน้าที่มาหลอกล่อทศพลตามแผนก็โผล่มาเสียก่อน
“ในฐานะที่อาสนิทกับพ่อของหลานมานานและหลานก็เป็นเพื่อนสนิทกับพิมพ์พรลูกสาวอา ฟังอาให้ดี ...คำแก้วเมียหลานน่ะไม่ใช่คนหรอกแต่มันเป็นงูผี ผีนางงูขาวเข้าสิงร่างนังคำแก้วเมื่อสิบเก้าปีก่อน คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นถูกงูกัดตายหมด มีแต่นังคำแก้วกับแม่มันที่รอดมาได้”
“ไม่จริง...อาเอาอะไรมาพูด คำแก้วเป็นเมียผม เรานอนด้วยกันทุกคืน จะเป็นงูผีงูปีศาจไปได้ยังไง ผมไม่เชื่อ”
“อารู้ว่ามันเชื่อได้ยาก ถึงหลานไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่อาอยากให้หลานพิสูจน์ด้วยตัวเองเสียก่อนแล้วค่อยเชื่อ”
“ผมไม่พิสูจน์อะไรทั้งนั้น”
“จะกลัวอะไร...ถ้าเมียหลานไม่ได้เป็นงู”
ทศพลชะงักเพราะแทงใจดำอย่างบอกไม่ถูก บุญส่ง ได้ที พูดตบท้ายให้คิด
“หลานไม่อยากให้คำแก้วหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาหรือไง ถ้าคำแก้วไม่ได้เป็นงูก็พิสูจน์ให้ความจริงปรากฏสิ”
เพชรพญานาคถูกส่งถึงมือในอึดใจต่อมา ทศพลลังเล กลัวภรรยาสุดที่รักจะเสียใจที่เขาคิดพิสูจน์ข้อกล่าวหาบ้าๆ แต่ถ้าไม่ทำ...เขากับเธอคงมีชีวิตในดอนไม้ป่าให้สงบสุขได้ยากเต็มที
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคียังไม่รู้ตัวว่าจะถูกลองของ มัวกังวลที่ทำให้คำปองหนักใจและเป็นห่วง วัชระ-ปราการเห็นเจ้านายสาวคืนร่างจะกลับบ้านก็พยายามทักท้วง
“อย่าออกไปเจ้าข้า เจ้าแม่ต้องอยู่ในถ้ำนี้จนกว่าคำสาปของท้าวศรีสุทโธนาคจักเสื่อมลง เมื่อครบหนึ่งพันปีจักเกิดสุริยคราสบนท้องฟ้า เจ้าแม่ก็จักได้เป็นมนุษย์ดังประสงค์”
“นางคำปองเป็นห่วงข้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าต้องกลับไปหานาง”
“บางทีอาจเป็นกลอุบายของเจ้าอินทร์ที่ส่งนางมาล่อให้เจ้าแม่ออกไป”
“นางมีบุญคุณกับข้า ข้าไม่อยากให้นางต้องเป็นทุกข์เพราะข้าไปกว่านี้”
คำแก้วกลับถึงบ้านหลังจากนั้น ท่ามกลางความโล่งใจของคำปองกับทศพล แต่เพราะยังอ่อนเพลียเลยขอตัวเข้านอนแต่หัวค่ำ ทิ้งทศพลให้นอนก่ายหน้าผากคนเดียว พลางนึกถึงบทสนทนาเมื่อเย็นกับบุญส่ง หลังจากที่มอบเพชรพญานาคไว้พิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับภรรยาสุดที่รักแล้ว
“นี่แหละคือคำตอบของสิ่งที่หลานและพวกชาวบ้านสงสัย หลานแค่เอาเพชรเม็ดนี้ไปติดหน้าผากระหว่างคิ้วของคำแก้ว หากเป็นนางงูผีอย่างที่สงสัยจริง มันจะกลายร่างกลับคืนสัญชาติเดิมเป็นงูเผือกหัวหงอนทันที”
“แล้วถ้าคำแก้วไม่ใช่ล่ะ”
“ถ้าติดเพชรพญานาคแล้วไม่เกิดอะไร อาจะพูดให้ชาวดอนไม้ป่ารวมทั้งกำนันแย้มเลิกเข้าใจผิดคำแก้ว”
“นิทานหลอกเด็ก มันเหลือเชื่อเกินกว่าที่จะเป็นไปได้”
“ต่อให้ไม่เชื่อหลานก็ต้องทำ คำแก้วจะได้พ้นมลทิน ไม่อย่างงั้นทุกคนก็จะไม่เลิกปักใจว่าคำแก้วเป็นงูผีงูปีศาจ”
ooooooo
เพราะความอยากรู้และความหวังดีต่อคำแก้วแท้ๆ ทำให้ทศพลตัดสินใจติดเพชรพญานาคบนหน้าผากของเธอกลางดึกของคืนนั้นเอง แล้วก็ต้องตกใจแทบผงะ เมื่อเห็นว่าเพชรนั้นติดแน่นแนบสนิทราวกับเป็นอวัยวะหนึ่ง!
คำแก้วกรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ความจริงที่ปรากฏทำให้เขารู้จนได้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นร่างในปัจจุบันของเจ้าแม่นาคี เลยอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้
“เสียแรงที่คำแก้วรักพี่ ไว้ใจพี่มาตลอด คำแก้วยอมตายแทนพี่ได้ แต่ทำไมพี่ถึงคิดทำร้ายคำแก้วได้ลงคอ พี่ไม่รักคำแก้วแล้วเหรอ พี่ใจร้าย คำแก้วทำผิดอะไร ทำไมพี่ถึงทำกับคำแก้วอย่างนี้”
“หมายความว่า...คำแก้วเป็นนางงูผีอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกันงั้นเหรอ”
“ถึงคำแก้วจะเป็นงู แต่คำแก้วก็รักพี่นะ”
คำแก้วพยายามจะแกะเพชรพญานาคและจะโผหาเขา แต่ทศพลก็ขยับตัวหนี
“อย่าเข้ามานะ คนกับงูจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง”
คำพูดของเขาบาดลึกในหัวใจคำแก้วจนแทบกระอัก จนต้องโพล่งออกไปอย่างเหลืออด
“พี่กลัวคำแก้วขนาดนี้เลยเหรอ คำแก้วรู้แล้ว...รู้แล้ว... คำแก้วไม่ใช่คน เรารักกันไม่ได้ รักแท้มันไม่มีอยู่จริงหรอก ที่เคยบอกว่ารักกันจนตาย มันก็เป็นแค่เพียงลมปากเท่านั้น”
ทศพลหน้าเสีย น้ำตาของเธอทำให้เจ็บแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ทันพูดอะไร คำแก้วก็ชิงบอกลา
“ฉันขอโทษนะพี่ที่หลอกพี่มาตลอด ถ้าพี่รู้ว่าคำแก้วเป็นงู พี่คงไม่อยู่กับคำแก้วจนถึงป่านนี้ คำแก้วลาก่อน...”
จบคำก็ผละไปลาคำปองและผลุนผลันออกจากบ้าน พวกกำนันแย้มและเมืองอินทร์เห็นเป็นโอกาสรีบตามไปดักจับเจ้าแม่นาคี คำปองเห็นท่าไม่ดีเลยไปขวางแต่ก็ถูกจับไปขัง วัชระปราการเลยต้องออกโรงแทนจนต้องตายอย่างอนาถเพราะบ่วงนาคบาศของเมืองอินทร์
การตายของวัชระปราการทำให้คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีเสียใจมาก พลันภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติก็ปรากฏในหัวอีกครั้ง ถึงตอนที่เธอไปอาละวาดทำลายเมืองมรุกขนคร...ชาวเมืองพากันอพยพแต่ก็แทบเอาชีิวิตไม่รอด นางกำนัลคำปองกับเคนผัวรักก็เช่นกัน
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว มรุกขนครจะเป็นทะเลบ้า ชาวเมืองจมหายในสายน้ำ อีกไม่นานคงท่วมถึงหอคำหลวง”
“เพราะปลาไหลเผือกตัวนั้นแน่แท้ บ้านเมืองจึงได้เกิดอาเพศ” นางกำนัลคำปองรำพึงเสียงเครียด
“หากฝนยังไม่หยุดเยี่ยงนี้ เมืองทั้งเมืองคงกลายเป็นทะเลสาบ มรุกขนครคงถึงคราวล่มสลายลงครานี้ พวกชาวบ้านลือกันว่าเห็นพญานาคพ่นน้ำถล่มเมือง”
“พราหมณ์เจ้าอินทร์กำลังทำพิธีอ่านมนต์สะกดนาคในหอคำหลวง แต่ยิ่งอ่านมนต์ ฝนก็ยิ่งตกหนัก พญานาคคงพิโรธที่พวกชาวเมืองกินเนื้อปลาไหลเผือก ดีนะที่น้องไม่ได้กิน พี่ก็ไม่ได้กินใช่หรือไม่...”
คำตอบของเคนคือกินเนื้อปลาไหลเผือกไปไม่น้อย ทำให้เขาต้องตายในเวลาต่อมา ทันทีที่ส่งนางกำนัลคำปองถึงยอดภูเขาหลวงและหนีรอดจากน้ำท่วมเมืองไปได้อย่างหวุดหวิด
ooooooo
นางกำนัลคำปองเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากมหันตภัยร้ายแรงถล่มเมืองมรุกขนคร ส่วนที่เหลือถูกเจ้าแม่นาคีหรืองูเผือกยักษ์ฆ่าเรียบ!
พระเจ้านิรุทธราชนั่งกับพวกอำมาตย์และข้าราชบริพารในหอหลวงคำ โดยมีเจ้าอินทร์จอมเวทย์แห่ง มรุกขนครนั่งอ่านมนต์อาลัมพายน์เพื่อปราบเจ้าแม่นาคี
แต่เสียงกรีดร้องของไพร่ฟ้าด้านนอกทำให้พระเจ้านิรุทธราชทนไม่ไหว ต้องออกไปเผชิญหน้าเจ้าแม่นาคี
“กูอยู่นี่แล้ว มึงออกมาสิ จักมุดหัวอยู่ทำไมอีนาคอัปรีย์!”
ขาดคำเจ้าแม่นาคีก็โผล่จากผิวน้ำ แหวลั่น “พวกมึงฆ่าลูกกูในร่างปลาไหลเผือก แล้วยังฆ่าไชยสิงห์คนรักกูอีก พวกมึงจักต้องพินาศย่อยยับ ชาวมรุกขนครจักต้องชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับกูอย่างสาสม!”
“ก็เอาสิวะ! มึงกับกูใครจักอยู่ใครจักตาย บัดเดี๋ยวได้รู้กัน”
พระเจ้านิรุทธราชยกธารพระกรหัวครุฑจะปราบเจ้าแม่นาคีแต่ก็ถูกเล่นงานจนหัวพญาครุฑหักกระเด็นลงน้ำ
“วันนี้...มึงต้องชดใช้บาปเวรที่มึงก่อไว้กับลูกกู ผัวกู ไอ้นิรุทธราช!”
เหตุการณ์หลังจากนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย เจ้าอินทร์และพวกอำมาตย์ถูกพิษของเจ้าแม่นาคีตายเกลื่อน ส่วนพระเจ้านิรุทธราชก็จมหายไปกับคลื่นยักษ์ พร้อมกับการล่มสลายของเมืองมรุกขนคร
ล้างแค้นจนล่มสลายทั้งเมือง เจ้าแม่นาคีก็หอบร่างกระปลกกระเปลี้ยกลับถ้ำใต้บาดาล ท้าวศรีสุทโธนาคทราบเรื่องทุกอย่างด้วยญาณพิเศษ ไม่รอช้าจะตำหนิและเตือนสติหลานสาว
“ความโกรธมีโทษทุกระดับ สถานเบาคือเผาใจให้เป็นทุกข์ สถานกลางอาจผลักดันให้สังหารผู้อื่น สถานหนักก็ถึงขั้นฆ่าได้ไม่เว้นแม้กระทั่งตนเอง เมื่อรู้ว่าความโกรธเป็นของร้อน เหตุใดจึงไม่ดับระงับเสีย”
“หากหลานไม่แก้แค้น แล้วจักหายแค้นได้เยี่ยงไร”
“ที่สุดของการล้างแค้นคือการรบกับความมืดในใจตน ความมืดดำอันเกิดจากความเกลียดจักทำให้เจ้าพร้อมสร้างศัตรูใหม่ได้ตลอดเวลา อารมณ์ร้ายเปรียบดั่งอสรพิษที่จักติดตามรังควานเจ้าไม่ให้เป็นสุข”
“มันทำกับลูก กับผัวหลานปานนั้น เจ้าปู่ยังจักให้ หลานยอมยกโทษให้พวกมันกระนั้นหรือ”
“การจองเวรที่ยืดเยื้อ เริ่มต้นจากเวรที่อภัยได้แต่ไม่อภัย บุญบาปล้วนทำหน้าที่อยู่แล้ว จงปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างและเสวยผลเองนั้นดีที่สุด หากเจ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับพลอยกระโจนไปร่วมรับบาปบนเส้นทางของเขาด้วย”
คำสั่งสอนของปู่ทำให้เจ้าแม่นาคีคิดได้ ดวงตาเริ่มสว่างเห็นสัจธรรมของสัตว์โลก
“หลานผิดไปแล้วเจ้าปู่ บาปกรรมที่หลานสร้างไว้ใหญ่หลวงนัก หลานยอมรับโทษทัณฑ์ทุกประการ”
น้ำตาของหลานสาวทำให้ท้าวศรีสุทโธนาคใจอ่อนยวบ แต่ก็ต้องตัดใจทำโทษ
“ข้าขอสาปให้ร่างเจ้ากลายเป็นหิน ครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์แสดงถึงความบริสุทธิ์ดีงาม ส่วนอีกครึ่งเป็นงูแสดงถึงความชั่วร้าย ดวงวิญญาณของเจ้าจงจุติอยู่ในร่างงูเผือกจนกว่าจักครบหนึ่งพันปีจึงสิ้นเวร...”
ooooooo
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีในอีกเกือบพันปีต่อมาดึงตัวเองจากอดีต สำนึกได้ในเวลานั้นเองว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องชดใช้บาปกรรมจากชาติที่แล้วด้วยการบำเพ็ญเพียรภาวนาในถ้ำตามที่รับปากท้าวศรีสุทโธนาคไว้
“วันพรุ่ง...เมื่อเกิดสุริยคราสเหนือฟากฟ้า คำสาปสรรของเจ้าปู่สิ้นสุด ข้าก็จักเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์เสียที”
แต่พวกกำนันแย้มก็ไม่ปล่อยให้การบำเพ็ญเพียรลุล่วง จับคำปองเป็นตัวประกันล่อให้เจ้าแม่นาคีปรากฏตัว
“อีคำแก้ว อีนังงูร้าย ถ้ามึงไม่ออกมา แม่มึงตาย กูจะเผาแม่มึงทั้งเป็น!”
เจิดนภาแอบได้ยินพิมพ์พรสมรู้ร่วมคิดกับพวกกำนันแย้มจะใช้คำปองเป็นเหยื่อล่อก็รับไม่ได้ ตัดสินใจจะกลับกรุงเทพฯตามลำพัง แต่ไม่ทันไปไหนก็เจอพวกสุภัทรกับเพื่อนๆที่หลุมดักสัตว์เสียก่อน
ทั้งหมดรีบไปห้ามพวกกำนันแย้ม แต่ก็ไม่ทันการณ์ คำปองสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคำแก้วเสียแล้ว ทศพลเลยเป็นเหยื่อรายต่อมา ถูกจับเป็นตัวประกันล่อให้เจ้าแม่นาคีออกจากที่ซ่อน
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีพยายามรวบรวมสติบำเพ็ญเพียร แต่การตายของคำปองและความเป็นห่วงที่มีต่อทศพลทำให้เธอหมดความอดทน เบิกตาโพลงด้วยความแค้นจัด
“ต่อให้ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ข้าก็ยอม!”
ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์สุริยคราส แต่เจ้าแม่นาคีก็ยอมผิดคำสั่งของปู่ออกไปช่วยทศพลจนได้
“กูอยู่ของกูดีๆ พวกมึงคิดจะจองเวรกูไปถึงไหน”
“อีคำแก้ว...มึงเป็นงูไม่อยู่ส่วนงู อุตริมาสมสู่กับคน แล้วยังจะฆ่าพวกกูอีก วันนี้กูจะฆ่ามึงล้างแค้นให้ไอ้เลื่อง”
“พวกมึงที่ตายล้วนแต่กรรมสนอง ไอ้เลื่องลูกมึงทำผิดคิดร้ายกับกูก่อน มันสมควรตาย”
เสียงชาวบ้านตะโกนเรียกเธองูผี เลยทำให้ความอดทนของคำแก้วหมดลง
“ในเมื่อพวกมึงเรียกกูว่านังงูผี กูก็จักให้พวกมึงเห็นตัวตนแท้จริงของกูก่อนตาย!”
ooooooo
เหตุการณ์หลังจากนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความสยดสยอง พวกกำนันแย้ม รวมทั้งเมืองอินทร์และบุญส่งถูกพิษของเจ้าแม่นาคีตายคาที่ พิมพ์พรวิ่งหนีเลยถูกฝูงชนทับตาย ส่วนลำเจียกก็กลัวงูเจ้าแม่จนเป็นบ้า
เจ้าแม่นาคีในสภาพงูเผือกยักษ์มองทศพลด้วยแววตาแสนรัก ก่อนจะกลายร่างเป็นคำแก้วเพื่อร่ำลา
“คำแก้ววาสนาน้อย ต้องเป็นนาคอยู่ใต้บาดาลชั่วกัปชั่วกัลป์ ต่อแต่นี้ไปคำแก้วคงไม่ได้อยู่ปรนนิบัติพี่อีกแล้ว”
“ชาตินี้เราสองคนคงทำบุญร่วมกันมาน้อยถึงได้อยู่เป็นผัวเมียกันแค่นี้ ต่อให้คำแก้วต้องเป็นนาคอีกนานแสนนานแค่ไหน พี่ก็จะรอ...รอจนกว่าเราจะเป็นผัวเมียกันนะคำแก้ว”
ปรากฏการณ์สุริยคราสกำลังเลือนหาย คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีเหลือเวลาไม่มากแล้ว
“คำแก้วต้องลาพี่แล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก”
“คำแก้วจะอยู่ในใจพี่เสมอ ความรักที่พี่มีให้คำแก้ว ไม่เคยลดน้อยจากใจพี่ ต่อให้คำแก้วจะอยู่ใต้หล้าบาดาล หรืออยู่ที่ไหน แต่ในหัวใจพี่จะมีคำแก้วคนนี้ตลอดไป...พี่รักคำแก้วนะ”
จบคำก็ก้มจูบเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทั้งสองจะต้องจากกันตลอดกาล...งูเผือกยักษ์กลายร่างเป็นเจ้าแม่นาคีอีกครั้งทันทีที่กลับถึงถ้ำใต้เทวาลัย ท้าวศรีสุทโธนาครออยู่แล้ว ก่อนจะปลอบใจหลานสาวว่าทำได้ดี และครั้งนี้เธอก็เป็นฝ่ายชนะใจตนเอง
“เจ้าตั้งสัตย์อธิษฐานบำเพ็ญบารมีถึงพันปี ขอเกิดเป็นมนุษย์เพื่อครองรักกับคนรักของเจ้า หลานเอ๋ย...วันนี้เจ้ายอมเสียสละที่จักได้เป็นมนุษย์ดังที่ปรารถนาเพื่อรักษาชีวิตคนรักของเจ้า ความรักของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก แม้เจ้ากับเขาจักอยู่กันคนละโลก ความรักของเจ้าทั้งสองจักเป็นอมตะเล่าขานไม่รู้จบ”
“หลานคงไม่ได้พบกับเขาอีกแล้ว”
“ถึงเจ้าทั้งสองจักไม่ได้พบกัน แต่ความรักมีพลานุภาพส่งถึงกันได้เสมอ...”
ไม่มีใครพิสูจน์คำพูดของท้าวศรีสุทโธนาคว่าจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครได้พบงูเจ้าแม่นาคีอีกเลยนับจากนั้น ทศพลก็ตัดสินใจไม่กลับกรุงเทพฯและออกบวชเป็นพระธุดงค์ตลอดชีวิต เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้าแม่นาคี... รักแรกและรักสุดท้ายของเขา
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี ชาวบ้านริมน้ำโขงไม่มีใครเห็นพญานาคอีก มีเพียงประเพณีบุญบั้งไฟเท่านั้นที่เป็นเหมือนอนุสรณ์และตัวแทนความรักระหว่างพญานาคสาวกับชายหนุ่มจากเมืองกรุงเท่านั้น...
ooooooo
–อวสาน–