ตอนที่ 10
ทศพลเสียใจกับการจากไปของคำแก้วมากจนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อถึงยามหลับก็กระสับกระส่าย เก็บเรื่องของคำแก้วไปคิดมากถึงขนาดเอาไปฝันถึง...
แต่ที่เขาไม่รู้คือภาพในฝันนั้น แท้จริงคำแก้วหรือแม่นางไม้ก็คือเจ้าแม่นาคีตัวจริง
“ระหว่างข้ากับคำแก้ว ท่านรักใครกันแน่”
“คุณเป็นแค่นางในฝัน แต่คำแก้วคือคนที่ผมเลือกเป็นคู่ชีวิต หัวใจของผมมอบให้คำแก้วไปหมดแล้ว”
“ถึงแม้ว่านางจักตายไปแล้วน่ะหรือ”
“ไม่ว่าตอนนี้คำแก้วจะอยู่ที่ไหน เธอก็ยังอยู่ในหัวใจของผมเสมอ ไม่มีเธอชาตินี้ ผมคงรักใครไม่ได้อีก”
“ข้ารักคนไม่ผิดจริงๆ ไม่ว่าท่านจะเป็นแม่ทัพไชยสิงห์หรือทศพล หัวใจท่านก็ยังคงเป็นดวงเดิมไม่แปรเปลี่ยน”
คำแก้วหายวับไป ทิ้งทศพลให้ร้องเรียกจนผล็อยหลับในเวลาต่อมา และเมื่อตื่นอีกครั้ง นักศึกษาหนุ่มหล่อจากเมืองกรุงก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อพบว่าภรรยาสุดที่รักกลับมาแล้ว
สองสามีภรรยาโผกอดกันด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจ
“คำแก้วจริงๆด้วย...คำแก้วยังไม่ตาย นี่พี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม พี่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นหน้าคำแก้วอีกแล้ว”
“คำแก้วตายไม่ได้หรอก ถ้าคำแก้วตาย...แล้วพี่จะอยู่กับใคร”
“หายไปไหนมา รู้ไหม...พวกชาวบ้านลือกันว่าคำแก้วถูกไอ้หมออ่วมฆ่าตาย แถมยังใส่ร้ายว่าคำแก้วเป็น...”
“เป็นงูผีใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่...แต่พี่ไม่เชื่อหรอก คำแก้วเป็นเมียพี่จะเป็นงูผี งูปีศาจได้ยังไง”
คำแก้วปลื้มใจมากที่เขาเชื่อใจ แถมเป็นห่วงความรู้สึกเธอเสมอ แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้าบอกความจริง
“คำแก้วดวงแข็งไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกจ้ะ พี่อย่าห่วงเลย”
“พี่จะเข้าเมืองไปแจ้งความจับพวกมันข้อหาทำร้ายร่างกาย จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ลากคอพวกมันเข้าคุกให้ได้”
“ไม่มีประโยชน์หรอก กำนันแย้มเป็นคนกว้างขวางมีอิทธิพลมาก พี่จะพลอยเดือดร้อนเสียเปล่าๆ”
“ขึ้นไปคุยบนบ้านเถอะคำแก้ว ยุงกัดพี่ขาลายหมดแล้ว”
“พี่...คำแก้วขอไปหาแม่ก่อนได้ไหม ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงคำแก้วจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คำแก้วไปเถอะ แล้วรีบกลับมาหาพี่นะ พี่คิดถึงคำแก้วใจจะขาดอยู่แล้ว”
ทศพลจูบหน้าผากเธอแล้วเข้าบ้าน ส่วนคำแก้วไปหาแม่ คำปองดีใจมากที่ได้เห็นหน้าลูกสาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่วายสงสัย
“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อข้าเห็น...เห็นเอ็ง...”
“มีคนช่วยฉันไว้...ชะตาของฉันคงยังไม่ถึงฆาต”
น้ำเสียงดุดันเหมือนมีลับลมคมในบางอย่างทำให้คำปองคาใจ แต่ไม่ทันซัก คำแก้วก็ขอลาไปถือศีล
“ฝากบอกคุณทศพลด้วยนะจ๊ะแม่ ตะวันตกดินเมื่อไหร่ฉันจะกลับไปหาเขาเอง”
ooooooo
แม้จะกลายร่างเป็นคำแก้วได้อีกครั้ง แต่อิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลก็ทำให้เจ้าแม่นาคีคงร่างเป็นมนุษย์ในเวลากลางวันไม่ได้ ต้องโกหกคำปองว่าจะไปถือศีลที่เทวาลัย
และวันนี้ก็เช่นกัน...หลังจากพยายามฝืนพิษของเหล็กไหล ในที่สุดคำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีก็ต้องรีบกลับเทวาลัยเพื่อซ่อนตัว เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดารออยู่แล้ว ใจคอไม่ดีเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของเจ้านายสาว
“กายหยาบของข้าจักกลับกลายเป็นงูเมื่อต้องแสงอาทิตย์”
เลื่อมประภัสถอนใจยาว “เป็นเพราะอำนาจของดาบเหล็กไหล แม้บาดแผลภายนอกจักหายดีแล้ว แต่อาถรรพณ์ของดาบเหล็กไหลยังอยู่ ร่างที่เจ้าแม่สิงสู่จึงมิอาจต้านทานต่อแสงอาทิตย์”
“ดาบเหล็กไหลทำให้ข้าสูญเสียพละกำลังไปมาก จนข้ามิอาจฝืนอยู่ในร่างมนุษย์ตอนกลางวันได้”
“เพลานี้ดาบเหล็กไหลอยู่ในเงื้อมมือพวกคนชั่ว เจ้าแม่ควรประทับอยู่แต่ในเทวาลัย อย่าเพิ่งออกไปเลยนะเจ้าข้า”
“ฉัตรสุดา...ข้ามอบกายและหัวใจให้ไชยสิงห์ไปแล้ว ทุกวันนี้ข้าอยู่ได้ด้วยความรักที่มีต่อไชยสิงห์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงลมหายใจ หากข้าต้องตายเพราะความรัก ข้าก็ยินดีพลีให้มิได้อาลัยเลย”
สองคนสนิทสาวทั้งอ่อนใจและเห็นใจในความรักของเจ้าแม่นาคีมาก เช่นเดียวกับคำปองไม่ชอบใจที่ต้องโกหก แต่ก็จำเป็นต้องปดลูกเขยตามที่ลูกสาวขอร้อง
“ช่วงนี้คำแก้วมีเคราะห์ก็เลยอยากไปถือศีลบนเทวาลัยสักระยะ พ่อทศพลไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเย็นๆค่ำๆมันก็กลับ”
“แม่จะไม่ให้ผมห่วงได้ยังไง เทวาลัยนั่นมีแต่ซากปรักหักพังเต็มไปหมด จะถล่มเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอสารพัด ผมกลัวว่าคำแก้วจะเป็นอันตราย”
“คำแก้วโตที่นั่นเลยผูกพันกับเทวาลัย แม่ยกมันให้เป็นลูกเจ้าแม่นาคีตั้งแต่อยู่ในท้อง เจ้าแม่จะคุ้มครองมันเอง”
“งั้นผมจะไปถือศีลกับคำแก้วด้วย”
“ถ้าพ่อทศพลขึ้นไปถือศีลที่เทวาลัย คนอื่นๆจะพากันสงสัย น้ายังไม่อยากให้ใครรู้ว่านังคำแก้วมันยังไม่ตาย เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอิกเกริกกันเสียเปล่า ปล่อยให้มันถือศีลให้ใจสงบสักพักเถอะ อย่าไปรบกวนมันเลย”
แต่เรื่องคำแก้วยังไม่ตายก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เพราะเมืองอินทร์กับลำเจียกรู้แล้ว พวกกำนันแย้มแค้นใจมาก และตัดสินใจจะบุกถึงถ้ำใต้เทวาลัยเพื่อกำจัดงูเจ้าแม่ให้สิ้นซาก!
เมื่อพิมพ์พรรู้เรื่องจากพ่อก็จะไปบอกทศพลถึงความจริงเรื่องคำแก้ว
“ความลับไม่มีในโลก ถ้านังคำแก้วมันหนังเหนียวฆ่าไม่ตาย สักวันมันต้องย้อนกลับมา”
“ทั้งแม่ทั้งผัวมันอยู่ที่นี่ มันหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
“พิมพ์จะคอยเฝ้ากระต๊อบทศพลไม่ให้คลาดสายตา พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ พิมพ์จะเอายัยเจิดไปเป็นเพื่อน”
เจิดนภาสะดุ้งเฮือก ไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยงแต่ก็ถูกพิมพ์พรบังคับจนได้ บุญส่งเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกสาวเป็นอันตรายเลยห้ามไว้ แต่พิมพ์พรก็ไม่ยอม ยืนกรานจะไปหาทศพลให้ได้
“หมออ่วมบอกว่านังคำแก้วกลัวว่านพญาลิ้นงู พิมพ์จะติดตัวไปด้วย ต้องทำให้ทศพลรู้เช่นเห็นชาตินังงูผีให้ได้!”
ooooooo
แม้รับปากคำปองจะไม่แพร่งพรายเรื่องคำแก้วให้ใครรู้ แต่ทศพลก็อดไม่ได้แอบบอกแก๊งเพื่อนสนิทสี่หนุ่ม วันชนะ สมมาตร เชษฐ์ และประกิตทำหน้าไม่อยากเชื่อ คิดว่าทศพลโดนผีหลอก
“ผีบ้าผีบออะไรวะ ฉันไม่ได้เห็นคำแก้วคนเดียว น้าคำปองก็เห็น พวกแกรู้แล้วก็ปิดปากให้สนิท อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคำแก้วยังไม่ตาย แม้กระทั่งพิมพ์พรกับเจิดนภา”
ทศพลกำชับเสร็จก็กลับบ้าน เวลาเดียวกับที่คำแก้วมาถึงพอดี
“คำแก้ว...ไปถือศีลพี่ไม่ว่า แต่ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้ พี่เป็นห่วงรู้ไหม”
“กำนันแย้มส่งคนออกล่าตัวคำแก้วแทบจะพลิกดอนไม้ป่า ต้องรอจนตะวันตกดิน คำแก้วถึงจะกลับมาหาพี่ได้”
“ทำไมไอ้คนพวกนี้มันถึงได้ตามราวีคำแก้วไม่ยอมเลิกรา”
“อย่าหาเหตุผลของคนพาลเลย ไม่มีหรอก พวกมันทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะกำจัดคำแก้ว”
“ตราบใดที่พี่ยังอยู่ พี่จะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรคำแก้วเป็นอันขาด”
แก๊งเพื่อนของทศพลเป็นห่วงมาก แอบตามดูแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นคำแก้วมีท่าทางเป็นปกติทุกอย่าง พิมพ์พรกับเจิดนภามาถึงในอึดใจต่อมา และไม่รอช้าจะบุกเอาเรื่องคำแก้ว แต่สองสาวก็ต้องหน้าแตกยับ เมื่อพังประตูเข้าไปแล้วไม่เห็นคำแก้วแม้แต่เงา!
คำแก้วหลบไปหลังบ้าน ทิ้งให้ทศพลนั่งหน้านิ่งต้อนรับเพื่อนๆจากกรุงเทพฯตามลำพัง แต่กระนั้น...พิมพ์พรกับเจิดนภาก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะเห็นสำรับอาหารเหมือนมีคนกินสองคน
“ไม่ยักรู้ว่าพลตำน้ำพริกปลาร้าเป็นกับเขาด้วย”
“อะไรที่ทำไม่เป็นก็หัดกันได้ คำแก้วเคยสอนให้ผมทำกับข้าวพวกนี้”
“งั้นเหรอคะ แล้วข้าวนี่ล่ะ...พลคดไว้กินเองทั้งสองจานเลยหรือไง”
“พิมพ์...เมื่อไหร่คุณจะเลิกยุ่งเรื่องของผมเสียที”
“ก็จนกว่านังคำแก้วมันจะไปลงนรก”
“ต่อให้ไม่มีคำแก้ว ผมก็ไม่มีวันรักผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยมอย่างคุณ อย่าทำให้ผมต้องเสียความรู้สึกกับพิมพ์มากไปกว่านี้เลย ทุกวันนี้แม้แต่หน้าพิมพ์ ผมก็ยังไม่อยากจะมอง”
พิมพ์พรโกรธจนตัวสั่น โพล่งออกไปอย่างเหลืออด
“หนีอะไรก็หนีได้ แต่พลไม่มีวันหนีความจริงพ้น นังคำแก้วมันเป็นงู!”
ทิ้งท้ายจบก็สะบัดหน้าหนี พร้อมกับเจิดนภาและแก๊งเพื่อนหนุ่มๆ ทศพลรอจนทุกคนลับตาจึงรีบวิ่งไปหลังบ้าน คำแก้วยืนหน้าเครียดอยู่แล้วเพราะเห็นและได้ยินทุกอย่าง
“กลัวเหรอ...ดูสิ หน้าซีดเชียว”
“ไม่มีอะไรที่คำแก้วกลัวยิ่งไปกว่าการพลัดพราก”
“คำแก้วกลัวว่าพี่จะทิ้งคำแก้วเหรอ ไม่มีวันซะหรอก”
“พี่รักคำแก้วเพราะอะไร”
“พี่อยู่ใกล้คำแก้วแล้วมีความสุข อยากใช้ชีวิตร่วมกันจนแก่ก็แค่นั้น สำคัญด้วยเหรอว่าต้องรักเพราะอะไร”
“รอคำแก้วอีกหน่อยนะ อีกไม่นานคำแก้วจะยอมเป็นของพี่ เราจะมีความสุขด้วยกันตามประสาผัวเมีย จนกว่า...ความตายจะพรากเราไปจากกัน”
“ไม่เอา...พี่ไม่อยากได้ยินคำนี้ อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตายให้พี่ได้ยินอีก ฟังแล้วพี่ใจไม่ค่อยดี”
ooooooo
คำแก้วตื่นเช้ามืดเพื่อกลับเทวาลัยเพราะไม่อยากให้สามีเห็นสภาพแท้จริงของเธอ แต่ทศพลก็แอบตามไปจนได้ และพยายามตื๊อจะขอไปถือศีลด้วย
“พี่เป็นห่วงคำแก้ว กลัวว่าพวกกำนันแย้มจะตามไปรังควาน ให้พี่ตามไปด้วย มันจะได้ไม่กล้ารังแกคำแก้วอีก”
แดดอ่อนๆยามเช้าเริ่มลามเลีย คำแก้วใจไม่ดี ดึงมือจากการเกาะกุม
“พี่พล...ปล่อยคำแก้ว ไม่มีเวลาแล้ว คำแก้วต้องไปแล้ว”
“คำแก้วมีอะไรปิดบังพี่ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ แค่ถือศีลทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย”
แสงแดดส่องมาถึงจุดที่ทั้งสองยืนจนได้ ผิวหนังของคำแก้วเริ่มมีควันและขึ้นเกล็ดงูทีละน้อย คำแก้วตาโต ตั้งท่าจะหนีแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อพวกกำนันแย้มยกพวกมาขวางพร้อมกับดาบเหล็กไหล!
คำแก้วกลัวความจริงเปิดเผย รีบสะบัดตัวหนี ทิ้งให้ทศพลรับหน้าพวกกำนันแย้มตามลำพัง
“ใครกล้าแตะต้องเมียผมก็ลองดู”
“หลีกไป! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
“ถึงผมจะเป็นเด็กเมื่อวานซืน ก็ยังดีกว่าคนที่รังแกผู้หญิง พวกหน้าตัวเมีย”
“ปากกล้านักนะมึง เฮ้ย! สั่งสอนมัน”
ทศพลถูกซ้อมจนน่วมแทบลุกไม่ขึ้น พวกกำนันแย้มฉวยจังหวะนี้ตามล่าคำแก้วไปถึงถ้ำใต้เทวาลัย แต่ไม่ทันเจอตัวก็ต้องเผ่นหนี เมื่อถูกฝูงงูบริวารของเจ้าแม่นาคีไล่ฉก!
วัชระปราการงูใหญ่สีน้ำตาลทองรอจนพวกกำนันแย้มออกจากถ้ำ จึงรีบไปรายงานเจ้าแม่นาคี
“ข้าไม่อยากก่อกรรมทำเข็ญอีกแล้ววัชระปราการ บาปบุญเป็นเช่นไร ข้าแจ้งแก่ใจแล้ว ที่ข้าต้องเป็นนางพญางูเผือกอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพราะวิบากกรรมเมื่อพันปีก่อนที่ข้าเคยทำไว้”
“อีกไม่นานคำสาปสรรของท่านท้าวศรีสุทโธนาคก็จักเสื่อมคลาย เจ้าแม่จักได้เป็นมนุษย์สมดังปรารถนา”
เลื่อมประภัสให้กำลังใจ ทั้งที่ในใจเป็นกังวล ไม่ต่างจากฉัตรสุดา
“แต่ดาบเหล็กไหลยังอยู่ในมือคนชั่ว พวกมันคงไม่เลิกราแค่นี้แน่”
“งูอย่างพวกเรามิอาจเข้าใกล้ดาบเหล็กไหลได้ จักมีก็แต่มนุษย์เท่านั้น”
คำพูดของวัชระปราการทำให้เจ้าแม่นาคีถึงกับถอนใจยาว
“นางคำปองเคยเสี่ยงชีวิตไปขโมยดาบนั่นแต่ก็ไม่สำเร็จ ข้าไม่อยากให้ใครต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อข้าอีกแล้ว”
“จักมีผู้ใดเล่าที่หาญกล้าล้างอาถรรพณ์ดาบเล่มนั้นได้...”
ooooooo
ทศพลกังวลเรื่องดาบเหล็กไหลเช่นเดียวกัน และตัดสินใจจะขโมยไปทำลาย แก๊งเพื่อนสนิทไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ทนดูดายไม่ไหวต้องร่วมด้วยช่วยกันเหมือนเดิม
พวกกำนันแย้มมัวก๊งเหล้าเลยไม่ทันสังเกตความผิดปกติรอบตัว ประกิตหัวโจกประจำกลุ่มคิดแผนหลอกล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เปิดโอกาสให้ทศพลและพวกที่เหลือขโมยดาบเหล็กไหลไปจนได้
แต่กระนั้น...ทศพลก็ถูกเห็นและถูกพวกกำนันแย้มไล่ยิงจนบาดเจ็บ แก๊งเพื่อนสนิทเห็นท่าไม่ดีรีบตามไปช่วย ทศพลเลยทำลายดาบเหล็กไหลสำเร็จด้วยการโยนดาบลงแม่น้ำ
ทศพลถูกซ้อมเกือบตายหลังจากนั้น แก๊งเพื่อนสนิทต้องช่วยกันแบกกลับบ้านในเวลาต่อมา แต่เรื่องยุ่งๆก็ไม่จบแค่นั้น เพราะพวกชาวบ้านถูกพวกกำนันแย้มปลุกระดม บุกมาเอาเรื่องหนุ่มเมืองกรุงถึงบ้าน
กำนันแย้มเรียกร้องให้คำแก้วออกมารับผิด แต่ทศพลกับแก๊งเพื่อนก็ช่วยกันขัดขวาง ชาวบ้านกลัวงูเจ้าแม่นาคีเลยตอบโต้ด้วยการเผาบ้านของทศพล
ไฟลุกลามทั่วบ้านอย่างรวดเร็ว ทศพลกับแก๊งเพื่อนวิ่งวุ่นดับไฟ ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆท้องฟ้าก็คำรามและเกิดห่าฝนราวกับปาฏิหาริย์ ดับไฟให้มอดลงในพริบตา!
พวกกำนันแย้มมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคำแก้วปรากฏตัวตรงหน้า
“กำนันอยากเจอฉันนักไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่นี่แล้วไง”
ชาวบ้านเชื่อสนิทว่าฟ้าคำรามและห่าฝนเป็นอิทธิฤทธิ์เจ้าแม่นาคี เตลิดหนีกันให้วุ่น ทิ้งให้พวกกำนันแย้มเผชิญหน้ากับคำแก้วตามลำพัง
“ฉันทำอะไรให้ กำนันถึงได้จงเกลียดจงชังฉันนัก”
“มึงฆ่าลูกกูอีงูผี สักวันกูจะเด็ดหัวมึงเซ่นวิญญาณไอ้เลื่องให้ได้!”
กำนันแย้มประกาศกร้าว ก่อนจะรีบหนีตามคนอื่นๆด้วยความกลัวตายสุดขีด คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีมองตามด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะหันไปช่วยแก๊งหนุ่มๆประคองทศพลเข้าบ้าน
ooooooo
ภารกิจทำลายดาบเหล็กไหลไม่ได้ทำให้แค่พวกทศพลโล่งใจเท่านั้น บรรดางูบริวารของเจ้าแม่นาคีก็ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาดีใจมากกว่าใคร
“ในที่สุดแม่ทัพไชยสิงห์ก็เป็นผู้ทำลายอาถรรพณ์ดาบเหล็กไหลได้สำเร็จ”
“แต่ถึงกระนั้นก็แทบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด พวกของอ้ายนิรุทธราชมันคงไม่ยอมเลิกราแค่นี้แน่”
“ข้าจักไปกำจัดพวกมันซะ ทุกอย่างจักได้สิ้นสุดกันเสียที”
วัชระปราการไม่ชอบหน้าทศพลนัก อาสาไปฆ่าบุญส่งหรือพระเจ้านิรุทธราชในอดีตชาติ โดยมีฉัตรสุดาขอตามไปช่วย แต่ก็ถูกเลื่อมประภัสยับยั้งไว้
“ช้าก่อน...บุญบาปทำหน้าที่ตามกฎแห่งกรรมอยู่แล้ว เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเองเถิด หาก ยังผูกใจเจ็บก็เท่ากับพลอยกระโจนไปร่วมรับวิบากกรรมบนเส้นทางของเขาด้วย”
“เจ้าจักให้ข้ายอมแพ้พวกมันกระนั้นรึเลื่อมประภัส” วัชระปราการโต้เสียงเข้ม
“เจ้าแม่ยอมให้พวกมันทรมาทรกรรมโดยไม่ตอบโต้ ก็หวังตัดห่วงโซ่แห่งวิบากกรรมที่ร้อยรัดกันมาแต่ปางก่อนให้ขาดกันในชาตินี้ เพลานี้พวกมันก็สิ้นไร้หนทางต่อกรกับเจ้าแม่แล้ว ท่านอย่าจองเวรต่อไปอีกเลย”
เหล่าบริวารงูตัดสินใจระงับความแค้น เช่นเดียวกับคำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีที่ต้องข่มใจอย่างหนัก ไม่ให้ออกไปล้างแค้นพวกกำนันแย้มที่ทำร้ายทศพลจนปางตาย
แต่ทศพลกลับไม่ผูกใจเจ็บ มัวตื่นเต้นที่เห็นคำแก้ว
“พี่นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคำแก้วอีกแล้ว”
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป มีเรื่องกับพวกกำนันแย้ม ไม่กลัวตายหรือไง”
“กลัวสิ...แต่พี่กลัวคำแก้วเป็นอะไรมากกว่า”
“ถ้าพี่ตาย คำแก้วก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”
“พี่ไม่ตายง่ายๆหรอก พี่ยังไม่ได้มีลูกกับคำแก้วเลย”
“เจ็บปางตายยังไม่วายปากเก่ง”
คำปองที่แวะเอายามาให้ มองท่าทางเหมือนไม่เป็นกังวลของลูกเขยด้วยความเหนื่อยใจ
“กำนันแย้มคงแค้นพ่อทศพลมากที่ขโมยดาบเหล็กไหลไปโยนทิ้ง เลยกะจะเผาให้ตายคากระต๊อบ เดชะบุญฝนเทลงมาซะก่อน พ่อเลยรอดมาได้”
“พวกมันใจคออำมหิต คิดฆ่าได้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน”
“คำแก้วเอ๊ย...แม้แต่พระพุทธองค์ยังมีพญามารตามราวี มารมันจะคอยขัดขวางไม่ให้เราอยู่เป็นสุข แต่เมื่อใดที่เราวางเฉยก็จะเป็นอิสระจากอำนาจของมารนะลูก...”
ooooooo
แก๊งเพื่อนสนิทของทศพลเห็นเขาปลอดภัยอยู่กับคำแก้วและคำปองก็รีบไปแจ้งข่าวสุภัทร ด็อกเตอร์หนุ่มคนดังเป็นห่วงลูกชายคนเดียวมากแต่ยังตีหน้าขรึม ต่างจากอิ่มที่ร้อนรนแทบนั่งไม่ติด
“ผู้ชายยกพวกต่อยตีกันเป็นเรื่องปกติ เจ้าทศพลโดนซะบ้างก็ดีจะได้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว”
“คุณหนูถูกทำร้ายปางตาย คุณท่านจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลยเหรอคะ”
“แล้วจะให้ฉันทำอะไร ไปแจ้งความเอาผิดกำนันแย้มหรือไง รู้ทั้งรู้...กฎหมายมันใช้กับคนที่นี่ไม่ได้”
แม้จะบอกทุกคนแบบนั้นแต่สุภัทรก็อดกังวลไม่ได้ แต่ไม่ทันตัดสินใจว่าจะช่วยลูกชายเช่นใด บุญส่งก็บุกมาเอาเรื่องถึงบ้านพักเสียก่อน
“กว่าจะได้เหล็กไหล พวกผมแทบเอาชีวิตไม่รอด ลูกชายด็อกเตอร์มันกล้าดียังไง ขโมยดาบเหล็กไหลไปทิ้ง”
“มันทำผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ไม่เห็นกับต้องเผากระต๊อบมันเลย ถ้าลูกผมติดอยู่ในนั้นขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”
“นังคำแก้วมันไม่ยอมปล่อยให้ผัวมันเป็นอะไรง่ายๆหรอก ยิ่งนับวัน...อิทธิฤทธิ์มันก็ยิ่งมากขึ้นทุกที แม้แต่ดาบเหล็กไหลยังทำอะไรมันไม่ได้”
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว คำแก้วเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ จะเป็นงูไปได้ยังไง”
“ถ้าด็อกเตอร์เห็นอย่างที่ผมเห็นจะไม่พูดอย่างนี้ ต่อให้ผมอธิบายจนปากฉีก ด็อกเตอร์ก็ไม่มีวันเข้าใจ”
“คุณจะปราบงูผีงูเจ้าที่ไหนก็เชิญ แต่อย่ามายุ่งกับครอบครัวลูกชายผม!”
สีหน้าและแววตาอาฆาตของบุญส่งทำให้สุภัทรเลิกวางมาด แวะไปหาลูกชายในเวลาต่อมาและขอให้กลับกรุงเทพฯด้วยกัน แต่คำแก้วก็ไม่ยอมเพราะมีภารกิจบางอย่างต้องจัดการ...
ไม่มีใครรู้ว่าภารกิจของคำแก้วคืออะไร พิมพ์พรก็ไม่รู้แต่ร้อนใจอยากฆ่าคำแก้วให้ตายคามือ บุญส่งกลัวลูกสาวเป็นอันตรายเพราะงูเจ้าแม่นาคีเหมือนตนเมื่อสิบเก้าปีก่อนเลยพยายามรั้งไว้
“มีสติหน่อยยัยพิมพ์ นังปีศาจงูขาวพิษสงรอบตัว สิบเก้าปีก่อนมันทำให้พ่อเสียขา พ่อไม่อยากเสียแกอีกคน”
พิมพ์พรฮึดฮัดเดินหนี ทิ้งให้บุญส่งมองตามเครียดๆ กำนันแย้มเห็นเหตุการณ์ตลอดก็กลุ้มใจไม่ต่างกัน
“ตั้งแต่ดาบเหล็กไหลถูกไอ้ทศพลโยนทิ้งน้ำ ไอ้หมออ่วมก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน กลัวนังงูผีมันจะกลับมาแก้แค้นจนขี้ขึ้นสมอง ผมยังมองไม่เห็นใครจะช่วยเราปราบอีคำแก้วมันได้”
“ยังมีอีกคนที่พอจะช่วยเราได้...”
ooooooo
เมืองอินทร์หมอผีจากนาคหนีนั่นเองที่พึ่งสุดท้ายของบุญส่งและกำนันแย้ม แต่เพียรขอร้องเอาเงินทองมาล่อเท่าไหร่ หมอผีจากนาคหนีก็ไม่ร่วมมือง่ายๆ
“ข้ารักสันโดษ ลาภยศเงินทองข้าไม่ต้องการ ข้าอยากได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นก็คือหนังนังงูเผือก!”
ความต้องการของเมืองอินทร์เข้าทางกำนันแย้มและบุญส่ง แต่สื่อวัตถุที่หมอผีจากนาคหนีต้องใช้ทำพิธีปราบงูเจ้าแม่นาคีต่างหากที่ทำให้ทั้งสองหนักใจ
แต่เพียงไม่นานเมืองอินทร์ก็ตาโต เมื่อกำนันแย้มเอ่ยถึงเทวรูปเจ้าแม่นาคี
“เทวรูปครึ่งคนครึ่งงู ข้าเคยฝันเห็นงูเผือกหัวหงอนพุ่งออกมาจากเทวรูปนั่น แต่ตอนนี้มันจมน้ำหายไปแล้ว”
“มันจมอยู่ที่ไหน พาข้าไปเดี๋ยวนี้!”
เมืองอินทร์ไม่หวั่นต่อกระแสน้ำเชี่ยวกราก กระโดดลงน้ำพร้อมท่องคาถานำเทวรูปเจ้าแม่นาคีขึ้นมาจนได้
และในคืนเดียวกันนั่นเอง...ลางร้ายก็ปรากฏต่อ
หน้าคำแก้วด้วยการดึงเธอเข้าสู่นิมิตในอดีตอีกครั้ง ถึงตอนที่เจ้าแม่นาคีเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งท้องกับไชยสิงห์!
เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาร้อนรนมาก กลัวอาญาจากท้าวศรีสุทโธนาค แต่เจ้าแม่นาคีก็กำชับเสียงเข้ม
“เรื่องนี้มีแต่พวกเจ้ากับข้าเท่านั้นที่รู้ พวกเจ้าจักต้องช่วยข้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าให้เจ้าปู่ล่วงรู้เด็ดขาด!”
สองสาวคนสนิทเก็บความลับของเจ้านายสาวไว้อย่างดีจนถึงวันคลอด แม้แต่วัชระปราการที่คอยเฝ้า
ตลอดก็ไม่ล่วงรู้ เจ้าแม่นาคีปลื้มใจนักที่ให้กำเนิดลูกชาย ฉัตรสุดาก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“ทารกน้อยผู้นี้มีเลือดผสมระหว่างนาคกับมนุษย์ ช่างน่าเอ็นดูแท้”
“หากเจ้าปู่รู้เข้าจะต้องฆ่าลูกของข้าเป็นแน่”
เลื่อมประภัสถอนใจยาว เป็นห่วงเจ้านายสาวและทารกน้อยเหลือเกิน “เจ้านางน้อยจักทรงเลี้ยงทารกผู้นี้ได้เยี่ยงไร หากอยู่ในร่างนาคท่านท้าวก็ย่อมต้องรู้ แต่หากอยู่ในร่างมนุษย์ก็จักพากลับเมืองบาดาลไม่ได้”
เจ้าแม่นาคีน้ำตาซึม ก่อนจะตัดสินใจร่ายมนต์ใส่ลูกชายให้กลายเป็นปลาไหลเผือก
“ลูกแม่...ลูกจงอยู่ในร่างปลาไหลเผือกนี้จวบจนอายุครบสิบห้าขวบปี แล้วเจ้าจักกลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง ขอให้ลูกแม่แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด...”
แต่ความลับก็ไม่มีในโลก ท้าวศรีสุทโธนาคล่วงรู้ จนได้
“อย่าปดข้า! ข้าบำเพ็ญเพียรอยู่นครพรหมประกายโลก หยั่งรู้ทั่วทั้งสามภพ รู้กระทั่งว่าเจ้าไปทำบัดสีอันใดมา”
นาคีเห็นสายตาแข็งกร้าวของปู่ก็หมดทางแก้ตัว สารภาพเสียงอ่อน
“ข้าผิดไปแล้ว เจ้าปู่ลงโทษข้าเยี่ยงใดก็ได้แต่อย่าทำอันใดลูกข้าเลย ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นเหลนของเจ้าปู่”
“เจ้าทำผิดกฎบาดาลยังมีหน้ามาเรียกร้องกับข้าอีกเหรอ”
“เจ้าปู่...ยกโทษให้หลานด้วย”
เสียงสะอึกสะอื้นของหลานสาวทำให้พญานาคผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขงเหนื่อยใจมาก แต่ก็ต้องตัดใจลงโทษ
“ความผิดของเจ้าใหญ่หลวงนัก ข้าจักจองจำเจ้าที่นี่ จงถือศีลภาวนาในถ้ำ ห้ามออกไปไหนจนกว่าจักรู้สำนึก”
นาคีดีใจมากที่ลูกชายไม่ถูกโทษทัณฑ์ แต่กระนั้นก็ต้องหน้าซีดเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของปู่
“ส่วนลูกเจ้า ต่อให้ข้าไม่ทำอันใดก็มีคนลงมือให้อยู่ดี”
“ใคร...ใครจะทำอะไรลูกข้า...เจ้าปู่!”
ooooooo
เจ้าแม่นาคีถูกนำตัวไปขังหลังจากนั้น ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าลูกชายเป็นตายร้ายดีเช่นไร เลื่อมประภัส กับฉัตรสุดาอยู่โยงนั่งสมาธิเป็นเพื่อนตามคำสั่งของท้าวศรีสุทโธนาค แต่กระนั้นก็ไม่ช่วยให้เจ้าแม่นาคีคลายกังวล
“ข้าเป็นห่วงลูกเหลือเกิน เพลานี้ลูกข้าจักเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรบ้างก็ไม่รู้”
“ตราบใดที่ทารกน้อยยังคงมีร่างเป็นปลาไหลเผือก ก็จักหลีกหนีโทษทัณฑ์ของวังบาดาลไปได้ จวบจนอายุครบสิบห้าขวบปีก็จักกลายเป็นมนุษย์ ถึงเพลานั้นท้าวศรีสุทโธนาคอาจคลายกริ้วลงบ้างแล้ว”
“หากเจ้าปู่ไม่ยอมยกโทษให้ล่ะ...เลื่อมประภัส ฉัตรสุดา”
“ถึงอย่างไร...ทารกน้อยก็เป็นเหลน มีเชื้อสายนาคาครึ่งหนึ่ง มีหรือท่านท้าวจักไม่เมตตา”
นาคีพยายามสงบจิตสงบใจ นั่งสมาธิตามปู่สั่ง แต่ไม่วายรำพึงเสียงเศร้า
“ข้าภาวนาขอให้เป็นอย่างที่พวกเจ้าพูด ข้าจักเฝ้ารอวันนั้น วันที่ข้าจักได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง...”
ทุกอย่างน่าจะจบด้วยดี เจ้าแม่นาคีจำศีลในถ้ำใต้บาดาลตามคำสั่งของท้าวศรีสุทโธนาคอย่างสงบ ถ้าหากจะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายเสียก่อน เมื่อพระเจ้านิรุทธราชไม่พอใจที่ชาวเมืองมรุกขนครเดือดร้อนเพราะแผ่นดินแห้งแล้ง
“ในเมื่อพญานาคผู้เป็นใหญ่แห่งลำโขงดูดายไม่ยอมให้น้ำ ข้าก็ไม่รู้จักกราบไหว้บูชาไปด้วยเหตุใด ขุนวัง...เจ้าจงทุบทำลายรูปบูชาพญานาคทั่วทั้งมรุกขนครเสียให้สิ้น อย่าให้หลงเหลือแม้แต่ตัวเดียว!”
ขุนวังหรือกอในชาตินี้รับคำสั่งไปทำลายเทวรูปท้าวศรีสุทโธนาคแต่ก็ไม่สำเร็จ ถูกเทวรูปศักดิ์สิทธิ์แผลงฤทธิ์จนต้องหนีตายให้วุ่น พระเจ้านิรุทธราชเลยเรียกเจ้าอินทร์จอมเวทย์แห่งมรุกขนครหรือเมืองอินทร์ในชาตินี้มาจัดการแทน
“เจ้าจงใช้วิชาทางโหราศาสตร์นั่งทางในจับยามสามตาดูทีเถิดว่าเกิดอาเพศเหตุร้ายอันใดขึ้นในมรุกขนคร”
เจ้าอินทร์นั่งทางในไม่นานก็เกิดนิมิต เห็นปลาไหลเผือกตัวใหญ่แหวกว่ายในลำน้ำโขง
“การเป็นเช่นนี้เพราะมีปลาไหลเผือกตัวใหญ่อาศัยอยู่ ณ แม่น้ำด้านบูรพาทิศเจ้าข้า”
“ปลาไหลเผือกงั้นรึ”
“เพียงพระบาทเจ้ามีรับสั่งให้จับปลาไหลเผือก อีกมิเกินสามราตรี ฝนฟ้าก็จักตกต้องตามฤดูกาลเจ้าข้า”
“มิน่าเล่า...เพราะปลาไหลเผือกตัวนี้เป็นเหตุ ถึงได้ฟ้าร้อนฝนแล้งเยี่ยงนี้”
พระเจ้านิรุทธราชเชื่อสนิท พระโหราธิบดีหรือหมออ่วมในชาตินี้หมั่นไส้เจ้าอินทร์อดแขวะไม่ได้
“ช่างน่าขัน ปลาไหลเผือกได้ชื่อว่าเป็นสัตว์วิเศษ เป็นบริวารของพญานาค ใช่ว่าใครจะจับเอามาง่ายๆ”
“ข้า...เจ้าอินทร์ จักนำปลาไหลเผือกสำคัญตัวนี้มาถวายพระบาทเจ้าเองเจ้าข้า”
ooooooo
คำปองนางกำนัลในวังของพระเจ้านิรุทธราชได้ยินว่าเจ้าอินทร์จะทำพิธีจับปลาไหลเผือกก็ไม่สบายใจ จนต้องไประบายกับเคนนายทหารผัวรักด้วยความอึดอัดใจ
“วันรุ่งพรุ่งนี้ท่านพราหมณ์เจ้าอินทร์จักทำพิธีจับปลาไหลเผือก ข้าไม่สบายใจเลยพี่”
“ก็แค่จับปลาไหลเผือกเท่านั้น เจ้าจักกังวลด้วยเรื่องอันใดรึ”
“พระโหราธิบดีบอกว่าปลาไหลเผือกเป็นบริวารพญานาคผู้เป็นใหญ่ ข้ากลัวว่าจักเกิดอาเพศแก่มรุกขนคร”
“ท่านพราหมณ์เจ้าอินทร์อาคมแก่กล้า เจ้าหาต้องหวั่นเกรงไม่ หากตั้งพิธีเซ่นดีพลีถูกคงมิเป็นอันใดดอก”
“ถึงกระนั้นก็เถอะ ข้าสังหรณ์ใจ...พี่ต้องรับปากว่าหัวเด็ดตีนขาด พี่จักไม่แตะต้องปลาไหลเผือกตัวนั้นนะ”
เคนรับปากแบบขอไปทีเพื่อตัดรำคาญเมียรัก เพราะความจริงก็อยากลองเนื้อปลาไหลเผือกที่ว่ากันว่าเป็นยาอายุวัฒนะสักครั้งในชีวิต ไม่ต่างจากชาวเมืองมรุกขนครคนอื่นๆ
พิธีจับปลาไหลเผือกถูกจัดขึ้นในวันต่อมา เจ้าอินทร์ใช้บ่วงนาคบาศและคาถาโบราณจับปลาไหลเผือกเจ้าปัญหาขึ้นมาจนได้ แต่ขนาดใหญ่ของมันก็ทำให้พระเจ้านิรุทธราชประหลาดใจ
“เหตุใดปลาไหลเผือกจึงกลายร่างเป็นปลาไหลยักษ์ตัวใหญ่มหึมาเยี่ยงนี้”
“ชะรอยปลาไหลเผือกตัวนี้อาจเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองก็ได้นะเจ้าข้า” พระโหราธิบดีฉวยโอกาสใส่ไฟ
แต่เจ้าอินทร์ก็ไม่หวั่น โต้เสียงเรียบ “มิใช่ดอก...เป็นเพราะบารมีของพระบาทเจ้าต่างหากเล่า ยิ่งบารมีของพระบาทเจ้าแผ่ขยายปรากฏได้กว้างไกลเท่าไหร่ ปลาไหลเผือกก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้นเจ้าข้า”
พระเจ้านิรุทธราชชอบใจคำเยินยอของเจ้าอินทร์ และยิ่งลำพองใจเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“เนื้อปลาไหลเผือกเป็นยาอายุวัฒนะ ใครได้กินจักมิรู้แก่มิรู้เฒ่า อายุยืนยาว ไร้โรคาพยาธิเบียดเบียนเจ้าข้า”
จบคำเจ้าอินทร์ พระเจ้านิรุทธราชก็คว้าดาบฟันหางปลาไหลเผือกจนเลือดกระฉูด ซึ่งส่งผลเป็นกรรมทำให้บุญส่งต้องขาพิการในชาตินี้ หลังจากนั้นก็ประกาศกร้าว
“จงแล่เนื้อปลาไหลเผือกแจกจ่ายให้กินกันทั้งเมือง ฉลองชัยชนะที่ข้าตีปัตตนครจนราบเป็นหน้ากลอง!”
ชาวเมืองซึ่งหิวโหยเพราะแผ่นดินแห้งแล้ง เฉือนเนื้อปลาไหลเผือกกินอย่างตะกละตะกราม เคนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น คงมีเพียงคำปองที่ถอยหนี ไม่สบายใจเลยที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้
เจ้าแม่นาคีรับรู้ด้วยญาณพิเศษ แค้นจนเลือดขึ้นหน้าจะล้างแค้นให้ได้ เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาต้องรั้งไว้
“อย่าเจ้าข้า...ท่านท้าวมีรับสั่งห้ามมิให้เจ้านางน้อยออกจากที่นี่เด็ดขาด”
“แต่พวกมันฆ่าลูกข้า ข้าจักนิ่งดูดายได้เยี่ยงไร มันพรากลูกจากอกข้า ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตายตกไปตามกัน”
“หากฝ่าฝืนรับสั่งท่านท้าว เจ้านางน้อยอาจได้รับโทษทัณฑ์นะเจ้าข้า”
“ข้าไม่กลัว ต่อให้ข้าต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ข้าก็ยอม!”
ooooooo
ชาวเมืองมัวเพลิดเพลินกับเนื้อปลาไหลเผือกที่ยิ่งชำแหละก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนแทบสำลักตาย โดยไม่สำเหนียกเลยว่าภัยร้ายจะมาถึงตัวในไม่ช้า
ไชยสิงห์กับเสนาบดีทั้งสี่ไม่ยินดียินร้ายกับการเฉลิมฉลองอันเหี้ยมโหดนี้ และเมื่อมีคนนำเนื้อปลาไหลเผือกมาให้ตามคำสั่งพระเจ้านิรุทธราช ห้านักรบจากปัตตนครก็ปฏิเสธ
พระเจ้านิรุทธราชผ่านมาเห็นไชยสิงห์ทำหยิ่งพอดี เลยอดไม่ได้จะเย้ยหยัน
“เจ้านี่มันโง่จริงๆ ชาวเมืองข้าต่างเฉลิมฉลองชัยชนะเหนืออริราชศัตรูด้วยการกินเนื้อปลาไหลเผือกกันถ้วนหน้า ข้าอุตส่าห์เมตตาให้เชลยอย่างเจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธไม่ไยดี ปัตตนครพินาศย่อยยับก็เพราะมีแม่ทัพโง่เง่าอย่างเจ้านี่เอง”
แม่ทัพใหญ่แห่งปัตตนครไม่ยี่หระกับถ้อยคำดูถูกนั้น ตอกกลับไม่ไว้หน้า
“ข้ายอมเป็นคนโง่ดีกว่าเป็นคนอำมหิต กระหายสงคราม จิตใจโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเยี่ยงเจ้า...องค์นิรุทธราช!”
เหนือหัวแห่งเมืองมรุกขนครโกรธมาก ด้วยไม่เคยมีใครกล้าหยามแบบนี้มาก่อน
“ลากตัวมันไปตัดหัวที่ลานหน้าเทวาลัยบัดเดี๋ยวนี้ กูจักเอาเลือดมันเซ่นสังเวยผีหลวงที่ปกปักรักษามรุกขนคร!”
ไชยสิงห์กับเสนาบดีทั้งสี่ถูกนำตัวไปลานประหารหลังจากนั้น แต่ทุกคนก็ไม่หวั่นหรือมีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะแม่ทัพใหญ่จากปัตตนครที่หลับตาอธิษฐานถึงนาคีอย่างสงบ
“ข้าแจ้งแก่ใจตัวเองแล้ว ไม่ว่าเจ้าจักเป็นมนุษย์ เป็นนาค หรือเป็นอันใดก็ตาม ข้าก็รักเจ้า รักเจ้าเพียงผู้เดียว เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ข้าได้ครองคู่กับเจ้าทุกภพทุกชาติ...”
ภาพห้านักรบถูกประหารอย่างโหดร้ายเลือนหาย พร้อมกับสติของคำแก้วที่กลับมา เรื่องราวจากอดีตชาติทำให้เธอขนลุกซู่ จนต้องวิ่งไประบายกับแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“แม่...ฉันเห็นฉัน เห็นคุณทศพล เห็นแม่ เห็นทุกคนในอดีตชาติ ทุกคนแต่งตัวประหลาดเหมือนอยู่ในยุคขอม”
“เหลวไหล เอ็งไม่ใช่ผู้วิเศษ จะระลึกชาติได้ยังไง”
“ฉันเห็นจริงๆนะแม่ ชาติที่แล้วฉันเคยเป็นพญานาค”
“มันก็แค่ภาพลวงตา ลืมมันไปซะ อย่าเล่าให้ใครฟังเด็ดขาดโดยเฉพาะผัวเอ็ง เขาจะหาว่าเอ็งบ้า”
นอกจากคำปองแล้ว สุภัทรก็นั่งดูภาพสเกตช์เทวรูปเจ้าแม่นาคีฝีมือลูกชายแบบไม่เชื่อเช่นกัน
“เทวรูปครึ่งคนครึ่งงูแบบนี้ฉันไม่เคยเห็น จะว่าเป็นเทวรูปมนสาเทวี...เทวีแห่งอสรพิษ ธิดาพระศิวะก็ไม่น่าใช่”
“อาจเป็นคติความเชื่อเรื่องนาคที่มาจากอินเดียผสมผสานเข้ากับความเชื่อดั้งเดิมในท้องถิ่น แต่ที่น่าแปลกก็คือเทวรูปนี่หน้าตาเหมือนกับคำแก้วราวกับถอดแบบมา”
“เทวรูปศตวรรษที่สิบเจ็ดจะหน้าตาเหมือนคนทุกวันนี้ได้ยังไง แกคิดอุปโลกน์เอาเองน่ะสิว่าเหมือนเมียแก”
คำแก้วที่หงุดหงิดค้างจากนิมิตล่าสุดยกสำรับมาทันได้ยินประโยคนั้นก็หน้าหงิก ทศพลต้องง้อ
“คำแก้วของพี่ต้องเป็นธิดาพญานาคแปลงกายมาแน่ๆ ถึงได้สวยหยาดเยิ้มอย่างนี้”
“คำแก้วเป็นคน ไม่ใช่พญานาค!”
คำแก้วตวาดเสียงเขียว ทศพลมองหน้าสุภัทรงงๆ ไม่เข้าใจว่าภรรยาคนสวยจะโกรธอะไรนักหนา...
ooooooo
การกลับมาของเทวรูปเจ้าแม่นาคีทำให้คำแก้ว หงุดหงิดและครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก โดยเธอไม่รู้เลยว่าเมืองอินทร์กับพวกกำนันแย้มกำลังเตรียมพิธีกองกูณฐ์ปราบงูเจ้าแม่
“นี่ไม่ใช่เทวรูปธรรมดาแต่เป็นร่างอดีตชาติของมัน นางพญานาคีถล่มเมืองพังพินาศ ฟ้าดินเลยสาปให้เป็นหิน”
“พ่อหมอจะลงมือเมื่อไหร่ ข้าใจร้อนอยากจะเห็นนังงูผีมันตายเซ่นวิญญาณลูกชายข้าไวๆ”
“คืนนี้เป็นคืนจันทร์ดับ ฤทธิ์เดชนังเจ้าแม่จะอ่อนกำลังลง ข้าจะต้องชิงลงมือก่อน หากปล่อยไว้จนกระทั่งเกิดสุริยคราสอีกครั้ง เมื่อนั้นนางงูขาวจะยิ่งมีอำนาจแก่กล้า เราจะหาทางกำจัดมันไม่ได้อีก”
“นังคำแก้วมันฉลาดเป็นกรด พ่อหมอจะล่อให้มันออกมายังไง...”
เลื่อมประภัสกับฉัตรสุดาแอบดูตลอด ร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเจ้านายสาว ไม่ต่างจากแก๊งเพื่อนของทศพลที่เพิ่งรู้เรื่องจากพิมพ์พร กลุ้มใจเหลือเกินที่คำแก้ว ถูกจองล้างจองผลาญไม่เลิก
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีก็พอรู้ชะตากรรมตัวเอง แต่ก็ทำใจบอกความจริงกับทศพลไม่ได้
“พี่เชื่อเรื่องพญานาคไหม”
“ไม่รู้สิ...คำแก้วล่ะเชื่อหรือเปล่า”
“ตอนเป็นเด็ก คำแก้วเคยได้ยินว่ามีพญานาคีแปลงกายเป็นหญิงสาวมารักกับแม่ทัพหนุ่ม พอแม่ทัพจับได้ว่านางไม่ใช่คนก็ผลักไสไล่ส่ง นางนาคีเลยต้องหนีไปจำศีลที่วังบาดาล”
“น่าสงสารนางนาคตัวนั้นเหมือนกันนะ คงจะรักแม่ทัพหนุ่มคนนั้นมาก”
“เมื่อแม่ทัพหนุ่มระลึกถึงความหลัง จึงคร่ำครวญขอให้นางนาคขึ้นมาอยู่กินด้วยกันดังเดิม แต่นางนาคจำศีลภาวนา ไม่ยอมใจอ่อนกลับขึ้นมายังโลกมนุษย์อีก”
“แม่ทัพคนนั้นไม่กลัวบ้างหรือไง ถ้าเป็นพี่จะหนีไปให้ไกลเชียว”
“ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะจ๊ะ”
“พญานาคก็คืออสรพิษไว้ใจยาก คลุ้มดีคลุ้มร้ายจะฉกเราตาย โชคดีที่มีแค่ในตำนาน ไม่งั้นโลกเราคงวุ่นวายพิลึก”
กลางดึกคืนนั้นเอง...เมืองอินทร์ก็เริ่มพิธีกองกูณฐ์ปราบงูเจ้าแม่นาคี เทวรูปเจ้าแม่นาคีถูกเผา เปลวเพลิงลามเลียจนคำแก้วร้อนทุรนทุราย ต้องหนีมาหลบในถ้ำใต้เทวาลัย
“ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าต้องออกไปกำจัดมัน ก่อนที่เจ้าอินทร์จักทำพิธีกองกูณฐ์สำเร็จ”
ฉัตรสุดาไม่อยากให้เจ้านายสาวไปเสี่ยง เลยตัดสินใจปลอมตัวเป็นงูเจ้าแม่ไปจัดการเมืองอินทร์แทน
“ไอ้หมอผีทุศีล คนชั่วช้าอย่างเจ้าไม่มีวันตายดี”
แต่มนต์ลวงตาของงูบริวารสาวก็หลอกตาเมืองอินทร์ ไม่ได้
“นังงูชั้นต่ำ! อย่ามาตีฝีปากกับข้า กลับไปซะ แล้วไปบอกนางงูเผือกนายมึง ต่อให้มันมุดหัวอยู่ใต้หล้าแดนบาดาล หากพิธีกองกูณฐ์อัคคีของข้าสัมฤทธิผลเมื่อใด มันก็ต้องเลื้อยออกมาจากรูมาให้ข้าถลกหนังอยู่ดี”
“ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!”
ooooooo
ฉัตรสุดาสละชีวิตตนเองกระโดดเข้ากองไฟทำลายพิธีกองกูณฐ์จนได้ คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคี
แค้นใจมาก ต่างจากพวกกำนันแย้ม ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เมืองอินทร์ปราบงูบริวารเจ้าแม่นาคีได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
“พ่อแม่พี่น้อง...ได้ยินกันชัดแล้วใช่ไหมว่านังคำแก้ว ลูกสาวนังคำปอง มันเป็นปีศาจในร่างมนุษย์ กี่ศพแล้วที่ต้องตกเป็นเหยื่อของมัน แม้แต่ไอ้เลื่องลูกชายข้าก็ยังถูกมันฆ่าตาย เราจะปล่อยมันไว้ไม่ได้”
“ไอ้เมืองอินทร์มันคุยโวว่าจะถลกหนังนังเจ้าแม่นาคี ทำเกือก เฮอะ! ป่านนี้คงถูกเขมือบลงท้องไปแล้วละมั้ง”
หมออ่วมโพล่งขัดอย่างท้าทาย แล้วก็ต้องหน้าแตกยับ เมื่อซากหนังงูเขียวยักษ์ถูกโยนมาตรงหน้า
“ถึงจะยังกำจัดนังงูเผือกไม่ได้ แต่ข้าก็ปลิดชีพนังงูเขียวได้ก็แล้วกัน”
ชาวบ้านแตกตื่น ตื่นเต้นกับฝีมือหมอผีจากนาคหนี เมืองอินทร์จึงประกาศจะทำพิธีปราบงูเจ้าแม่อีกครั้ง กำนันแย้มชอบใจมากและถือโอกาสปลุกระดมชาวบ้าน
“เจ้าแม่นาคีส่งบริวารออกอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนเป็นว่าเล่น ปล่อยไว้...พวกเราชาวดอนไม้ป่าจะเป็นภัย ต่อให้นังงูผีมันแฝงกายสิงสู่อยู่ในร่างนังคำแก้วหรือใครหน้าไหน ก็ต้องลากตัวมันมากำจัด อย่าให้มันก่อกรรมฆ่าใครได้อีก”
ชาวบ้านไม่รู้เรื่องถูกปั่นหัวให้กลัวก็เฮสนับสนุน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อทัศนัยปรากฏตัว
“เจ้าแม่นาคีไม่ได้โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ”
การปรากฏตัวของทัศนัยสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่พวกชาวบ้านมาก ยิ่งรู้ว่าอาจารย์หนุ่มรอดปลอดภัยในถ้ำใต้เทวาลัยด้วยความช่วยเหลือจากงูเจ้าแม่นาคี ยิ่งศรัทธา อารมณ์กราดเกรี้ยวเพราะความเกลียดชังค่อยๆจางหาย บุญส่งเห็นท่าไม่ดีกลัวแผนปลุกระดมจะล่ม เลยรีบโพล่งออกไป
“งูเผือกหัวหงอนที่อาจารย์เจอในถ้ำตัวนั้นแหละ นังงูผีที่พวกผมกำลังตามล่ามันอยู่”
“ถ้างูตัวนั้นเป็นงูผีงูปีศาจอย่างที่ทุกคนกล่าวหาคงฆ่าผมตายแล้ว ผมรอดมาได้เพราะงูตัวนั้นช่วยชีวิตผมไว้”
พวกชาวบ้านส่งเสียงฮือฮา กำนันแย้มกลัวเสียแผน โต้เสียงเข้ม
“ถึงนังงูผีมันจะช่วยเอ็งแต่มันฆ่าไอ้เลื่องลูกข้าและชาวบ้านดอนไม้ป่ามานักต่อนัก ถึงยังไงข้าก็ต้องแก้แค้นมันให้จงได้ เลือดมันต้องล้างด้วยเลือดโว้ย!”
ทัศนัยหน่ายกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของพวกกำนันแย้มมาก แต่ไม่ทันโต้ เหล่านักศึกษาก็โถมตัวมากอด ด้วยความดีใจ พร้อมกับคะยั้นคะยอให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมด
อาจารย์หนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะเล่าถึงสุภัทรว่าเป็นอีกคนที่รู้ว่าเขายังมีชีวิต เพราะบังเอิญเจอกันตอนที่อีกฝ่ายแอบไปสำรวจถ้ำใต้เทวาลัยเมื่อหลายวันก่อน
“ทำไมคุณถึงไม่กลับไปหมู่บ้านพร้อมกับผม”
“พวกกำนันแย้มจับตามองผมทุกฝีก้าว ถ้ากลับไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ลงมาสำรวจโบราณวัตถุในถ้ำได้อีก”
“เจอศิลาจารึกส่วนที่เหลือแล้วหรือยัง”
“ยังเลยครับด็อกเตอร์ แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องอยู่ในถ้ำนี้ ด็อกเตอร์ไม่ต้องห่วง ผมจะหามันจนกว่าจะเจอ”
“ผมจะเอาข้าวและของใช้จำเป็นมาส่งให้ ขาดเหลืออะไรก็บอก ประวัติศาสตร์เมืองมรุกขนครฝากไว้ที่คุณแล้ว”
เหล่านักศึกษาทึ่งมากกับแผนการของสุภัทร คงมีเพียงพิมพ์พรที่ไม่ยี่หระ เพราะมัวสนใจเรื่องคำแก้ว ศัตรูหัวใจคนสำคัญที่ทำให้ทศพลชังน้ำหน้าเธอ
ทศพลโกรธมากที่คำแก้วถูกพูดจาดูหมิ่น ไม่ต่างจากทัศนัยที่ไม่ชอบใจอคติของพิมพ์พร
“พอได้แล้ว! ถ้าคุณคำปองมาได้ยินเขาจะคิดยังไง อาศัยบ้านเขาแท้ๆ ไม่รู้จักเกรงใจกันบ้างเลย เป็นปัญญาชน ซะเปล่า งมงายไม่เข้าเรื่อง”
“ถ้าไม่เห็นกับตา พิมพ์ก็ไม่เชื่อค่ะ ปีศาจงูในร่างคนมีจริงและมันก็สิงในร่างนังคำแก้ว”
ทศพลจะตอบโต้เหมือนเคย แต่ถูกแก๊งเพื่อนลากออกไปก่อน ทิ้งพิมพ์พรให้ฮึดฮัดคนเดียว
“พิมพ์กับนังคำแก้วคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ถ้ามีพิมพ์ก็ต้องไม่มีมัน แต่ถ้ามีมันก็ต้องไม่มีพิมพ์!”
ooooooo
คำแก้วหรือเจ้าแม่นาคีเสียใจกับการจากไปของฉัตรสุดามาก และตัดสินใจจะจบความแค้นกับเมืองอินทร์ด้วยตัวเอง วัชระปราการต้องห้ามไว้
“ไม่ได้นะเจ้าข้า ฉัตรสุดายอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องเจ้าแม่ หากยอมแพ้ การตายของฉัตรสุดาก็จักไร้ค่า”
“ข้ายังมองไม่เห็นหนทางจักเอาชนะเจ้าอินทร์ได้เลย”
“ระหว่างนี้เจ้าแม่ควรซ่อนตัวที่นี่ อย่ากลับออกไปเลยนะเจ้าข้า”
“อยู่ที่ไหนข้าก็คงหนีไม่พ้น ความรักอยู่เหนือทุกสิ่งแม้กระทั่งความตาย ข้ารักไชยสิงห์ยิ่งกว่าชีวิตของข้า หากคืนนี้ข้าจักต้องตาย ก็ขอตายในอ้อมกอดคนที่ข้ารักเถิด”
เจ้าแม่นาคีกลายร่างเป็นคำแก้วและออกจากถ้ำใต้บาดาลในคืนนั้นเอง วัชระปราการได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง และอดนึกถึงฉัตรสุดางูบริวารสาวที่เฝ้ารักเฝ้าห่วงเขาเสมอไม่ได้ การตายของเธอทำให้เขาคิดได้ว่าสูญเสียของสำคัญ จนทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว อยากออกไปล้างแค้นเมืองอินทร์
เลื่อมประภัสต้องรั้งไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายและลุกลามไปกว่านี้
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดีท่านวัชระปราการ ข้าเองก็คับแค้นใจไม่แพ้ท่าน แต่เพลานี้เจ้าแม่ตกอยู่ในอันตราย ท่านอย่าลืมสิ เราต้องข่มใจรอ...รอจนกว่าจะหาทางทำลายพิธีกองกูณฐ์อัคคีของเจ้าอินทร์ได้”
“แล้วเมื่อไหร่เราจักหาทางสู้มันได้ หากยังทำลายพิธีไม่ได้ เจ้าแม่จักต้องกลายร่างเป็นนาคีไปให้มันสังหาร”
“เจ้าอินทร์กระทำปาณาติบาตฆ่าฉัตรสุดาตายอย่างโหดเหี้ยม บุญบารมีที่มันสร้างขึ้นจากการรักษาศีลย่อมต้องเสื่อมถอยลงบ้าง เรายังพอมีหนทางที่จักสู้กับมันได้”
ไม่ใช่แค่คำแก้วต้องทนกับคำครหาของพวกชาวบ้าน คำปองก็ต้องรับสภาพไม่ต่างกัน กอเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อด้าน ปิดหูปิดตาไม่ยอมเชื่อว่าลูกสาวเป็นงูเจ้าแม่นาคี ก็พยายามเตือนสติ
“ลูกเอ็งตายไปแล้วตั้งแต่สิบเก้าปีก่อน นังคำแก้วที่เอ็งเห็นถูกเจ้าแม่นาคีสิงร่าง เมื่อไหร่เอ็งถึงจะเชื่อข้าเสียที”
“ถึงยังไงคำแก้วก็เป็นเลือดในอกฉัน ต่อให้มันเป็นผีสางคางแดงฉันก็ตัดไม่ขาด พี่กออย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
“ข้าเตือนเอ็งด้วยความหวังดี ข้าเป็นห่วงเอ็ง เอ็งก็รู้”
พูดจบก็เอื้อมไปจับมือ แววตากะลิ้มกะเหลี่ย คำปอง ขยะแขยงสะบัดตัวออก
“เลิกตอแยฉันเสียที ชาตินี้ฉันมีพี่เคนเป็นผัวคนเดียวก็พอ แก่ป่านนี้แล้วฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นหญิงสองผัว”
คำปองผละไปแล้วด้วยความหัวเสียสุดขีด ทิ้งกอให้มองตามด้วยความแค้นใจ
“ทำเป็นเล่นตัวไปเถอะ รอให้อีคำแก้วถูกปราบราบคาบเมื่อไหร่ ข้าจะเอาเอ็งทำเมียให้ได้ นังคำปอง”
ooooooo
คำแก้วเห็นแม่สีหน้าไม่ดีก็เดาได้ว่าคงมีเรื่องกระทบกระทั่งเพราะตน คำปองไม่อยากให้ลูกสาวโทษตัวเอง ปลอบให้ทำใจเพราะเราห้ามคนอื่นให้คิดหรือไม่คิดอะไรไม่ได้
“โลกนี้มันมีแต่ความเลวร้าย ถึงคนอื่นเขาจะร้ายกับเอ็งยังไง เอ็งก็จงอย่าร้ายตอบ แม่รู้ว่ามันทำได้ยาก แต่ถ้าเอ็งเอาชนะใจตัวเองได้ ไม่ว่าเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แค่ไหน เอ็งก็จะทำได้ทั้งนั้น”
ทศพลไม่ทันสังเกตสีหน้าเศร้าซึมของภรรยาคนสวย มัวตื่นเต้นกับข่าวดีจากสุภัทรและทัศนัยที่รวบรวมแผ่นจารึกโบราณได้ครบสามชิ้นแล้ว
“อีกหน่อยอาจารย์ทัศนัยคงโด่งดังในฐานะนักสำรวจมรุกขนครเมืองโบราณที่สาบสูญ พี่เองก็จะดังไปด้วย”
คำแก้วไม่ได้ดีใจกับเขา เพราะรู้ดีว่าแผ่นจารึกนั้นบันทึกมนต์อาลัมพายน์ที่เจ้าอินทร์ใช้ฆ่าตนเมื่อชาติที่แล้ว
“แผ่นจารึกนั่นพี่ต้องเก็บไว้ให้ดี อย่าให้ตกอยู่ในมือพวกคนชั่วเด็ดขาด”
“รับรองจ้ะ สมบัติโบราณของชาติ พี่จะรักษาสุดชีวิตทีเดียว”
เมืองอินทร์ยังไม่รู้เรื่องมนต์อาลัมพายน์ คร่ำเคร่งกับการเตรียมพิธีกองกูณฐ์ปราบเจ้าแม่นาคีอีกครั้ง แก๊งเพื่อนสนิทของทศพลได้ยินเรื่องพิธีจากชบากับซ่อนกลิ่นก็รีบไปขัดขวาง โดยไม่รู้เลยว่าเลื่อมประภัสก็คิดแผนร้ายไว้แล้วเช่นกัน ด้วยการทำให้ลำเจียกสูดกลิ่นว่านดอกทองให้กำหนัดกำเริบ
พิธีกองกูณฐ์เริ่มขึ้นกลางดึกของคืนนั้นเอง คำแก้ว รู้สึกร้อนทุรนทุรายจนทศพลสัมผัสได้และจะพาไปหาหมอ แต่เธอก็ไม่ยอม แอบหนีกลับเทวาลัยจนได้ โดยมีคำปองคอยช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของทศพล
ลำเจียกโดนฤทธิ์ว่านดอกทองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ บุกถึงพิธีของเมืองอินทร์และปลุกปล้ำเขาจนสำเร็จ หมอผีหนุ่มจากนาคหนีพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงคนงามบ้านดอนไม้ป่าที่กำลังคลั่งรักไม่ได้
“พิธีกูวินาศสันตะโรหมดแล้ว...อีลำเจียก ปล่อยกู!”
แก๊งเพื่อนสนิทของทศพลรอจังหวะอยู่แล้ว เมื่อเห็นเมืองอินทร์พลาดท่าให้ลำเจียกก็รีบขโมยเทวรูปเจ้าแม่นาคี พวกกำนันแย้มตามมาเห็นเลยไล่ยิงแต่ก็ต้องหนีกระเจิงแทน เพราะถูกเลื่อมประภัสหรืองูเขียวตัวใหญ่ไล่ฉก
ด้านคำปองเป็นห่วงลูกสาวจึงตามไปดู แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีผิวหนังขึ้นเกล็ดเหมือนงู คำแก้วสะเทือนใจมาก ร้องห้ามเมื่อแม่ขยับมาใกล้
“อย่าเข้ามา...ฉันไม่ใช่คำแก้วลูกแม่อีกต่อไป”
“เอ็งเกิดมาจากท้องแม่ เอ็งจะไม่ใช่ลูกแม่ได้ยังไงล่ะคำแก้วเอ๊ย”
“แต่ฉันเป็นงู ฉันเป็นงูผีอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกัน”
“เอ็งเป็นลูกแม่ ถึงเอ็งจะเป็นอะไรแม่ก็รัก อย่าหนีแม่เลยนะลูก”
แววตาเปี่ยมด้วยความรักและหวังดีของแม่ ทำให้คำแก้วใจอ่อนยวบ โผกอดแน่น
“ฉันไม่อยากเป็นงู ฉันจะทำยังไงดีล่ะแม่”
“มันต้องมีวิธีแก้อาถรรพณ์สิ เอ็งต้องหายคำแก้ว เอ็งต้องหาย...เชื่อแม่สิลูก”
ooooooo