ตอนที่ 14
นักธุรกิจกวาดเงินและทรัพย์สินออกจากเซฟใส่กระเป๋า รีบออกจากบ้าน ไม่ทันพ้นประตู มือปืนโผล่มายิงกลางแสกหน้าดับอนาถ...ในขณะที่อดีตนักการเมืองกำลังควงอีหนูช็อปปิ้งเดินกลับขึ้นรถ มือปืนขี่มอเตอร์ไซค์มาขวางหน้า อดีตนักการเมืองดึงอีหนูมาขวาง ถูกยิงตายแทนแล้วขอชีวิตตัวเอง แต่มือปืนกลับบอกว่า ท่านสั่งว่าคนตายเท่านั้นที่จะไม่พูดแล้วยิงปัง!
ooooooo
เช้าวันใหม่ ปวัตรเปิดข่าวให้ลวิตาดูว่าผู้ชายสามคนที่เห็นในกล้องห้องเพนต์เฮาส์ถูกฆ่าตายหมด ยกเว้นเสี่ยมนูญ ลวิตาและปวัตรจึงคิดว่า เสี่ยมนูญเป็นคนทำ ไม่ทันไรเอกหน้าตาตื่นเข้ามาถามเห็นข่าวหรือยัง ลวิตาคิดว่าเรื่องคนในแก๊งถูกฆ่าตายแต่เอกบอกว่าไม่ใช่
“คลิปนี้แชร์กันไปอย่างเร็ว เห็นหน้าเสี่ยมนูญเต็มๆ ตำรวจกำลังออกตามล่าเสี่ยอยู่” เอกเปิดคลิปในโทรศัพท์ให้ดู ลวิตาเห็นแล้วแปลกใจ
“นี่มันไม่เหมือนคลิปที่ฉันเคยเห็น ไม่มีมิคอยู่ในคลิป”
“ผมคิดว่ามีคนตัดต่อมันขึ้นมาใหม่ เพราะต้องการให้เสี่ยมนูญรับผิดไปคนเดียว ท่าทางเรื่องนี้เสี่ยมนูญจะไม่ใช่ตัวการใหญ่อย่างที่เราคิดเอาไว้แล้ว” ปวัตรคาดการณ์
เอกกับลวิตาอึ้งอยากรู้ว่าเป็นใคร ปวัตรคิดว่าคนที่ให้คำตอบได้คือไตรภพ ทันใดรุจีโทร.เข้ามาเรื่องข่าว ลวิตากำชับอย่าเพิ่งออกจากบ้าน ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ...รุจีวางสาย ไพรัตน์พาผู้กำกับประชาเข้ามา บอกรุจีว่านี่คือผู้กำกับประชาที่ช่วยเรื่องนี้ลวิตาอยู่ รุจียิ้มต้อนรับ
“ท่านนั่นเอง ฉันได้ยินคุณหลิวพูดถึงท่าน ท่านมาหาฉันถึงนี่มีอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากมาขอความร่วมมือจากคุณ ให้เป็นพยานเอาผิดเสี่ยมนูญในข้อหาค้ายาเสพติดและฆาตกรรมสามีของคุณครับ”
“เสี่ยมนูญเป็นคนฆ่าสมมาตรเหรอคะ!” รุจีตกใจ
“ใช่ครับ ตอนนี้เรามีพยานวัตถุ แต่ยังไม่มีพยานบุคคล ถ้าได้คุณมาช่วยยืนยันอีกคน เสี่ยมนูญดิ้นไม่หลุดแน่ครับ” ผู้กำกับเน้น รุจีมองหน้าครุ่นคิด
ขณะเดียวกัน เสี่ยมนูญเก็บของเตรียมหนี ลูกน้องติดต่อเรือเพื่อพาออกนอกประเทศ แต่เสี่ยกลับบอกว่าไม่ไป ลูกน้องแปลกใจเพราะตำรวจกำลังตามตัวทั่วประเทศ เสี่ยมนูญเข่นเขี้ยว
“ฉันไม่ยอมถูกจับหรอกเว้ย ตอนนี้พาฉันไปโรงพยาบาลก่อน ฉันต้องไปหายัยมิ้น”...
เวลานั้นมีนาเห็นข่าวทางทีวีก็ตกใจเป็นห่วงพ่อมาก พยายามโทร.หาแต่ก็ไม่รับ ทันใดมีชายสวมหมวกปิดหน้าเดินเข้ามา เธอตกใจรีบถามเขาเป็นใคร ชายคนนั้นถอดหมวกออกเป็นเสี่ยมนูญ มีนาดีใจมาก เสี่ยมนูญให้เธอเบาเสียง เธอละล่ำละลักถาม
“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพ่อปิดบังมิ้นมาตลอด”
“พ่อขอโทษ...พ่อ...” เสี่ยมนูญพยักหน้าพูดไม่ออก