ตอนที่ 6

เมื่อเสร็จภารกิจ ภูริชกับคณินทร์บอกลาคำนวณแล้วเตรียมตัวแยกย้ายเพื่อไปเริ่มภารกิจใหม่ แต่ในระหว่างที่คณินทร์ยังถูกพักงาน ภูริชถือเป็นโอกาสเหมาะของเพื่อนที่ได้พักภารกิจรบไปทำภารกิจรัก

ภูริชรู้เรื่องคณินทร์มีสาวที่หมายปองและเชื่อว่าคงสวยและเป็นคนดี เพื่อนของตนถึงสลัดคราบจากเสือ กลายเป็นแมว คณินทร์ไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มเขินลูกเดียว...

มินตรามุ่งมั่นกับอาชีพนักข่าวสายอาชญากรรม วันนี้เธอมาหาข่าวไม่ไกลจากสถานีตำรวจ เจอดาบพลกับจ่าแคนที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊สุเมียจ่าขจร ปะเหมาะพอดีได้ยินชาวบ้านพูดกันว่ามีเด็กวัยรุ่นมั่วสุมเสพยา มินตรารีบกลับมาที่สถานีตำรวจเพื่อเอารถแล้วเจอคณินทร์โดยบังเอิญ

คณินทร์ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งมา เขาให้มินตราซ้อนท้าย เพราะน่าจะถึงจุดหมายเร็วกว่า...เวลานั้นที่หน้าตึกร้างซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น สวาทกับนิดหน่อยวิ่งมารวมกับไทยมุงจำนวนหนึ่ง มองไปบนตึกอย่างตื่นตระหนก

เจ๊สุตามมาพร้อมจ่าแคนกับดาบพล สวาทเห็นเจ๊สุคู่ปรับก็ปากยื่นปากยาวพูดถึงโน้ตว่าทำตัวเลวทราม

เท่านั้นเองเจ๊สุโกรธจนฟิวส์ขาด ตอบโต้และจะตบปากสวาทที่ชอบให้ร้ายโน้ตลูกชายของตน ทั้งที่วันนี้ลูกตนไปสอบ

“ข้าอยากหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก ไปสอบรึไปสูบยา แกดูโน่น รถที่แกประเคนผ่อนให้ลูกรักคันนั้นน่ะ ของใคร”

เจ๊สุเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของลูกชายก็จำได้ นิดหน่อยลอยหน้าพูดว่า

“รถโน้ตไงพี่ ฉันเคยเอาทะเบียนไปซื้อหวยโดนแดกเรียบ เลขอัปมงคล”

“มันจะให้โชคได้ไง คนขี่อัปมงคล ทำแต่เรื่องชั่วๆ”

“นังสวาท!!” เจ๊สุเงื้อมือจะตบ แต่สวาทมือไวจับหมับแล้วยึดไว้

“ขึ้นไปให้เห็นกับตาว่าลูกชายสุดที่รักกำลังทำอะไร ถ้าฉันพูดผิดแม้แต่คำเดียว จิกหัวตบ กระทืบนังนิดหน่อยได้เลย”

สวาทท้าทายแต่ดันมาลงที่นิดหน่อยจนเจ้าตัวสะดุ้ง เจ๊สุไม่เสียเวลา เดินฉับๆขึ้นไปพิสูจน์ความจริงบนตึกร้าง โดยมีจ่าแคน ดาบพล สวาทและนิดหน่อยก้าวตาม คณินทร์พามินตรามาทันเห็นทุกคนชักแถวขึ้นตึกก็รีบตาม

จอมกับบอยและเพื่อนๆอีกสองสามคนกำลังเมายาอย่างมีความสุข ส่วนโน้ตยังลังเลไม่กล้าลอง นั่งครุ่นคิดน้อยใจพ่อที่ไล่ตนเมื่อเช้าทั้งที่ตนหวังดีจะเข้าไปช่วยขณะพ่อทำหน้าที่ตำรวจจราจรอยู่บนถนน แล้วโน้ตยังได้ยินชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนก่นด่าตำรวจในทางเสียหาย หาว่าเขียนใบสั่งหากิน

โน้ตคิดมาก ไม่แน่ใจว่าพ่อเคยทำแบบนั้นจริงหรือไม่ กับที่พ่อเอาแต่ดุด่าตนเรื่องมั่วสุมไม่เรียนหนังสือ ทำให้โน้ตน้อยใจรู้สึกว่าพ่อคอยจับผิด ครั้งนี้เลยยอมเสพยากับเพื่อนๆที่บอกว่า

“ใครๆก็ว่ามึงเลว มึงก็เลวให้สุดสิวะ...ไม่มีใครรักมึงเท่าพวกกูหรอก”

กว่าพวกเจ๊สุจะขึ้นมาถึงก็เหนื่อยหอบ เห็นวัยรุ่นหลายคนนอนเมายาไม่ได้สติและโน้ตกำลังอาเจียนเพราะเสพยาเข้าไปแล้วคิดได้เอามือล้วงคอเพื่อให้ยาออกมา แต่คนอื่นๆไม่รู้ คิดว่าโน้ตเสพยาจนมีอาการแบบนี้ โดยเฉพาะสวาทนั้นสะใจมาก ตะโกนลั่น

“นังสุดูให้เต็มตา มันอ้วกเพราะเสี้ยนยาเมายา”

เจ๊สุเห็นสภาพลูกชายสุดที่รักก็เสียใจน้ำตาร่วง โน้ตตกใจที่เห็นแม่และคนอื่นๆ ส่วนดาบพลสั่งจ่าแคนเก็บหลักฐานให้ครบ ขณะที่มินตราก็ใช้กล้องถ่ายภาพเก็บไว้

เจ๊สุผิดหวังและเสียใจมาก ตัดพ้อต่อว่าลูกชายทั้งน้ำตาว่าทำไมทำอย่างนี้

“ไม่ใช่นะแม่ โน้ตไม่ได้เล่นยา”

พูดขาดคำ โน้ตโดนแม่ตบจนหน้าหัน

“แม่...ฟังโน้ตก่อน โน้ตแค่มานั่งเล่นกับเพื่อน”

“ลูกยังกล้าโกหกแม่อีก คนอื่นเขาด่าลูก แม่คอยปกป้องลูก แต่วันนี้ลูกกลับทำร้ายแม่ ลูกไม่รักแม่แล้ว”
เจ๊สุร้องไห้โฮพร้อมกับทุบตีโน้ตไม่ยั้ง

“แม่...โน้ตผิดไปแล้ว แม่ฆ่าโน้ตให้ตายไปเลย ไม่มีใครรักโน้ต แม่ก็เกลียดโน้ต”

ได้ยินคำนั้นของลูกชาย เจ๊สุหยุดชะงัก ก่อนจะสวมกอดลูกด้วยความสงสาร สวาทไม่ได้ดังใจ เร่งดาบพลกับจ่าแคน

“เข้าไปจับสิ ยาก็กองอยู่ตรงหน้า หลักฐานพยานอยู่เต็มไปหมด”

สองตำรวจสงสารเจ๊สุกับโน้ต แต่ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ บอกโน้ตให้ไปกับอา ไม่ต้องกลัว ไปสารภาพความจริงว่าซื้อยาจากไหน โทษหนักจะได้เป็นเบา

ดาบพลกับจ่าแคนจะจับกุมโน้ตแต่เจ๊สุเข้ามากางกั้นไม่ยอมให้ใครเอาลูกของตนเข้าตะราง สวาทเห็นดังนั้นก็ออกโรงไม่ยอมเหมือนกัน

“คราวนี้ฉันไม่ยอมนะ เป็นลูกตำรวจอย่าทำตัวเหนือกฎหมาย เอาสิ ถ้าพวกจ่าไม่จับฉันจะถ่ายคลิปเอาไปโพสต์ประจาน แล้วพวกจ่าก็โดนข้อหาสมคบคิด ถูกตั้งกรรมการสอบ”

จ่าแคนกับดาบพลหน้าเสีย นิดหน่อยเมียจ่าแคนหวั่นกลัว ขอร้องเจ๊สุให้เห็นแก่สามีตน เพราะแค่นี้ก็ไม่มีจะกิน อย่าให้โดนคดีติดคุกซ้ำอีก

เจ๊สุไม่ฟังใครทั้งนั้น ผลักนิดหน่อยพ้นทางแล้วจะพาโน้ตหนี แต่โดนคณินทร์ดักหน้า หว่านล้อมให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกฎหมาย ยาบ้าไม่กี่เม็ด แค่ครอบครองและเสพไม่ใช่ผู้ค้า

“ลูกพี่ยังเป็นเยาวชน ถ้าสารภาพความจริงและ พร้อมที่จะกลับตัว ศาลคงพิจารณาแค่ควบคุมความประพฤติและให้บำบัดเลิกยา”

“มินเห็นด้วยกับผู้กองค่ะ เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายมันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยลูกคุณได้ ถ้าพี่พาลูกหนี พี่ก็ต้องหนีทั้งชีวิต เท่ากับทำลายอนาคตของลูก มินรู้ว่าพี่รักลูกมาก ถ้าพี่รักก็อย่าทำร้ายลูก”

“ลูกพี่แค่หลงผิด ไม่ใช่อาชญากร เรายังแก้ไขและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ครับ”

ฟังคณินทร์กับมินตราเกลี้ยกล่อม เจ๊สุยินยอมให้เอาโน้ตไปสถานีตำรวจแต่ขอร้องให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าบอกผัวตน

จ่าแคน ดาบพล นิดหน่อย เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่และเพื่ออนาคตของเด็ก รับปากจะช่วยปิดเต็มที่ แต่สวาทไม่เล่นด้วย ประกาศว่าใครหน้าไหนก็ปิดปากตนไม่ได้ เรื่องนี้ต้องรู้ทั้งชุมชน ลูกตำรวจทำเลวเพราะมีแม่เอาใจจนเสียคน แล้วพ่อก็ให้ท้าย ตนไม่ยอมให้ใช้อภิสิทธิ์เหนือชาวบ้าน ยาที่เอามาเสพคงเป็นยาที่จ่าขจรลักของกลางมาให้ลูก

สวาทพูดขาดคำ จ่าขจรก้าวเข้ามาหลังจากยืนฟังอยู่ครู่หนึ่ง สวาทหวั่นหวาดถอยไปหานิดหน่อย ส่วนโน้ตกลัวพ่อแทบฉี่ราด เกาะแขนแม่แน่น

“ฉันผิดเอง ฉันเลี้ยงลูกไม่ดี ทำให้ลูกหลงผิด ต่อไปนี้ฉันจะตีจะสั่งสอนมัน พี่ไม่ต้องห่วงนะ” เจ๊สุปกป้องลูก แต่จ่าขจรไม่ฟัง ผลักเมียล้มแล้วลากโน้ตไปตรงถุงยา หยิบมันกรอกปากลูก บังคับให้กินเข้าไป

“ทำชั่วไม่คิดถึงหน้าพ่อแม่ เอ็งไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้ว อยากเป็นคนเลวก็เลวให้สุด ข้าจะเป็นคนป้อนยากับมือข้าเอง”

โน้ตผลักถุงยาจนกระเด็นกระจายเกลื่อน พร้อมตะโกนว่าเกลียดพ่อ จ่าขจรสวนด้วยความคับแค้นว่า

“กูก็เกลียดลูกเลวๆอย่างมึง”

คณินทร์ มินตรา และคนอื่นๆตกใจ เจ๊สุร้องไห้อ้อนวอนจ่าขจรอย่าทำลูก สวาทสะใจถ่ายวีดิโอด้วยกล้องมือถือ ในขณะที่ดาบพลและจ่าแคนคอยห้ามแต่ไม่เป็นผล

โน้ตเจ็บตัวก็ยิ่งโวยวายจะเอาชนะพ่อ ทำให้จ่าขจรโมโหตบตีและต่อยลูกจนคณินทร์ต้องเข้ามาห้าม ขณะที่มินตราช่วยแยกโน้ตออกมา

“พวกพี่ไม่ต้องห้าม ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เกิดเป็นลูกตำรวจทำดีไม่เคยได้ดี ใครๆก็คอยประณามว่าผมต้องเลว”

“พี่สวาทนั่นแหละ ชอบพูดกรอกหูเด็กตั้งแต่เล็ก”

“เอ๊ะ นังนิดหน่อย ข้าพูดตามจริง ไอ้ที่มีคลิปฉาวคลิปดังก็ลูกตำรวจทั้งนั้น รึใครจะเถียง”

มินตราฟังแล้วเข้าใจความผิดของทั้งสองฝ่าย เพราะเธอเองก็เคยคิดอย่างนั้น...จ่าขจรมองโน้ตด้วยความผิดหวัง

“มันก็จริงที่เขาว่า เพราะเอ็งทำตัวแบบนี้ เขาถึงได้เกลียดตำรวจ”

“พี่พอซะที ลูกจะตายคามือแล้ว”

“นังสุไม่ต้องมาฟูมฟาย ลูกมันเลวก็เพราะมีแม่ปกป้อง ตามใจให้ท้าย รึใครจะเถียง” พูดแล้วสวาทกวาดตาหาพวก ปรากฏว่านิดหน่อยเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะเจ๊สุเอาใจลูกอย่างกับเทวดา ทำให้เด็กเสียคน

เรื่องตามใจลูกเจ๊สุยอมรับ ไม่เถียงสักคำ เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น สวาทรำคาญมากตวาดใส่

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่ดราม่าน้ำตาตื้นด้วยหรอก... ผู้กองจับสิ ลากเข้าคุกทั้งพ่อทั้งลูก หลักฐานทุกอย่างครบ นี่ฉันถ่ายไว้หมดแล้ว เร็วสิ ใครไม่จับฉันไม่ยอม หลักฐานในมือถือเอาให้เด้งกันทั้งหมด”

จ่าขจรไม่ต้องการให้ดาบพลกับจ่าแคนสองเพื่อนสนิทลำบากใจ เขาพร้อมไปโรงพักเพื่อให้สอบสวนจ่ากับดาบจึงควบคุมตัวโน้ตออกไป โดยที่สวาทตามถ่ายวีดิโอตลอดเวลาเพื่อเอาลงโซเชียล

ooooooo

ที่โรงพัก มินตรารอฟังผลอยู่ด้านนอก สักพักคณินทร์ออกมาบอกเธอว่ากำลังสอบสวน เบื้องต้นคงต้องคุมตัวส่งศาลพิจารณาคดี

“อนาคตต้องพังลงเพราะยา” มินตราบ่น

“เท่าที่ให้การ เขายอมรับว่าทำไปเพราะประชดพ่อ เขายังเป็นเยาวชน โทษคงไม่รุนแรง”

“แล้วจ่าขจรล่ะคะ”

“คงถูกตั้งกรรมการสอบว่าเกี่ยวข้องกับของกลางหรือไม่ เพราะมีคนกล่าวหาว่าจ่าขจรเอายาให้ลูก”

สวาทนั่งอยู่มุมหนึ่งในลักษณะหันกล้องโทรศัพท์มือถือเข้าหาตัวเองเพื่อไลฟ์เฟซบุ๊ก คณินทร์กับมินตรามองอย่างเอือมระอา ขณะที่นิดหน่อยพยายามห้ามแต่สวาทไม่ฟัง

“เพื่อนๆชาวโซเชียลคะ สวาทมีเหตุการณ์ระทึกขวัญจะนำเสนอให้เพื่อนๆได้ชม...ไม่มีตัวแสดงแทน ไม่ใช้สลิง แต่เป็นเหตุการณ์จริงเสียงจริงค่ะท่านผู้ชม”

“พี่สวาท...อย่าลงเลย”

“แกจะห้ามทำไม แกก็อยากหักหน้ามัน เอาคืนที่มันด่าพวกเรา...กดไลค์มาเลยค่ะ ยอดถึงหนึ่งพันสวาทลงทันที”

“อย่าเอาคลิปวีดิโอลงเฟซเลย ถ้าเขาฟ้องร้องขึ้นมา เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”

จ่าแคนขอร้องดีๆ แต่สวาทหาว่าเขาเอากฎหมายมาขู่ ตนเคยเห็นชาวบ้านลงคลิปกันทั้งเมืองไม่เห็นเป็นไร

“ก็พวกเขาไม่รู้ไง ถ้ามีการฟ้องร้องจริงๆ ไอ้ที่เอาคลิปคนอื่นมาลงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือแชร์ข้อมูลมั่วๆ ผิดกฎหมายทั้งนั้น โทษทั้งปรับและติดคุก”

“จ่าไม่ต้องมาขู่ จ่าพูดอีกคำเดียวฉันจะเรียกเก็บเงินทั้งต้นทั้งดอกที่เมียจ่ากู้เงินฉัน”

นิดหน่อยร้อนตัวรีบดึงจ่าแคนออกมาแล้วกำชับให้หุบปาก จ่าเห็นแก่เมียเลยพูดไม่ออก เจ๊สุตัดสินใจเข้ามาพนมมือขอร้องสวาทช่วยลบคลิปของโน้ตทิ้ง จะให้ตนกราบก็ยอม ลูกกับผัวตนรับโทษพอแล้ว อย่าถึงกับฆ่ากันทั้งเป็นเลย

“ฉันบอกแล้วไงไม่ต้องดราม่า ฉันไม่ใจอ่อน ฉันจะเอาลงเฟซให้เขารู้กันทั่วว่าเกิดอะไรขึ้น อีนี่มันผยองใส่ข้ามานาน ถือว่าเป็นเมียตำรวจ อวดเก่งอวดดี มีอำนาจเหนือประชาชน แล้วมันก็เคยตบข้า ยังไงข้าไม่ให้อภัย”

สวาทเดินหนีออกไป นิดหน่อยปลอบโยนเจ๊สุในฐานะที่เป็นเมียตำรวจด้วยกัน มินตราดูอยู่ตลอด ที่สุดก็ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมแย่ๆของสวาท เดินตามมาขอร้องให้ลบคลิป

“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งเธอ”

“ถ้าคุณไม่เห็นแก่เพื่อนบ้าน ก็ขอให้เห็นแก่อนาคตของเด็ก”

“ก็นี่ไง ทำเพื่อประเทศชาติ ฉันลงคลิปเตือนใจให้สังคมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเป็นนักข่าวแต่กลับปกปิดความจริง ไร้จรรยาบรรณ”

มินตราไม่พอใจ ถามว่าจรรยาบรรณสะกดยังไง สวาทจีบปากจีบคอว่าตนไม่ได้โง่ มีการศึกษา ว่าแล้วก็สะกดออกมาทีละตัว ปรากฏว่าผิดทั้งหมด มินตราได้ทีสั่งสอน

“คุณยังสะกดผิด แล้วคุณจะเข้าใจความหมายที่ถูกต้องได้ยังไง คุณเก่งเรื่องใช้โซเชียลก็น่าจะเอาเวลาศึกษาคำและความหมายให้ดี แล้วใช้ไวไฟให้เกิดประโยชน์มากกว่าตามดูคลิปแฉด่าตบตี มันไม่สร้างสรรค์ค่ะ”

“เธอหลอกด่าฉัน รับเงินมันมากี่บาทล่ะ ถึงมาสั่งให้ฉันลบคลิป”

“หน้าที่ของสื่อคือการนำเสนอความจริง แต่สื่อทุกสำนักต้องเลือกและไตร่ตรองในการลงข่าวที่สร้างสรรค์ ส่งเสริมให้สังคมเจริญ ไม่ใช่ลงข่าวที่สร้างความขัดแย้ง”

“คลิปของฉันเป็นความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”

“ความจริงก็ต้องอยู่ภายใต้ความเหมาะสมและจิตสำนึกที่ดี ปราศจากอคติ”

สวาทสะอึก เพราะตัวเองทำเพื่อแก้แค้นเจ๊สุ แต่ยังคอแข็งเชิดใส่มินตรา

“ถ้าคุณยังคิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ขอความกรุณา เถอะค่ะ อย่าทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดสร้างข่าวขยะและความแตกแยก ถ้าคลิปนี้เผยแพร่ไปใครได้ผลประโยชน์ คุณได้ยอดไลค์เป็นแสน แชร์กันถึงล้าน แต่ใครรับชะตากรรม คุณอาจสะใจที่ได้ตอบโต้เอาผิดตำรวจนายหนึ่งที่คุณเกลียดชังและทำร้ายผู้หญิงที่เป็นศัตรู แล้วเด็กคนนั้นล่ะ เขาแค่หลงผิด คุณจะเป็นผู้ทำลายหรือให้โอกาส อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือถือของคุณ”

คณินทร์และคนอื่นๆชื่นชมความคิดของมินตรา ยกเว้นสวาทตัวต้นเรื่องไม่พอใจอย่างแรง ตะโกนไล่หลังมินตราที่กำลังเดินจากไป

“แกกล้าดียังไงมาด่าๆแล้วก็หนีไป ไม่เคยมีใครกล้าพ่นไฟใส่ฉัน กลับมาก่อนยัยนักข่าว”
มินตราไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้สวาทฮึดฮัดขัดใจ สะบัดหน้าใส่เจ๊สุที่ส่งสายตาวิงวอนแล้วเดินปึงปังจากไป

ooooooo

โน้ตทำให้มินตราคิดถึงไมค์น้องชายที่รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ไมค์ตายจากเป็นแรมปีเพราะน้ำมือคนคลั่งยาบ้าออกจากโรงพักมินตรามุ่งหน้าไปหาน้องที่วัด ซื้อกล้วยทอดของโปรดมาวางให้ คณินทร์ตามมาให้กำลังใจเมื่อเห็นเธอน้ำตาซึมคิดถึงน้องและบ่นสงสารโน้ต เธออยากให้โน้ตคิดได้และทำตัวใหม่เพื่อคนที่รักเขา

“ในฐานะที่ฉันเป็นลูกตำรวจ ฉันไม่อยากเห็นเขาหมดศรัทธาในตัวพ่อและอาชีพของพ่อ ฉันจะหาทางช่วยพวกเขา แต่ตอนนี้ฉันคงต้องช่วยเธอก่อน”

คณินทร์จับมือเธอลุกขึ้นพาไปไหว้พระในโบสถ์ เสร็จแล้วปิดทององค์พระประธานก่อนกลับออกมา และตั้งใจจะสารภาพรักเธออย่างที่ยายจันทราแนะนำ แต่ไม่คิดว่าปรมัตถ์จะโผล่มาแทรกกลาง ท่าทางเขายังหวังในตัวมินตรา ขอใช้เวลาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ถ้าเธอยังไม่มีใคร

“นายพูดอย่างนี้เท่ากับยอมรับว่าถ้าคุณมินมีคนรัก นายจะยอมถอนตัว”

“ฉันไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่ ฉันขอคุยกับคุณมินเป็นการส่วนตัว”

“ฉันคงทำตามคำขอไม่ได้ เพราะครั้งนี้คุณมินเป็นแขกของฉัน และฉันไม่ได้อยู่ในเวลางาน ต้องทำตามคำสั่งหัวหน้า”

“แล้วถ้าฉันขอในฐานะเพื่อนล่ะ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณมินตรา...เชิญครับคุณมิน”

มินตราเกรงใจปรมัตถ์และต้องการคุยกับเขาให้จบ แต่คณินทร์ไม่ยอม จับแขนเธอไว้

“ไม่มีผู้ชายคนไหนปล่อยให้คนรักไปกับผู้ชายอื่นหรอก แม้กระทั่งเพื่อน”

“คุณพูดอะไร”

แทนคำตอบ คณินทร์โอบไหล่มินตราแล้วพูดกับปรมัตถ์ว่า

“แกคงแปลกใจที่ฉันกล้าสารภาพรักคุณมิน ฉันไม่มีเหตุผล แต่เป็นความรู้สึกจากข้างใน...รู้ว่าฉันอยากอยู่ใกล้ อยู่ด้วยแล้วฉันสบายใจ จนไม่อยากให้ใครมาแย่งความสุขของฉัน...ฉันรักคุณมิน”

มินตราคาดไม่ถึงที่โดนสารภาพรักซึ่งหน้า ปรมัตถ์เดือดอยู่ในใจ ถามมินตราว่ารักคณินทร์หรือเปล่า

“มินกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวตัดบทเดินหนีไป คณินทร์ยิ้มพอใจ เย้ยปรมัตถ์ว่าการงานตนอาจเป็นรอง แต่สำหรับความรักตนชนะ

“แกไม่เคยจริงใจกับคุณมินตรา แกใช้เธอเป็นเกมแข่งกับฉัน”

คณินทร์ไม่ใส่ใจคำพูดปรมัตถ์ ก้าวตามมินตราและอาสาไปส่ง...ครั้นส่งเธอถึงบ้าน เขายังจะเดินตามเข้าข้างใน หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ ประชดว่าคงไม่ต้องส่งถึงห้องนอน

“ถ้าทำได้ก็ดีสิ ฉันยินดีบริการ”

“ผู้กองปรมัตถ์ไม่อยู่ก็เลิกพูดเล่นพูดดักคอเขาได้แล้ว”

“ฉันเปล่าซะหน่อย ฉันพูดตามความรู้สึก”

“ไม่ต้องพูดดี ฉันรู้ว่าคุณสองคนแข่งเอาแพ้เอาชนะกันมาตลอด คุณจะแข่งอะไรก็ได้ แต่อย่าเอาฉันเป็นเครื่องมือ...ฉันจะเข้านอนแล้ว”

คณินทร์ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ดึงมินตราเข้ามาในอ้อมกอดของตนแล้วพูดจากใจจริงว่า

“ฉันแค่อยากบอกเธอ...ทุกคำพูดที่ฉันพูดไปมันมาจากใจฉัน เธอคิดยังไงฉันไม่รู้ ฉันแค่อยากบอกว่าฉันรักเธอ”

มินตราตะลึงไปชั่วขณะ พอได้สติจึงบอกให้เขาปล่อย คณินทร์จะปล่อยก็ต่อเมื่อเธอตอบมาก่อนว่าเชื่อหรือยังว่าเขารักเธอ มินตราพยักหน้ารับ แต่พอเขาปล่อยตัวก็บอกว่า

“ฉันก็รับปากไปงั้นแหละ เพราะคุณมันเจ้าเล่ห์”

“เธอไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจที่เธอเรียกปรมัตถ์ว่าผู้กอง ไม่เรียกคุณอาร์มเหมือนเคย มันทำให้ฉันโล่งใจขึ้น...ฝันดีครับ”

มินตราใจเต้นแรงผิดปกติ รีบเข้าบ้านปิดประตูไม่ให้เขาเห็นอาการเขินอายและสีหน้าแดงระเรื่อของตน

ooooooo

เช้าวันถัดมา คณินทร์เขามาที่สำนักงานทั้งที่ยังไม่มีคำสั่งยกเลิกการพักงาน แต่เขามีเอกสารคำสั่งของผู้กำกับเจษฎาที่เรียกตัวกลับมาให้ปรมัตถ์อ่านคลายข้อข้องใจ

ผลงานที่คณินทร์ร่วมกับภูริชปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนประสบความสำเร็จ ทำให้คณินทร์ได้กลับมาทำงาน เขาสั่งมาโนชกับสุจิตราค้นหาประวัติของวาทิศโดยไม่บอกให้ปรมัตถ์รู้ เพราะหวั่นใจว่าปรมัตถ์จะเป็นหนอนบ่อนไส้ ซึ่งจ่าขจรรายงานว่าช่วงที่คณินทร์ไม่อยู่ ปรมัตถ์ไปพบวาทิศที่คอนโดฯ

แล้ววันนี้เมื่อคณินทร์กลับเข้ามาทำงาน ปรมัตถ์ก็แอบไปรายงานวาทิศอีก รับปากแข็งขันว่าไม่ยอมให้ใครขัดขวางวาทิศได้ และจะรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ

ขณะสองคนจะกลับจากห้องในคอนโดฯ แหลมกับหมอกดักเล่นงานวาทิศ ปรมัตถ์ช่วยเหลือเต็มที่ แต่แล้วสถานการณ์พลิกผัน หมอกโดนแหลมยิงตายคาที่ โทษฐานหักหลังวาทิศผู้มีพระคุณ ที่ผ่านมาแหลมเพียงแค่จัดฉากหลอกหมอกให้ตายใจเพื่อลวงมาสังหาร
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้วาทิศเชื่อใจว่าปรมัตถ์อยู่ข้างตน ยอมรับเขาเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างไม่ติดใจสงสัย...

ด้านคณินทร์กับมาโนชและสุจิตรายังคงค้นหาข้อมูลของวาทิศตั้งแต่วัยเด็กโดยใช้วิธีดึงข้อมูลจากทะเบียนราษฎร จนรู้ชื่อสกุลเดิมของวาทิศคือ สมบัติ ไทยเกื้อ เกิดได้ไม่ถึงเดือนถูกแม่ทิ้งไว้ในกองขยะ มี พลเมืองดีช่วยชีวิตแล้วนำส่งสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน พออายุเจ็ดขวบมีผู้รับไปอุปการะ แต่ถูกทำร้ายและล่วงละเมิดทางเพศจนต้องหนีไปเร่ร่อน

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ ใครรับไปดูแล เขาอยู่กับใคร” คณินทร์เร่งเร้า มาโนชกับสุจิตราพยายามอย่างเต็มที่

ในเวลาเดียวกันนั้น วาทิศอยู่กับแหลมและปรมัตถ์ภายในห้องพักที่คอนโดฯ ดื่มไวน์ฉลองหลังจากกำจัดหมอกและต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างปรมัตถ์ในคราวเดียวกัน แต่แล้ววาทิศรับสายจากใครบางคนก็มีอาการวุ่นวายใจจนควบคุมสติไม่ได้ บอกปรมัตถ์ว่าลูกน้องของเขากำลังล้วงลูกตน พวกมันขุดคุ้ยประวัติตน

“คุณวาทิศทราบได้ยังไงครับ”

วาทิศไม่ตอบ แหลมมองอาการหวาดระแวงของเจ้านายก็ปรามปรมัตถ์ว่าไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม แต่ควรรีบไปจัดการให้นาย พอปรมัตถ์ลุกขึ้นจะไป เห็นวาทิศปาโทรศัพท์ทิ้ง โวยวายเสียงดัง

“พวกมันรู้ไม่ได้ ชีวิตฉันกำลังจะพัง ฉันไม่อยากกลับไปอยู่ตรงนั้น ตรงที่เหม็นสกปรกโสโครก”

วาทิศโกรธตัวเนื้อสั่น ร้องไห้เหมือนเด็กจนปรมัตถ์ตะลึง แต่สำหรับไอ้แหลมสมุนคู่ใจเห็นเป็นเรื่องปกติ และตัวเองก็มีหน้าที่ปลุกปลอบ

“นายไม่ต้องกลับไปอยู่ที่เดิมครับ ไม่มีใครทำร้ายนายได้”

“พวกมันกำลังจะทำร้าย...คุณ”

“คุณ” ที่วาทิศพูดหมายถึงคนที่รับเขาไปเลี้ยงดู ซึ่งเวลาเดียวกันมาโนชกับสุจิตราค้นหาข้อมูลนี้ได้พอดี

“มีคนรับนายวาทิศไปเลี้ยงดู ชื่อนายคุณ อิสรภาพ”

แต่พอจะหาข้อมูลเพิ่มเติมว่านายคุณเป็นใคร ระบบเกิดมีปัญหา จอเริ่มรวน มาโนชบอกว่าเราถูกแฮ็กข้อมูล มันกำลังลบข้อมูลทั้งหมดของวาทิศและนายคุณ

คณินทร์ร้อนใจหันไปตะโกนเรียกไพศาลผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อีกคนมาช่วยกู้ข้อมูล แต่ไพศาลไม่ทันจะลงมือ ปรมัตถ์ก็ปรากฏตัวเสียก่อน

“พวกนายกำลังทำอะไร พวกนายค้นประวัติคุณวาทิศนอกเหนือคำสั่งฉัน”

ปรมัตถ์โวยวาย คณินทร์ดักหน้าไม่ให้ยุ่งกับพวกมาโนชด้วยการซักความจริงว่าเมื่อสองสามวันก่อนเขาไปหาวาทิศใช่ไหม

“ใช่...วันนี้ฉันก็แวะไปหาเขา ฉันต้องรักษามารยาททางสังคม คอยออกหน้าไม่ให้เขาเอาผิดกับหน่วยงานของเราจากความผิดของแก”

“แกยึดมั่นในกฎระเบียบก็วางตัวให้เหมาะสม ไม่ควรเอาตัวไปเกี่ยวผู้ค้ายา”

“แกเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว แกไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดพล่อยๆ”

“งั้นแกให้โอกาสฉันหาหลักฐาน แล้วแกจะได้รู้ฉากหลังนายวาทิศผู้มีพระคุณของแกว่ามันเป็นโจรในคราบนักบุญ”

แต่แล้วไพศาลก็ทำให้คณินทร์ผิดหวัง เขาขอโทษที่กู้ข้อมูลไม่ได้ ปรมัตถ์สั่งเฉียบว่าทุกคนต้องหยุด นี่คือคำสั่งของหัวหน้า คณินทร์ไม่ยอมจึงมีปากเสียงกัน

“แกใช้ตรรกะคิดง่ายๆ ถ้าเขาเป็นคนดี เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมถึงมีคนแฮ็กลบข้อมูล”

“ฉันไม่รู้ว่าแฮกเกอร์ต้องการอะไร หรือบางทีแกอาจจัดฉากขึ้นมาเล่นงานคุณวาทิศ”

“แกไม่ไว้ใจฉัน”

“ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ประสบการณ์มันสอนให้ฉันเชื่อใจตัวเอง...ผมรู้ว่าทุกคนอยากปิดคดี แต่สิ่งที่พวกคุณทำมันยิ่งย้ำให้เห็นว่าพวกคุณไร้ระเบียบวินัย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า อย่าให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นผมปลดพวกคุณจากภารกิจนี้แน่...พวกคุณกลับไปได้แล้ว”

มาโนช สุจิตราและไพศาลพากันออกไป ส่วนปรมัตถ์เดินไปที่ห้องทำงาน แต่ต้องชะงักเมื่อคณินทร์พูดไล่หลัง

“แกโกรธฉันก็เล่นงานฉันคนเดียว แยกให้ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”

“ฉันถืออำนาจเหนือแก...ฉันไม่มีวันแพ้แก” ปรมัตถ์ตอบโต้แล้วเดินต่อ ไม่แคร์ว่าคณินทร์จะรู้สึกยังไง

ooooooo

ครู่ต่อมา ปรมัตถ์หลบสายตาผู้คนขึ้นไปบนดาดฟ้า ตั้งใจหาข้อมูลของวาทิศจากไอแพด แปลกใจที่ตัวเองเข้าระบบฐานข้อมูลได้...แล้วคำตอบก็ปรากฏตรงหน้าปรมัตถ์ ไพศาลก้าวเข้ามาบอกเขาว่า

“ผมสร้างข้อมูลใหม่แล้วครับ ผู้ที่อุปถัมภ์คุณวาทิศคือนายคุณ เขาคือหนึ่งในผู้สูญหายเหตุการณ์สึนามิปี 47 ข้อมูลนี้น่าจะปิดประตูความอยากรู้ของผู้กองคณินทร์”

ปรมัตถ์ไม่ไว้ใจชักปืนออกมาเล็งใส่ไพศาล ถามว่าทำงานให้ใคร

“คุณวาทิศ และปกป้องคุณ”

“คุณที่แกพูดถึงเป็นใคร”

“ผมคิดว่าคุณวาทิศบอกผู้กองแล้ว อาจเป็นเพราะผู้กองเพิ่งเข้าร่วมทีม ถ้าคุณวาทิศเชื่อใจคงแจ้งให้ผู้กองทราบ”

“นายเคยเจอคุณ?”

ไพศาลส่ายหน้า บอกว่าวาทิศคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าคุณคือใคร ตนถูกส่งตัวไปเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่นี้ ตนดีใจที่ได้ร่วมงานกับผู้กอง

ปรมัตถ์เก็บปืน แต่ไม่ยอมจับมือไพศาลที่ยื่นมาตรงหน้า ไพศาลมองอีกฝ่ายอย่างหยั่งเชิงก่อนจะพยายามทำตัวตีเสมอ

“ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะมีโอกาสยืนอยู่ในที่เดียวกับผู้กอง ผมเชื่อมาตลอดว่าผู้กองยึดมั่นในอุดมการณ์ จนกระทั่งคุณวาทิศแจ้งข่าวว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ผมถึงเข้าใจคำว่าอำนาจของเงิน เราเป็นพวกเดียวกันก็ต้องช่วยกัน”

ปรมัตถ์ไม่พอใจไพศาลที่ถือดีมาแตะไหล่ตีตัวเสมอจึงปัดมือเขาออก

“ไม่เอาน่าผู้กอง งานของเราไม่มียศไม่มีตำแหน่ง อย่าจองหองนักเลย ผู้กองกับผมก็ได้ชื่อว่าคนทรยศ บั้นปลายชีวิตผมอยากสุขสบาย นอกจากเงินผมอยากมีอำนาจ...อำนาจจะคุ้มครองเราจนตาย”

“นายต้องการอะไร”

“ผู้กองต้องผลักดันตำแหน่งให้ผม”

“ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฉันต้องเสนอชื่อตามผลงาน”

“ผมเก็บข้อมูลของผู้กองไว้หมดแล้ว” ไพศาลโชว์ทัมบ์ไดร์ฟด้วยสีหน้าเหนือกว่า “ผมไม่ได้ขู่ แค่อยากให้รู้ว่าผมไม่ชอบอยู่ใต้อำนาจใคร นี่มั้งที่เขาเรียกกฎดึงดูด คนเลวก็ต้องเจอกับคนเลว แล้วผมจะรอฟังข่าวดีครับผู้กอง”

ไพศาลยิ้มหยันแล้วจะผละไป ปรมัตถ์เจ็บใจเข้าขัดขวางเพื่อแย่งชิงทัมบ์ไดร์ฟนั้นมา แต่ไม่ง่ายอย่างใจคิด ไพศาลต่อสู้แถมยังขู่จะบอกผู้กองคณินทร์ว่าเขาเป็นสายให้วาทิศ คำพูดนี้เองทำให้ปรมัตถ์โกรธจนฟิวส์ขาดตัดสินใจยิงไพศาลหงายหลังตกตึกตายคาที่ ก่อนจะลงทุนยิงขาตัวเองเลือดโชกเป็นการจัดฉาก

เสียงปืนทำให้คณินทร์ที่กำลังวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าตกใจมาก ขณะที่มาโนชกับสุจิตราอยู่ด้านล่างเห็นร่างไพศาลตกลงมาตายต่อหน้าต่อตา!

คณินทร์สงสัยว่าปรมัตถ์รู้เรื่องที่พวกตนค้นหาข้อมูลของวาทิศได้อย่างไร จึงย้อนกลับมา แล้วก็พบว่าปรมัตถ์ยิงไพศาลด้วยเหตุผลที่ว่า

“ฉันจับได้ว่ามันทำลายข้อมูลทั้งหมด”

“มันทำอย่างนั้นทำไม”

“มันเป็นสายของวาทิศ คุณวาทิศเป็นอย่างที่แกพูด เขาค้ายา”

“แกอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ ฉันจะโทร.เรียกรถพยาบาล”

“ฉันขอโทษ ฉันน่าจะเชื่อแกตั้งแต่แรก”

ปรมัตถ์เล่นละครได้แนบเนียน คณินทร์เชื่อสนิทและห่วงเพื่อนที่โดนยิงขา รีบโทร.เรียกรถพยาบาลมา ปรมัตถ์ลอบยิ้มเย้ย ซ่อนทัมบ์ไดร์ฟข้อมูลที่ไพศาลบันทึกไว้อย่างมิดชิด

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ