เรื่องย่อละคร
ณ กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๒๓๐ ปีที่ ๓๐ ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ พุดซ้อน (อุรัสยา เสปอร์บันด์) เป็นธิดาของหมอโหมด (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ที่ทำหน้าที่รักษาคนไข้หลังจากที่หมอโหมดเสียชีวิตไป แต่ด้วยคนในสมัยนั้นไม่เชื่อมั่นในหมอผู้หญิง เธอจึงใช้ชื่อหมอมีผู้เป็นพี่ชายบังหน้า แม้ว่าคนไข้จะรู้ว่าหมอเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้เสื่อมศรัทธาต่อพุดซ้อนแต่อย่างใดวันหนึ่ง ผัวเมียคู่หนึ่งกำลังตกปลาเพื่อนำไปขาย แต่สิ่งที่พวกเขาตกได้ในวันนี้ไม่ใช่ปลา แต่เป็นศพของฝรั่งคนหนึ่ง จึงไปตามพุดซ้อนมาช่วยดูศพให้ พุดซ้อนพบว่าชายผู้ตายแต่งกายคล้ายสตรีและนุ่งผ้าซิ่นยาวลายกินรี ซึ่งเป็นผ้าลายอย่างที่มีใช้เฉพาะในวังเท่านั้น อีกทั้งพุดซ้อนยังตรวจพบว่าชายคนนี้เสียชีวิตก่อนที่จะถูกลากลงมาทิ้งในน้ำด้วย
ในระหว่างการตรวจศพ หลวงอินทร์หรือออกหลวงอินทราชภักดี (ณเดชน์ คูกิมิยะ) เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา และ เมอซีเออร์โรแบรต์ (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) เลขานุการของกัปตันฟอร์แบงหรือออกพระศักดิ์สงครามก็มาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี หลวงอินทร์ไม่เชื่อมั่นในตัวหมอผู้หญิงตามค่านิยมของคนในสมัยนั้น อีกทั้งพุดซ้อนยังเป็นธิดาของหมอโหมด ผู้ที่รักษาภรรยาของเขาไม่หายจนต้องตายไปเมื่อหลายปีก่อน แต่โรแบรต์ต้องการให้มีการตรวจศพเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง แม้ว่าหลวงอินทร์จะไม่พอใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมให้พุดซ้อนเป็นผู้ตรวจศพตามที่โรแบรต์ต้องการ
พุดซ้อนและโรแบรต์เดินทางไปแจ้งข่าวให้คลารา (เดียร์น่า ฟลีโป) ภรรยาของกัปตันฌอง (เดวิด อัศวนนท์) รับรู้ข่าวการเสียชีวิต คลาราเล่าว่าเมื่อคืนกัปตันฌองเข้านอนตามปกติ แต่ตื่นเช้ามาเธอก็ไม่พบเสียแล้ว โรแบรต์สั่งให้คนไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัปตันฌองและเก็บใส่โลงไม้เอาไว้ แล้วจะให้คนเก็บผ้าลายกินรีผืนนั้นไว้ให้พุดซ้อนเพื่อตรวจสอบภายหลังหลวงอินทร์เดินทางมาหาพุดซ้อนที่บ้านเพื่อคุยเรื่องการตรวจศพกัปตันฌอง เขาไม่ต้องการให้มีการตรวจศพ เพราะถ้าหากกัปตันฌองถูกฆ่าตายและผู้ฆ่าเป็นชาวสยาม ฝรั่งเศสอาจยกเรื่องนี้เป็นเหตุให้เกิดสงครามได้ แต่พุดซ้อนยืนยันที่จะตรวจศพ เพราะคิดว่าคนร้ายอาจจะเป็นชาวฝรั่งก็ได้
และเรื่องราวอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดพุดซ้อนสงสัยเกี่ยวกับผ้าลายกินรี จึงเดินทางไปหาเจ้าจอมสารภี (กาญจนาพร ปลอดภัย) เจ้าจอมในรัชกาลก่อนผู้เป็นป้าของเธอเพื่อสอบถามว่าผ้าแบบนี้เป็นของใคร ซึ่งเจ้าจอมสารภีกล่าวว่าอาจจะเป็นของเจ้าจอมกินรี (สาวิกา ไชยเดช) เจ้าจอมคนโปรดในรัชกาลปัจจุบัน เจ้าจอมสารภีสัญญาว่าจะช่วยสืบให้
นอกจากนี้ พุดซ้อนยังฝากมีผู้เป็นพี่ชายไปสืบข่าวจากเพื่อนว่าฌองไปที่ซ่องบุรุษหรือไม่ เพราะฌองอาจจะเป็นพวกที่ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่เพื่อนของมีบอกว่าคืนนั้นฌองไม่ได้ไปที่ซ่องบุรุษ แต่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ากัปตันฌองมีเรื่องกับกัปตันปอล (ทวีศักดิ์ ธนานันท์) เรื่องแย่งตัวเด็กผู้ชายกันมาก่อนด้วย พุดซ้อนจึงไปหาคลาราที่บ้านอีกครั้งเพื่อขอตรวจศพ แต่คลาราปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้สามีถูกหยามเกียรติไปมากกว่านี้
ระหว่างที่จีบ คนรับใช้คนสนิทของพุดซ้อนไปเดินตลาด ก็ได้พบกับเด็กแขกคนหนึ่งกำลังจะถูกนำไปขายที่ซ่อง จีบสงสารจึงขอซื้อตัวเอาไว้ด้วยเงินที่ตกลงกันคือ ๔ ตำลึง แต่จีบไม่มีเงินพอจึงให้พวกนักเลงที่จะนำเด็กไปขายมารับเงินที่บ้านของพุดซ้อนภายหลัง เด็กแขกคนนั้นชื่ออะมีนะห์ พูดภาษาสยามไม่ได้ วันถัดมาพวกนักเลงก็ตามมาเอาเงิน แต่จะขอเงินค่าไถ่ตัวเด็กเป็นเงิน ๑๒ ตำลึงแทน บังเอิญหลวงอินทร์แวะมาพอดี จึงช่วยไล่พวกนักเลงไปได้
หลวงอินทร์แวะมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพุดซ้อน เพราะจวง (สิรินทรา นิยากร) คนไข้รายหนึ่งของพุดซ้อน เป็นแม่ของจั่น (จิรายุ ตันตระกูล) ฆาตกรที่ฆ่าฝรั่งคนหนึ่งตายและรอโทษประหารอยู่ แต่จั่นแหกคุกออกมาและหลวงอินทร์เชื่อว่าจั่นจะต้องกลับไปหาแม่อย่างแน่นอน หากจั่นหนีไปได้ ฝรั่งเศสอาจยกเป็นเหตุให้เกิดสงครามได้ อีกทั้งจั่นยังแหกคุกออกมาวันเดียวกับที่กัปตันฌองเสียชีวิต จั่นจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ด้วย หลวงอินทร์ต้องการให้พุดซ้อนช่วยพูดให้จวงกล่อมลูกชายให้มอบตัว พุดซ้อนทำตามที่หลวงอินทร์ต้องการ แต่จวงบอกว่าจั่นยังไม่กลับมาที่บ้าน หลวงอินทร์จึงทำอะไรไม่ได้
หลังจากตรวจจวงเสร็จ พุดซ้อนและจีบเดินทางไปที่วัดยอแซฟที่เป็นที่เก็บศพของกัปตันฌองเพื่อแอบตรวจศพอีกครั้ง โชคดีที่โรแบรต์สั่งน้ำแข็งมารักษาสภาพศพทำให้ศพยังไม่เน่ามากนัก พุดซ้อนเจอรอยเส้นเชือกที่ใต้รักแร้ รอยถลอกยาวและรอยเปื้อนโคลนที่กลางหลัง และมีซี่โครงหักด้วย พุดซ้อนยิ่งมั่นใจว่ากัปตันฌองถูกคนฆ่าก่อนทิ้งน้ำ จึงผ่าท้องเพื่อเอาสารในกระเพาะอาหารเก็บไปตรวจด้วย บังเอิญโรแบรต์เข้ามาดูศพพอดี โรแบรต์จึงมอบผ้าลายกินรีให้พุดซ้อนตรวจสอบ
และทั้งสองได้พูดคุยกันว่าผู้ต้องสงสัยที่โรแบรต์พบเพิ่มคือ กัปตันปอลที่เคยมีปากเสียงกันตรงตามข่าวที่พุดซ้อนได้ยินมา คลารา ภรรยากัปตันเองก็เคยมีข่าวว่าสามีนอกใจและทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีนางเอี้ยง (วิรากานต์ เสณีตันติกุล) ทาสในบ้านกัปตันฌองที่ถูกข่มขืนทั้ง ๆ ที่กำลังท้องอยู่ด้วยเจ้าจอมสารภีและลูกจัน ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ไปสืบข่าวเรื่องผ้ากินรีมาได้จึงรีบมาบอกพุดซ้อนที่บ้าน บังเอิญหลวงอินทร์มาที่บ้านเพื่อถามเรื่องจวงจึงได้ฟังข่าวพร้อมกัน
เจ้าจอมสารภีพบว่า ผ้าลายกินรีเป็นของเจ้าจอมกินรีคนเดียว พิม คนของเจ้าจอมกินรีสนิทกับลูกจันจึงเล่าว่าเคยมีผ้าหายไปหลายผืนแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหน อีกทั้งเจ้าจอมกินรียังรู้จักกับกัปตันปอลและกัปตันฌองเพราะผ้าลายอย่างในตำหนักถูกส่งมาจากเมืองสุรัตด้วยเรือของกัปตันทั้งสองคน และได้ยินว่าเจ้าจอมกินรียังเคยมีปากเสียงกับกัปตันทั้งสองคนเรื่องค้างเงินค่าสินค้าด้วย พุดซ้อนจึงฝากผ้าลายกินรีไว้กับเจ้าจอมสารภีเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมโรแบรต์มาชวนให้พุดซ้อนไปหาคลาราด้วยกันอีกครั้ง แต่พุดซ้อนต้องไปดูนางจวง จึงให้โรแบรต์ไปดูนางจวงก่อนแล้วค่อยไปหาคลาราด้วยกัน จั่นปลอมเป็นหญิงเพื่อดูแลแม่อยู่ในบ้านแต่ไม่มีใครรู้ เมื่อเห็นพุดซ้อนมา จวงจึงไล่ให้จั่นลงไปก่อน แต่หลวงอินทร์ปลอมตัวเพื่อดักจับอยู่ เมื่อเห็นจั่นลงมาก็รีบเข้าจับกุม โรแบรต์เห็นก็เข้าใจผิดคิดว่ามีผู้ชายลวนลามผู้หญิงจึงเข้าไปช่วย ทำให้จั่นสบโอกาสแล้วหนีไปได้ หลวงอินทร์โมโหมากจึงเข้าไปจับจวงข้อหาให้ที่อยู่คนร้าย พุดซ้อนพยายามห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ
หลังจากนั้น โรแบรต์ไปบ้านของคลาราพร้อมกับพุดซ้อน คลาราเล่าเรื่องที่กัปตันฌองมีปัญหากับเจ้าจอมกินรีเพราะเจ้าจอมเล่นพนันแล้วมายืมเงินกัปตันฌองอยู่บ่อยครั้ง กัปตันฌองจึงไปยึดผ้าลายกินรีมาจากเรือกัปตันปอล อีกทั้งยังเล่าว่าสามีของเธอเป็นคนมีนิสัยประหลาดชอบแต่งหญิงเพื่อเพิ่มอารมณ์ทางเพศของตนเอง เมื่อเสร็จธุระกับคลารา พุดซ้อนก็กลับมาที่บ้านแล้วพบว่าหลวงอินทร์ได้นำนางจวงมาไว้ที่บ้านของเธอ ความจริงแล้วหลวงอินทร์ต้องการล่อให้จั่นไปมอบตัวจึงต้องทำเป็นจับนางจวง และที่นำจวงมาไว้ที่บ้านของพุดซ้อนเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ พุดซ้อนเข้าใจจึงหายโกรธและเล่าเรื่องที่รู้มาจากคลาราให้หลวงอินทร์ฟัง
เธอขอให้หลวงอินทร์ร่วมมือกับตนและโรแบรต์เพื่อสืบหาคนร้ายที่ฆ่ากัปตันฌองให้เร็วที่สุด หลวงอินทร์ตอบตกลงพุดซ้อนแวะไปหาเจ้าจอมสารภีและลูกจันในวังเพื่อถามข่าวเรื่องผ้าลายกินรี เธอขอผ้าลายกินรีกลับไปเพื่อสืบเพิ่มเติม ก่อนออกจากวัง โขลนได้ขอตรวจดูห่อผ้าลายกินรี แต่ก็ปล่อยตัวเธอออกมาตามปกติ แต่โขลนคนนั้นกลับไปแจ้งคุณท้าวนกแก้วซึ่งเป็นตำรวจในวังและเป็นคนของเจ้าจอมกินรี คุณท้าวนกแก้วจึงไปแจ้งเจ้าจอมกินรีเรื่องที่พุดซ้อนนำผ้าลายกินรีติดตัวออกจากวังไป เจ้าจอมกินรีร้อนใจมาก รีบไปหาเจ้าจอมสารภีในคืนนั้น แต่เจ้าจอมสารภีมีประสบการณ์มาก เธอทำตัวสงบนิ่งและยืนยันเสียงแข็งว่าตนไม่รู้เห็น หากจะกล่าวหากันก็ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน เจ้าจอมกินรีทำอะไรไม่ได้จึงกลับไปด้วยความแค้นใจ
พุดซ้อนกลับมาที่บ้าน ก้าวออกจากเรือเป็นคนแรก ไม่ทันระวังตัวก็ถูกจั่นจับตัวไว้เพราะเข้าใจว่าพุดซ้อนเป็นคนรักของหลวงอินทร์และจะนำตัวพุดซ้อนไปแลกกับนางจวง หลวงอินทร์ที่เฝ้าจวงอยู่ที่เรือนคนไข้ได้ยินเสียงเอะอะจึงตามมาช่วยได้ทัน แต่ก็ถูกจั่นแทงเข้าที่ท้องแล้วหนีไป พุดซ้อนให้อะมีนะห์ไปหาสมุนไพรห้ามเลือด อะมีนะห์ที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ภาษาสยามกลับทำตามคำสั่งได้ทันที ส่วนมีไปตามหลวงพ่อโปมาร์ค มาช่วยทำแผล เนื่องจากแผลมีดแทงต้องใช้หมอสองคนช่วยกันห้ามเลือดและดึงมีดออก เมื่อทำแผลเสร็จ หลวงอินทร์ก็พ้นขีดอันตรายเพราะไม่ได้แทงถูกจุดสำคัญโรแบรต์ไปสืบคดีจากกัปตันปอล กัปตันยืนยันว่าคืนนั้นตนอยู่กับอุสมาน เพื่อนชายคนสนิทและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของกัปตันฌอง
แต่กัปตันปอลยอมรับว่ามีปัญหากับกัปตันฌองจริง เพราะกัปตันฌองมาเอาผ้าลายกินรีที่มากับเรือของตนไป ตนจึงไม่ได้รับเงินจากเจ้าจอมกินรี และไม่สามารถฟ้องร้องกับใครได้เพราะการทำผ้าลายอย่างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าอยู่หัวถือว่ามีความผิด หลังจากนั้นยังมีข่าวว่าเจ้าจอมกินรียังได้ส่งคนไปรุมทำร้ายกัปตันฌองด้วย นอกจากนี้ กัปตันปอลยังเกริ่นว่าจะเล่าเรื่องเด็กคนหนึ่งให้ฟัง แต่ให้โรแบรต์มาหาภายหลังเพราะวันนี้ตนต้องการจะพักผ่อนแล้วพุดซ้อนนำสารในกระเพาะอาหารของกัปตันฌองมาตรวจ พบว่าในกระเพาะอาหารมีว่านเลือดอยู่ ซึ่งทำให้มีอาการ หน้ามืดวิงเวียน หัวใจเต้นผิดปกติ และอาการคล้ายคนเมาเหล้า และยังมีฤทธิ์ฆ่าคนได้อีกด้วย
พุดซ้อนได้ลองเอายางของว่านเลือดไปเทียบกับรอยแปลกๆบนผ้าลายกินรีและได้ผลตรงกัน ทำให้เธอแน่ใจว่ามีคนตั้งใจผสมว่านเลือดในอาหารให้กัปตันฌองกินอย่างแน่นอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตรวจคนไข้เสร็จ พุดซ้อนจึงรีบนำข่าวนี้ไปบอกหลวงอินทร์และโรแบรต์ พุดซ้อนตั้งใจจะไปหาคลาราอีกครั้งเพื่อถามถึงอาหารมื้อสุดท้ายที่กัปตันฌองได้กินเข้าไป จึงขอให้โรแบรต์ไปด้วยเพื่อให้คลารายอมให้เข้าพบในคืนนั้น อะมีนะห์ได้ยอมเล่าเรื่องของตนเองให้พุดซ้อนฟัง ว่าเธอเป็นคนในเมืองสุรัต บ้านของเธอทำผ้าลายกินรีผืนนี้ เธอจำได้เพราะผ้าผืนนี้ถูกสั่งทำขึ้นพิเศษเพียงชิ้นเดียว
ต่อมาพ่อของเธอให้แต่งงานกับเศรษฐีชายแก่ แต่คืนเข้าหอเศรษฐีคนนั้นก็ตาย ทำให้เธอต้องเข้าพิธีสตีที่ต้องตายตามสามีไป เธอไม่อยากตายจึงต้องหนีขึ้นเรือของกัปตันปอลโดยปลอมเป็นชาย โดยเพื่อนของเธอให้ความช่วยเหลือ แต่เพื่อนถูกจับได้และโยนทิ้งทะเลไปกลางทาง เมื่อถึงสยามจะถูกนำไปขายจึงหนีไปและได้เจอกับจีบเช้าวันถัดมา คนของกัปตันปอลมาแจ้งให้โรแบรต์ไปที่บ้านของกัปตันปอลโดยด่วน เมื่อไปถึงโรแบรต์ก็ได้พบศพของกัปตันปอลถูกเชือดคอ โดยคนของเขาคิดว่าอุสมานเป็นคนทำเพราะเขารีบร้อนหนีไปกลางดึก ฝ่ายพุดซ้อนเอง เจ้าจอมกินรีก็มาหาที่บ้านเพื่อขอผ้าของเธอคืน