ตอนที่ 9
กลับมาถึงวังจุฑาเทพแล้ว คุณชายทั้ง 5 ก็ช่วยกันเช็กข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่าจะมีข่าวอะไรอย่างที่พวกตนวิตกไหม ปรากฏว่าไม่มี
“ถือว่าโชคดี ยังพอแก้ไขได้ทัน” ชายภัทรเป็น ตัวตั้งตัวตี หันไปทางชายใหญ่ “พี่ชายใหญ่พร้อมไหมครับ”
“พร้อม! ไปกันเลย” ชายใหญ่ยืดอกแมนๆ เดินนำน้องๆทั้ง 4 ออกไปอย่างห้าวหาญราวกับจะไปรบทัพจับศึก
ไปถึงวังเทวพรหม ชายใหญ่รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นแก่เทวพันธ์อย่างละเอียด ฟังแล้วเทวพันธ์ถามอย่างตึงเครียดว่าเรื่องทั้งหมดที่เล่ามาเป็นความจริงหรือ
“ครับ...ผมรีบมาเรียนคุณลุงด้วยตัวเอง ก่อนที่จะเป็นข่าวออกไป” ชายใหญ่ยอมรับอย่างรู้สึกผิด
เทวพันธ์เครียดมาก พูดอย่างตำหนิว่า ลำพังผู้หญิงไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายทั้งโขยงก็น่ารังเกียจแล้วนี่ยังแต่งเป็นชายไปร่วมกลุ่มด้วย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น มารตีกับวิไลรัมภาก็เสริมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนเกษราที่นั่งอยู่ด้วยหน้าเสีย
คุณชายทั้ง 5 ไม่สบายใจที่เกษราถูกตำหนิจากพ่อและน้องๆ ชายใหญ่ออกรับแทนว่าเป็นความผิดของตนเองที่ชวนเกษราไป ชายรุจก็ยอมรับว่าตนเป็นคนเสนอความคิดนี้ ชายภัทรบอกว่าตนเป็นคนสนับสนุน ชายเล็กกับชายพีร์ต่างออกมายอมรับผิดด้วย แล้วชายภัทร ชายเล็ก และชายพีร์ก็ยกมือไหว้ขอโทษเทวพันธ์พร้อมกัน
“ในเมื่อทุกคนยอมรับผิดแทน ลุงก็...ไม่ว่าอะไร แต่แค่รับผิดมันไม่เพียงพอ มันต้อง ‘รับผิดชอบ’ ด้วย” แล้วชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายถึงความไม่เหมาะสม เห็นชายใหญ่เงียบเลยถามจี้ว่า “ลุงขอถามสักคำ หม่อมป้ารู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้หรือเปล่า”
คุณชายทั้ง 5 มองหน้ากันอึ้ง แบบรู้ตัวว่า “โดนแน่!”
ooooooo
กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกที เมื่อวันรุ่งขึ้น เทว-พันธ์ไปที่วังจุฑาเทพ พอย่าเอียดกับย่าอ่อนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ย่าเอียดถึงกับลมตีขึ้นจะเป็นลม ย่าอ่อน ตำหนิว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีคุณชายคนไหนเล่าให้ฟังสักคน
“คุณชายไม่ต้องห่วง ป้าไม่ยอมให้ข่าวนี้ทำให้ หนูเกษต้องเสียหาย ป้าจะต้องหาทางออกที่ดีที่สุด...เทว– พรหมจะหม่นหมองเพราะจุฑาเทพ ไม่ได้เป็นอันขาด!” ย่าเอียดรับรอง ทำให้เทวพันธ์กลับไปอย่างสบายใจขึ้น
คุณชายทั้ง 5 นั่งเครียดรอย่าเอียดกับย่าอ่อนมาชำระคดีอยู่ เมื่อย่าทั้งสองมาถึง ถามว่าใครเป็นต้นคิด เรื่องนี้ ชายใหญ่ยืดอกรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
“ย่าอยากรู้เหตุผลที่แท้จริง ทำไมถึงได้คิดทำเรื่องแผลงๆ กันแบบนี้” ย่าเอียดมองหน้าคุณชายทั้ง 5 เรียงตัว แล้วถามต่อ “ย่ารู้มาว่านอกจากหนูเกษ ยังมีหนูมะปรางไปกับคณะด้วย ตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง แล้วหนูมะปรางมาเกี่ยวได้ยังไง!!”
เมื่อย่าทั้งสองรู้ว่ามะปรางเป็นต้นคิดเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงอาทิตยรังสี ก็พากันชื่นชมว่าช่างกล้าหาญกตัญญูจริงๆ
“ถ้าหนูมะปรางไปด้วยเหตุผลนี้ย่าก็เบาใจเพราะเขาไม่ได้ไปเพราะความคิดแผลงๆของพวกเรา ตอนนี้ก็เหลือแต่เรื่องหนูเกษรา ชายใหญ่เราไปออกหน้ารับปากจะรับผิดชอบกับคุณชายเทวพันธ์เอาไว้ แล้วรู้หรือยังว่าจะรับผิดชอบยังไง”
ย่าเอียดหันจ้องเอาคำตอบจากชายใหญ่ ย่าอ่อนพูดแทนว่ามีทางเดียวที่จะล้างอายฝ่ายหญิงได้คือต้อง“แต่งงาน” เท่านั้น ชายภัทร ชายเล็ก และชายพีร์พูดพร้อมกันว่า “อย่าเพิ่งแต่งเลยครับ” ย่าเอียดมองขวับถามว่าทำไม??
“เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพี่ชายใหญ่กับคุณเกษแค่สองคน แต่เป็นเรื่องน้องมะปรางกับคุณชินกรด้วยครับ”
ชายภัทรเอ่ยขึ้นก่อน ชายเล็กเห็นด้วยให้เหตุผลว่า คนที่หลงป่าอยู่กับชายใหญ่คือมะปราง ส่วนเกษราหลงป่าอยู่กับชินกร ชายพีร์เสริมว่า “ถ้าพี่ชายใหญ่รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน แล้วใครจะรับผิดชอบน้องมะปราง?”
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที ชายรุจเสนอว่าขอเวลาให้พวกตนแก้ปัญหานี้กันเองก่อนดีไหม ย่าอ่อนโวยว่าเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น ปล่อยให้ข่าวเสียๆหายๆ กระฉ่อนไปก่อน แล้วค่อยมาแก้อายเขาเปล่าๆ
ย่าเอียดพูดอย่างตรึกตรองว่า เห็นด้วยกับชายรุจว่า การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ย่าจะให้เวลาแต่ไม่นาน ชายใหญ่ต้องรีบตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาเกษรากับมะปรางอย่างไร พูดทิ้งท้ายให้ธราธรสะอึกว่า
“ถ้าชายใหญ่ตัดสินใจไม่ได้ ย่าจะเป็นคนตัดสินใจให้เอง!”
ooooooo
ไม่ทันไร หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวครึกโครมเรื่องการจับกุมพวกขโมยวัตถุโบราณ ตั้งฉายาให้คุณชายทั้ง 5 ว่าเป็น “ห้าสิงห์จุฑาเทพ”
แต่ที่เป็นปัญหาคือข่าวเขียนบรรยายว่า
“แม้จะปิดกันให้วุ่นทั้ง 3 วัง...วังจุฑาเทพ วัง เทวพรหม และวังแสงอาทิตย์ แต่ความก็แตกจนได้เมื่อนักข่าวตาไวถ่ายภาพหม่อมหลวงระวีรำไพ สวัสดิ์วาส บุตรีหม่อมราชวงศ์อาทิตยรังสี สวัสดิ์วาส และหม่อมหลวงเกษรา เทวพรหม คู่หมายของคุณชายใหญ่แห่งวังจุฑาเทพ หม่อมราชวงศ์ธราธร จุฑาเทพเอาไว้ได้ จากภาพที่เห็น สองสาวปลอมเป็นชาย แฝงกายเข้าไปในคณะชายล้วนอย่างก๋ากั่น”
มะปรางชี้แจงข่าวนี้แก่กัลยาผู้เป็นแม่ว่า ถึงตนจะหลงป่ากับชายใหญ่สองต่อสอง แต่มันไม่มีอะไรไม่งามเลย และตนไม่ต้องการให้ชายใหญ่มารับผิดชอบ พูดอย่างรับไม่ได้ว่า
“มันไม่ยุติธรรมถ้าพี่ชายใหญ่ต้องมาลงเอยกับปราง เพียงเพราะเกรงคนประณาม ถ้าต้องมีใครสักคน รับผิดชอบ ปรางขอรับเองค่ะ ปรางผิดตั้งแต่เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้”
มะปรางตัดสินใจจะเดินทางไปอังกฤษให้เร็วขึ้นเพื่อสยบข่าวนี้ อาทิตยรังสีถามว่ามั่นใจหรือว่าจะใช้วิธีนี้ เมื่อมะปรางยืนยันหนักแน่น เพราะจะทำให้ข่าวลือจางลงและอีกไม่นานชายใหญ่กับเกษราก็แต่งงานกันคำครหาก็จะหมดไป
“ถ้าลูกมั่นใจพ่อจะไม่เร่งรัดเอาความกับคุณชายใหญ่ แล้วเร่งตั๋วเดินทางไปอังกฤษให้เร็วขึ้น ไม่สนใจปากหอยปากปู ใครจะว่าอะไรก็ช่าง” แล้วถามตรงๆ “แล้วปรางล่ะลูก ปรางรักคุณชายใหญ่หรือเปล่า”
“หรือลูกจะยอมเป็นคนเสียสละ” กัลยาถามต่อ
“ปรางไม่ได้เสียสละ ปรางทำในสิ่งที่ควรทำพี่ชายใหญ่ กับพี่เกษกำลังจะแต่งงานกัน ถ้าปรางเข้าไปแทรก ปรางจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายแย่งชิง แต่ถ้าปรางจากไป ทุกคนก็จะสมหวัง...ความรักของปรางมันเป็นความรักแบบเด็กๆ อีกไม่นาน...ปรางคงลืม ขอเวลาสักพักพอกลับมา ปรางจะรักพี่ชายใหญ่เหมือนพี่ชายจริงๆ ปรางรู้ว่า มันคงทำได้ยาก...แต่ปรางจะทำให้ได้!!” แม้น้ำเสียงจะเด็ดเดี่ยว แต่มะปรางก็น้ำตาไหลอย่างต่อสู้กับความเจ็บปวดของตัวเอง...
ทั้งกัลยาและอาทิตยรังสีต่างกอดมะปรางไว้ ชมว่าลูกเข้มแข็ง ลูกทำถูกแล้ว อาทิตยรังสีเอ่ยอย่างภูมิใจว่า
“ความเข้มแข็งของลูกในวันนี้ จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง...พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก”
ooooooo
เมื่อกลายเป็นข่าวกระฉ่อนเมืองเช่นนี้ ย่าเอียดจึงโทรศัพท์ให้เกษรามาคุยที่วังจุฑาเทพ เทวพันธ์เป็นคนรับสายก็เล่าให้มารตีและวิไลรัมภาฟัง
วิไลรัมภาดีอกดีใจ เสนอว่าถ้าเกษราแต่งงานกับชายใหญ่ ก็จัดแต่งสามคู่พร้อมกันไปเลยดีไหม เทวพันธ์ติงว่า
“ถ้าเกษแต่งไป คุณชายที่เหลือไม่ต้องแต่งก็ได้เพราะถือว่าพันธะระหว่างพ่อกับท่านชายวิชชากรเป็นอันจบสิ้นลงแล้ว ตอนนั้นท่านมีดำรัสว่า อยากให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งแต่งงานกับลูกสาวพ่อคนใดคนหนึ่งไม่จำกัดว่าคนไหน แต่อยากให้สองตระกูลดองกัน ถ้าเกษแต่งไปแล้ว คนอื่นๆก็ไม่ถือเป็นสัญญา”
คำตอบของเทวพันธ์ทำให้ทั้งมารตีและวิไลรัมภาหน้าเสีย เพราะต่างมีเป้าหมายที่จะจับคุณชายแห่งจุฑาเทพอยู่แล้ว สองพี่น้องไปคุยกันตามลำพัง ทั้งสองบอกกันว่าจะยอมให้เกษราแต่งงานกับชายใหญ่ไม่ได้ มิฉะนั้นเราทั้งสองต้องชวดแน่ๆ
“เราจะขัดขวางการแต่งงานของพี่เกษกับพี่ชายใหญ่ได้ยังไง เราจะทำยังไงกันดี!” วิไลรัมภาร้อนใจ
“ไม่เห็นยาก” มารตียิ้มร้าย “พี่มีหมากตัวสำคัญ ถ้าเริ่มเปิดเกมเมื่อไหร่ หมากตัวนี้จะทำให้เราเป็นผู้ชนะ”
หมากตัวนั้นของมารตีคือชินกรนั่นเอง เพราะรู้ว่าชินกรพอใจเกษราจนแวะเวียนมาที่ร้านขนมทุกวัน หวงเกษรากระทั่งเหมาขนมหมดร้านเพื่อไม่ให้หนุ่มๆที่มารอซื้อต้องพากันกลับ ทั้งยังหลอกถามเกษราว่าตอนหลงป่าชินกรถึงกับเอาตัวบังกระสุนเพื่อให้เกษราหนีหรือพอเกษรารับว่าจริง ก็ทำเป็นอุทานอย่างตื่นเต้นซาบซึ้งใจว่า
“น่ารักเสียจริง ถ้ามีคนทำแบบนี้กับมารตี มารตีรักตายเลย”
แล้วหลอกถามอีกว่า เหตุที่มะปรางกับชายใหญ่พลัดหลงไปด้วยกันเพราะมะปรางลื่นตกหน้าผาแล้วชายใหญ่เสี่ยงชีวิตตัวเองกระโดดตามลงไปช่วย วิไลรัมภาผสมโรงเป็นปี่เป็นขลุ่ยว่านี่ถ้าไม่รักกันจริงๆก็ทำแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งสองช่วยกันปั่นหัวเป่าหูจนเกษราสับสน แล้วรวบรัดว่า ข่าวที่ออกไปมะปรางก็เสียหายไม่น้อยถ้าเขามีอะไรกันจริงๆ และไม่ยอมเลิกราบังคับให้พ่อมาบีบชายใหญ่ให้รับผิดชอบแล้วพี่เกษจะทำอย่างไร
พอเห็นพี่สาวสับสนกังวลก็สำทับว่า
“เราสองคนไม่ได้ขู่นะคะ แต่เราพูดด้วยความ เป็นห่วง พี่เกษก็ลองเก็บไว้คิดดูนะคะ...อ้อ อีกเรื่องค่ะ เมื่อกลางวันหม่อมย่าเอียดโทร.มา ท่านเชิญให้พี่เกษไปพบที่วังวันพรุ่งนี้ มารตีคิดว่าคงจะพูดเรื่องแต่งงาน” แล้วทำเป็นหวังดีเตือนว่า “พี่เกษควรเตรียมคำตอบไว้ให้ดี ว่าจะตัดสินใจยังไง แล้วก็ระวังไว้นะคะ คนแก่รักหลานคงอยากให้สมหวังกันหมดทั้งสามคน”
พูดแล้วเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้เกษรา นั่งเครียดด้วยความเป็นห่วง กลัวมะปรางจะเสียหายไปด้วย
ชายใหญ่พยายามโทร.ไปคุยกับมะปราง แต่เธอสั่งเด็กรับใช้ไว้เลี่ยงไม่รับสาย ชายใหญ่ได้แต่ถือสายรอแล้ววางอย่างผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
ชินกรก็ได้แต่ซื้อและกินขนมหวานแทนความรู้สึกที่คิดถึงคนทำ กินไปใจลอยคิดถึงไปอย่างไม่มีทางออก
ooooooo
เช้านี้ ชายใหญ่อยากรู้ว่าระหว่างที่ตนไม่อยู่ พวกน้องๆมีอะไรคืบหน้ากับสาวๆวังเทวพรหมบ้าง ถามชายพีร์ว่าชอบวิไลรัมภาหรือไม่ ชายพีร์ไม่ชอบเพราะรู้สึกว่าเธอพูดมากเกินไปและเอาแต่ใจตัว
ครั้นถามชายภัทรที่กำลังถูกมารตีรุกหนักอยู่
ชายภัทรพูดอย่างยึดมั่นในความคิดตัวเองว่า ตนไม่เชื่อการคลุมถุงชน พอจิตใจต่อต้านมันก็ยากที่จะรัก ชายใหญ่เลยถามถึงชายรุจว่าพอจะรักใครในสองคนนี้หรือเปล่า
“พี่ชายใหญ่ก็รู้ว่าชายรุจมีคุณวาดดาวอยู่แล้ว” ชายใหญ่ถามว่าแล้วชายเล็กล่ะ ชายพีร์ตอบอย่างมั่นใจว่า
“รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ชอบโดนบังคับ แล้วก็
ไม่ชอบผู้หญิงจัดจ้าน สังคมจ๋าเหมือนสองคนนี้แน่นอน ขืนบังคับมากๆมีหวังหนีเข้าป่าไปแต่งกับสาวชาวดงประชดเข้าให้”
ฟังสภาพของน้องๆแล้วชายใหญ่ถอนใจยาว... ก่อนเดินออกจากวังไป...
ooooooo
เกษรามาพบย่าเอียดตามนัด ย่าเอียดถามรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฟังแล้วรวบรัดตัดความกับเกษราว่า
“ย่าตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง แต่ข่าวออกมาแบบนี้ ชายใหญ่จะต้อง ‘แต่งงาน’ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของหนูเกษ” เกษราถามว่าแล้วมะปรางไปค้างแรมในป่ากับชายใหญ่ใครจะปกป้องชื่อเสียงของเธอ ย่าอ่อนแทรกขึ้นทันทีว่า
“ใช่...หนูเกษคิดเหมือนย่า ข่าวนี้มีผู้หญิงเสียหายสองคน ย่าคิดว่าให้ชายใหญ่แต่งงานกับผู้หญิงทั้งสองคนเลยดีไหมจ๊ะ ใครๆเขาก็ทำกัน ท่านชายวิชชากรก็มีเมียถึงสามคน ให้หนูเกษขึ้นทะเบียน ฝ่ายโน้นอายุน้อยก็เป็นรองไป”
เกษราหน้าเสีย ย่าเอียดเสียงเข้มกับย่าอ่อนว่า มะปรางไม่ใช่ลูกตาสีตาสา เป็นลูกสาวคุณชายอาทิตย์ ขืนทาบทามได้ไม่ต้องมองหน้ากันไปตลอดชีวิตเลย ย่าอ่อนถามว่าแล้วจะทำอย่างไร ย่าเอียดขอจัดการเอง แล้วพูดกับเกษราว่า
“ที่ย่าเชิญหนูเกษมาเพื่อจะบอกว่า ทางเราจะไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ อยากให้หนูเกษเตรียมตัวสำหรับงานหมั้นและงานแต่งให้พร้อม แล้วย่าจะรีบหาฤกษ์หายามให้เร็วที่สุด...คิดว่าหนูคงจะไม่ขัดข้อง”
“แล้วพี่ชายใหญ่ล่ะคะ ถ้าต้องแต่งงานกับเกษ พี่ชายใหญ่จะขัดข้องหรือเปล่า?”
คำถามนี้ทำให้ย่าเอียดกับย่าอ่อนสะอึกไป เหมือนถูกถามแทงใจดำ
ระหว่างเดินออกมา เกษราก็ยังคิดไม่ตกว่า “แต่ผู้หญิงที่เสียหายมีสองคน ไม่ใช่เราคนเดียว...”
ooooooo
ออกจากวังจุฑาเทพ เกษรายังสับสนไม่สบายใจ คนที่คิดถึงและอยากคุยด้วยในยามนี้คือชินกร เธอบ่ายหน้าไปหาเขาที่บ้าน ทำเอาชินกรตื่นเต้นจนวางตัวไม่ถูก ถามว่ามีอะไรให้ตนรับใช้หรือถึงได้มาหา
เกษราบอกว่ามาขอบคุณที่เขาไปซื้อขนมที่ร้านและมาถามอาการบาดเจ็บด้วย ชินกรบอกว่าแผลแห้งแล้ว แต่ก็ยังติดใจถามว่า มาเพื่อขอบคุณและถามอาการบาดเจ็บ...แค่นี้หรือ?
“ไม่ใช่ค่ะ ที่ฉันมาเพราะฉันสับสน อยากคุยกับใครสักคน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...ทำไม...ฉันถึงมาหาคุณ”
“ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร ขอบคุณที่คุณไว้วางใจผม ผมยินดีฟังทุกเรื่องและจะเก็บไว้เป็นความลับ” ชินกรให้คำมั่นทั้งดีใจและภูมิใจ เกษราเองก็เบาใจสบายใจ
ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เปิดใจถึงความไม่สบายใจกับข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เสียงซุบซิบ และสายตาในสังคม จนกระทั่งเกษราตัดบทอย่างทำใจได้แล้วว่า
“วันนี้หม่อมเอียดเรียกฉันไปคุยและบอกว่าจะให้พี่ชายใหญ่รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
“เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ” ชินกรพูดอย่างหน้าชื่นอกตรม เกษราถามว่าถูกต้องอย่างไรหรือ ในเมื่อคนที่ติดอยู่ในป่ากับเขาไม่ใช่ตนแต่เป็นมะปราง ซึ่งก็เสียชื่อเหมือนกันย้ำว่า ที่สำคัญกว่าความถูกต้องคือความรู้สึกของมะปราง...
“ฉันรู้สึก...รู้สึกว่าพี่ชายใหญ่ห่วงน้องปรางมาก และน้องปรางก็เหมือนกัน...เหมือนเธอรักพี่ชายใหญ่”
เกษราบอกว่าตนเทียบกับมะปรางไม่ได้เลย น้องปรางสดใสกล้าหาญ แต่ตนจืดชืดเย็นชา ทำงานหนักจนไม่เหลือความสดใสในชีวิต ชินกรท้วงติงด้วยความรู้สึกจากใจว่า
“ไม่จริงครับ...คุณไม่ได้ไร้ค่าแบบนั้น อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่มองเห็นคุณค่าในตัวคุณ”
ชินกรรวบรวมความกล้าเปิดเผยความรู้สึกกับเธอว่า ไม่ว่าเธอจะเป็นนายก้องเกียรติหรือเกษรา ตนก็ไม่เคยลืมใบหน้าเธอนับแต่แรกพบ เฝ้าถามตัวเองว่าทำไม และได้รับคำตอบว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะ... “ผมรักคุณ”
แต่เมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ชินกรจึงแนะนำด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า เธอควรทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง ถ้าชายใหญ่คือคนที่ใช่ก็ไม่ต้องกลัวคำครหา ส่วนเรื่องมะปรางก็ควรถามกันให้รู้เรื่องจะได้ไม่คลางแคลงใจต่อกัน
เกษราตัดสินใจไปหามะปราง ถามตรงๆว่าเธอรักชายใหญ่หรือเปล่า มะปรางตอบอย่างไม่ปิดบังว่า “รักค่ะ...” แล้วอธิบายว่าตนรักชายใหญ่แบบพี่ชายเพราะโตมาด้วยกัน ผูกพันกันมากเกินกว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
แต่ชายใหญ่ธราธรแจ่มชัดว่าตัวเองรักมะปรางพยายามจะคุยด้วยแต่มะปรางก็หลบเลี่ยง เมื่อปรึกษาน้องๆ สี่คุณชาย จึงช่วยกันเจรจาให้เพื่อนของมะปรางช่วยหลอกให้เธอออกจากวัง ชายใหญ่จึงไปดักพบได้สำเร็จ
ชายใหญ่สารภาพความรู้สึกที่มีต่อมะปรางว่า “พี่รักน้องปราง ไม่ใช่รักแบบพี่น้อง แต่เป็นความรักที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงมีให้หญิงสาว พี่รักน้องปรางนะครับ” มะปรางน้ำตารื้น พยายามข่มความรู้สึกของตัวเองชี้แจงว่า
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณในความรักที่มีให้ปราง แต่มันสายไปแล้ว จริงอยู่ ในป่าปรางบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปแต่มันเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ”
มะปรางบอกว่า เมื่อกลับมาจึงพบว่าตนรักเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง จึงตัดสินใจจะรีบไปอังกฤษและจะไม่เจอเขาอีก เมื่อถึงวันที่กลับมา เราสองคนก็จะกลายเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แล้วเอ่ยอย่างตัดใจ
“ลาก่อนนะคะพี่ชายใหญ่ของปราง...ลาก่อน...”
เมื่อมะปรางยืนยันเช่นนั้น ชายใหญ่จึงตัดสินใจบอกย่าเอียดให้จัดงานหมั้นกับเกษรา ย่าเอียดหาฤกษ์หมั้นเช้าแต่งเย็น พอได้ฤกษ์ก็ให้ทำหนังสือเชิญ บอกชายรุจให้หาโรงพิมพ์และแบบมาให้ย่าเลือกก่อน
“ส่วนรายชื่อแขกในงานเลี้ยงฉลองสมรสตอนเย็น ย่าจะเรียกมาจดอีกครั้ง ส่วนงานหมั้นเช้าและรดน้ำตอน
สาย เราจะเชิญคนมาไม่มาก มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท”
ย่าอ่อนขอเป็นผู้จัดเรื่องงานหมั้น รับรองว่าจะจัดให้เต็มที่รับประกันไม่ให้ขายหน้าวังอื่น
“พอได้ฤกษ์แล้วย่าอยากให้ชายรุจส่งข่าวไปที่หนังสือพิมพ์ สังคมจะได้รับรู้ว่าเรารับผิดชอบกับข่าวที่ออก ไป และเป็นการให้เกียรติหนูเกษด้วย” ย่าเอียดสั่งการ ชายรุจรับคำแข็งขันแต่แฝงไว้ด้วยความหนักใจบางอย่าง...
สองสามวันต่อมา เมื่อมะปรางอ่านข่าวงานแต่งของธราธรกับเกษราในหน้าหนังสือพิมพ์ เธอเอ่ยแสดงความยินดีทั้งที่หัวใจเศร้า... “ดีใจด้วยนะคะพี่เกษ...พี่ชายใหญ่...”
ooooooo
วันนี้ เกษราลองชุดที่จะใส่ในงานหมั้นช่วงเช้า มารตีชมว่าชุดสวยแต่ดูหมองๆเพราะไม่มีทองใส่ วิไลรัมภาพูดหยันๆว่าจะเอาทองที่ไหนมาใส่ในเมื่อคุณพ่อขายเอาเงินมาลงทุนหมดแล้ว
ทั้งมารตีและวิไลรัมภายังพูดเขย่าความรู้สึกของพี่สาวหมายให้เปลี่ยนใจไม่แต่ง แค่ไม่มีทองใส่ก็บอกว่าถ้าเป็นตน ตนไม่กล้าแต่งเพราะอายเขา
ระหว่างนั้นเอง แย้มมาบอกว่าชินกรให้คนเอาของมาส่ง พอเปิดดูมีเข็มขัดทอง สร้อยทอง กำไลทองล้วนแต่เป็นของโบราณสวยล้ำค่า แย้มบอกว่ามีจดหมายด้วย เกษราจึงหยิบอ่าน
“สวัสดีครับคุณเกษรา...ผมส่งของขวัญวันแต่งงานมาให้คุณล่วงหน้า เพราะคิดว่าคุณอาจจะจำเป็นต้องใช้สำหรับใส่ในงานหมั้นตอนเช้า ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากเพื่อนใหม่ของคุณ...ชินกร”
อ่านจดหมาย เห็นของฝากแล้ว เกษราทั้งดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน...
นอกจากนี้ เมื่อชายใหญ่ไปเชิญชินกรด้วยตัวเองที่บ้าน ชินกรยังแสดงความปรารถนาดีจากใจจริงบอกชายใหญ่ว่าฝากให้เกียรติเกษราทำให้เธอสบายใจด้วยเพราะเธอมักจะน้อยเนื้อต่ำใจว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา ชายใหญ่ขอบคุณชินกรแต่ก็สะดุดใจว่า เกษราไม่เคยคุยอะไรอย่างเปิดใจกับตนขนาดนี้เลย...
เกษราโทรศัพท์คุยกับมะปราง บ่นเสียดายมากที่มะปรางจะเดินทางไปอังกฤษในวันเดียวกับวันงานของตน มะปรางเองก็เสียดาย แต่บอกว่า ถ้าไม่รังเกียจ จะหาเพื่อนเจ้าสาวแทนตนให้สองคน แล้วก็ติดต่อให้โสภิตากับดาราฉายไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว ดาราฉายรับปากแต่ถามความรู้สึกของเพื่อนว่า จริงๆแล้วเธอคิดอย่างไรกับอาจารย์หม่อมกันแน่
“ใช่...เราสองคนจะได้วางตัวถูก เราไม่อยากทำตัวเบิกบานในงานแต่งงาน ในขณะที่เพื่อนรักของเราเศร้าใจจนต้องหนีไปต่างประเทศ”
มะปรางนิ่งไปอึดใจ ก่อนบอกเพื่อนอย่างมีสติจริงใจว่า
“ฉันขอบคุณเธอสองคนมากที่เป็นห่วง...แต่ฉันจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญ ฉันแค่ได้เห็นคนที่ฉันรัก 2 คน มีความสุข ฉันก็มีความสุขแล้ว”
เพื่อนรักทั้งสองฟังแล้วรู้ทันทีว่ามะปรางคิดอย่างไรกับชายใหญ่ธราธร...ได้แต่มองหน้าอย่างเข้าใจ ปลอบใจ...
ooooooo
วันงานมาถึงแล้ว โสภิตากับดาราฉายทำหน้าที่ที่มะปรางขอไว้อย่างดี ทั้งสองชมเกษราว่าวันนี้สวยมาก เกษราขอบคุณที่ทั้งสองส่งช่างแต่งหน้าทำผม และช่วยแต่งตัวให้ บ่นเสียดายที่มะปรางไม่ได้มา และตนไม่ได้ไปส่งน้องที่สนามบิน
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ มะปรางเข้าใจ ขนาดเราสองคนมะปรางยังบอกว่าไม่ต้องไปส่งเลยค่ะ มะปรางเขาเป็นคนเข้มแข็งค่ะไม่ต้องเป็นห่วง” โสภิตาพูดเป็นนัย เกษรานิ่งคิด ถามว่า จะขอถามอะไรตรงๆสักอย่างได้ไหม ทั้งสองบอกว่าได้ ถ้าพวกตนรู้ก็จะตอบ
“พี่อยากรู้ว่า น้องมะปรางคิดอย่างไรกับพี่ชายใหญ่?”
ทั้งสองอึ้ง โสภิตาบอกว่าพวกตนก็ไม่ทราบ ดาราฉายบอกว่าตนเคยถามแล้วแต่มะปรางไม่ตอบ โสภิตาพูดต่อว่า...
“ปรางบอกแค่ว่า แค่ได้เห็นคนที่รัก 2 คนมีความสุข เธอก็มีความสุขแล้ว”
“เรารู้แค่ว่า ปรางรักพี่ชายใหญ่และพี่เกษมาก และเธอก็ยินดีที่พี่ทั้งสองได้แต่งงานกัน...เรารู้แค่นี้จริงๆค่ะ” ดาราฉายยืนยัน
เกษรานิ่งอึ้ง พอดีแย้มมาบอกว่าคนจากวังจุฑาเทพมาแล้ว และได้ฤกษ์แล้ว เกษราจึงลุกขึ้นด้วยแววตาที่สับสน...
เมื่อคู่บ่าวสาวเข้าประจำที่เพื่อเข้าพิธี พิธีกรเอ่ยขึ้นว่า “ได้ฤกษ์...เจ้าบ่าวสวมแหวนหมั้นให้เจ้าสาวค่ะ”
“เกษทำไม่ได้ค่ะ!!!” เกษราเอ่ยขึ้นเสียงสะท้าน ดึงมือกลับ ทุกคนมองตกใจ งง เกษรายังคงย้ำว่า “เกษแต่งงานกับพี่ชายใหญ่ไม่ได้ค่ะ”
เทวพันธ์โกรธมาก ตำหนิว่าจะบ้าไปแล้วหรือ ย่าเอียดขอให้ใจเย็นๆ ให้เกษราพูดให้จบก่อน ธราธรก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า “น้องเกษค่อยๆสงบสติอารมณ์ก่อนนะครับ มีอะไรเราค่อยๆพูดกันได้”
“เกษคิดทบทวน ใคร่ครวญหลายหนแล้ว และเกษก็ตอบตัวเองได้ว่า...น้องปรางคือคนที่พี่ชายใหญ่สมควรจะช่วยกู้ชื่อเสียง ไม่ใช่เกษ...พี่ชายใหญ่ไม่มีวันรักเกษได้อย่างที่พี่ชายใหญ่รักน้องปราง...และเกษก็ไม่มีวันที่จะรักพี่ชายใหญ่ได้เหมือนน้องปรางเช่นกัน...”
เกษราพูดอย่างหนักแน่น มีสติ ชายใหญ่ธราธรฟังด้วยใจระทึก ส่วนบรรยากาศในงาน ช็อก!
ooooooo
เกษราพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ตนไม่ยอมพรากความรักของชายใหญ่กับมะปรางเด็ดขาด เทวพันธ์โมโหหน้าแดงก่ำถามว่า แล้วใครจะมารับผิดชอบชื่อเสียงของเธอ!
“ผมรับผิดชอบเองครับ!! ผมคือผู้ชายที่หลงป่าอยู่กับคุณเกษ ไม่ใช่คุณชายใหญ่ ผมขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง” ชินกรก้าวออกไปอย่างสง่างาม ประกาศว่า “ผมจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณเกษให้สมฐานะ และขอเป็นผู้ดูแลคุณเกษเองนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
เกษราซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ ย่าเอียดถามว่า แล้วหนูเกษยินดีแต่งงานกับอาจารย์ชินกรหรือเปล่า เธอตอบทันทีว่า
“ยินดีค่ะ เกษยินดีจะแต่งงานกับคุณชินกรด้วยความเต็มใจ” แล้วหันไปทางชายใหญ่ “พี่ชายใหญ่คะ น้องปรางไม่ได้รักพี่ชายใหญ่เหมือนพี่ชาย แต่เธอเสียสละเพื่อเราสองคน พี่ชายใหญ่อย่าปล่อยให้เธอหลุดมือไปนะคะ น้องปรางกำลังจะขึ้นเครื่องแล้วนะคะพี่ชายใหญ่ แหวนวงนี้...ควรจะอยู่กับผู้หญิงที่คู่ควรกับมันค่ะ”
เกษราส่งแหวนให้ชายใหญ่ คุณชายทั้ง 4 รีบมารุมล้อมเร่งให้พี่ชายใหญ่รีบไปสนามบิน
บรรดาผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานต่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว เทวพันธ์ยังโวยวายไม่เลิกว่าทำอย่างนี้ลูกสาวตนเสียหาย ย่าอ่อนบอกให้ใจเย็นๆ เพราะคุณชายยังเหลือลูกสาวอีกตั้ง 2 คน มารตีกับวิไลรัมภารีบแทรกเสนอตัว ต่างรับรองกับเทวพันธ์ว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังแน่ๆ
“คุณจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด!! และผมจะไม่ยอมลดสินสอดทองหมั้นแม้แต่สตางค์เดียว” เทวพันธ์ หันไปรุกชินกร เขาตอบอย่างหนักแน่น มีความสุขว่า
“ครับ ผมจะจัดมาให้สมนํ้าสมเนื้อ ไม่ให้น้อยหน้าใครเลยครับ...คุณพ่อ”
ชินกรฉวยโอกาสเรียกประเดิมเสียเลย แล้วหันมองเกษรา ต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข...
ooooooo
คุณชายธราธรขับรถไปสนามบินราวกับเหาะ ไปเจอรถของมะปรางกำลังจะเลี้ยวเข้าสนามบินพอดี ชายใหญ่หักรถปาดหน้าทันที เมื่อลงจากรถมาคุย กัน มะปรางถามว่าพี่ชายใหญ่มาที่นี่ได้อย่างไร แล้วพี่เกษล่ะ??
ชายใหญ่เล่าเรื่องทั้งหมดให้มะปรางฟัง แล้วยื่นแหวนให้ขอหมั้นไว้ก่อน มะปรางเรียนจบกลับมาเมื่อไร จะไปสู่ขอและแต่งงานกันทันที มะปรางยิ้มทั้งนํ้าตา
ก่อนจากกัน ชายใหญ่กำชับมะปรางให้คิดถึงตนและเขียนจดหมายมาทุกอาทิตย์ ยํ้าแล้วยํ้าอีกว่า
“อย่าลืมนะครับ วันที่น้องปรางกลับมาประเทศไทยคือวันที่เราจะได้แต่งงานกัน ไม่ว่านานแค่ไหน พี่ก็จะรอ เราจะจากกันเพื่ออนาคต จากวันนี้เพื่อความรักของเรา...ชั่วนิรันดร์”
“ค่ะ...เพื่อความรักของเรา...ชั่วนิรันดร์...” มะปรางให้คุณชายธราธรสวมแหวนหมั้นให้อย่างมีความสุข
ooooooo
หลังจากนั้น ชายใหญ่เขียนจดหมายเล่าเหตุการณ์ต่างๆในเมืองไทยให้มะปรางรับรู้อย่างมีความสุข เขียนบอกมะปรางว่าตนได้รับมอบหมายจากอาทิตยรังสีให้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองแทน และกำลังหาเที่ยวบินที่เร็วที่สุดเพื่อไปหาเธอที่ลอนดอนเพื่อจัดการเรื่องการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
ในจดหมายยังเล่าว่า ชินกรพาท่านรัฐมนตรีไปสู่ขอเกษรา สินสอดมากกว่าที่หม่อมย่าจัดให้เสียอีก เพราะชินกรเป็นลูกชายห้างทองใหญ่ สินสอดน้อยหน้าใครไม่ได้อยู่แล้ว นอกจากนั้นยังเล่าถึงขบวนการค้าวัตถุโบราณที่ถูกจับได้ยกแก๊ง แล้วจบจดหมายอย่างหวานชื่นว่า
“พี่ขอจบจดหมายเพียงเท่านี้ พี่ขอฝากความรักและคิดถึงไปพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ไม่มีวินาทีไหนที่พี่จะไม่คิดถึงน้องปราง ทั้งยามหลับและยามตื่นน้องปรางจะอยู่ในหัวใจพี่เสมอ...รักและคิดถึงสุดที่รักของพี่ชายใหญ่...ธราธร จุฑาเทพ”
ooooooo
มีข่าวดีที่วังจุฑาเทพ เมื่อคุณชายปวรรุจมีโอกาสเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อร่วมประชุมว่าด้วยเรื่องกฎหมายทางทะเลที่กรุงเจนีวา เป็นการประชุมที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
“แล้วนี่จะข้ามไปเยี่ยมคุณวาดดาวที่อังกฤษหรือเปล่า” ชายใหญ่ถามชายรุจหน้าขรึมลง บอกว่าคงไม่ได้ไป เพราะเธอเขียนจดหมายมาตัดสัมพันธ์ไปได้ปีกว่าแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว
ทุกคนตกใจ พี่ชายใหญ่ธราธรตบไหล่ชายรุจ
อย่างให้กำลังใจ
คุณชายปวรรุจ หรือชายรุจของทุกคนยิ้มเศร้าๆ คิดถึงวาดดาวและเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต...
ooooooo
จบ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน คุณชายธราธร