ตอนที่ 8
มะปรางกับเกษราตื่นสาย พอตื่นขึ้นมาก็รีบทำทุกอย่างไวราวกับลิง
ธราธรยังคุยอยู่กับอาทิตยรังสีที่บ้านพักหลังใหญ่ ทั้งสองต่างกังวลว่า กลัวพวกที่ขโมยกระเป๋ากับพวกล่าสมบัติจะเป็นพวกเดียวกัน
“การ สำรวจเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยของทุกคนก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อวานอาฝากอ่อนศรีไปแล้ว วันนี้อาฝากคุณชายใหญ่ดูแล...ทุกคนด้วยนะ”
“ครับคุณอาไม่ต้องห่วง ทันทีที่ถึงปราสาท ผมจะรีบเก็บข้อมูลและเดินทางกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด”
เมื่อ ชายใหญ่ออกไปแล้ว อาทิตยรังสีคิดห่วงมะปรางที่เห็นตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทางแล้ว แต่ทำเป็นไม่รู้ วันนี้ก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า
“การเดินทางครั้งนี้คงทำให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นะ...มะปราง”
ธราธรออกมาเจอชินกรรออยู่ เขาขอโทษที่ให้รอ ชวนออกเดินทางกันเลย ชินกรละล้าละลังบอกว่าก้องเกียรติกับตะวันยังไม่มาเลย
“ไม่ตรงเวลาก็ไม่รอ...เราไปกันเลยครับ” ธราธรตัดบท
“รอ ด้วยครับ...รอด้วย ผมมาแล้วครับ...รอด้วยคร้าบบบบบ” เสียงมะปรางกับเกษราร้องมาแต่ไกล พอทั้งสองหันมอง เห็นสองสาววิ่งหน้าตั้งมา พอมาถึงมะปรางพูดไปหอบไปกันโดนดุว่า “เรา...มา...ทัน...พอดีเลย”
ooooooo
ทั้งหมด ขึ้นรถไปถึงทางเข้าป่า มานิตขับรถมาส่งแล้วนัดอีกสองวันเจอกัน พรานอ่อนศรีแจ้งว่า จากตรงนี้เราจะเริ่มเข้าป่ากันแล้ว ตนจะเปิดทางนำเข้าไปเอง พลางชักมีดออกมาเพื่อตัดสิ่งกีดขวางตามทาง
พรานอ่อนศรีเดินนำหน้า ตามด้วยชินกร เกษรา มะปราง และธราธรเดินปิดท้าย
ขณะ ที่คณะสำรวจเพิ่งเดินเข้าป่านั้น พวกเอ็ดเวิร์ดกำลังขนวัตถุโบราณที่ขโมยได้ออกจากปราสาทแล้ว ระหว่างนั้นมีลูกน้องคนหนึ่งขโมยเทวรูปไปฝัง ถูกเอ็ดเวิร์ดจับได้ โดนยิงทิ้งเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ขู่ทุกคนและอีริคว่า
“ใครที่คิดจะขโมยของของฉันมันต้องเจอแบบนี้ ดูลูกน้องของแกให้ดี ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่าหวังเลยว่าจะได้เงินจากฉัน”
“กลับไปทำงานต่อกันได้แล้ว ถ้าไม่อยากตายอย่าทำนอกคำสั่งฉัน ไป!!” อีริคขู่ต่อ
คณะ ของเอ็ดเวิร์ดเดินไปอีกครู่หนึ่ง พรานสมเสนอให้หาที่พักที่ปลอดภัยก่อนดีกว่า อีริคเห็นด้วย พรานสมจึงพาไปพักที่พุ่มไม้ใหญ่ใกล้น้ำตก
ooooooo
การเดินป่าของคณะ สำรวจเริ่มตึงเครียด เมื่อพรานอ่อนศรีพบรอยหักต้นไม้ตามทาง บอกธราธรว่ารอยหักพวกนี้เหมือนเพิ่งเกิด และปราสาทก็อยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอง!
ธราธรรับรู้อย่างตึงเครียด กำชับเกษรากับมะปรางว่าให้ระวังตัวด้วย
เมื่อ เดินทางไปถึงปราสาท ทุกคนตกใจเมื่อเห็นปราสาทถูกทำลาย วัตถุโบราณถูกขโมยไปหมดสิ้น พรานอ่อนศรีเดินไปชี้ให้ดูว่า ตรงนี้เคยมีเทวรูปเรียงเป็นแถว และตรงนั้นเป็นฐานหลักจารึก
“เรามาช้าเกินไป..” ธราธรพึมพำอย่างเจ็บปวด เจ็บแค้น
พรานอ่อนศรีเดินสำรวจไปรอบๆ เจอศพลูกน้องพรานสมที่ถูกเอ็ดเวิร์ดยิงตาย พรานอ่อนศรีกับชินกรจึงช่วยกันเอาศพไปฝังและจุดธูปบอกดวงวิญญาณ
ธราธร เชื่อว่าพวกโจรคงยังไปได้ไม่ไกล ตัดสินใจจะเข้าเมืองไปแจ้งตำรวจ พรานอ่อนศรีอาสาไปตอนนี้เลย เพราะตนเดินป่าตอนกลางคืนได้ ธราธรจึงเขียนจดหมายถึงตำรวจให้พรานอ่อนศรีถือไป
ooooooo
ระหว่างพัก ที่กลางป่า เอ็ดเวิร์ดเดินดูวัตถุโบราณที่ขโมยมาอย่างพอใจ และให้เงินอีริคไปปึกหนึ่งบอกว่าที่เหลือจะจ่ายให้เมื่อของส่งถึงบ้านตน เรียบร้อยแล้ว
หลังจากกินอาหารกันแล้ว เอ็ดเวิร์ดสั่งอีริคว่าให้คนเฝ้ายามให้ดี อย่าให้ใครเล็ดลอดเข้ามาได้ พรุ่งนี้ตนตื่นเมื่อไรเริ่มออกเดินทางทันที อีริครับคำแล้วไปสั่งพรานสมว่า
“ฉันจะไปเดินดูรอบๆแกเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบย้ายของไปฝังไว้หลังเนินดินทางด้านโน้น ไว้ทางโล่งเราค่อยกลับมาเอา”
พรานสมรับคำแล้วลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าที่หน้าเต็นท์อย่างระมัดระวัง
ส่วน ธราธร หลังจากพรานอ่อนศรีถือจดหมายเดินทางไปแล้ว จึงเดินสำรวจไปรอบๆปราสาท จนเห็นค่ายพักแรมของเอ็ดเวิร์ด เขาบอกชินกรกับสองสาวว่า ให้รออยู่ตรงนี้ ตนจะเดินไปดูรอบค่ายว่าเป็นพวกไหน บอกชินกรอย่างเป็นห่วงว่า
“ฝากอาจารย์ดูแลสองคนนี้ด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้หนีกลับไปที่ปราสาท แล้วผมจะรีบตามไป”
เมื่อแยกกันแล้ว ธราธรแอบเข้าไปบริเวณค่ายพักเห็นวัตถุโบราณที่ถูกขโมยมามากมาย
ส่วนมะปรางที่อยู่กับชินกร ก็เห็นลูกน้องพรานสมที่เดินยามผ่านมา เธอสะกิดบอกธราธรว่ามันคือคนที่กระชากกระเป๋าสะพายของเขาที่ตลาด
“แสดงว่า ถ้าไอ้พวกนี้เป็นโจรจริงๆ มันก็วางแผนทุกอย่าง” ชินกรปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก็ยิ่งเครียด
“ผมว่าอาจารย์รีบส่งสัญญาณให้อาจารย์หม่อมออกมาดีกว่า ดูท่าไม่ค่อยดี” เกษราเป็นห่วงธราธร ชินกรเห็นด้วย พยายามส่งสัญญาณให้ธราธร
แต่ ธราธรยิ่งพบหลักฐานก็ยิ่งอยากรู้ แอบเข้าไปในเต็นท์ ลูกน้องอีริคเห็นตะโกนถามว่าใคร เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นฟังเสียง มะปรางเป็นห่วงธราธรเผลอลุกพรวดขึ้น เกษรากับชินกรรีบคว้าตัวไว้ แต่ข้างหลังพวกเขา อีริคถือปืนมาจ่อแล้ว!
แม้จะตกใจกลัว แต่มะปรางก็แอบมองหน้า จำได้ทันทีว่ามันคือคนที่ขับรถพาคนร้ายที่ชิงกระเป๋าของธราธรหนี
“พวก แกเป็นใคร” อีริคเอาปืนจ่อตะคอก เมื่อทุกคนยังเงียบมันยิงปืนขึ้นฟ้านัดหนึ่ง สองสาวตกใจร้องกรี๊ด สมุนที่เต็นท์ได้ยินเสียงปืนหันขวับไป ธราธรคว้าเชือกรัดคอทันที มันดิ้นมือเกี่ยวไกปืนลั่นเปรี้ยง อีริคหันไปทางเสียงปืน ชินกรฉวยโอกาสนั้นถีบอีริคกระเด็น ตะโกนบอกสองสาว “วิ่ง!!”
สองสาวจูงมือกันวิ่งออกไป ส่วนชินกรถูกอีริคเล่นงานจนจุก โชคดีที่ธราธรวิ่งออกมาเล่นงานอีริค แล้วพาชินกรหนีจนไปเจอมะปรางกับเกษราที่วิ่งหนีมาหลบอยู่ในพุ่มไม้ ทั้ง 4 ดีใจที่ได้พบกัน ธราธรบอกทุกคนว่า
“ไอ้พวกนั้นเป็นพวกล่าสมบัติจริงๆ ผมเห็นเทวรูปและทับหลังหลายชิ้นอยู่ในเต็นท์ และผมก็เห็นคนที่อยู่เบื้องหลังการโจรกรรมครั้งนี้” ชินกรถามว่าใคร ธราธร บอกอย่างแค้นใจ “มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด!”
มะปรางเสนอให้รีบไปจากตรงนี้ดีกว่า มีอะไรค่อยไปคุยกันต่อที่ปราสาท แต่ไม่ทันขยับก็ถูกลูกน้องอีริคยิงใส่ แล้วรัวไม่ยั้ง อีริคตะโกนแหวกเสียงปืนออกมา...
“จับตัวมันให้ได้ จับเป็นไม่ได้ก็จับตาย!!”
ธราธรให้ชินกรพาสองสาววิ่งไปก่อนตนจะยิงป้องกันให้ แต่ระหว่างทั้งสามวิ่งไปนั่นเอง อีริคโผล่มาเห็น สั่งลูกน้องให้ตาม ธราธรอาศัยจังหวะที่กำลังสับสนนั้นวิ่งหลบกระสุนตามพวกชินกรไป
ooooooo
ระหว่างพากันวิ่งหนีพวกอีริคผ่านน้ำตก เกษราวิ่งลื่นจะตกผา มะปรางคว้าไว้ทันแต่ตัวเองกลับพลาดลื่นร่วงลงไป ธราธรบอกให้ชินกรรีบพาเกษราหนี ตัวเองวางกระเป๋าสะพายไว้แล้วกระโดดลงไปช่วยมะปราง
อีริคกับพรานสมตามมาถึงบริเวณน้ำตก สำรวจแล้วลงความเห็นว่าตกลงไปแบบนี้คงไม่รอดแน่ อีริคโยนกระเป๋าสะพายของธราธรให้พรานสม พรานสมจำได้ว่าเป็นของธราธร ทำให้เชื่อมโยงได้ว่า พวกที่ตามมานี้คือคณะสำรวจโบราณสถานนั่นเอง!
เอ็ดเวิร์ดสั่งอีริคและพรานสมว่าให้ค้นหาศพมายืนยันให้ได้ว่าพวกนั้นตายแล้วจริงๆ อีริครับปากพรุ่งนี้จะไปค้นหา ถ้าเอาศพมาไม่ได้ก็จะตัดแขนมาเป็นหลักฐาน
หารู้ไม่! ธราธรกระโดดลงไปช่วยมะปรางขึ้นมาได้ในสภาพหมดสติ เขาผายปอดจนมะปรางสำลักน้ำออกมาแต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ซ้ำมีไข้สูง โชคดีที่กระเป๋าเป้ของมะปรางลอยมาติดโขดหิน ธราธรจึงเอาเสื้อผ้าของเธอมาผึ่งจนแห้งแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เมื่ออากาศเย็นก็ก่อไฟให้ความอบอุ่นเฝ้าดูแลด้วยความเป็นห่วง
ชินกรที่พาเกษราหนีไป เธอเป็นห่วงธราธรกับมะปราง เขาปลอบใจว่าข้างล่างเป็นน้ำพวกเขาอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนของป่าก็ไม่รู้ หาที่พักแล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ พูดให้กำลังใจว่า
“บางที...คุณชายใหญ่กับตะวันอาจจะไปรอเราที่ปราสาทแล้วก็ได้ ทำใจดีๆ ไว้นะ”
ชินกรเอาข้าวเหนียวกับเนื้อแห้งที่ติดตัวมาให้เกษรากิน บอกให้กินแล้วนอนเสีย พรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินต่อ เกษราบอกว่ากินไม่ลง ชินกรโอบไว้พูดปลอบใจต่างๆนานา แต่พอหันมองอีกทีปรากฏว่าเธอพิงไหล่เขาหลับไปแล้ว...
การพลัดพรากและต้องเผชิญชะตากรรมด้วยกัน ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันของชินกรกับเกษรายิ่งผูกพันประทับใจจนชินกรเผลอใจสารภาพว่า “ก้อง...ฉันชอบนาย”
ส่วนชายใหญ่กับมะปรางที่เคยดูแลกันอย่างน้องสาวกับพี่ชาย ความรู้สึกที่แอบแฝงซ่อนเร้นก็เริ่มเผยออกมา...
ooooooo
พรานอ่อนศรีเดินทางอย่างเร่งรีบจนไปถึงสถานีตำรวจ แต่พอเอาจดหมายของธราธรให้ดู ตำรวจปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยตามคำขอ ตั้งแง่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นของธราธรจริงหรือเปล่า พรานอ่อนศรีจึงพาตำรวจไปหาอาทิตยรังสีที่แคมป์เพื่อยืนยัน
“ทำไมคุณยังไม่ส่งคนไปช่วย!?!” อาทิตยรังสีถามตำรวจอย่างรับไม่ได้ ยืนยันว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของธราธรแน่นอน พูดอย่างร้อนใจว่า “ป่านนี้ไอ้พวกโจรห้าร้อยมันคงขโมยสมบัติออกนอกประเทศไปแล้ว และคนของผมจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อ่อนศรีนำทางฉันเข้าไปในป่า ฉันจะออกไปช่วยคุณชายใหญ่ด้วยตัวเองในเมื่อพึ่งใครไม่ได้เราก็ต้องพึ่งตัวเอง”
มานิตขอไปด้วย อาทิตยรังสีไม่ให้ไป แต่ให้รีบเข้าเมืองไปโทรศัพท์แจ้งข่าวแก่คุณชายทั้ง 4 ที่วังจุฑาเทพ เชื่อว่าทันทีที่รู้ข่าวพวกเขาต้องไปช่วยชายใหญ่แน่นอน บอกพรานอ่อนศรีให้เขียนแผนที่ทิ้งไว้ให้มานิต เมื่อคุณชายทั้ง 4 มาถึงจะได้รีบตามไปสมทบ
ooooooo
ทันทีที่รู้ว่าชายใหญ่ตกอยู่ในอันตราย คุณชายทั้ง 4 ปรึกษาวางแผนกันอย่างเร่งรีบ
ชายพีร์ติดต่อขอความช่วยเหลือจากอนุพันธ์น้องชายของเทวพันธ์ขอกำลังตำรวจตระเวนชายแดนไปช่วย
ชายภัทรติดต่อขอยืมอุปกรณ์ช่วยชีวิตภาคสนามจากทางโรงพยาบาลติดไปด้วย
ชายเล็กรัชชานนท์เร่งให้รีบไปกันเลยคงจะถึงแคมป์ตอนค่ำพอดี
ชายรุจฉุกคิดได้ท้วงติงว่า แล้วเราจะบอกย่าเอียดกับย่าอ่อนว่ายังไง เพราะยกโขยงกันไปแบบนี้ท่านต้องสงสัยแน่
คุณชายทั้งสี่จำต้องปดย่าเอียดกับย่าอ่อนเพื่อไม่ให้ท่านตกใจว่า ชายใหญ่เสร็จงานแล้วพวกตนเลยจะไปเที่ยวปราสาทกัน ย่าอ่อนนึกสนุกชวนย่าเอียดไปกับหลานๆด้วย ชายพีร์หลานคนโปรดรีบติงว่า เกรงคุณย่าจะลำบาก เสนอว่าเอาไว้เขาปรับปรุงที่ทางดีขึ้นแล้วค่อยไปกันดีกว่า ย่าเอียดเห็นด้วยย่าอ่อนเลยต้องยอม ย้ำกับชายพีร์ว่าอย่าผิดสัญญาก็แล้วกัน
พอแก้ปัญหากับคุณย่าทั้งสองได้แล้ว คุณชายทั้งสี่ก็พากันออกเดินทางอย่างเร่งรีบ ตึงเครียด
ฝ่ายอีริคกับพรานสมยังติดตามค้นหาศพของพวกธราธร อีริคพบรอยเท้าที่เพิ่งแห้งของคนสองคน จึงตามรอยไป ส่วนพรานสมแยกไปอีกทาง ก่อนแยกกัน อีริคย้ำว่า
“อย่าลืม...ถ้ามันยังไม่ตาย ก็ฆ่ามันซะ!!”
พรานสมกับลูกน้องเดินไปเจอกองไฟที่ธราธรก่อให้ความอบอุ่นแก่มะปราง ก็เดาสถานการณ์ออกกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ พอดีลูกน้องมาบอกว่าตนดูไปถึงปลายน้ำแล้วไม่มีสักศพ เสนอลองเดินขึ้นไปดูอีกรอบไหม
“ไม่ต้อง! หาไปก็ไม่เจอ เพราะไอ้คุณชาย มันยังไม่ตาย!!!”
ฝ่ายอีริค เดินตามร่องรอยไปแล้วคว้าน้ำเหลว เพราะชินกรหักกิ่งไม้ทิ้งร่องรอยลวงทิศแล้วพาเกษราหนีไปอีกทาง
ตกเย็น เมื่ออีริคกับพรานสมกลับมา เอ็ดเวิร์ดถามอย่างไม่พอใจว่า
“ไหนล่ะศพ ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันตายแน่ไม่ใช่เหรอ? นอกจากจะไม่มีศพแล้ว ยังปล่อยมันหนีไปได้ ตามหามาครึ่งวันยังไม่เห็นแม้แต่เงา”
“พวกผมเชี่ยวชาญป่าในเขมร ตรงนี้ไม่ค่อยชำนาญ แต่ไม่ต้องห่วง หลังจากย้ายของไปซ่อนแล้ว ผมจะออกตามล่ามันอีกรอบ รับรองครั้งนี้มันไม่รอดแน่” อีริคแก้ตัว
“พวกแกเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ด้านหลังเนินเขามีมุมอับ ดินร่วน ขุดง่าย เรารีบย้ายของพวกนี้ไปซ่อนไว้ก่อน อย่างน้อยถ้าตำรวจมาจะได้ไม่เจอหลักฐาน พอจัดการไอ้พวกคุณชายแล้วเราค่อยขุดแล้วย้ายออกนอกประเทศ” พรานสมบอกแผนการ
“แต่ถ้าภายใน 2 วันเราหาพวกมันไม่เจอ ผมจะให้คนพาคุณกลับไปประเทศคุณก่อน แยกย้ายกันหนี ส่วนของพวกนี้ผมจะรีบส่งตามไป” อีริคเสนอ เอ็ดเวิร์ดฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากขนวัตถุโบราณไปฝังแล้ว อีริคสั่งลูกน้องสองคนให้เฝ้าไว้อย่าให้ใครเอาของไปได้เป็นอันขาด ส่วนเอ็ดเวิร์ดบอกอีริคว่า
“ฉันจะแยกไปกับพรานสม ตามล่าไอ้คุณชาย ส่วนแกตามหาคนที่ช่วยเหลือให้เจอ บอกลูกน้องแกทุกคน ใครฆ่ามันได้ ฉันมีรางวัลให้อย่างงาม!!”
ooooooo
คุณชายทั้ง 4 มาถึงแคมป์ เจอมานิตซึ่งไม่เคยเห็นหน้ากันถามอย่างตกใจว่า เป็นใครจะมาหาใคร ซักถามกันจนรู้ว่าคือคุณชายปวรรุจที่ตนโทร.ไปแจ้งข่าวชายใหญ่ จึงวางแผนออกเดินทางกันทันที
อาทิตยรังสีไปกับพรานอ่อนศรี แต่ยังไม่ถึงปราสาทก็ค่ำเสียก่อนจึงหาที่พักกัน
ธราธรพามะปรางบ่ายหน้าไปที่ปราสาท มะปรางมีไข้สูงเดินแทบไม่ไหว ธราธรจึงให้ขี่หลังไป แม้จะเขินแต่มะปรางก็ต้องยอมเพื่อจะได้ไปถึงปราสาทให้เร็วขึ้น
ชินกรพาเกษราเดินหลงป่า เดินไปเดินมาก็วนกลับมาที่เดิม จนต่างใจเสีย ซ้ำร้าย ยังถูกพวกพรานสมเจอร่องรอยพากันตามไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
แต่อีกมุมหนึ่ง มานิตนำคุณชายทั้งสี่พร้อมตำรวจตระเวนชายแดนเดินบ่ายหน้ามาที่ปราสาทกันอย่างฮึกเหิม
อีริคกับพวกสมุนเดินตามร่องรอยที่พบไปจนฟ้าเริ่มมืด จึงสั่งลูกน้องอย่างมั่นใจว่า
“หยุด ไม่ต้องตามแล้ว กลับไปที่เต็นท์รอให้ดึกกว่านี้ เดี๋ยวพวกมันก็โผล่มาเอง!!”
ooooooo
หลังจากพลั้งปากบอกรักก้องเกียรติแล้ว ชินกรไม่สบายใจ วันต่อมาจึงหาทางออก บอกเกษราว่า เรื่องที่ตนพูดไปเมื่อวานนั้นให้ลืมเสีย ปั้นเรื่องว่า
“กลับไป ฉันจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก สิ่งที่ฉันพูดกับนาย...มันตลกสิ้นดี ฉันจะลืมทุกอย่างไว้ที่นี่กลับไป ฉันคงต้องรีบไปรับตัวคู่หมั้นที่เมืองจีนและเราคงจะแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง”
เกษราใจหายเมื่อรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว แต่พยายามเก็บความรู้สึก ชินกรหลามข้าวให้กิน เสร็จแล้วพากันนอน ชินกรกอดเกษราอย่างเคยชิน มือไปถูกหน้าอกเธอเข้าอย่างจัง เขาตกใจ เกษราก็ตกใจลุกพรวดขึ้น วิกผมหลุดผมสยายลงมา
ความลับแตกทันที! ชินกรทั้งตกใจทั้งดีใจมากที่ได้เจอเกษราตัวจริงที่นี่ ซักถามว่าทำไมถึงมาที่นี่ ทำไมถึงต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย ฟังเกษราชี้แจงแล้ว เขาพยักหน้าเข้าใจ แต่ลึกๆแล้วก็ใจหายเมื่อนึกถึงว่าเธอคือว่าที่คู่หมั้นของธราธร
แต่พอออกเดินทางต่อ ทั้งสองก็ถูกอีริคตามมาเจอและจับตัวไว้ ชินกรพยายามปกป้องเกษรา กระทั่งบอกอีริคว่าถ้าจะฆ่าก็ฆ่าตนอย่าทำร้ายเด็กคนนี้ ระหว่างนั้นมีเสียงปืนลั่นขึ้น ชินกรชะงักคลำตัวเองพบว่าไม่เป็นไร แต่ปืนในมืออีริคร่วงข้อมือเลือดโชก ชินกรตะโกนให้เกษรารีบหนีไป
ชินกรหันมองไปทางเสียงปืน เขาตะลึงเมื่อเห็นชายพีร์ถือปืนยืนเท่อยู่ ปืนในมือยังมีควันลอยจากปากกระบอก!
“พวกเรามาช่วยแล้วครับ” ชายพีร์ร้องบอก ข้างหลังชายพีร์ ตชด.ปรากฏตัวพรึบ อีริคถึงกับหน้าซีดเผือด!
พวกอีริคถูก ตชด.ล้อมไว้หมด ชินกรชี้ให้จับเพราะพวกนี้ขโมยวัตถุโบราณและไล่ยิงพวกตน
“คุมตัวไปสอบปากคำได้เลยนะครับ ผมกับเจ้าหน้าที่ที่เหลือจะตามไปสมทบที่ปราสาท” ชายพีร์บอกเจ้าหน้าที่ พอดีชายเล็กพาเกษราเดินมา เกษราเห็นชินกรก็โผเข้ากอดด้วยความดีใจที่เขาไม่เป็นอะไร ชายเล็กถามชายพีร์เบาๆว่า
“คุณชินกรรู้แล้วเหรอว่าก้องเกียรติคือคุณเกษ ดูเขาสองคนสนิทกันมาก เห็นหรือเปล่า”
ทั้งชายพีร์และชายเล็กต่างรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของทั้งสอง แต่ตัดใจเพราะต้องรีบไปดูชายใหญ่ ชายพีร์บอกชินกรว่า จะให้เจ้าหน้าที่พาพวกเขากลับเข้าเมืองไปก่อน พวกตนจะไปตามหาพี่ชายใหญ่กับน้องปรางที่ปราสาท ชินกรกับเกษราขอไปด้วย
ooooooo
ธราธรให้มะปรางขี่หลังมาจนถึงโขดหิน เขาวางเธอลง หูแว่วเสียงคนเดิน รีบพาเธอซ่อนที่ซอกหินแล้วเดินไปดูว่าอาจเป็นพรานอ่อนศรีกลับมา
แต่ธราธรออกไปไม่ทันไร พรานสมก็มาเจอมะปราง มันกระชากเธอออกจากที่ซ่อน มะปรางร้องกรี๊ด ทั้งตกใจทั้งเจ็บปวด พยายามต่อสู้ กระทืบเท้าพราน
สมอย่างแรง พรานสมโมโหกระชากผมทำให้วิกหลุด ผมยาวสยายลงมา พรานสมตกใจถามว่าเป็นผู้หญิงหรือ มะปรางจะวิ่งหนี แต่พอหันก็เจอกับร่างสูงใหญ่ของ
เอ็ดเวิร์ดมาขวาง เอ็ดเวิร์ดแสยะยิ้มพูดอย่างรู้จุดอ่อนของธราธร
“เพราะอย่างนี้นี่เอง ไอ้คุณชายมันถึงได้ห่วงแกนัก”
ธราธรได้ยินเสียงมะปรางร้อง เขาวิ่งกลับมาเห็นเธอถูกเอ็ดเวิร์ดกับพรานสมจับตัวไว้แล้ว มะปรางจะวิ่งไปหา ถูกเอ็ดเวิร์ดกระชากไว้พูดอย่างอาฆาตว่า
“ตอนอยู่ที่แคมป์เธอทำแสบกับฉันไว้มาก ได้เวลาที่ฉันจะเอาคืน!” พูดแล้วผลักมะปรางไปทางพรานสมอย่างแรง
ธราธรที่ถูกจับบิดมือไพล่หลังอยู่ตะโกนบอกเอ็ดเวิร์ดว่าถ้าอยากเอาคืนมาเอากับตน ปล่อยผู้หญิงไปเดี๋ยวนี้
“ทำไมฉันต้องฟังคำสั่งแก...ที่นี่ฉันเป็นใหญ่ ทุกคนต้องฟังฉัน แกเคยพูดว่า เงินของฉันซื้อน้ำแกงร้อนๆไม่ได้แต่วันนี้ เงินฉันซื้อชีวิตแกได้ แค่ฉันสั่งคำเดียว ทุกคนก็พร้อมจะฆ่าแกเพื่อแลกกับเงินของฉัน!”
สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ธราธรหันไปหว่านล้อมพวกลูกน้องเอ็ดเวิร์ด ชี้ให้เห็นว่า
“ฝรั่งคนนี้กำลังหลอกใช้พวกคุณ เหมือนที่เขาเคยหลอกพวกผมมาแล้ว เขาหลอกว่าจะให้เงินทุนสนับสนุนการทำงาน แต่ที่แท้เขาต้องการมาขโมยของของพวกเรา!”
เอ็ดเวิร์ดเยาะเย้ยธราธรว่าหยุดพูดได้แล้ว เพราะเงินของตนอุดหูพวกนั้นอยู่ มะปรางช่วยหว่านล้อมพรานสมว่าเอ็ดเวิร์ดพูดจาดูถูกขนาดนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ พรานสมอ้างความจำเป็นที่ตนต้องหาเงินไปเลี้ยงครอบครัว พูดอย่างคนใจมืดบอดว่า “ไอ้สมบัติที่พวกแกชื่นชมนักหนา มันก็เป็นเศษหินเศษปูน”
“แต่สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง ถ้าคนไทยทุกคนทำอย่างคุณ ต่อไปลูกหลานจะไม่ได้เห็นศิลปวัตถุที่มีรากฐานมานับพันปี! คนเรา ถ้าไม่รู้จักอดีตของตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเอง แล้วจะเดินไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิได้ยังไง!!” ธราธรสุดจะทน
เอ็ดเวิร์ดยิงปืนขึ้นฟ้าอย่างรำคาญใจ เสียงปืนทำให้คณะของคุณชายทั้ง 4 ชะงัก ชายพีร์บอกชินกรกับ
เกษราที่เดินตามมาห่างๆว่า “ผมล่วงหน้าไปก่อนครับ เจอกันที่ปราสาท”
ธราธรเกรงมะปรางจะได้รับอันตรายบอกเอ็ดเวิร์ดว่าถ้าจะทำอะไรเธอให้ทำกับตน เอ็ดเวิร์ดเสนอเหี้ยมว่า เขามีสองทางเลือก คือตายแล้วเสี่ยงว่ามะปรางอาจจะรอด หรือไม่ก็ตายทั้งคู่ แล้วเบนปืนไปทางมะปรางเล็งปืนขู่สั่งให้เลือก ธราธรยอมตายเอง มะปรางร้องไห้โฮ
“ไม่นะคะพี่ชายใหญ่...อย่า...ถ้าพี่ชายใหญ่เป็นอะไรไป ปรางจะตายตาม ปรางอยู่โดยไม่มีพี่ชายใหญ่ไม่ได้...ปรางรักพี่ชายใหญ่!!”
เป็นคำบอกรักในเสี้ยววินาทีแห่งความตาย ธราธร ตะลึงมองหน้ามะปรางน้ำตาไหลพราก เอ็ดเวิร์ดตวาดว่ารำคาญงั้นก็ตายไปพร้อมกันเลย สั่งพรานสมให้จัดการมะปราง ตนจะจัดการธราธรเอง
วินาทีนั้น! เสียงปืนดังขึ้น นัดแรกเฉียดเอ็ดเวิร์ดไป นัดที่สองยิงลูกน้องพรานสมแตกกันกระเจิง แล้วเสียงปืนก็รัวเป็นข้าวตอกแตก พรานสมเห็นเป็นพวก ตชด.ตะโกนให้ทุกคนหนี ตัวเองรีบเข้าพาเอ็ดเวิร์ดหนี ธราธรเห็นมะปรางเอามือปิดหูตัวสั่นอยู่ เขาประคองพาเธอไปอยู่ในที่ปลอดภัยด้วยความรักที่มีต่อกัน...
ooooooo
คุณชายทั้ง 4 กวาดตามองหาชายใหญ่อย่างเป็นห่วง ชายภัทรเห็นก่อน บอกชายรุจให้ยิงคุ้มกันตนจะไปช่วยชายใหญ่กับมะปราง แต่พอชายภัทรวิ่งเข้าไป ชายใหญ่กลับฝากให้ดูแลมะปราง แล้วตัวเองก็วิ่งตามไปไล่จับเอ็ดเวิร์ด
ในที่สุดเอ็ดเวิร์ดกับพรานสมก็ถูกจับ เอ็ดเวิร์ดพยายามจะวิ่งหนี ธราธรยิงปืนลงพื้น ปรามเสียงเข้มว่า
“ถ้ามอบตัวไม่ใช่เรื่องง่าย คิดจะหนีมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน!!”
กระนั้น เอ็ดเวิร์ดก็ยังยโสโอหัง เล่นแง่ว่ามาจับตนเรื่องอะไร ขู่จะฟ้องกลับธราธรฐานทำร้ายร่างกายและจะประจานไปทั่วโลกว่าพวกเขาป่าเถื่อนรุมทำร้ายชาวต่างชาติที่ไม่มีทางสู้
“ทำไมผมต้องฟังคุณ” ธราธรเดินเข้าไปเผชิญหน้าอย่างท้าทาย “ที่นี่กฎหมายเป็นใหญ่ คุณอาจจะเอาเงินซื้อคนบางคนได้ แต่เงินของคุณซื้อความถูกต้องไม่ได้...ผิดก็คือผิดและคนผิดก็ต้องรับโทษ!!”
เอ็ดเวิร์ดเล่นแง่ว่าจับตนข้อหาอะไร
“นี่ไงหลักฐาน!!” เสียงอาทิตยรังสีดังขึ้น แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับพรานอ่อนศรี ชี้ให้ดูวัตถุโบราณบางส่วนที่ขุดได้จากที่อีริคกับพรานสมฝังไว้
ooooooo
แม้อาทิตยรังสีจะบอกเอ็ดเวิร์ดว่าลูกน้องของเขาสารภาพหมดแล้ว เอ็ดเวิร์ดก็ยังปากแข็งทั้งขู่อาฆาตว่าพวกอาทิตยรังสีจะต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับตน
พรานอ่อนศรีไปหว่านล้อมพรานสมว่า เป็นคนมีฝีมือ ถ้าไม่โลภมากชีวิตก็ไม่เป็นแบบนี้ พรานสมโต้ว่าตนไม่ได้โลภ
“ถ้าแกไม่โลภ แกก็โง่! โง่ที่พาโจรเข้ามาปล้นบ้านตัวเอง!! ยอมขายสมบัติของชาติเพื่อแลกกับเศษเงินที่มันโปรยให้เหมือนเราเป็นหมูเป็นหมา แกอาจจะไม่เห็นค่าของตัวเอง แต่ฉันเห็น...ออกจากคุกเมื่อไหร่ถ้าอยากได้งานที่ไม่ต้องขายวิญญาณ ขายบรรพบุรุษตัวเอง มาหาฉันได้ตลอดเวลา”
พรานอ่อนศรีจับไหล่ให้กำลังใจพรานสมก่อนเดินจากไป พรานสมมองตามไปด้วยแววตาอ่อนลง
ขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยนักข่าวกลุ่มใหญ่เดินเข้ามา ตำรวจเดินยิ้มเข้ามาบอกอาทิตยรังสีว่าตนมาช่วยแล้ว พูดแล้วก็ตรงไปที่กองของกลางโพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์หน้าบาน...อาทิตยรังสีเห็นแล้วเบือนหน้าหนี
ธราธรที่ยืนอยู่กับน้องๆ ดูตำรวจเอาตัวคนร้ายไป นึกได้ถามชายรุจว่า น้องปรางอยู่ไหน
ที่อีกมุมหนึ่ง ชายภัทรทำแผลให้มะปรางและให้ยาลดไข้บอกว่า อาการน่าจะดีขึ้น กลับถึงกรุงเทพฯค่อยนัดตรวจอีกที
“น้องปราง...” เกษรามาถึงโผเข้ากอดกับมะปรางด้วยความดีใจ ส่วนชินกรที่เจ้าหน้าที่ประคองเดินมา พอชายภัทรเห็นก็ขอเปลสนามจากเจ้าหน้าที่
ครู่หนึ่ง ธราธรเดินตามหามะปราง มาเจอเกษรายืนอยู่ ทั้งสองดีใจจนโผเข้ากอดกัน จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่หามเปลของชินกรผ่านมาพอดี ชินกรเมินหน้าจากภาพนั้นอย่างเศร้าใจ ไม่ต่างจากมะปรางที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย แล้วมะปรางก็สะดุ้งเมื่ออาทิตยรังสีเอื้อมมือมาแตะไหล่จากข้างหลัง
พ่อลูกพบกันในสภาพที่ตะวันกลับมาเป็นมะปรางแล้ว มะปรางขอโทษพ่อที่ตนปกปิดความจริง อาทิตยรังสีบอกว่ารู้ว่าเป็นมะปรางตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วและไม่โกรธเมื่อลูกตั้งใจไปเพื่อดูแลพ่อ แล้วชวนกลับบ้านกัน
ooooooo
ธราธรแยกกับเกษรา โดยเกษราเดินไปหาชินกรและธราธรออกเดินตามหามะปราง เจอชายรุจ ชายเล็ก และชายพีร์ก็ถามว่าเห็นมะปรางไหม ทุกคนส่ายหน้า ชายรุจบอกว่าบางทีน้องปรางอาจจะอยู่กับคุณอาอาทิตย์ ก็ได้เพราะไม่เห็นทั้งสองคน
“น้องปรางกลับไปพร้อมกับคุณชายแล้วครับ” ชายภัทรเดินมาพอดีบอก ธราธรฟังแล้วรู้สึกผิดหวังนิดๆ แล้วชายภัทรก็ปรารภว่า เรื่องน้องปรางยังไม่น่าห่วงเท่าเรื่องน้องเกษ เพราะนักข่าวถ่ายภาพน้องเกษตอนปลอมเป็นชายไว้ด้วย เกรงว่าถ้าเทวพันธ์เห็นรูปจะเป็นเรื่อง เสนอว่า “พี่ชายใหญ่ควรจะบอกคุณอาเทวพันธ์ให้ทราบเรื่องนี้ด้วยตัวเองก่อนที่ท่านจะมาเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์”
“คุณชายครับ” นักข่าวคนหนึ่งเดินมาเรียกและขอถ่ายภาพ คุณชายทั้งห้าหันมาโพสให้ถ่ายรูปกันอย่างมืออาชีพ ดูเท่ภูมิฐานสมเป็นคุณชายเนื้อหอมแห่งยุค!
ooooooo