ตอนที่ 6
ที่วังเทวพรหม หลังจากปล่อยเกษราไปหมายให้ผูกใจชายใหญ่แล้ว มารตีก็คิดจะย้ายไปทำงานใน โรงพยาบาลของรัฐหมายได้ใกล้ชิดกับชายภัทร
ที แรก เทวพันธ์ไม่เห็นด้วยเพราะอยู่โรงพยาบาลรัฐได้เงินน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชนมาก แต่พอฟังเหตุผลของมารตีก็โอนอ่อนผ่อนตามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า
“ถ้าลูก ไปด้วยเหตุผลนี้...พ่อก็เห็นด้วย สนับสนุนเต็มที่ ได้ทำงานใกล้กัน เห็นหน้ากันทุกวัน มีเหรอที่ชายภัทรจะไม่หลงเสน่ห์ลูกสาวคนสวยของพ่อ” เทวพันธ์นิ่งไปนิดหนึ่งแล้วปรารภ “คิดแล้วก็ห่วงแต่พี่สาวเราได้มีโอกาสใกล้ชิดคุณชายใหญ่แบบนั้น ไม่รู้ว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หรือเปล่า...เฮ้อ...”
ooooooo
พราน สมรับปากแข็งขันว่าจะไปเอาแผนที่มาให้เอ็ดเวิร์ดให้ได้ แต่เมื่อแอบเข้าไปค้นในห้องอาทิตยรังสีจริงๆเจอแต่กล่องเปล่า แผนที่หายไปแล้ว จึงกลับไปรายงานเอ็ดเวิร์ด ถูกตะคอกอย่างไม่พอใจว่า
“ฉัน ไม่รับรู้!!! ไม่ว่ามันจะย้ายที่เก็บไปไว้ที่ไหน พวกแกก็ต้องหามาให้ได้โดยเร็วที่สุด ฉันเบื่อไอ้ค่ายไร้วัฒนธรรมนี่เต็มที จะทำอะไรก็รีบๆทำก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วขนของกลับกรุงเทพฯ! เบื่อจริงๆไอ้พวกล้าหลัง ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง จะอาบน้ำแต่ละทีน้ำแค่นี้มันจะไปพออะไร”
เอ็ดเวิร์ดปาผ้าขนหนูและปัดกะละมังน้ำทิ้งอย่างหงุดหงิด พลันก็คิดแผนชั่วขึ้นมาได้ ไปตามมะปรางที่ห้องครัวบอกว่าตนอยากแช่น้ำอุ่น
มะปราง โวยวายว่าอากาศร้อนขนาดนี้ไปแช่น้ำเย็นๆที่ลำธารยังจะดีกว่า เอ็ดเวิร์ดบังคับขู่ว่าถ้าเธอไม่ทำคนที่เดือดร้อนคือธราธร ตัวอย่างเมื่อคืนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ มะปรางจึงต้องไปหิ้วน้ำจากลำธารมาอย่างเจ็บใจ
ระหว่างนั้น ชายใหญ่มาที่ห้องครัวเพื่อรับมะปรางกับเกษราไปที่ไซต์งาน ถามเกษราว่ามะปรางหายไปไหนเธอจำต้องปดว่าไปดูคุณชายอาทิตย์ ชายใหญ่จึงรับเกษราไปด้วยกันตามลำพัง ระหว่างทางก็คิดถึงคำพูดของมะปรางที่บอกให้เขาต้องเรียนรู้เรื่องราวของเกษ ราบ้าง จึงจอดรถถามเก้อๆ เขินๆ
ชายใหญ่ถามเกษราตามแบบที่มะปรางเคยแนะตน ว่า ชอบดอกไม้อะไร ชอบทานอะไรเป็นพิเศษ ชอบไปเที่ยวไหน ชอบสีอะไร ชอบฟังเพลงแบบไหน ซึ่งเกษราก็ตอบทุกคำถามว่าแล้วแต่โอกาสและความเหมาะสมในการใช้งาน
สุดท้ายชายใหญ่ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย กลับทำให้เธอรู้สึกแปลกๆจนต่างเขินๆกันตลอดทาง
ooooooo
เมื่อ ไปถึงปราสาท ชายใหญ่ไปคุยกับมานิต ชินกรและพรานอ่อนศรีจึงรู้จากมานิตว่าก่อนเกิดเรื่อง แทนพาเอ็ดเวิร์ดกับพรานสมมาหาตนที่ห้องทำงานและถามคำถามที่น่าสงสัย มานิตเล่ารายละเอียดให้ทุกคนฟัง
ชินกรฟังแล้วบอกว่าเรื่องชักจะเข้าเค้า แล้ว เพราะพรานสมอยากรู้เรื่องปราสาทชุดใหม่จึงพยายามขโมยแผนที่ พรานอ่อนศรีติงว่าแต่เขาก็ไม่ได้เอาแผนที่ไป และเวลานั้นพรานสมก็อยู่ในป่ากับคุณชายอาทิตย์
“ที่มันไม่ได้เอาแผนที่ไป อาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดบางอย่าง แผนที่มันถึงได้ตกอยู่ที่พื้น และถ้าพรานสมเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แสดงว่ามันต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด บุกเข้าแคมป์ในขณะที่มันอยู่ในป่า” ธราธรวิเคราะห์
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ชินกรเสนอให้สืบประวัติเอ็ดเวิร์ดกับพรานสมอย่างจริงจัง มานิตบอกว่าตนรู้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องถามใคร
“ผม ฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวกลับไปที่แคมป์สักครู่ จะไปดูอาการคุณชายอาทิตย์สักหน่อย” พูดแล้วเดินแยกไปเลย ชินกรเหล่ๆพึมพำอย่างสงสัย
“คุณชายเพิ่งมาจากแคมป์ไม่ใช่เหรอ?”
ooooooo
ชินกรรู้ว่าเกษราทำงานอยู่ที่ปราสาทกับพวกอุดม จึงเดินลิ่วไปหา เกษราเห็นชินกรเดินมาก็จะหลบ ถูกชินกรพรวดมาจับแขน พูดอย่างรู้ทันว่า
“ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้นายตั้งใจจะหนีหน้าฉันฉันจะไม่ถามว่าทำไม แต่ฉันอยากจะเตือนสตินาย ถ้าทำผิดอะไรอยู่ก็หยุดเสีย”
เกษ ราทั้งตกใจทั้งงง บอกว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด กระนั้น ชินกรก็ยังพูดอ้อมไปอ้อมมาว่าอยากช่วยเพื่อนมากแค่ไหนก็ตามแต่จำไว้ว่าความ ลับไม่มีในโลก แต่ยิ่งพูดเกษราก็ยิ่งไม่เข้าใจ ชินกรเปลี่ยนใหม่ ถามว่า
“ตอน นี้ตะวันอยู่ที่แคมป์ใช่ไหม” เกษราบอกว่าใช่ “และอาจารย์หม่อมกลับไปที่แคมป์ เพื่อไปหาตะวันใช่ไหม”เกษราตอบอีกว่าใช่ “นั่นไง! ฉันว่าแล้ว เอาคำเตือนของฉันไปเตือนเพื่อนนายด้วย ความลับไม่มีในโลก!” พูดใส่หน้าแล้วเดินไปเลย
“อาจารย์ชินกรเขาพูดอะไรของเขานะ...ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เกษราบ่นงึมงำงงๆ
“แต่ ฉันรู้” อุดมจอมแส่แทรกเข้ามา แล้วพูดแบบรู้ดีว่า “ตะวันมันเป็นพวกวิปริตผิดเพศ!” เกษราเถียงว่าไม่ใช่ “ถ้ามันไม่ใช่ แล้วทำไมมันถึงชอบอาจารย์หม่อม!!”
แล้วอุดมก็สาธยายความสัมพันธ์ของทั้ง สองมากมายให้ฟัง เกษราสับสนจนต้องเดินหนี อุดมตะโกนเรียกให้มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน แต่เกษราเดินอ้าวไปแล้ว
ooooooo
มะปรางหิ้วน้ำมาใส่ถังไม้ ต้มน้ำมาผสมให้เอ็ด- เวิร์ดแช่ เท่านั้นไม่พอ เอ็ดเวิร์ดยังจะให้ถูหลังให้อีก มะปรางไม่ยอมอ้างว่าเกินกว่าข้อตกลงที่คุยกันไว้ แล้วจะกลับ
เอ็ดเวิร์ดไม่ยอมให้มะปรางไปไหน กระชากมะปรางอย่างแรง ทำให้มะปรางเซล้มลงถูกน้ำร้อนในกาลวกเธอตกใจร้องเสียงดัง ธราธรได้ยินเสียงรีบวิ่งไปที่ห้องเอ็ดเวิร์ด คว้าแขนเอ็ดเวิร์ดที่กำลังจะตบมะปรางไว้ เอ็ดเวิร์ดเห็นธราธรมาขวางก็ไล่ตะเพิดว่าเขาไม่เกี่ยว เด็กนี่มารับใช้ตน ตนจะทำอะไรก็ได้
“เด็กคนนี้ไม่ใช่คนรับใช้ ตะวันเป็นนักศึกษาที่เสียสละมาช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณตามสมควรแต่เท่าที่ผมเห็น มันมากเกินไป ต้องขอโทษด้วย ผมขอคนของผมคืน ตะวันออกไปพร้อมฉัน และครั้งต่อไป ถ้าฉันไม่อนุญาตห้ามเข้ามาในนี้”
มะปรางเดินตามธราธรไป เอ็ดเวิร์ดด่าตามหลังอย่างแค้นใจ
“คุณหักหน้าผมมาสองครั้ง จำไว้ มันจะไม่มีครั้งที่สาม! ระวังไว้ให้ดี ผมเอาคืนแน่!!”
เมื่อพากันออกมาแล้ว ชายใหญ่ตำหนิมะปรางว่า บอกแล้วว่าไม่ให้มาทำหน้าที่นี้ เชื่อหรือยังว่ามันจะสร้างปัญหา ย้ำว่าที่มะปรางขอตามมาก็เพื่อดูแลคุณพ่อ แต่ที่
ทำนั้นเกินข้อตกลง ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็จะส่งกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เลย
มะปรางเงียบกริบ ชายใหญ่สั่งให้ไปที่ปราสาทกับตน มะปรางกลั้นน้ำตาเดินตามไปอย่างอัดอั้น
เกษราอยู่ที่ปราสาท นึกถึงคำพูดของอุดมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมะปรางกับชายใหญ่แล้วก็สับสน พอดีเห็นชายใหญ่ขับรถมากับมะปราง จึงหลบแอบดู
เกษราเห็นมะปรางกับชายใหญ่คุยกันอย่างตึงเครียด ชายใหญ่พูดอย่างตัดพ้อว่ามะปรางไม่เข้าใจความหวังดีของตน มะปรางหาว่าชายใหญ่ก็ไม่เห็นความหวังดีของตนเหมือนกัน
หลังจากมะปรางเล่าถึงความจำเป็นต้องไปรับใช้เอ็ดเวิร์ดจนเกิดเรื่องแล้ว เธอเสียใจจนร้องไห้
“พี่ขอโทษ...พี่เข้าใจน้องปรางแล้วนะครับ พี่ไม่ดุแล้ว ไม่ร้องนะ...”
เกษราแอบฟังแอบดูอยู่ ใจหายกับภาพที่เห็นซุกตัวเงียบกริบด้วยความสับสน ทำให้หวั่นไหวกับคำบอกเล่าของอุดมที่ว่า ตะวันมีอะไรกับอาจารย์หม่อม
แยกกับชายใหญ่แล้ว มะปรางเดินตามหาเกษราจนเจอนั่งเครียดอยู่ในซอกหนึ่งของปราสาท เธอดีใจมากรีบเข้าไปหา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างตื่นเต้น ถลกแขนให้ดูรอยที่ถูกน้ำร้อนลวก
“พี่ดูไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เพราะพี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ให้พี่ชายใหญ่ดูเถอะค่ะ พี่ชายใหญ่ก็ทำเป็นดุน้องปรางไปอย่างนั้น จริงๆแล้วเขา...รัก...และเป็นห่วงน้องปราง พี่ชายใหญ่ดูแลน้องปรางได้อยู่แล้ว”
เกษราพูดอย่างเย็นชา หมางเมินแล้วลุกเดินหนีไป มะปรางแปลกใจ มองตามงงๆ
ooooooo
มานิตไปสืบประวัติของเอ็ดเวิร์ดกับแทน แล้วมาเล่าให้ธราธรฟัง จากนั้นอาทิตยรังสีก็ได้ฟังจากธราธรว่า
“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดเป็นมหาเศรษฐีที่มีความหลงใหลในวัตถุโบราณมาก สนับสนุนองค์กรอิสระที่ทำงานด้านนี้ มีเครือข่ายเส้นสายอยู่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชีย”
ธราธรเล่าว่า มานิตพยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอ็ดเวิร์ดแต่แทนก็เล่าได้เพียงเท่านี้ คาดว่าก็คงรู้จักเอ็ดเวิร์ดเพียงผิวเผินเท่านั้น ยิ่งพรานสมด้วยแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นใครมาจากไหน
“อืม...บางทีความไว้ใจของคนเรา มันก็เป็นประตูพาเราไปสู่อันตรายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเราไว้ใจผิดคน” อาทิตยรังสีเอ่ยอย่างครุ่นคิด ทั้งธราธรและพรานอ่อนศรีที่ร่วมคุยด้วยต่างพยักหน้าเห็นด้วย
ธราธรเอาแผนที่คืนให้อาทิตยรังสี บอกว่าวันนั้นเห็นตกที่พื้นเพื่อความปลอดภัยเลยไม่เก็บไว้ที่เดิม
“งั้นก็เก็บไว้ที่คุณชายใหญ่ต่อไปก็แล้วกัน เพราะผมคงจะไปสำรวจเองไม่ไหว ต้องมอบให้คุณชายใหญ่กับอาจารย์ชินกรเข้าไปสำรวจ แล้วก็รีบทำเรื่องเสนอทางกรม ส่งคนมาบูรณะโดยด่วน ก่อนที่จะมีใครไปถึงที่นั่นและขนเอาสมบัติชาติไปเสียหมด”
เมื่อธราธรรับคำ อาทิตยรังสีเอ่ยฝากฝังเป็นนัยว่า “ฝากด้วยนะครับ ฝากคุณชายใหญ่ดูแลทุกอย่างแทนอาด้วยนะ”
ooooooo
เอ็ดเวิร์ดร้อนใจไม่พอใจที่ยังไม่ได้แผนที่มา เขาแอบไปคุยกับอีริคและพรานสม ยื่นคำขาดว่าให้เวลาอีกสองวันถ้ายังไม่ได้แผนที่ก็จะกลับกรุงเทพฯและก็อย่าหวังว่าจะได้เงินจากตนอีก
ทั้งด่าทั้งปรามทั้งขู่แล้ว เอ็ดเวิร์ดเดินออกมาที่ปราสาทเพื่อขึ้นรถกลับ แต่ไม่พบใครที่ไซต์งานแล้ว เหลือบเห็นเกษราที่ยังเดินเศร้าเสียใจเรื่องชายใหญ่กับมะปรางอยู่ จึงตะโกนเรียกถามว่าคนอื่นหายไปไหนหมด
เอ็ดเวิร์ดวางอำนาจบาตรใหญ่ตามเคย พอรู้ว่าคนอื่นกลับกันหมดแล้วก็ถามเกษราว่าตนจะกลับอย่างไร เกษราซึ่งกำลังสับสนเสียใจบอกว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยถูกเอ็ดเวิร์ดก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสีย เกษราโมโหเลยเดินหนี ถูกเอ็ดเวิร์ดกระชากกลับมาตะคอก “ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ แกจะไปไหน หยุด และหันมาทางฉัน!!!”
ชินกรที่ไปตามหาเกษราเพราะคนอื่นกลับไปหมดแล้ว มาเห็นเข้าพอดี เขาพุ่งเข้าชกเอ็ดเวิร์ดล้ม
“ไอ้สารเลว แกกล้าดียังไงมาทำร้ายนักศึกษาของฉัน” เอ็ดเวิร์ดตวาดว่ากล้าดียังไงมาทำร้ายตน จะฟ้องหัวหน้า โครงการให้ไล่ทั้งสองคนออก ชินกรของขึ้นท้าลั่น “เชิญ! อยากจะฟ้องอะไรก็เชิญ เพราะผมเองก็จะรายงานเรื่องนี้ให้คุณชายอาทิตย์ทราบเหมือนกัน และถ้าคุณยังทำร้ายคนของผมอีก คราวหน้าผมจะแจ้งตำรวจ”
พอดีมานิตย้อนกลับมารับชินกรกับเกษรา เอ็ดเวิร์ดหันมาชี้หน้าอาฆาตชินกร
“จำสิ่งที่แกทำกับฉันเอาไว้ เพราะวันที่ฉันเอาคืน...แกต้องเจอหนักกว่านี้หลายเท่า!!” พูดอาฆาตแล้วเดินลิ่วไปขึ้นรถที่มานิตนั่งในที่คนขับรออยู่ สั่งให้ไปส่งตนที่แคมป์เดี๋ยวนี้ มานิตจะรอชินกรก่อน ถูกตวาดทันที “ฉันสั่งว่าเดี๋ยวนี้!! จะขับไปดีๆหรือให้ฉันขับไปเอง และพวกแกก็เดินกลับกันไป เลือกเอา!”
ฝ่ายชินกรหันไปดูเกษราที่ร้องไห้เพราะความอัดอั้นหลายปัญหา ในยามที่เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นมีอาการหญิงที่อ่อนไหวอ่อนโยนอย่างเด่นชัด แม้ชินกรจะไม่เฉลียวใจเรื่องนี้แต่เพราะมีใจผูกพันอยู่กับเกษรา เลยเผลอใจคิดว่านั่นคือเกษรา เขากอดปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ...ไม่ต้องกลัว....”
เกษราไม่มีใจจะคิดอะไร เธอร้องไห้อย่างอัดอั้น จนกระทั่งชินกรเองรู้สึกตัว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสนกับการกระทำของตัวเอง...
ooooooo
เมื่อเกษรากลับมาถึงที่พัก มะปรางยังชวนคุยถึงเรื่องราวต่างๆ แต่รู้สึกผิดสังเกตกับท่าทีห่างเหินเย็นชาของอีกฝ่าย เกษราถามมะปรางจนรู้ว่า ที่ชายใหญ่ ชวนตนมาเพราะมะปรางจะตามมาดูแลพ่อจึงให้เธอมาเป็นเพื่อน
พอรู้ความจริง ความผิดหวังน้อยใจยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เธอบอกมะปรางว่าพรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯเพราะตนคงไม่เหมาะกับที่นี่ ทั้งที่ในใจคิดว่า ตนไม่เหมาะกับธราธร....
ความเย็นชาหมางเมินของเกษรา ทำให้มะปรางไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่เฝ้าสังเกตเธออยู่เงียบๆรู้ว่าเธอร้องไห้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะถาม
เช้าวันรุ่งขึ้น เกษราเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯจริงๆ มะปรางไม่รู้จะทำอย่างไรจึงรีบไปบอกชายใหญ่ ก็ได้รับคำชี้แจงปลอบใจว่าเหตุที่เกษราเดินทางกลับอาจเพราะไม่พอใจตนที่ละลาบละล้วงถามเรื่องความชอบไม่ชอบส่วนตัวของเธอเลยทำให้อึดอัดไม่อยากอยู่
แต่มะปรางเชื่อว่าเป็นเพราะตนมากกว่า เพราะตนพูดด้วยก็ไม่อยากพูด ชายใหญ่จึงจะลองไปคุยกับ
เกษราดู และจะขอร้องให้อยู่ต่อเพราะอีกไม่กี่วันเราก็จะกลับกันแล้วไม่อยากให้แตกแถวกลับไปคนเดียวมันอันตราย แต่ที่ทำให้มะปรางคิดไม่ตกคือ ชายใหญ่บอกว่าถ้ากล่อมเกษราไม่สำเร็จเธอจะกลับให้ได้ มะปรางก็ต้องกลับด้วย
ชายใหญ่ไม่ทันไปคุยกับเกษรา ก็ถูกชินกรที่ได้ข่าวจากป้าพรตัดหน้าไปคุยก่อนแล้ว เขาไปคุยกับเกษราแบบแมนๆว่า
“ที่นายอยากกลับกรุงเทพฯเพราะเรื่องมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หรือว่า...เรื่องชายใหญ่กับตะวัน”
เกษรานิ่งเงียบ ชินกรขอให้เธออย่าด่วนสรุปจากสิ่งที่เห็น เพราะสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่ความจริง แล้วยกตัวอย่าง
“อย่างเช่น อยู่ๆนายก็โผล่มาร่วมคณะ แล้วก็บอกว่าตัวเองเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณเกษ ทั้งๆที่ฉันไม่เคยรู้ว่าคุณเกษมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ในมหาวิทยาลัยมาก่อน นายอาจจะไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณเกษจริงๆก็ได้ ใครจะไปรู้”
ระหว่างนั่งคุยกันนั่นเอง พรานอ่อนศรีก็มาบอกว่า อาจารย์อาทิตยรังสีเชิญทั้งสองคนไปพบด่วน!!
ooooooo
ที่บ้านพักหลังใหญ่ เอ็ดเวิร์ดกับแทนอยู่ที่นั่นแล้ว เกษรากับชินกรตามมาไล่ๆกับชายใหญ่และมะปราง รวมทั้งพรานอ่อนศรี
เอ็ดเวิร์ดมาฟ้องอาจารย์หม่อมว่าถูกชินกรทำร้าย โดยมีแทนช่วยโวยวายว่า “อาจารย์ชินกรต้องรับผิดชอบ!!”
การโต้แย้งปะทุขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคู่กรณีอย่างชินกรกับเอ็ดเวิร์ด เมื่อเอ็ดเวิร์ดเถียงสู้ชินกรไม่ได้ก็ป้ายสีทำนองว่า ชินกรปกป้องนายก้องเกียรติเกินเหตุ จนตนสงสัยว่าเด็กคนนี้มีอะไรพิเศษ ตนถึงแตะต้องไม่ได้
“ไม่ว่านักศึกษาคนไหน คุณก็แตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น” ธราธรแทรกขึ้น “ผมบอกหลายครั้งแล้ว นักศึกษาทุกคนมาที่นี่เพื่อศึกษาหาความรู้ ไม่ได้มาดูแลหรือรับใช้ใคร เมื่อวานคุณใช้ตะวันไปตักน้ำจากลำธารเอามาต้ม แล้วยังจะบังคับให้ถูหลัง ผมไม่โอเว่อร์รีแอ็ก แต่ผมคิดว่าคุณเรียกร้องจากพวกเรามากเกินไป!!”
เอ็ดเวิร์ดใช้ไม้เดิม นอกจากทำท่าเจ็บปากที่โดนต่อยจะเป็นจะตายให้ได้แล้ว ยังประกาศจะไม่ให้ทุนต่อไป แทนตกใจบอกเอ็ดเวิร์ดให้ใจเย็นๆ แล้วอ้อนวอนอาทิตยรังสีให้ช่วยตัดสินคดีให้ด้วย
“ผมรับผิดเองครับ!!” ธราธรเอ่ยขึ้นอย่างเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว “ที่จริงก้องเกียรติไม่ใช่นักศึกษาในคณะเรา แต่ที่ได้มาเพราะผมเป็นคนรับรอง ถือว่าผมเป็นผู้ปกครอง ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง” แล้วหันไปทางเอ็ดเวิร์ด “เพื่อให้เรื่องนี้จบ คุณต้องการให้ผมทำอะไร บอกมาเลย”
เอ็ดเวิร์ดมองธราธรอย่างผู้ชนะ ยิ้มอย่างสะใจ
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” เสียงอาทิตยรังสีเอ่ยขึ้นจนทุกคนหันมอง “เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็น ‘ความเข้าใจผิด’ ของพวกเราทุกคน”
เอ็ดเวิร์ดมองเขม็งบอกว่าตนไม่เข้าใจ อาทิตยรังสีจึงชี้แจงรายละเอียดว่า เอ็ดเวิร์ดเองเข้าใจผิดว่าเราต้องดูแลเขา พวกเราก็เข้าใจผิดคิดว่าการดูแลเขาไม่ดีคือความผิด ยํ้าว่า
“ที่จริงแล้ว เรามาทำงานไม่ได้มีหน้าที่ดูแลต้อนรับใคร ไม่ว่าเขาจะมีเงินมากแค่ไหนก็ตาม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอให้พวกคุณทุกคนกลับไปทำงานของตัวเอง ห้ามเอาเวลางานไปดูแลคนอื่นเด็ดขาด”
ธราธร ชินกร และเกษรารับคำยิ้มๆ อาทิตยรังสีบอกชินกรกับเกษราว่า “ให้ขอโทษเอ็ดเวิร์ดเสีย ที่ไม่ได้ยินเขาเรียก ทำให้เขาต้องส่งเสียงดังและมากระชากแขนจนชินกรต้องเข้ามาช่วย จนเป็นเรื่องชกต่อยกัน”
หลังจากทั้งสองขอโทษแล้ว อาทิตยรังสีหันไปพูดกับเอ็ดเวิร์ดว่า
“สำหรับมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ทางเราต้องขอโทษด้วย ครั้งหน้าถ้าคุณร่วมเดินทางมาอีก เราจะจัดงบพิเศษและหาคนคอยดูแลอย่างดี” แทนรีบพยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วก็หน้าเสียเมื่ออาทิตยรังสีพูดต่อว่า “สำหรับครั้งนี้ ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกคุณแทนได้เลย เพราะเขาเป็นคนเดียวในคณะที่มีหน้าที่ดูแลคุณ”
แทนรีบแย้งว่าจะให้ตนไปตักน้ำ ต้มน้ำ และถูหลังให้เอ็ดเวิร์ดนั้น ตนทำไม่ได้
“พอได้แล้ว!!” เอ็ดเวิร์ดขัดขึ้น “พวกคุณทำให้ผมผิดหวังอย่างมาก นอกจากจะไม่มีการร่วมเดินทางครั้งต่อไปแล้ว ผมขอแยกจากคณะและเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้!!”
เอ็ดเวิร์ดลุกเดินออกไปทันที แทนตกใจขอร้องให้ใจเย็นๆ พลางรีบตามออกไป ส่วนเกษราไหว้ขอบคุณอาจารย์อาทิตยรังสีแล้วขอตัว ธราธรกับชินกรจะตามไปก็ถูกเรียกไว้ บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา
ทั้งหมดปิดประตูคุยกันในห้องรวมทั้งพรานอ่อนศรีด้วย อาจารย์ขอให้ธราธรกับชินกรเริ่มงานสำรวจปราสาท 5 หลัง ในวันมะรืนนี้เลย ถามว่าพร้อมไหม เพราะเกรงว่าถ้าช้าไปอาจไม่ทันการณ์ บอกทั้งสองว่าจะให้พรานอ่อนศรีเป็นคนนำทางไป พรานอ่อนศรีบอกว่าเราต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2 วัน ชินกรจึงวางแผนเตรียมเสบียงให้เพียงพอ
“เรื่องงานที่แคมป์ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ที่นี่ก็คงไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว ผมจะดูแลนักศึกษาให้เอง” อาทิตยรังสีบอก
วางแผนกันเสร็จ ชายใหญ่คิดถึงมะปรางแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ooooooo
ทุกอย่างน่าจะลงตัวไปตามแผนการ แต่ก็มีเรื่องให้ต้องวุ่นวายกันอีกจนได้ เมื่อเกษราหนีกลับกรุงเทพฯโดยไม่บอกใคร มะปรางเห็นเสื้อผ้าข้าวของในห้องหายไปหมด จึงรีบไปบอกชายใหญ่ พอดีมานิตเอารถกลับมารับพวกที่แคมป์ไปทำงานอีกรอบ ธราธรจึงขอยืมรถแล้วขึ้นขับตะบึงไปทันที
โชคดีไปเจอเกษรายืนรอรถเมล์แดงอยู่ รถเมล์แดงมาพอดี เกษราเตรียมจะขึ้นรถ ธราธรก็ขับรถของโครงการปาดหน้าเข้าไปจอดถอดแว่นดำลงจากรถมาถามเกษราว่า จะไปไหน ทำไมไม่บอกตนก่อน
“เกษคิดว่าพี่ชายไม่สนใจอยากจะรู้” เธอตอบไม่กล้าสบตา ชายใหญ่บอกว่าไม่ให้กลับ แล้วคว้ากระเป๋าในมือไปใส่รถ สั่งเธอให้ขึ้นรถ พอเธออึกอักลังเลก็ดุเบาๆว่า อย่าดื้อนะคะ
เกษราเขินขึ้นมาอย่างแรง พยักหน้าหลบตากลั้นยิ้มที่แทบจะปิดไม่อยู่ ยอมเดินขึ้นรถไปโดยดุษฎี ใจเต้นแรงอย่างคิดไม่ถึงว่าชายใหญ่จะให้ความสนใจตนถึงเพียงนี้
ระหว่างนั่งรถกลับแคมป์ด้วยกันนั้น ธราธรถามว่าทำไมเธอถึงคิดจะหนีกลับกรุงเทพฯมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือ
ท่าทีที่อบอุ่นห่วงใยของชายใหญ่ ทำให้เกษรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ยอมรับตรงๆ ว่า เพราะคิดว่าตนเป็นตัวปัญหาไม่มีความอดทน ไม่มีความมั่นใจไม่เหมือนน้องปราง พูดอย่างไม่ปิดบังว่า
“เกษอยากเป็นเหมือนน้องปราง กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ พี่ชายคงจะชอบผู้หญิงที่มีนิสัยเหมือนน้องปราง”
ชายใหญ่พูดถึงมะปรางอย่างเอ็นดูว่าเหมือนเด็ก แต่ชมเธอว่าเป็นผู้หญิงที่แกร่งมาก แม้ภายนอกจะดูบอบบาง แต่ทำงานโอบอุ้มคนทั้งครอบครัว จะมีใครสักกี่คนที่ทำได้ ชมว่า
“น้องเกษเป็นแม่บ้านแม่เรือนอ่อนหวานเป็นกุลสตรีขนานแท้” แล้ววกมาเทียบกับมะปรางว่า
“ส่วนน้องปรางเป็นเด็กที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร พ่อแม่รักทะนุถนอม จนบางครั้งก็ขี้งอนเพราะไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ฉลาด สดใสเป็นสาวสมัยใหม่ ผู้หญิงสองคนเทียบกันไม่ได้ ถ้าเปรียบเป็นดอกไม้ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็งามด้วยกันทั้งคู่”
พูดแล้วชำเลืองมองเกษราเห็นเธอนิ่งฟังสีหน้าดีขึ้น ชายใหญ่ชี้ให้เห็นอีกว่า...
“เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคิดเปรียบเทียบแบบนั้นอีกนะ รกสมองเปล่าๆ รู้ไหมคะ และพี่ก็ขอยืนยันว่าน้องเกษไม่ใช่ตัวปัญหาแน่นอน รู้แบบนี้แล้วยังจะอยากกลับกรุงเทพฯอีกหรือเปล่า”
“เกษไม่กลับแล้วค่ะ เกษจะพยายามปรับตัวอยู่ต่อไปให้ได้ และกลับพร้อมพี่ชายใหญ่ค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ
“พี่รู้ว่าน้องเกษของพี่เก่ง เพียงแต่ต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้”
“ค่ะ...เกษจะพยายามมั่นใจ เชื่อพี่ชายใหญ่ ไม่หูเบาเชื่อคำคนอื่น”
ชายใหญ่จับมือเธอไปกุมไว้อย่างอ่อนโยน ให้กำลังใจว่า
“ดีแล้ว ใช้วันที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด คงไม่มีครั้งไหนที่น้องเกษจะได้ผจญภัยได้มากมายเท่าครั้งนี้แล้ว”
ความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เกษรามีกำลังใจเข้มแข็งขึ้นอย่างประหลาด
คุณชายเองก็แอบถอนใจโล่งอกที่เกษรายอมอยู่ต่อ เพราะตนรับปากมะปรางไว้ว่าจะพาเกษรากลับมาให้ได้
ooooooo