ตอนที่ 5
มะปรางกลับเข้าห้องพักกระชากวิกผมวางฟึ่บร่วงหายไปไม่รู้ตัว ยกมือเกาหัวคันคะเยอบ่นหงุดหงิด
“คิด แล้วยังโกรธไม่หาย พวกฝรั่งดั้งขอ คิดว่าเงินตัวเองใหญ่ จะสั่งให้ใครทำอะไรก็ได้ โอ๊ยยย...” เธอเกาหัวแกรกๆ ทั้งโมโหทั้งคัน เกษรายืนมองส่ายหน้าเตือนว่า
“น้องมะปรางก็ต้องระวังตัวด้วยนะคะ พวกนั้นเขาคิดว่าเราเป็นผู้ชาย ไปแข็งข้อใส่เขาอาจจะใช้กำลังทำร้ายเราได้”
“ปรางไม่กลัวหรอกค่ะ มีพี่ชายใหญ่อยู่ทั้งคน พี่ชายใหญ่ต้องช่วยปรางอยู่แล้ว”
ทันใด นั้นมีเสียงเคาะประตูก๊อกๆๆสองสาวมองหน้ากันตกใจ มะปรางรีบหาวิกผม พอควานเจอใส่เสร็จปุ๊บประตูห้องก็เปิดปั๊บ สองสาวถอนใจเฮือกใหญ่ที่แท้เป็นชายใหญ่นั่นเอง มะปรางบ่นว่าทำไมไม่ส่งเสียงก่อน พวกตนนึกว่าเป็นคนอื่นตกใจหมดเลย
“หายตกใจแล้วก็รีบออกมาคุยกับพี่เดี๋ยวนี้เลย!” เสียงชายใหญ่เข้มจนน่าตกใจตื่นเต้นยิ่งกว่าเสียงเคาะประตูเสียอีก
ชาย ใหญ่เรียกไปดุเรื่องที่เธอหุนหันพลันแล่นกับมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ถามว่าถ้าตนไปห้ามไม่ทันจะทำยังไง มะปรางทำหน้าจ๋อยยกมือไหว้ขอโทษ บอกว่าตนไม่พอใจเอ็ดเวิร์ดที่ทำร้ายพรานอ่อนศรี เมาแล้วโวยวาย ลูกน้องก็อันธพาลพอกัน อ้อนชายใหญ่อย่าโกรธเลย ตนทำไปเพราะทนไม่ไหวจริงๆ
“เรา นี่จริงๆเลย ทำผิดทุกครั้งก็ต้องมาทำหน้าแบบนี้ทุกที แบบนี้เขาเรียก ‘ดื้อตาใส’ ดื้อแล้วไม่ยอมรับทั้งเรื่องที่แอบเข้าไปในป่า ทะเลาะกับมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดแล้วยังแอบมีความรักโดยไม่บอกพี่อีก”
มะปรางติงว่าไม่เกี่ยวกันมั้ง ชายใหญ่ยืนยันว่าเกี่ยวเพราะตนต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตเธอตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ย้ำว่า
“เพราะฉะนั้น...ต้องบอกพี่ทุกอย่าง และก็อย่าทำเป็น ‘ดื้อตาใส’ อีกรู้ไหม” พูดแล้วจับหัวโยกแรงๆทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้และมันเขี้ยว
ชิน กรมาเห็นเข้าถึงกับผงะตาเหลือกตกใจ ที่เห็นอาจารย์หม่อมหยอกล้อกับตะวันอย่างใกล้ชิดมีความสุข แต่ก็กลัวธราธรจะรู้ว่าตนเห็น เลยถอยออกไปแล้วแกล้งส่งเสียงให้รู้ก่อนเดินเข้าไป ชายใหญ่กับมะปรางผละจากกันเก้อๆเขินๆ ชินกรยิ่งตะขิดตะขวงใจ หลังจากนั้นก็ระแวง เจอธราธรเมื่อไรก็ระวังบั้นท้ายตัวเองเป็นพิเศษเมื่อนั้นจนธราธรแปลกใจ
เมื่อ ถึงเวลานอนก็ยิ่งกระอักกระอ่วนใจ จะหันข้างให้ก็เสียวบั้นท้าย จะหันหน้าให้ก็ตะขิดตะขวงใจ ครั้นจะนอนหงายก็ไม่ถนัด พลิกไปพลิกมาจนธราธรถามว่าเป็นอะไร ต้องแก้ตัวอึกอักว่าไม่เป็นอะไร แล้วชวนรีบนอนดีกว่า ตัดสินใจนอนหงายเพื่อความปลอดภัย ชินกรนอนตัวแข็งทื่อเกร็งไปหมดทั้งตัว
ooooooo
เกษราเป็นห่วงมะปรางกลัวจะถูกชายใหญ่ดุ พอมะปรางกลับเข้าห้องก็รีบถาม มะปรางบอกสบายๆว่าพี่ชายใหญ่ก็ดุตามระเบียบอย่างที่เคยดุมาตั้งแต่ตนเป็นเด็กนั่นแหละ
เกษราพึมพำว่านึกภาพไม่ออกว่าชายใหญ่จะดุคนเป็น มะปรางได้ทีโยงมาที่เกษราว่า อย่างเธอที่เพียบพร้อมไม่มีอะไรให้ต้องดุ ผิดกับตนที่ทำผิดอยู่เรื่อย เมื่อกี๊ก็เอ็ดว่าตนดื้อตาใส
“พี่ชายใหญ่ไม่เคยพูดสักคำว่าพี่เป็นคนยังไง จริงๆแล้วไม่เคยพูดกับพี่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่เพราะคำสัญญาของสองตระกูล พี่ชายใหญ่อาจจะไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาเลยก็ได้” เกษรายังปรารภว่าชายใหญ่คงไม่สนใจผู้หญิงที่เรียนไม่สูง วันๆทำแต่ขนมอยู่ในครัวอย่างตนหรอก “ในความคิดของพี่ชายใหญ่ พี่อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างที่น้องปรางคิดก็ได้นะคะ”
มะปรางฟังแล้วเข้าใจและเห็นใจ นอนคิดว่าจะช่วยเกษราเรื่องนี้ได้อย่างไร...
ฝ่ายเอ็ดเวิร์ดก็ครุ่นคิดคุมแค้นมะปรางกับชายใหญ่ที่กล้ามาขัดใจตน พรานสมยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นว่า
“ผมว่าคุณอย่าไปสนใจไอ้มดปลวกพวกนั้นเลย เดี๋ยวเรื่องเล็กจะทำให้เสียเรื่องใหญ่ ช่วยกันหาแหล่งสมบัติแล้วแยกตัวไปจากไอ้พวกนี้จะดีกว่า”
“นั่นมันงานของแกไม่ใช่ธุระของฉัน” เอ็ดเวิร์ดตวาด แล้วลดเสียงลงกัดฟันพูดเบาๆ “ฉันจ้างพวกแกมาหาของ แกก็มีหน้าที่หามันมาให้ได้!! ไม่เกี่ยวกับฉัน!”
พรานสมจำต้องเงียบพยักหน้ารับ เอ็ดเวิร์ดยังพึมพำอย่างแค้นติดพันว่า
“ฉันจะไม่ปล่อยให้ไอ้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมันอยู่อย่างเป็นสุข!”
ooooooo
เช้านี้ มานิตตีระฆังรวมพลเพื่อไปทำงาน บรรดานักศึกษาที่พร้อมแล้วพากันเดินมาขึ้นรถ อุดม มานะ กับปิติ ยังยืนอยู่ โดยเฉพาะอุดมท่าทางมองหาอะไรอย่างผิดสังเกต พอมานะถามก็บอกว่ามองหาอาจารย์หม่อมกับตะวัน!
พอดีธราธร มะปราง กับเกษราเดินมา มานิตบอกว่าที่ยังเหลือ อุดมกระตือรือร้นผิดปกติเรียกให้อาจารย์หม่อมมาขึ้นรถ ทุกคนเลยมองเป็นตาเดียวกัน จนธราธรรู้สึกแปลกใจกับสายตาเหล่านั้น สุดท้ายบอกมานิตว่าตนไว้รออีกรอบค่อยไปพร้อมตะวันกับก้องเกียรติดีกว่า
ฝ่ายชินกรไปตามก้องเกียรติที่ห้องครัวกลับมาที่รถ พอเกษราเห็นเท่านั้นเธอกระโดดแผล้วขึ้นรถไปเลย ชินกรเห็นดังนั้นตะโกนให้รอด้วย แล้วโดดขึ้นรถไปนั่งติดกับเกษราพอดี๊...พอดี!
อุดมเห็นธราธรยืนอยู่กับมะปรางก็สะกิดเพื่อนให้ดูทำนองว่า เห็นไหม?...เห็นเปล่า!
มะปรางมองไปบนรถด้วยความเป็นห่วงเกษรา จนชายใหญ่สังเกตเห็นถามอย่างรู้ทันว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังรึเปล่า เธอทำเป็นหัวเราะแหะอย่างยอมรับ แล้วจึงเล่าให้ฟัง
“อาจารย์ชินกรจับผิดน้องเกษเหรอ?” ชายใหญ่ฟังแล้วแปลกใจ แต่ตัวเองก็ปรารภว่า “จะว่าไป หมู่นี้อาจารย์ชินกรก็มีท่าทางแปลกๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่”
มะปรางได้จังหวะย้ำกับชายใหญ่ว่าต้องสนใจ เกษราบ้าง มีอะไรก็ต้องพูดต้องคุยกัน เงียบๆไม่พูด ไม่จาผู้หญิงเขาจะไม่รู้ว่าคิดอย่างไรอยู่ ชายใหญ่มองหน้าถามว่าพูดจาแปลกๆ คิดอะไรอยู่หรือวางแผนอะไร?
“เอ่อ...คือปรางเห็นว่าพี่เกษเป็นคนน่ารัก ถ้าพี่ชายใหญ่ได้เธอเป็นคู่ชีวิตตามคำสัญญาของสองตระกูลก็น่าจะเป็นเรื่องดี ปรางก็แค่อยากจะช่วย”
“เรื่องนี้นี่เอง...ไหนว่ามาซิ เราจะช่วยยังไง” ชายใหญ่พูดขำๆ แต่มะปรางพูดเป็นการเป็นงานว่า
“อย่างแรกที่พี่ชายใหญ่ควรทำคือ รู้ใจพี่เกษค่ะ” แล้วก็สาธยายว่าต้องรู้ว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ชอบกินอะไร ชอบดอกไม้อะไร ชอบเที่ยวที่ไหน ปรากฏว่าชายใหญ่ส่ายหน้าไม่รู้เลยสักอย่าง แต่พอพูดถึงตัวเธอเอง ชายใหญ่กลับบรรยายได้อย่างละเอียดลออ จนมะปรางถามว่า “พี่ชายใหญ่รู้ได้ยังไงคะ”
“ก็พี่ชายใหญ่รู้จักมะปรางมาตั้งแต่เกิด พี่จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะคะ”
มะปรางชมว่าคุณพ่อยังไม่รู้จักตนละเอียดอย่างนี้เลย แล้วย้ำว่าเขาควรรู้ข้อมูลแบบนี้ของเกษราด้วย
“จริงสิ พี่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเกษเลย...ขอบใจมากสำหรับคำแนะนำ”
มะปรางยิ้มดีใจ แต่พอลับหลังชายใหญ่ก็ใจหายแอบเศร้าอยู่ลึกๆ...
พอดีมานิตเอารถกลับมาบอกธราธรว่าตนมีธุระต้องไปประชุม อาจารย์คงต้องขับรถไปกันเอง
ooooooo
เอ็ดเวิร์ดฟ้องแทนว่าธราธรก้าวร้าวตน แสดงกิริยาวาจาไม่สมกับชาติตระกูล ตนผิดหวังเรื่องเมื่อคืนนี้มากและจะกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย
แทนละล่ำละลักบอกว่าเรื่องเมื่อคืนอาจเป็นความเข้าใจผิดกัน เพราะปกติคุณชายใหญ่จะเป็นคนสุภาพให้เกียรติคนอื่นเสมอ แล้วเสนอเป็นการขอโทษว่า ถ้าเขาต้องการอะไรพิเศษ อยากกินร้อนนอนฟูกหรืออยากได้อะไรให้บอกตนโดยตรง ตนจะจัดหามาให้เอง ขอร้องว่า “อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ อยู่ดูงานต่ออีกหน่อยนะครับ”
เมื่อเอ็ดเวิร์ดยอมอยู่ต่อบอกว่าพอใจการทำงานของเขาและอาจพิจารณาให้ทุนเป็นกรณีพิเศษ ส่วนเรื่องที่ตนต้องการนั้น เอ็ดเวิร์ดยิ้มร้ายบอกว่า “อีกไม่นานผมจะบอกคุณเอง”
“นอกจากความต้องการของมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ผมมีอีกเรื่องที่อยากให้คุณช่วย!!” พรานสมแทรกขึ้นแววตาเจ้าเล่ห์
เรื่องที่พรานสมอยากให้แทนช่วยคือ ขอให้มานิตเผยข้อมูลการค้นพบและบูรณะปราสาทอย่างละเอียด ซึ่งมานิตก็ไม่ขัดข้อง เอาแผนที่ให้ดูและอธิบายอย่างละเอียด พรานสมถามถึงปราสาทอื่นที่ยังไม่ได้รับการบูรณะว่ารู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน
“ผมเคยได้ยินชาวบ้านพูดถึงอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน” มานิตบอกตามตรง เมื่อถูกพรานสมถามว่าใครรู้บ้าง มานิตบอกว่านั่นเป็นงานของฝ่ายสำรวจ “ก็มีอาจารย์หม่อมอาทิตยรังสีหรือไม่ก็อาจารย์หม่อม ธราธรแล้วก็อาจารย์ชินกรจะเป็นฝ่ายออกสำรวจและทำเรื่องเสนอไปทางส่วนกลาง เพื่อจัดสรรงบประมาณมาบูรณะ ถ้ามีชาวบ้านไปเจอปราสาทหรือโบราณสถาน คนที่จะมีข้อมูลมากที่สุดก็น่าจะเป็นอาจารย์หม่อมอาทิตย์”
พรานสมฟังแล้วคิดหาทางที่จะเอาข้อมูลเหล่านั้นมาให้ได้
ooooooo
ชินกรตามตื๊อจนได้คุยกับเกษรา หรือนายก้องเกียรติ เพื่อถามว่า ตะวันมีแฟนหรือยัง ตะวันรักผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วเธอกับตะวันเป็นแฟนกันหรือเปล่า
พอเกษราบอกว่าตนกับตะวันเป็นเพื่อนกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น ชินกรก็ถอนใจโล่งอกแล้วขอตัวไปทำงานเลย
“ทำไมอาจารย์ชินกรถึงอยากรู้เรื่องน้องปราง?” เกษราสงสัยมาก
ฝ่ายอีริค เมื่อได้ข้อมูลจากพรานสมว่าอาทิตยรังสีมีข้อมูลปราสาทตามที่พวกตนคาดไว้จริงๆจึงวางแผนจะไปขโมยข้อมูลนี้ อีริคจะพาลูกน้องไปเอง โดยให้พรานสมคอยเกาะติดกีดกันไม่ให้อาทิตยรังสีกลับที่พักก่อน 5 โมงเย็น
ที่ปราสาทอันเป็นมุมทำงานของอาทิตยรังสี มะปรางวนเวียนทำทีจดโน่นจดนี่อยู่แถวนั้น ตาก็คอยชำเลืองมองพ่อด้วยความเป็นห่วง แล้วจู่ๆอาทิตยรังสีก็รู้สึกหน้ามืด สั่งพรานอ่อนศรีให้เอารถออก ตนจะกลับที่พัก
พรานสมหูผึ่ง ดูนาฬิกาเพิ่งจะบ่ายสาม ทำอุบายหลอกอาทิตยรังสีว่าตนพบร่องรอยพวกโจรแล้วพาเข้าป่าไปดู
มะปรางเห็นพ่อเข้าป่าไปกับพรานสมก็ใจคอไม่ดี จะตามไปก็นึกขึ้นได้ว่าชายใหญ่สั่งไว้ว่าจะทำอะไรให้บอก จึงรีบไปบอก ชายใหญ่ให้มะปรางอยู่กับเกษรา แล้วตัวเองรีบตามอาทิตยรังสีไป
เพราะอยากรู้ร่องรอยโจร อาทิตยรังสีกัดฟันเดินตามพรานสมไปจนรู้สึกไม่ไหวจะกลับ พรานสมพยายามหลอกล่อให้เดินต่อ จนอาทิตยรังสีเป็นลมล้มฟุบไป พอดีธราธรตามไปทัน จึงช่วยกันรีบพาออกมาเพื่อกลับที่พัก
อีริคกับลูกน้องเข้าไปค้นในห้องของอาทิตยรังสี ค้นจนเกือบทั่วก็ไม่เจออะไร จนกระทั่งไปเจอกล่องยาวๆ อีริคหยิบมาดู พอเห็นก็ตาวาวด้วยความดีใจเพราะมันเป็นแผนที่จริงๆทันใดก็ชะงักเมื่อสมุนเปิดประตูพรวดเข้ามาบอกว่าพวกอาทิตยรังสีกลับมาแล้ว ขณะกำลังตกใจกันนั่นเอง มีลมพัดวูบเข้ามาทางประตูพัดเอาแผนที่ปลิวไป อีริคคว้าไม่ทัน สมุนเร่งว่ารีบไปก่อนเพราะพวกนั้นมากันแล้ว มากันเต็มเลย
พลันเสียงธราธร อ่อนศรี และนักศึกษาที่ช่วยกันนำร่างอาทิตยรังสีที่นอนอยู่ในเปลสนามเข้ามาก็ดังขึ้น อีริคกับลูกน้องต้องกระโดดหน้าต่างหนีไป
ธราธรเดินมาถึงหน้าห้อง เขาเอะใจเมื่อเห็นประตูห้องเปิดอยู่ ภายในห้องข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย!
ooooooo
เมื่อหมอมาตรวจแล้ว บอกธราธร ชินกร มานิต และพรานอ่อนศรีว่า อาทิตยรังสีร่างกายอ่อนเพลีย หัวใจทำงานหนัก หมอฉีดยาให้แล้วและต้องให้พักสักสองสามวันจึงจะดีขึ้น แต่ถึงดีขึ้นแล้วก็ควรพักผ่อนงดทำงานหนัก งดการเดินป่า
มานิตเดินไปส่งหมอที่รถ ชินกรถามธราธรทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆอาจารย์หม่อมถึงไปเป็นลมในป่า ธราธรเองก็ไม่รู้ต้องรอให้ท่านตื่นขึ้นมาแล้วถามท่านอีกที พูดหน้าเครียดว่า “แต่ตอนนี้...มีอีกเรื่องที่ผมเป็นกังวลมากกว่า...”
เมื่อช่วยกันเก็บข้าวของเข้าที่แล้ว ปรากฏว่าไม่มีอะไรสูญหาย ธราธรคาดว่าคนที่เข้ามาอาจจะไม่รู้ว่าห้องนี้ไม่มีของมีค่า ตั้งข้อสังเกตว่า “หรือไม่ก็...รู้อยู่ว่าห้องนี้มีแต่เอกสาร แต่เป็นเอกสารที่พวกมันต้องการ!”
จึงพากันคิดว่าเอกสารที่มันต้องการคืออะไร ธราธรเหลือบเห็นม้วนแผนที่ที่ตกอยู่เขาหยิบขึ้นดู ถามว่า แผนที่อะไร
“แผนที่ของผมเองครับ” พรานอ่อนศรีจำได้ว่าเป็นแผนที่ที่ตนเอาให้อาทิตยรังสีเมื่อหลายวันก่อน แล้วอธิบายว่า นี่คือแผนที่ของปราสาท 5 หลัง ที่ตนเพิ่งไปเจอในป่า ชินกรฉุกคิดได้ว่า พวกโจรคงต้องการแผนที่นี้ ธราธรถามว่าแล้วทำไมมันไม่เอาไปด้วย
คำถามต่างๆหลายแง่หลายมุม จนกระทั่งพรานอ่อนศรีถามขึ้นว่า คิดว่าพรานสมจะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ธราธรติงว่าตอนอาทิตยรังสีเป็นลมในป่า พรานสมก็อยู่ที่นั่น
“บอกตรงๆผมไม่ไว้ใจมันยังไงก็ไม่รู้ ผมเป็นพรานอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ยังไม่เคยได้ยินชื่อหรือเห็นหน้ามันมาก่อน อยู่ๆมาสมอ้างว่าเป็นพราน พรานจริงหรือพรานโจรก็ไม่รู้” พรานอ่อนศรีตั้งข้อสังเกต
ฟังพรานอ่อนศรีแล้ว ทำให้ทั้งธราธรและชินกรยิ่งเครียด กังวล ระแวงไปต่างๆนานา
ooooooo
มะปรางบอกชายใหญ่เรื่องพ่อเข้าป่าไปกับพรานสม แล้วก็เฝ้ารอฟังข่าวอยู่ตรงนั้น จนอุดมวิ่งพุงกระเพื่อมมาบอกว่า อาจารย์หม่อมอาทิตยรังสี เป็นลมที่กลางป่าตอนนี้พากลับไปที่บ้านพักแล้ว
มะปรางวิ่งอ้าวกลับไปทันที โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น วิ่งไปจนเหงื่อแตกพลั่กหน้าแดงก่ำ พอไปถึงเจอมานิต ถามว่าอาจารย์หม่อมอาทิตยรังสีเป็นอย่างไรบ้าง ถามไม่ทันจบประโยคก็เป็นลมไปแล้ว มานิตตกใจเรียก “ตะวัน...ตะวัน...” ธราธรได้ยินออกมาดูเห็นมะปรางเป็นลมพิงมานิตอยู่
ชินกรเห็นธราธรตกใจมากก็ยิ่งระแวง ตามไปดูด้วยความอยากรู้
มานิตพามะปรางไปวางที่แคร่และจะถอดเสื้อ เพื่อให้หายใจสะดวก ธราธรตกใจรีบห้ามแล้วอุ้มเธอเข้าไปในบ้านพัก บอกมานิตว่าเดี๋ยวตนดูแลเอง ชินกรยิ่งอยากรู้ตามไปดูต่ออีก
แล้วชินกรก็ทั้งตกใจและระแวงมากขึ้น เมื่อเห็นธราธรดูแลมะปรางอย่างดี ถอดรองเท้าถุงเท้าให้ พึมพำอึ้งๆ
“คุณชายใหญ่...ทำให้นายตะวันถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย??”
เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาและสะดวกในการดูแลกัน ชายใหญ่จึงให้ชินกรไปรับเกษรามาดูแลมะปรางแทน
ooooooo
อีริคเจ็บใจมากที่เจอแผนที่แล้วแต่เอามาไม่ได้ พาลด่าพรานสมที่ถ่วงเวลาอาทิตยรังสีไว้ไม่สำเร็จ พรานสมชี้แจงว่า เพราะธราธรตามไปและรับอาทิตย-รังสีกลับมา ตนก็ไม่รู้จะขวางอย่างไร
เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างเจ็บใจว่า ถ้าตนได้สิ่งที่ต้องการเมื่อไรจะไม่ไว้หน้าธราธรแน่ อีริคเสนอว่าเราต้องหาทางเอาแผนที่และไปเอาของที่ปราสาททั้ง 5 กวาดทุกอย่างไปให้หมด กว่าพวกนั้นจะไปถึงก็คงเหลือแต่ซากก้อนหินที่ไร้ค่าเท่านั้น
“ครับ...รับรองว่าครั้งนี้ไม่พลาดแน่” พรานสมรับรองแข็งขัน
ooooooo
เกษรามาดูแลจนมะปรางรู้สึกตัวขึ้นมา ตกใจเมื่อเห็นตัวเองอยู่ในชุดใหม่ ถามเกษราว่าใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ พอเกษราบอกว่าชายใหญ่เป็นคนอุ้มเธอเข้ามาในบ้านพักและตนเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็โล่งใจ
จากนั้นทั้งสองก็พากันไปที่ห้องอาทิตยรังสี โดยมะปรางถือถาดอาหารและเกษราถือถาดเครื่องดื่มเข้าไป ทั้งสองย่องเข้าไปใกล้เตียง ตกใจแทบหงายหลังเมื่ออาทิตยรังสีลืมตาขึ้นถามว่า ใคร! มะปรางเด้งไปแอบข้างหลังเกษราทันที
“ผมสองคนเป็นนักศึกษาครับ อาจารย์หม่อมให้ผมยกอาหารมาให้ครับ” เกษรารับหน้าแทน
“ขอบใจเธอสองคนมาก” อาทิตยรังสีเอ่ย ทั้งสองเห็นท่าไม่ดีรีบขอตัวกลับ มะปรางถูกแกล้งจนแทบหัวใจวายเมื่ออาทิตยรังสีเจาะจงเรียกเธอไว้ ทำเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ที่แท้แค่ใช้ให้ไปปิดหน้าต่างเพราะแสงอาทิตย์แยงตา
พอมะปรางกับเกษราออกไปแล้ว อาทิตยรังสีก็ยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งลูกสาวตัวแสบ
แต่ระหว่างออกมานั่นเอง ทั้งสองชะงัก ได้ยินเสียงพรานอ่อนศรีแว่วออกมาจากห้องทำงานในบ้านพักว่า
“โชคดีมากที่พวกโจรมันไม่ได้เอาแผนที่ปราสาทไปด้วย”
มะปรางกับเกษราแอบฟัง ได้ยินเสียงมานิตเอ่ยขึ้นว่า
“แต่จะว่าไป ผมเห็นด้วยกับลุง เรื่องพรานสมผมว่าท่าทางมันไม่น่าไว้ใจ อีกคนที่ผมคิดว่าเราไม่ควรจะวางใจคือ มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด วันก่อน ทั้งสองคนกับ
คุณแทนมาถามผมเรื่องงานสำรวจ ถามว่ามีปราสาทที่ยังไม่ได้บูรณะอยู่แถวนี้หรือเปล่า”
“นั่นไง! ผมว่าแล้ว! พวกนี้มันต้องวางแผนทำอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ” พรานอ่อนศรีตบเข่าฉาด
เกษรากลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า เร่งมะปรางให้รีบไปกันดีกว่า มะปรางจำต้องเดินตามไปอย่างเสียดาย...
ooooooo
แล้วก็มีปัญหาขึ้นอีกจนได้ เมื่อเอ็ดเวิร์ดต้องการตะวันกับก้องเกียรติไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัว ธราธรปฏิเสธเสียงแข็งว่าให้ไม่ได้ เพราะทุกคนเป็นนักศึกษาไม่ใช้เด็กรับใช้ของใคร
“ถ้าไม่มีคนดูแล ผมก็คงอยู่ต่อไปไม่ได้” เอ็ดเวิร์ดเล่นแง่ หันไปบอกแทนว่า “คุณหารถให้ผมด้วย ผมจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้!!”
แทนสะอึกอึ้ง มองธราธรอย่างขอความช่วยเหลือ แล้วจู่ๆชินกรก็พูดกับธราธรว่า
“คุณชายใหญ่ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณแทน แค่งานดูแลมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดสองคนนี้ทำได้อยู่แล้ว อนุญาตเถอะครับ”
ธราธรมองหน้าชินกรอย่างแปลกใจ กำลังจะแย้ง มะปรางก็พูดแทรกขึ้นว่า
“ใช่ครับอาจารย์หม่อม...อนุญาตให้ผมไปดูแลมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดเถอะครับ” พูดแล้วสะดุดกึกกับสายตาดุๆของชายใหญ่ แต่ทำใจกล้าพูดต่อ “ผม...ผมทำได้จริงๆนะครับ”
ธราธรมองมะปรางอย่างเข้าใจไม่ได้ ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดยิ้มอย่างพอใจ ที่ธราธรกลายเป็นคนโดดเดี่ยวไป
แต่พอออกมาถึงหน้าบ้านพัก ธราธรดุมะปรางว่าคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงทำอะไรแผลงๆแบบนี้
“ปรางอยากช่วยคุณพ่อกับพี่ชายใหญ่จับตาดูพฤติกรรมของมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดกับพรานสมค่ะ” ชายใหญ่ตกใจถามว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน “ก็...วันนี้ปราง แอบได้ยินพรานอ่อนศรีคุยกับอาจารย์มานิตเรื่องที่มีโจรขึ้นบ้านพัก ทั้งสองคนสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของพรานสมกับนายฝรั่งนั่น ปรางคิดว่าระหว่างที่ปรางดูแลนายนั่น ปรางจะได้ช่วยจับตาดูเขาไปด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติจะรีบบอกพี่ชายใหญ่ทันที”
ชายใหญ่เสียงแข็งว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ ทั้งสองโต้เถียงกันค่อนข้างรุนแรงจนชายใหญ่ถามว่าไม่เชื่อฟังตนอีกแล้วใช่ไหม มะปรางตอบหน้าซื่อตาใสว่า
“ปรางเชื่อนะคะ แต่ปรางแค่...ไม่ทำตาม”
สุดท้ายชายใหญ่ก็ต้องยอม แต่ปรามว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปต้องคำไหนคำนั้นและอย่าทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีกเด็ดขาด มะปรางยิ้มแป้นรับปากทันที
“ค่ะ...ต่อไปปรางจะเชื่อฟังพี่ชายใหญ่ทู้กกกกก อย่างเลยค่ะ...”
“ไม่เชื่อหรอกว่าจะทำได้...เฮ้อ...” ชายใหญ่ทำเป็นบ่นแต่ใบหน้ายิ้มนิดๆ
มะปรางรีบบอกเกษราเรื่องนี้ เกษราเต็มใจทำและไม่ลำบากอะไรเพราะอยู่บ้านก็ต้องดูทุกคนอยู่แล้ว
“ขอบคุณพี่เกษมากนะคะที่เข้าใจปราง” เธอกุมมือเกษราไว้ยิ้มดีใจ
“พี่เข้าใจ...และชื่นชมในความกล้าหาญของน้องปรางมากนะคะ ถ้าพี่มาคนเดียว พี่ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด พี่จะช่วยน้องปรางจับตาดูนายฝรั่งกับลูกน้อง อย่างเต็มที่เลยค่ะ”
มะปรางขอบคุณเกษรา สองสาวมองหน้าให้กำลังใจกันอย่างตื่นเต้น นึกสนุกกับงานที่จะได้ทำด้วยกัน
และเมื่อธราธรกลับถึงบ้านพัก ชินกรก็เป็นฝ่ายเข้ามาขอโทษที่เมื่อครู่นี้ตนก้าวก่ายเรื่องของตะวันและก้องเกียรติ ชี้แจงว่า
“ที่ผมทำแบบนั้น เพราะผม...เป็นห่วงคุณชายนะครับ ผมไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าสองคนนั้นได้รับความสนใจจากคุณชายมากเป็นพิเศษ นักศึกษาคนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิด”
พูดแล้วขอตัวไปอาบน้ำ ทิ้งธราธรยืนงงว่านักศึกษาจะเข้าใจผิดเรื่องอะไร???
ooooooo
เช้าวันต่อมา ชายใหญ่ก็โทร.เข้าวังจุฑาเทพ ฝากธุระไว้กับชายภัทร ชายภัทรจึงเล่าให้ย่าเอียดกับย่าอ่อนฟังว่า
“พี่ชายใหญ่บอกให้ผมเตรียมตัวไว้ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าอาการคุณอายังไม่ดีขึ้น อาจจะขอตัวผมไปช่วยดูแล หรือรับคุณอากลับออกมาจากแคมป์”
“ถ้าพี่ชายภัทรต้องไปจริงๆ ผมไปด้วยนะครับ” ชายพีร์รีบเสนอตาเป็นประกายวิบวับ
ปรากฏว่าย่าอ่อนไม่ยอมให้ชายพีร์หลานหัวแก้ว หัวแหวนไปไหน ย่าเอียดก็ไม่ให้ชายเล็กไปไหนเหมือนกัน เพราะชายเล็กเคยบอกว่าจะขอทางกรมไปอยู่หน่วยงานตัดถนนที่ต่างจังหวัด
ชายเล็กหรือรัชชานนท์รีบชี้แจงว่า “แต่มันเป็นความฝันของวิศวกรโยธานะครับ ผมฝันอยากจะตัดถนนไปในที่ที่กันดาร ชาวบ้านจะได้มีถนนหนทางใช้” แล้วถามย่าเอียดว่าถ้าไม่ให้ตนไปทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วจะให้ตนทำอะไร?
ย่าเอียดบอกว่าให้อยู่ประจำที่กรุงเทพฯ ใช้วิชาความรู้ช่วยผู้ใหญ่ในกรม พูดไปพูดมาก็รวบรัดเอาดื้อๆว่า
“ไม่รู้ล่ะ ย่าไม่อนุญาตให้ไป” พูดแล้วเห็นหลานๆ ทำหน้าผิดหวังจึงประกาศิต “ย่ารอวันที่หลานๆ มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง 5 คนมานานแล้ว ย่าจะไม่ยอมให้หลานคนไหนอยู่ไกลวังจุฑาเทพไปอีก และทันทีที่ชายใหญ่กลับมาพร้อมคำตอบเรื่องการแต่งงานกับหนูเกษรา ทุกคนก็ต้องอยู่ช่วยย่าจัดงานแต่ง ห้ามออกนอกเขตพระนครเด็ดขาด”
คุณชายทั้ง 4 ต่างมึน อึ้ง บ้างถามตัวเองในใจและบ้างก็ถามกันด้วยสายตาว่า...แน่ใจหรือว่าจะได้แต่ง???
ooooooo