ตอนที่ 4

ราเมศเดินออกมาส่งแดเนียลที่หน้าบริษัทพร้อมกับชี้แจงว่า

“เนื้อหาของปักษ์ต่อไปที่ผมกับน้องๆทีมงานเคยประชุมกันไว้ก่อนหน้านี้ ผมจะให้น้องฝ่ายประสานงานเอาไปให้คุณแดเนียลดู เผื่อว่าคุณอยากเพิ่มเติมอะไร และคุณจะได้เห็นด้วยว่า...เราทำงานกันเป็นมืออาชีพแค่ไหน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมมาช่วยให้เงินทุนแต่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร”

ราเมศยิ้มถูกใจ ในขณะที่นุตราแปลกใจเมื่อเห็นฟ้าใสเดินเข้ามาเพราะทราบข่าวจากปุยฝ้ายว่าหญิงสาวขอลาออกเพื่อไปทำงานกับเฉินหมิง เวลานั้นแดเนียลมีสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มนิดๆเหมือนจะรู้ถึงการตัดสินใจของเธอ เสียงฟ้าใสบอกว่า

“ฟ้าเปลี่ยนใจแล้วค่ะ...พี่ราเมศยังให้โอกาสฟ้าทำงานอยู่ใช่ไหมคะ”

“ให้สิ หามือซีร็อกซ์เร็วปรี๊ดๆอย่างฟ้าได้ที่ไหนอีก แถมยังขยัน คล่องแคล่ว ฉะฉาน ถึก แรงเยอะและไม่เรื่องมากอีก”

ฟ้าใสยิ้มเขินให้เจ้านายและนุตรา แล้วเผลอหันไปสบตากับแดเนียล ก่อนจะรู้สึกตัวทำเป็นเมินมองไปทางอื่น แดเนียลนึกขำกับกิริยานั้น พลันนึกอะไรออก หันไปบอกกับราเมศว่า

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมต้องการดูเนื้อหาของนิตยสารที่พวกคุณทำไว้ แต่คนประสานงานต้องเป็นคุณฟ้าใสเท่านั้น!”

เวลาเดียวกันนั้น เทียนคงยืนดูนายน้อยแทงพูล อย่างอารมณ์ดี เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่เฉินหมิงดูพอใจกับการตัดสินใจของฟ้าใส ทั้งๆที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้หญิงสาวเปลี่ยนใจมาทำงานกับตนเอง เสียงเฉินหมิงอธิบายว่า

“อดีตเพื่อนรักของฉันกำลังพบรักใหม่ ฉันก็ต้องยินดีและรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะทำให้แดเนียลลืมโบตั๋น แล้วโชคก็เข้าข้างฉัน...ที่ทุกแบบรวมอยู่ในตัวคุณฟ้า ป๊าเคยสอนฉันว่าความรักทำให้คนอ่อนแอ...ง่ายต่อการทำลายไงล่ะ”

ตกค่ำวันนั้น แดเนียลกับเฉินเปียวบุกไปหาเฉินหมิงถึงผับเพื่อเตือนอดีตเพื่อนรักไม่ให้ดึงคนนอกเข้ามายุ่งกับเรื่องความแค้นของแก๊ง แดเนียลทำเสียงเยาะใส่

“นายคงมีความสุขที่แผนของนายสำเร็จ...นายไม่ใช่คนที่จะชอบพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังได้ง่ายๆ แม้กระทั่งกับโบตั๋น...นายยังไม่กล้าพูดให้เธอฟังว่านายรักเธอ แต่นายยอมเล่าเรื่องส่วนตัวให้คุณฟ้าใสฟัง ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายต้องการอะไร นายอยากให้ฉันรักคุณฟ้า อาหมิง...นายไม่ควรเอาผู้หญิงมาเกี่ยวข้องนะ”

เฉินหมิงตาวาววับสวนกลับว่าแก๊งมังกรทองยังฆ่าหลิน คนรักของเฉินเซียวเหยาได้ มันคงไม่ต่างกัน แดเนียลขบกรามนิ่งพยายามสะกดอารมณ์ไว้และพูดเสียงเข้มว่า

“อย่า! ฉันมาเพราะจะพูดเรื่องคุณฟ้าเท่านั้น นายต้องเลิกยุ่งกับคุณฟ้า...ถือเสียว่าฉันขอร้อง”

“ของ่ายๆจะไปสนุกอะไร เอาอย่างนี้ไหม...ถ้านายล้มฉันได้ ฉันจะเลิกยุ่งกับคุณฟ้า”

แดเนียลกับเฉินหมิงจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง และแล้วลูกน้องของทั้งสองฝ่ายเริ่มเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เจ้านายได้พิสูจน์ฝีมือกัน พรชัย เจ้าของผับยิ้มกริ่มสั่งการ ให้ลูกน้องรับพนันแทงการต่อสู้ของมวยมาเฟียนี้โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นที่จับตามองของพวกตำรวจ เพราะเวลานี้ทวยเทพถูกส่งให้มาสืบเรื่องการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายของแก๊งมาเฟียฮ่องกง

ทั้งเฉินหมิงและแดเนียลตรงเข้าต่อสู้ชกต่อยอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ประสบการณ์การต่อสู้ของเฉินหมิงยังเป็นรองแดเนียลอยู่มาก เพียงไม่นานนัก ทุกคนก็เห็นว่าเฉินหมิงมีเลือดอาบหน้า ตาปรือแทบจะยืนไม่ไหว แดเนียลกระชากร่างเขาถามว่า

“นายจะเลิกยุ่งกับคุณฟ้าได้หรือยัง”

“ไม่มีวัน ฉันจะทำทุกอย่างให้นายเจ็บ ให้เจ็บเหมือนที่นายทำไว้กับป๊ากับพี่ชายฉัน ไอ้เพื่อนชั่ว!”

แดเนียลโกรธจัดง้างมือจะซัดเฉินหมิงซ้ำ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของโบตั๋นที่เคยขอร้องตอนทั้งคู่เป็นเด็ก

“แดเนียล...อาหมิงไม่มีแม่ ไม่มีใคร เขาน่าสงสาร ฉันขอได้ไหม...ยอมให้อาหมิงบ้าง”

นายใหญ่แห่งแก๊งมังกรทองปล่อยร่างเฉินหมิงลงพื้น แล้วหันหลังเดินออกไป เฉินหมิงก้มหน้าหมอบอยู่กับพื้น พลันมีสนับมือเป็นเหล็กถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง...เทียนคงพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้จัดการเสีย ไม่กี่วินาทีต่อมา เฉินเปียวตะโกนบอกเจ้านายให้ระวัง แต่ช้าไปแล้ว เฉินหมิงลุกขึ้นทะยานพุ่งหมัดที่ใส่สนับเหล็กนั่นตรงเข้าหน้าแดเนียลอย่างแรง เสียงโห่ร้องจากผู้คนในผับดังกึกก้อง แล้วร่างของแดเนียลค่อยๆ ทรุดลงกองกับพื้นหมดสติไป

หลายชั่วโมงผ่านไปที่บ้านของแดเนียล เขาลืมตาตื่นขึ้นอย่างงุนงง เฉินเปียวปราดเข้ามาถามว่า

“บอสเป็นยังไงบ้าง ไอ้หมิงมันขี้โกง ผมจะจัดการมัน แต่ตำรวจมา ผมก็เลยพาบอสออกมาก่อน”

แดเนียลส่ายหน้าพึมพำว่าตนไม่เป็นอะไรมาก ทันใดนั้น โจว ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาแจ้งว่าโอลิเวอร์ ตำรวจฮ่องกงขอคุยด้วยแล้วส่งมือถือให้ เสียงทักทายจากปลายสายเหมือนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

“แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ผมก็เลยโทร.มา...เผื่อว่าคุณอยากให้สมุดปกดำกับผมเพื่อเอาคืนพวกตระกูลเฉิน”
“ผมยังให้คุณไม่ได้ มันยังไม่ถึงเวลา ผมมีเหตุผลของผม อะไรทำให้คุณใจร้อนขนาดนี้”

“ผมต้องการผลงาน ถ้าคุณให้สมุดปกดำของแก๊งเสือขาวกับผม ผมจะรู้ว่าพวกเขาทำธุรกิจผิดกฎหมายกับใครบ้าง ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งเสียที”

“ถ้าคุณคิดจะเป็นผู้นำ ต้องรู้จักใจเย็นกว่านี้ เอาเป็นว่าถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะติดต่อคุณไปเอง”

โอลิเวอร์วางสายด้วยความหงุดหงิด เช่นเดียวกันกับแดเนียลที่มีสายตาแข็งกร้าวโกรธจัด...

ooooooo

รุ่งเช้าวันถัดมาที่สำนักพิมพ์โลลา ฟ้าใสกำลังซักซ้อมการเสนองานต่อหน้าหนูดีกับเจน ระหว่างนั้นเอง ปุยฝ้ายเดินมาเห็นเข้าก็ถามอย่างปกป้องเพื่อนรุ่นน้องว่าพวกเขาแกล้งอะไรอีก เสียงฟ้าใสละล่ำละลักอธิบายว่า

“ไม่ได้แกล้งค่ะ พอดีพี่ราเมศสั่งให้ฟ้าพรีเซนต์คอนเซปต์ของเล่มหน้าให้คุณแดเนียลฟัง พวกพี่ๆก็เลยเทรนด์ให้ค่ะ”

“ไม่จริง! หนูดีกดดันฟ้า ไม่ใช่เพราะห่วงสำนักพิมพ์แต่เป็นเพราะอยากให้ฟ้าถอนตัว แล้วเธอจะได้ไปพรีเซนต์งานเอาหน้ากับพวกเจ้านาย เอาเป็นว่าถ้าฟ้าทำให้คุณแดเนียลอนุมัติคอนเซปต์ของเราได้ เธออยากให้ฉันทำอะไร สั่งมาได้เลย”

ปุยฝ้ายกับหนูดีมองหน้ากันอย่างท้าทาย ในขณะที่ ฟ้าใสรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก หลังจากนั้น เธอต่อว่าเพื่อนรุ่นพี่เพราะไม่มั่นใจว่าจะทำได้ตามคำท้าทาย ปุยฝ้ายจ้องหน้าฟ้าใสพูดขึงขังว่า

“ฟ้าต้องทำให้ได้ เพราะนี่จะเป็นการพิสูจน์ว่าฟ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่พวกเขาคิด แล้วถ้าฟ้าสร้างความเชื่อใจให้กับพี่ราเมศได้ เขาอาจยอมให้นิยายของฟ้าลงนิตยสาร หรือไม่ก็ยอมให้ฟ้าเขียนคอลัมน์อย่างที่ฟ้าอยากทำไง”

ฟ้าใสพยักหน้ารับแต่ยังมีความกังวลอยู่ สองสามชั่วโมงต่อมา ฟ้าใสก็ต้องเห็นคล้อยตามปุยฝ้ายเมื่อโดนพนักงานคนอื่นๆใช้ให้ทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างหนัก ชีวิตเธอจะเป็นเพียงเบ๊รับใช้อยู่เท่านี้เองหรือ...ฟ้าใสนิ่วหน้าครุ่นคิด

คืนนั้น ระหว่างที่ฟ้าใสนั่งเขียนสคริปต์การนำเสนอแนวคิดของนิตยสารฉบับหน้า เธอเห็นกวินทร์กับชวนชมหยอกล้อกระหนุงกระหนิงอยู่ใกล้ๆ ภาพความรักของพ่อแม่ช่วยให้เธอนึกออกว่าจะนำเสนออย่างไร ฟ้าใสซ้อมพูดหน้ากระจกว่า

“ความรักคือนิทานที่คนสองคนร่วมเรียงร้อยกันขึ้นมา...ไม่ว่าจะจบลงอย่างไร อย่างน้อยก็มีเรื่องราวให้จดจำได้ว่า....กาลครั้งหนึ่งในหัวใจดวงนี้ เคยมีความรักที่งดงามเกิดขึ้นเหมือนกัน”

ooooooo

รุ่งเช้าฟ้าใสถือถุงกระดาษใส่เสื้อโค้ตกับกล่องสร้อยโบตั๋นมาทำงานด้วยความอ่อนเพลียเพราะท่องสคริปต์ทั้งคืน นุตราส่งช่อดอกไม้ของเฉินหมิงให้ ฟ้าใส ทำหน้าหนักใจเล่าว่า

“เขาอยากให้ไปทำงานด้วย ถ้าความสามารถของฟ้าช่วยเหลือคนอื่นได้ ฟ้าก็อยากทำแต่คงต้องจัดสรรเวลาให้เหมาะ”

ราเมศตะโกนเรียกฟ้าใสเสียงดังบอกว่าแดเนียลจะไม่เข้ามาที่นี่ ขอให้เธอไปพบเขาที่บริษัท หญิงสาวแปลกใจแต่ก็ทำตามโดยไม่อิดออด เมื่อถึงที่นั่น ฟ้าใสต้องตกใจกับสภาพใบหน้าฟกช้ำของแดเนียล พอถามเข้าก็ถูกสายตาดุปรามเหมือนไม่ให้ยุ่ง เธอจ๋อยก้มหน้าลงนั่งเงียบๆ แดเนียลแอบซ่อนยิ้มทำทีเป็นวุ่นกับงานตรงหน้า ฟ้าใสอึกอักอยู่ชั่วครู่แล้วบอกว่า

“ฉันมีของมาคืนคุณ นี่ค่ะ...สร้อยกับเสื้อโค้ต...มันติดตัวฉันมาตั้งแต่ที่ญี่ปุ่น ฉันเอาวางไว้ตรงนี้นะคะ”

ฟ้าใสทำท่าเหมือนจะเริ่มพรีเซนต์งาน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อแดเนียลปฏิเสธอ้างว่าตนยังทำงานไม่เสร็จ หญิงสาวหน้าเจื่อนจำใจนั่งรอต่อไป เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฟ้าใสเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อเห็นเขาเงยหน้าขึ้นก็ยิ้มดีใจรีบถามว่างานเรียบร้อยแล้วใช่ไหม แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินเปียวแจ้งว่าลูกค้าจากอังกฤษมาถึงแล้ว หญิงสาวทำหน้าเซ็ง นั่งรอต่ออย่างไม่มีกำหนด

ด้านหมออิฐ โชคชะตากำลังเล่นตลกกับเขาเพราะไม่ว่าจะงอนง้อหมอขวัญเพียงไร สถานการณ์ความสัมพันธ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น วันนี้เขามาทานข้าวกับหมอขวัญและหมออภิวัฒน์ พ่อของเธอเหมือนเป็นปกติ แต่ท่าทางของหมอขวัญบ่งบอกว่าไม่ต้องการเห็นหน้าหมออิฐ เธอสะบัดหน้าขอตัวออกไป หมออภิวัฒน์ลอบมองอาการคนทั้งคู่ไม่สบายใจถามขึ้นว่า

“คุณกับขวัญมีปัญหาอะไร หลายวันมานี้ผมเห็นขวัญไม่สบายใจ และเรื่องเดียวที่ทำให้ลูกสาวผมเป็นทุกข์ได้ก็คือคุณ มีผู้ชายอื่นๆที่รวยกว่าเก่งกว่าคุณมาให้ขวัญเลือก แต่ขวัญกับผมเลือกคุณเพราะคุณเป็นคนดี อย่าทำให้เราผิดหวังเด็ดขาด”

หมออิฐรับฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พยายามต่อสายเจรจากับหมอขวัญอีกครั้งแต่ก็ต้องผิดหวังที่เธอทำเหมือนหมดรักไร้เยื่อใยกับเขาแล้ว เวลานั้นภาพความทรงจำในอดีตระหว่างเขากับครอบครัวของฟ้าใสที่มีแต่ความสบายใจก็ผ่านเข้ามาในห้วงคิด...หมออิฐกำลังนึกถึงความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเขา

ooooooo

หลังจากปล่อยให้ฟ้าใสรออยู่ถึงสามชั่วโมง แดเนียลกลับเข้าห้องทำงานมาพบหญิงสาวนอนฟุบหลับ ที่มือถือกระดาษไว้เหมือนกับซ้อมพูดจนอ่อนเพลียหมดแรง เขาดึงกระดาษนั่นมาดูอย่างสนใจ

“ความรักคือนิทานที่คนสองคนร่วมเรียงร้อยขึ้นมา ไม่ว่าจะจบลงอย่างไร อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องราวให้จดจำ...”

แดเนียลจ้องฟ้าใสด้วยความรักและคิดถึง แต่ต้องสะกดใจ...ทำได้แค่เก็บความรู้สึกสุขใจไว้คนเดียว ทันใดนั้นเอง ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอตกใจที่เห็นแดเนียลกำลังจ้องหน้าจึงย้อนถามว่าตนหลับไปนานแค่ไหน ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบว่า

“สามชั่วโมง...คนไทยชอบพูดว่าอย่ากวนคนนอนหลับ มันบาป ผมเลยไม่ปลุกคุณ”

“แต่ฉันต้องพรีเซนต์งานกับคุณ และกลับไปรายงานผลให้ที่ทำงานทราบ”

“ไม่จำเป็น ผมอ่านหมดแล้วและหลังห้าโมงเย็น ผมไม่คุยเรื่องงานอีก รายงานกลับไปว่าไม่ได้คุยกับผมเพราะหลับ”

ฟ้าใสค้อนโวยวายว่าถูกแกล้ง แดเนียลถอนหายใจตอบว่าวัฒนธรรมการทำงานของตนและเธอต่างกัน และก็ไม่ว่างมาแกล้งใครอีก หญิงสาวจนมุมกับคำอธิบายนั่นแล้วขอตัวลากลับอย่างหัวเสีย ระหว่างทางเธอต่อสายแจ้งกับปุยฝ้ายว่า

“พี่ฝ้าย...ฟ้าขอโทษ ฟ้าทำให้พี่ๆผิดหวัง ฟ้าอาจจะยังไม่โตอย่างที่พี่เจนพี่หนูดีบอกจริงๆ”

“ขอโทษเรื่องอะไร...พี่ไม่รู้หรอกนะว่าฟ้ารู้สึกไม่ดีจากเรื่องอะไร แต่พี่ยกความดีให้ฟ้าคนเดียวเพราะที่คุณแดเนียลให้งานเราผ่านก็เพราะคอนเซปต์ความรักคือนิทานของสองคนที่ฟ้าเป็นคนคิดเพิ่ม”

ฟ้าใสอ้าปากค้างนึกฉุนแดเนียลที่ไม่ยอมบอกเธอในเรื่องนี้ ประจวบเหมาะกับโจวขับรถมาจอดตรงหน้าพอดี เสียงแดเนียลสั่งให้ขึ้นรถ หญิงสาวสวนกลับอย่างงอนๆว่าต้องเอาของไปเก็บที่ทำงานก่อน เฉินเปียวลงจากรถรับอาสาเอาไปคืนให้ หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้าวขึ้นรถไปนั่งข้างๆแดเนียล และเอ่ยปากขอบคุณที่ให้งานผ่าน

“ผมบอกแล้วไง...หลังห้าโมงเย็น ผมไม่คุยเรื่องงาน ออกรถ...โจว”

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านเฉินหมิง ชายหนุ่มเดินลงมาจากชั้นสองเห็นเทียนคงกับฟงยืนคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ลูกน้องรีบรายงานว่ามีข่าวเรื่องคารีฟกำลังจะมาเมืองไทย เฉินหมิงเลิกคิ้วเป็นคำถามเพราะไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร เทียนคงเล่าว่า

“คารีฟเป็นนักธุรกิจจากตะวันออก...เมื่อก่อนเขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเสือขาว มันเคยแย่งพื้นที่หากินกับเรา พี่ชายของคุณรู้จักมันดี และเคยเจรจาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งต้องจบด้วยชีวิตและการต่อสู้อันดุเดือด”

“รู้หรือเปล่าว่ามันมาทำอะไรที่เมืองไทย”

“สายบอกว่า...มันมาเมืองไทยเพื่อพักผ่อน แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แล้วผมก็เกรงว่าจะเกี่ยวกับเรา”

เฉินหมิงพยักหน้ารับ สีหน้าตึงเครียดครุ่นคิดหนัก...

ooooooo

แดเนียลพาฟ้าใสมานั่งในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ หญิงสาวถามว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับตน

“ผมอยากรู้ว่าคุณยังไปช่วยงานให้เฉินหมิงอยู่หรือเปล่า คุณควรจะปฏิเสธสิ่งที่เขาให้ทำเพราะมันไม่ถูกต้อง เฉินหมิงควรจะพาพี่ชายเขาไปบำบัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เด็กอย่างคุณ...และผมก็เป็นห่วงคุณเพราะพี่ชายเขาสติไม่ดีอาจจะทำร้ายคุณได้ ผมไม่อยากได้คนประสานงานคนใหม่เพราะคงไม่มีใครมีสำนวนการเขียนงานได้ถูกใจผมเท่าคุณอีก”

ฟ้าใสอึ้ง รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาจำสิ่งที่เธอเขียนได้หมดทุกคำ...ทั้งสองมองตากันเป็นประกายบ่งบอกถึงความในใจที่มีให้แก่กัน

ฟ้าใสประหลาดใจเมื่อกลับมาบ้านแล้วเห็นกวินทร์กำลังเก็บดอกไม้อย่างขะมักเขม้น เธอถามว่าจะเอาไปทำอะไรกัน

“ให้แม่ พอดีว่าพ่อจะขอออกไปเที่ยวข้างนอก แต่พ่อมีชนักติดหลังอยู่ ก็เลยต้องเอาใจแม่หน่อย ฟ้าช่วยพ่อคิดหน่อยสิว่าจะทำยังไงให้แม่เขายอมดี พ่อเอาใจแม่มาทั้งชีวิตจนหมดมุกแล้ว”

กวินทร์ยิ้มประจบลูกสาวเพื่อขอความช่วยเหลือ ฟ้าใสกระซิบแผนการพิชิตใจมารดาที่หูของพ่อ...

“แม่จ๋า...แม่ยอดยาหยี...ยอดขมองอิ่มของพ่อ คือว่า...แม่จำไอ้พลเพื่อนพ่อที่มันไปอยู่อเมริกาได้ไหม มันโทร.มาบอกว่ากลับมาอยู่เมืองไทยแล้วก็เลยอยากนัดพ่อออกไปสังสรรค์ระลึกความหลังกัน”

“ก็ไปสิ...แต่ ต้องสัญญาต่อหน้าเราแม่ลูก...ว่าพ่อจะไม่กินเหล้า”

“สาบานด้วยเกียรติของผัวคุณนายชวนชมเลยจ้ะ ว่าพ่อจะไม่แตะเหล้า สักหยดก็จะไม่ให้เข้าปาก อ่ะ...ดอกไม้”

กวินทร์ยิ้มตาหยีกับชวนชมและทำท่ากะหนุง– กะหนิงต่อกัน ฟ้าใสยิ้มสุขใจกับความอบอุ่นของพ่อแม่

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านแดเนียล ชายหนุ่มหยิบสร้อยโบตั๋นออกมามองด้วยความคิดถึง ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินเปียวรายงานว่าเรื่องที่ให้ตนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว...

ที่สนามบิน เทียนคงไปซุ่มดักรอการมาถึงของคารีฟด้วยใจจดใจจ่อ และพบว่าพวกนั้นเดินทางไปยังบ้านของแดเนียลทันทีซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของเขาว่าคารีฟไม่ได้มาพักผ่อนแต่มาด้วยเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับแก๊งเสือขาวแน่ เทียนคงรีบรายงานข่าวนี้ให้เฉินหมิงทราบและตั้งข้อสงสัยว่า

“เมื่อก่อนพวกมันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน คุณหวังเฟยพ่อของแดเนียลเคยประกาศว่า...ศัตรูของสมาชิกแก๊งก็เป็นศัตรูของทุกแก๊ง แต่ลูกชายเขากลับต้อนรับมันซะดิบดี ผมว่าแดเนียลกำลังเอาคืนเรา เราจะทำยังไงดีครับนายน้อย”

เฉินหมิงนิ่งเงียบไม่ตอบ แต่ตาเป็นประกายวาวโรจน์อย่างโกรธจัด...

ooooooo

แดเนียลพาคารีฟเข้าชมกิจการที่ท่าเรือพร้อมกับอธิบายว่า

“บริษัทของผมมีบริการขนส่งทุกแบบ แต่เราเน้นการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศ เพราะมันรวดเร็ว ผมอยากขยายพื้นที่ให้บริการไปทางฝั่งประเทศตะวันออก จะได้สนองตอบความต้องการของลูกค้า”

คารีฟพยักหน้ารับและขอเวลาคิดเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ แดเนียลยิ้มใจเย็นย้ำว่าไม่มีปัญหาเพราะบริษัทตนเน้นที่ความรวดเร็วของการจัดส่งสินค้าเท่านั้น คารีฟยิ้มพอใจ ทันใดนั้นเกิดระเบิดขึ้นตรงกองลังกระดาษที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก ทุกคนก้มตัวหลบ พร้อมกับเหล่าคนร้ายปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน เฉินเปียวร้องตะโกนเตือนเจ้านายให้ระวัง

เหล่าคนร้ายระดมยิงไปยังกลุ่มของแดเนียลและคารีฟ ชายหนุ่มกระโดดหลบหลังที่กำบังแล้วชักปืนออกมายิงไปยังคนร้ายจนถูกเข้าที่ขา มันพยายามวิ่งหนี เฉินเปียวสั่งการให้โจวคอยดูแลนาย ในขณะที่เขาวิ่งติดตามคนร้ายอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งฝ่ายนั้นพลาดท่าถูกจับตัวได้ แดเนียลสั่งการให้ตรวจสอบว่าใครเป็นคนส่งพวกนี้มา

เฉินเปียวกระชากเสื้อของคนร้ายออก เผยให้เห็นรอยสักเสือของแก๊งเสือขาวบนลำตัวมัน คารีฟกับลูกน้องเดินเข้ามาอย่างโมโหจัดแล้วชักปืนออกมายิง

ใส่คนร้ายไม่ยั้ง ดวงตาของเขาวาววับกัดฟันกรอดด้วยความแค้น พึมพำเสียงกร้าวว่า

“ไอ้เสือขาว!”

ตกดึกคืนเดียวกันที่บ้านเฉินหมิง ลูกน้องสองคนของแก๊งเสือขาวเดินตรวจดูความเรียบร้อยรอบบ้าน ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ถูกปืนเก็บเสียงสังหารล้มลงขาดใจตายคาที่โดยไร้ร่องรอยของผู้ซุ่มทำร้าย ด้านบนบ้าน เฉินเซียว–เหยานอนหลับแต่ต้องตกใจตื่นเมื่อมีเสียงดังก๊อกแก๊กแถวหน้าประตูห้องนอน เขามองผ่านใต้ช่องประตูเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนเดินอยู่ภายนอก

เฉินเซียวเหยามองงงๆแล้วพึมพำเรียกหาบิดากับน้องชายเสียงแผ่ว เขาลุกจากเตียงเดินออกจากห้องลงมาที่ชั้นล่างท่ามกลางความมืดมิดของเวลาค่ำคืน เพียงไม่นานนัก เท้าของเฉินเซียวเหยาก็เหยียบลงบนกองเลือด เขาก้มลงมองที่เท้าตัวเองแต่ไม่มีปฏิกิริยาอะไร จนกระทั่งมองตามรอยเลือดแล้วเห็นอะไรบางอย่างที่กลางห้อง เสียงร้องโหยหวนก็ดังลั่น

เฉินหมิงผวาตื่นขึ้นวิ่งถือปืนตามเสียงลงมาชั้นล่าง เห็นพี่ชายนั่งหลบแถวมุมห้องยกมือปิดหูและร้องอย่างสติแตก

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่เป็นอะไร”

“มันมาแล้ว มันจะมาฆ่าเราแล้ว! หนี! มันมาแล้ว! หนีเร็ว...ป๊า อาหมิง”

เฉินเซียวเหยาชำเลืองตามองไปกลางบ้านด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่เฉินหมิงมองตามแล้วตกใจสุดขีดเมื่อเห็นศพชายผู้หนึ่งนอนจมกองเลือด พี่ชายกระชากแขนน้องชายร้องไห้อย่างเสียขวัญก่อนจะทำท่าวิ่งออกไปจากที่นั่น ฉับพลันไฟในห้องก็สว่างขึ้น เทียนคงและฟงหน้าตาตื่นถามว่าเกิดอะไรขึ้น

พอเห็นศพตรงกลางห้อง เทียนคงตะลึงงันพลางเรียกชื่อคนตายว่าอาชู! เฉินเซียวเหยามองเทียนคงแล้วร้องลั่นบอกว่าพวกมันมาแล้ว เขาคลุ้มคลั่งหนักมากขึ้นจนฟงกับลูกน้องต้องจับตัวเฉินเซียวเหยาไว้ ขณะนั้นเอง หยาง ลูกน้องอีกคนวิ่งเอามือถือมาส่งให้เฉินหมิงบอกว่าคารีฟต้องการคุยด้วย เสียงเหี้ยมจากปลายสายดังขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับนายน้อยแห่งเสือขาว ผมต้องขออภัยด้วยที่ส่งคนของคุณกลับไปในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่ พ่อกับพี่ชายคุณรู้ดี...ว่าเวลาผมโกรธ อะไรก็ฉุดผมไม่อยู่ ทางที่ดีอย่าทำให้ผมโกรธอีก เพราะผมไม่อยากถูกมองว่า...รังแกเด็ก”

เฉินหมิงวางสายแล้วกระชากเสื้อของศพออกเห็นว่ามีรอยสักของแก๊งเสือขาวอยู่บนตัว เขาหันไปถามเทียนคงว่า

“นายขัดคำสั่งฉัน ส่งคนไปเล่นงานพวกมันเหรอ”

“เปล่านะครับนาย ผมไม่ได้สั่ง อาชูไม่ได้เป็นลูกน้องในแก๊งเราแล้วเพราะมันถูกไล่ออกจากแก๊งด้วยข้อหากบฏ”

“เราถูกใส่ร้าย มีใครบางคนพยายามทำให้ฉันกับคารีฟมีปัญหากัน...ไอ้แดเนียล!”

ooooooo

ทวยเทพมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุยิงกันตายแถวท่าเรือของบริษัทแดเนียล ลูกน้องรายงานว่าข้างในนั้นมีคนถูกยิงตายสองศพ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเล่าให้เขาฟังว่า

“มีทั้งเสียงระเบิด เสียงยิงกันดังไปถึงป้อมผมที่อยู่ตรงโน้น คิดว่าจะตายเยอะกว่านี้”

“น้ารู้หรือเปล่าว่าพวกเขาเป็นใคร”

“ผมไม่รู้จักชื่อ รู้แต่ว่าเป็นเจ้าของเรือสินค้าบริษัทโลจิสติกส์”

ทวยเทพนิ่งเงียบเพราะกำลังสืบประวัติของแดเนียลอยู่ เขานึกถึงคำสั่งของผู้การแห่งหน่วยตำรวจลับให้จับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มมาเฟียฮ่องกงเพราะไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันที่เมืองไทย ตำรวจหนุ่มครุ่นคิดพยายามต่อจิ๊กซอว์อยู่ในหัว...

ทางด้านกวินทร์หลังจากได้รับไฟเขียวจากภรรยา ก็มาพบเพื่อนสนิทที่ห่างหายกันไปหลายปีที่ผับของ

พรชัย ทั้งคู่ตรงเข้ากอดทักทายด้วยความดีใจและคิดถึงโดยไม่ทันได้นึกระแวงว่าภัยร้ายกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เฉินหมิงมองกวินทร์และเพื่อนผ่านกระจกลับด้วยความรู้สึกปนเปกัน ภายในใจคิดเรื่องจะใช้กวินทร์เป็นเครื่องมือแต่ก็หวั่นใจอยู่บ้างว่าควรหรือไม่

“เริ่มเลยไหมครับนาย พวกพรชัยคอยอยู่ ผมไม่รู้ว่ามันจะจัดการอย่างไร แต่ไว้ใจได้ว่าแผนของนายน้อยสำเร็จแน่”

“จะทำอะไรก็ตาม แต่กำชับคนของนายให้ดีว่าฉันต้องการให้เขาแค่กลัว...ไม่ใช่เจ็บตัว”

พนักงานหญิงประคองถาดเหล้ากับน้ำส้มที่ผสมยาชนิดหนึ่งเดินเข้ามาเสิร์ฟให้กวินทร์กับเพื่อนด้วยลีลาท่าทางอันเซ็กซี่ ทั้งคู่ร้องคาราโอเกะอย่างสนุกสนานไม่ได้เฉลียวใจอะไร เสียงเพื่อนกระเซ้ากวินทร์ว่า

“ไรวะ กินแต่น้ำอัดลม นานๆเจอกันทีกินเหล้าสิวะ”

“รับปากเมียกับลูกไว้ ว่าจะงดน้ำเมาเข้าพรรษา หรรษาได้สนุกได้โดยไม่ต้องพึ่งเหล้า เอ้า...ชน!”

ทั้งคู่ยกแก้วดื่มจนเกือบหมด พลันมีพนักงานชายเดินเข้ามาบอกว่ารถของเพื่อนมีปัญหาสัญญาณกันขโมยดังไม่หยุด เพื่อนรีบรุดออกไปจัดการทันที พนักงานหญิงคนเดิมกดเล่นเพลงเร่าร้อนพลางปลดกระดุมเสื้อตัวเองเดินไปเต้นยั่วยวนตรงหน้ากวินทร์

“เอ่อ...หนูจะทำอะไรจ๊ะ อย่าจับคอเสื้อลุงจ้ะหนู เดี๋ยวลุงไปโทร.หาลูกหาเมียก่อนนะ”

กวินทร์ขยับลุกขึ้นแต่พนักงานหญิงกระโจนเข้าล็อกตัวเขาไว้ให้นั่งเหมือนเดิม ทันใดนั้นกวินทร์รู้สึกเวียนหัว หน้ามืดกะทันหันเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ ในขณะที่พนักงานหญิงจู่โจมเข้าหาทำท่าเซ็กซี่ เขารู้สึกร้อนวูบวาบตาปรือ พร้อมๆกับมีเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวเป็นระยะ ก่อนลูกน้องพรชัยเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้องแล้วโวยวายว่า

“มึงมายุ่งกับผู้หญิงของนายได้ยังไงวะ วอนซะแล้ว ...ไอ้นี่”

ร่างของกวินทร์ถูกหิ้วปีกออกไปโยนลงพื้นต่อหน้าของพรชัย เขาละล่ำละลักปฏิเสธว่าไม่ได้ยุ่งกับใครในนั้น พรชัยยิ้มเจ้าเล่ห์โชว์รูปกวินทร์จูบกับผู้หญิงให้ดู ถามว่ายังจะแก้ตัวอีกไหม กวินทร์อึ้งไล่มองหน้าทุกคนจนแน่ใจว่า

“พวกคุณรวมหัวกันแกล้งผม พวกคุณต้องการอะไรจากผม”

“ฉันต้องการให้แกจ่ายค่าเสียหายให้กับแฟนฉัน... หนึ่งล้านบาทถ้วน ถ้าแกไม่จ่าย ฉันจะส่งรูปหวานๆนี้ไปให้เมียกับลูกแก หรือไม่ก็ให้ลูกสาวของแกชดใช้ค่าเสียหายให้ฉันเอง”

กวินทร์ตกใจแทบสิ้นสติก่อนแปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัดพุ่งตัวเข้าแย่งมือถือจากพรชัย แต่ยังไม่ทันจะถึงก็ถูกถีบจนกระเด็นล้มลงกระแทกพื้นสีหน้าเจ็บปวด

พรชัยปราดเข้าไปเล่นงานซ้ำ ลูกน้องกระซิบห้ามและเตือนให้นึกถึงคำสั่งของนายน้อย พรชัยยักไหล่ไม่สนใจกระชากกวินทร์ขึ้นมาชกอย่างเต็มแรง จนกระทั่งเขาสลบไป ทุกคนมองด้วยความอึ้ง

ooooooo

ที่ด้านหน้าร้าน ฟ้าใสเดินคุยโทรศัพท์กับชวนชมว่าตนมาถึงร้านแล้วไม่ต้องคอย จะกลับพร้อมกับกวินทร์ในไม่ช้านี้ ฟ้าใสวางสายแล้วชะเง้อคอมองเข้าไปในร้านโดยไม่รู้เลยว่าขณะนี้พ่อกำลังตกอยู่ในอันตราย

ส่วนกวินทร์หลังจากแกล้งสลบเพื่อหาทาง

เอาตัวรอด เขากำลังมองหาโอกาสเหมาะเมื่อเห็นลูกน้องพรชัยยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ก็คว้าท่อนไม้แถวนั้นกระหน่ำตีท้ายทอยจนสลบ พลันมือถือของเขาก็สั่นเตือนว่ามีสายเข้าจากฟ้าใส

“ฟ้า ช่วยพ่อด้วย! ไปตามตำรวจมาช่วยพ่อ อย่าเข้ามาคนเดียวเด็ดขาด พ่อจะรอ...”

พูดยังไม่จบสายก็ถูกตัดไป กวินทร์เงยหน้าขึ้นมองเห็นพรชัยยิ้มเหี้ยมและกระชากมือถือเขวี้ยงทิ้งทันที เขาตกใจสุดขีด ในขณะที่ฟ้าใสตัดสินใจวิ่งอ้อมไปทางหลังร้าน เธอได้ยินเสียงกวินทร์ร้องอ้อนวอน

“คุณอย่าทำอะไรผมเลย ผมบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับผู้หญิงของคุณจริงๆ”

ฟ้าใสหันไปคว้าท่อนไม้มาเป็นอาวุธ ตะโกนเสียงดังบอกพวกคนร้ายให้ปล่อยพ่อตนเสียโดยเร็วพร้อมกับขู่ว่า

“รู้ไว้ซะด้วย พี่ฉันมีเพื่อนเป็นตำรวจ ถ้าพวกคุณทำอะไรฉันกับพ่อ เขาไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

พรชัยไม่สนใจเดินเข้าหาฟ้าใสแล้วกอดรวบตัวทำท่าหื่นใส่ หญิงสาวร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาถีบร่างพรชัยอย่างแรงจนเขากระเด็นล้มไป เฉินหมิงนั่นเอง เขากระชากคอเสื้อพรชัยตวาดใส่หน้า

“ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าอย่าแตะต้องพวกเขา”

นอกจากพรชัยจะไม่มีทีท่าหวาดกลัวแล้ว เขายังจ้องหน้าเฉินหมิงอย่างท้าทาย เทียนคงส่งสัญญาณอยู่เบื้องหลังนายน้อยทำให้พรชัยสะบัดตัวออกพร้อมกับสั่งลูกน้องให้ล่าถอยออกไป สองพ่อลูกกอดกันร้องไห้ ในขณะที่เฉินหมิงรู้สึกผิด แต่แล้วจู่ๆกวินทร์ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอกอย่างรุนแรงทรุดตัวล้มลงหมดสติทันที ฟ้าใสกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก

กวินทร์ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรือร้ายที่ให้เผอิญว่าหมอขวัญเป็นแพทย์เวรในวันนั้นเข้าพอดี ฟ้าใสไม่ได้สนใจอะไรมากกว่าความเป็นความตายของพ่อ วิ่งถลาเข้าจับมือหมอขวัญขอร้องว่า

“พี่ขวัญ ฟ้าฝากพ่อฟ้าด้วยนะคะ”

หมอขวัญพูดแต่เพียงว่าจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ฟ้าใสร้องไห้โฮในอ้อมอกของเฉินหมิง เวลานั้นเอง ชวนชมมาถึงโรงพยาบาลด้วยท่าทีตื่นตระหนก แต่พอเห็นสภาพลูกสาว เธอจำต้องแสดงความเข้มแข็งโดยเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งสงบ

ประจวบเหมาะกับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก

ทั้งคู่ปราดเข้าไปถามไถ่อาการคนป่วยทันที เสียงหมอขวัญบอกว่า

“คุณลุงปลอดภัยแล้วค่ะ คนไข้เป็นเส้นเลือดหัวใจตีบอยู่แล้ว แต่ไม่ได้รับการรักษาดูแลที่ดี ประกอบกับอาจจะเกิดอาการเครียดทำให้อาการกำเริบ ทางเดียวในตอนนี้ที่จะรักษาได้คือต้องผ่าตัดขยายหลอดเลือด”

เฉินหมิงฟังแล้วรู้สึกโกรธที่คนของเขาทำให้เกิดเรื่องลุกลามไปใหญ่โตเช่นนี้ เขากลับไปที่ผับนั่นอีกครั้งและชกหน้าพรชัยจนล้มกลิ้งโทษฐานที่ทำเกินคำสั่ง

เทียนคงร้องห้ามและเสนอว่า

“เรื่องเกิดไปแล้ว เราทะเลาะกันไปก็ไม่มีอะไร

ดีขึ้น ผมว่าเราควรใช้โอกาสนี้ดึงคุณฟ้าใสมาช่วยเราจัดการแดเนียล”

“ตอนนี้ฟ้าใสกำลังทุกข์เรื่องพ่อเขา มันไม่ใช่เวลาที่เราจะดึงเธอมายุ่งกับเรื่องของเรา”

แต่แล้วเฉินหมิงก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อกลับถึงบ้านพบว่าเฉินเซียวเหยามีอาการทางประสาทอีกครั้ง เทียนคงพูดย้ำว่าตั้งแต่วันที่เขาเจอกับศพอาชู อาการก็แย่ลง

ทุกอย่างเป็นเพราะแดเนียล แล้วทำไมยังจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าดำเนินตามแผนเดิม นอกจากจะได้ช่วยฟ้าใสเรื่องพ่อแล้วยังได้แก้แค้นให้กับพ่อและพี่ชายอีกด้วย เฉินหมิงนิ่งไปอย่างใช้ความคิด

รุ่งเช้า เฉินหมิงไปดักรอพบฟ้าใสที่บ้าน หญิงสาวตกใจที่เจอเขา ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าตนอยู่ที่นี่

“ได้ยินพวกคุณคุยกันน่ะสิ เมื่อคืนผมคุยกับคุณหมอแล้ว ทางเดียวที่จะช่วยพ่อคุณได้คือผ่าตัดและต้องเร่งทำโดยเร็วเพราะอาจจะเกิดอันตรายกับพ่อคุณเมื่อไหร่ก็ได้ ผมจะช่วยคุณออกเงินค่าผ่าตัดให้โดยแลกกับการที่คุณต้องทำงานให้ผม”

“ทำงานอะไรคะ ไปช่วยพี่ชายคุณน่ะเหรอ”

“ไม่ใช่ ฟังผมให้ดีนะฟ้าใส...สิ่งที่ผมต้องการให้คุณทำก็คือ...คุณต้องเอาสมุดปกดำจากแดเนียลมาให้ผม!”

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ