ตอนที่ 6
ผู้การสมิงมาคุยกับหยกที่ห้องพักบนดาดฟ้า เตือนเขาระวังตัวให้มาก เพราะงานนี้ ที่เขาทำนี้เป็นอันตรายทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง
“ครับ ผู้การ ตอนนี้มันกำลังมีเรื่องกับพวกแก๊งพิราบดำ หนึ่งในหัวหน้าของพวก 4 จ้าวเวหา ผมจะหาทางเอาข้อมูลของพวกมันส่งให้ ถ้าโชคเข้าข้าง เราอาจจะได้กวาดล้างมิจฉาชีพแก๊งใหญ่ไปด้วย” หยกตอบอย่างมุ่งมั่น
ขณะ นั้นเอง มีสายเข้ามือถือของผู้การ เป็นสายจากธงรบนั่นเอง ธงรบนัดพบผู้การที่ตึกร้าง เอารูปถ่ายศพของเสี่ยกวงที่ถูกยิงตายในเล้านจ์ และศพลูกชายเจ้าสัวเกาหัวหน้าแก๊งพิราบดำมาให้ดู บอกว่ามันเกี่ยวพันกับคดีพิเศษที่ผู้การกำลังตามกวาดล้างอยู่ หลังจากนั้นยังเอารูปหยกให้ดูบอกว่าเป็นลูกน้องเสี่ยตง พวกมาเฟียที่กำลังเปิดศึกกับแก๊ง 4 จ้าวเวหา
แม้จะเป็นอาหลานกัน แต่ผู้การสมิงก็ไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้รู้ ชมหลานชายว่า ไฟแรงทำงานดี แต่นี่ไม่ใช่คดีที่ตนรับผิดชอบและไม่ใช่คดีที่เขารับผิดชอบด้วย ตัดบทว่า
“ตั้งใจ ทำงานของตัวเองไปดีกว่า อย่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว” ธงรบรับไม่ได้ ถามว่าทำไมอาต้องปฏิเสธตนตลอดเวลาด้วย หรือเพราะว่าตนไม่มีฝีมือ ผู้การสมิงพูดขรึมๆว่า “ตอนพ่อแม่แกตาย ฉันรับปากว่าจะดูแลแก ฉันถึงได้เตือน เพราะฉะนั้น อย่าห้าวให้มันมากนัก”
“ผมจะพิสูจน์ให้อาเห็นเอง” ธงรบพูดหน้าเครียด มองตามรถของผู้การที่ขับออกไป
ooooooo
ดูแล กิ่งเหมยจนสายตาดีขึ้นแล้ว หยกรีบไปหาดุจแพรตามที่เธอนัดไว้ ดุจแพรยืนรอหยกอยู่หน้าผับจนหงุดหงิด พลันก็เห็นเสี่ยตงกับลูกน้องอีก 3–4 คนพากันเข้ามาท่าทางน่าสงสัย เธอตัดสินใจเดินตามไปดู
เข้าไปอยู่ ท่ามกลางแสงสีเสียงอึกทึก ดุจแพรพยายามมองหาเสี่ยตงและลูกน้องที่เพิ่งเข้ามาแต่ไม่เห็น ถูกนักเที่ยวหนุ่มคะนองสามคนเข้ามาแทะโลม เห็นเธอมาคนเดียวมันเหิมเกริมจับมือเธอลากไปหลังร้าน มันรุมกันเข้ามาหน้าหื่น
พริบตานั้นเอง คนหนึ่งถูกขวดเบียร์ฟาดหัวเลือดสาด อีกคนเจอแม่ไม้มวยไทยกระเด็นไป เหลือคนสุดท้ายที่รวบตัวดุจแพรอยู่เห็นท่าไม่ดีปล่อยเธอแล้ววิ่งหนี สองคนที่เหลือประคองกันหนีตามไป
หยกนั่นเอง! เขามาอย่างเท่ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาทันเวลาพอดี!
แม้จะดีใจที่รอดมาหวุดหวิด แต่ดุจแพรก็งอน ไม่พอใจ หยกบอกว่ามาช้าเพราะมีธุระส่วนตัวเล็กน้อย ถามเธอว่า
“ว่าแต่คุณหนูเรียกให้ผมมาที่นี่ทำไม มาคนเดียวแบบนี้คงไม่คิดจะมาเที่ยวแน่”
ดุจ แพรให้หยกมาสืบเรื่องเสี่ยตง เพราะเธอเชื่อว่าป๋ามีเรื่องที่ปกปิดตนอยู่ หยกบอกทันทีว่าจะพาเธอกลับบ้านไปดูละครพอกหน้าทาเล็บดีกว่าที่จะมาสนใจ เรื่องไร้สาระแบบนี้ ถูกดุจแพรดักคอว่า
“นึกแล้วเชียวว่าถ้าฉันบอกนายแบบนี้ ฉันจะ
ต้อง ลูกห้าม เพราะป๋าสั่งให้นายมาคอยจับตาดูฉันไม่ให้ยุ่งกับความลับของป๋า” แล้วไล่หยกให้ไปทำธุระของตัวเองต่อเสีย พูดอย่างถือดีว่า “เพราะแค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าป๋ามีเรื่องปกปิดฉันอยู่” พูดแล้วสะบัดหน้าเดินเข้าไปข้างใน หยกมองตามพึมพำ...
“ยัยคุณหนูตัวแสบเอ๊ย...”
ooooooo
กิ่ง เหมยกลับถึงบ้าน เจออาม่ากับส้มเช้งคอยอยู่อย่างเป็นห่วง อาม่าไล่ส้มเช้งให้กลับบ้านเสียตนมีเรื่องจะคุยกับกิ่งเหมย แล้วพากิ่งเหมยเข้าไปในห้องที่มีรูปถ่ายของอาเหลาผู้เป็นสามีและหงษ์แม่ของ กิ่งเหมย หน้ารูปมีกระถางธูปตั้งอยู่
อาม่ามองรูปคนทั้งสองน้ำตาคลอ กิ่งเหมยถามว่าพาตนเข้ามาทำไม อาม่าบอกว่าไม่ต้องถามแค่ทำตามอาม่าสั่งก็พอ ถ้าไม่ฟังก็จะพาไปอยู่ที่อื่น
กิ่งเหมยงงมากถามว่าอาม่าหนีอะไรอยู่หรือ อาม่าไม่ยอมบอกจนเธอขู่ว่าถ้าอาม่าไม่บอก ต่อไปตนก็จะไม่เชื่อฟัง อาม่าจึงยอมเล่าว่า
“ที่ อาม่าต้องห้ามลื้อก็เพราะว่า...อาม่า...อ่าม่าเป็นสาเหตุทำให้เมียของไอ้ เสี่ยตงต้องตาย...อาม่าไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นเลย ถ้าไอ้เสี่ยตงไม่ทำให้แม่ลื้อกับอาเหลาต้องตายด้วย...”
อาม่าร้องไห้อย่างหนัก กิ่งเหมยถามว่าเสี่ยตงฆ่าพวกเขาหรือ
“อั๊ว ไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ฮือๆ สัญญานะอาเหมย อย่าให้ไอ้เสี่ยตงรู้ว่าลื้อเป็นใคร สัญญานะอาเหมย...สัญญาสิ”
กิ่งเหมยเห็นอาม่าอยู่ในความหวาดผวาและโศกเศร้าจึงพยักหน้ารับ แล้วทั้งสองก็โผเขากอดกันแน่น...
ooooooo
เสี่ยตงกับเจ้าสัวเกาต่างเข้าใจว่า อีกฝ่ายลอบกัดลูกสาวตนและฆ่าลูกชายตน ต่างโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ทันใด นั้น เจ้าสัวเล้งเข้ามาพร้อมนนท์ บอกเสี่ยตงกับเจ้าสัวเกาว่า ให้พวกลูกน้องออกไปให้หมด แล้วมานั่งคุยกันดีๆ ตนจะเป็นคนกลางช่วยเจรจา เจ้าสัวเล้งขอใช้กฎของโลกอันธพาลมาเป็นมาตรการแก้ปัญหา
เสี่ยตงกล่าว โทษว่าเจ้าสัวเกาคิดจะแย่งพื้นที่ทำกินของตนและส่งคนลอบทำร้ายลูกสาวตน ส่วนเจ้าสัวเกาก็กล่าวหาว่าคนของเสี่ยตงฆ่าลูกชายตน
เจ้าสัวเล้งดึง มีดมาปักใกล้ๆนิ้วโป้งตัวเองอย่างพร้อมจะตัด บอกทั้งสองว่า เรื่องที่ลูกชายเจ้าสัวเกาถูกยิงตายนั้นไม่ใช่ฝีมือของเสี่ยตง แต่เป็นคนนอกที่วางแผนจะให้พวกเขาเปิดศึกกัน
เจ้าสัวเกายังแคลงใจ เสี่ยตงเย้ยว่าถ้าไม่เชื่อก็ไปสืบหาเอาเอง
“หยุด! ฉันรู้ว่าแกอยากแก้แค้นให้ลูกชาย แต่ฉันยืนยันว่าไอ้ตงไม่ได้ส่งคนไปฆ่าลูกชายแกแน่นอน แต่ถ้าแกยังไม่เชื่อ ฉันก็ต้องใช้ชีวิตที่พวกเราเคยตัดสินเรื่องบาดหมางกัน” เจ้าสัวเล้งกดมีดลงที่หัวแม่มือตัวเองทันที
“ไม่ต้อง!” เจ้าสัวเการีบห้ามบอกว่าครั้งนี้ตนยอมเชื่อก็ได้ แต่ถ้าจับคนฆ่าลูกชายตนได้เมื่อไรและพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนของตง ต่อให้ตัดสิบนิ้วของเล้ง ตนก็ไม่ปล่อย
เสี่ยตงบอกว่าไม่จำเป็นที่เจ้าสัวเล้งจะทำแบบนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา และเขาก็ล้างมือแล้วด้วย
“จะ ไม่เกี่ยวได้ยังไง ถ้าพวกแกฆ่ากันตายขึ้นมาเมื่อไหร่ ตำรวจต้องเข้ามาจัดการแน่ แล้วไอ้เรื่องระยำๆ ที่พวกเราเคยทำเอาไว้ตอนหนุ่มๆ มันก็ต้องถูกขุดคุ้ยขึ้นมา ฉันไม่อยากเสียคนตอนแก่ กฎของโลกอันธพาล เข้าแล้วไม่มีทางออกไปได้ ทำได้ดีที่สุดก็แค่หยุดมัน
เอาไว้แค่นั้น แกก็รู้จักกฎนี้ดีไม่ใช่เหรอ”
เจ้าสัวเล้งพูดทิ้งไว้แล้วลุกเดินออกไป นนท์เดินตามไปติดๆ เสี่ยตงมองตามไปอย่างไม่เชื่อที่เจ้าสัวเล้งพูด
ooooooo
หยก เดินตามหาดุจแพร เจอเธอยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าห้องวีไอพี เขามาขอให้เธอพอได้แล้ว เพราะเธอทำแบบนี้จะทำให้เสี่ยตงมีปัญหาได้ เพราะเสี่ยไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ยกตัวอย่างตัวเองให้ฟังว่า
“เสี่ยเป็นคนดี ให้โอกาสคนเคยติดคุกอย่างผมได้งานทำ เพราะฉะนั้นคุณหนูไม่ควรจะไปสงสัยพ่อ
ตัว เอง” ดุจแพรมองหน้าถามว่าเขาเคยติดคุกหรือ “ถ้าผมไม่ได้โอกาสจากเสี่ย ป่านนี้ผมคงเป็นได้แค่ไอ้กุ๊ยข้างถนนไปแล้ว เพราะฉะนั้น ผมถึงปล่อยให้คุณหนูเข้าใจเสี่ยผิดๆไม่ได้”
หยกกับดุจแพรเดินมาถึงลานจอดรถ เธอบอกว่าส่งแค่นี้พอตนขับกลับเองได้ อดถามไม่ได้ว่าเขาติดคุกเรื่องอะไร
“ละเมิด ทางเพศ” หยกทำเสียงหื่นๆ แค่นั้นเอง เธอก็รีบขึ้นรถขับออกไปทันที หยกมองตามพึมพำขำๆ “ไปแน่บเลย ต่อไปจะได้เลิกจุ้นไม่เข้าเรื่องเสียที ยัยคุณหนูเอาแต่ใจ”
แต่พอหันกลับ หยกชะงักกึกเมื่อเห็นนักเลงสามคนที่ตนเล่นงานมาดักพูดเยาะว่า อย่าคิดว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ แล้วก็รุมกันเข้ามา หยกถอยฉากแล้ววิ่งหนี ถูกมันตามไปรุมจนฟุบจะลากตัวไปขึ้นรถตู้
ดุจแพรมาเห็นพอดี เธอจะโทร.บอกเสี่ยตงแต่แบตหมดพอดี เลยตัดสินใจขับรถพุ่งเข้าชนจนพวกนักเลงล้มกันระเนระนาด หยกได้โอกาสลุกขึ้นเล่นงานพวกมันที่ยังร้องกันระงมจนหมอบกระแตกันหมด แต่หยกเองก็หมดแรงเช่นกัน
ดุจแพรพยุงเขามาขึ้นรถพากลับไปที่คอนโดฯ ของตน กว่าจะพาเขาขึ้นไปที่ห้องได้ก็แทบหมดแรง เมื่อเข้าห้องแล้วเธอโทร.บอกป้าจั่นแม่บ้านที่บ้านว่าคืนนี้จะไปค้างต่าง จังหวัด ไม่ทันที่ป้าจั่นจะถามรายละเอียดเธอก็วางสายไปแล้ว
ขณะป้าจั่นกำลังใจคอไม่ดี ไม่รู้จะบอกเสี่ยตงอย่างไรนั่นเอง ก็ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นเสี่ยยืนอยู่ข้างหลัง ถามว่าทำไมต้องตกใจด้วย ลูกสาวตนอยู่ไหน? ป้าจั่นหน้าเหลือสองนิ้วหน้าซีดติดอ่างอึกอักไม่รู้จะพูดอย่างไรดี...
ดุจแพรดูแลหยกอย่างดี พาไปนอนที่เตียงเช็ดตัวถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อกล้าม ระหว่างจับขยับให้เขานอนเนื้อตัวสัมผัสกันแนบชิด ดุจแพรอดใจเต้นตึ้กตั้กไม่ได้ที่ได้สัมผัสกับอกกว้างกล้ามเป็นมัดของเขา พอหยกนอนได้ที่แล้ว เธอนั่งมอง อดคิดไม่ได้ว่า
“ไม่รู้ทำไมเวลาที่ฉันเดือดร้อนทีไร นายมักจะต้องโผล่มาช่วยทุกครั้ง จนฉันอดคิดถึงนายไม่ได้ หึๆ...เพราะ ฉะนั้นถ้าคราวหน้าฉันเดือดร้อนอีก แล้วนายไม่โผล่มาละก็...ฉันจะโกรธนาย...นี่แน่ะๆ... นายหยก” เธอบิดจมูกเขาเบาๆ แล้วหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเขา จากนั้นคว้าหมอนเดินออกจากห้องนอนไปนอนที่โซฟาห้องโถง
ooooooo
การที่อาม่าไม่ยอมเล่าเรื่องอากงกับแม่ตนให้ฟัง ทำให้กิ่งเหมยยิ่งติดใจสงสัย รุ่งขึ้นเล่าให้ส้มเช้งฟังแล้วห้ามเล่าให้ใครฟังต่อ บอกส้มเช้งว่า
“ถ้าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับการตายของแม่ฉัน ฉันก็ควรจะต้องรู้ความจริงให้ได้”
แล้วกิ่งเหมยก็เกิดอาการสายตาพร่ามัวขณะอาม่าพาไปไหว้เทพเจ้าฟ้าดินให้ปกป้องคุ้มครอง เธอรีบกลับมาเอายาหยอดตาที่ห้องพัก อาม่าตามมาถามว่าเป็นอะไร เธอบอกว่าไม่เป็นอะไร ควันธูปเข้าตาเท่านั้น
อาม่าเอะใจอะไรบางอย่าง เอามือโบกไปมาถามกิ่งเหมยว่าเห็นไหม พอเธอบอกว่าเห็นก็ถอนใจโล่งอกพึมพำว่า
“ค่อยยังชั่ว อั๊วนึกว่าลื้อจะต้องเป็นอย่างแม่ลื้อแล้วเสียอีก” กิ่งเหมยถามว่าแม่ตนเป็นอะไร อาม่าตัดสินใจเล่าว่า...
“อาหงษ์มันเกิดมาเหมือนมีกรรม พอเริ่มเป็นสาวอยู่ๆตามันก็บอด อาม่ากับอากงลื้อก็ยากจนไม่มีเงินพาไปรักษาเลยไม่รู้ว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมอะไร มันจะไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ แต่ยังโชคดีที่ภัตตาคารที่อากงลื้อทำงานอยู่เขายอมให้มันทำงาน เลยพอมีความหวัง”
กิ่งเหมยฟังอย่างสนใจมากเพราะอาม่าไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังเลย อาม่าเล่าต่อไปว่า “แม่ลื้อขยันทำงานทั้งๆที่ตาบอด ทำทุกอย่างที่คนเรียกใช้...แต่ว่า...” อาม่าหยุดหน้าเครียดขึ้นมาทันที พอกิ่งเหมยถามว่าทำไมหรือ? เพราะเสี่ยตงใช่ไหม? อาม่าก็ตัดบท “ลื้อรู้เท่านี้ก็พอแล้วอาเหมย เอาเป็นว่าถ้าสายตาลื้อมีปัญหาลื้อต้องรีบบอกอาม่านะ”
“เหมยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เหมยน่ะสายตาดีจะตายไป ไม่งั้นจะวาดรูปได้ยังไง” เธอพูดให้อาม่าหายกังวล ทั้งที่ในใจตัวเองเต็มไปด้วยคำถาม
ooooooo
รุ่งขึ้น ดุจแพรตื่นขึ้นมาเดินไปดูในห้องนอนไม่เห็นหยกคิดว่าเขาคงกลับไปแล้ว เดินไปห้องน้ำจะล้างหน้าแปรงฟันได้ยินเสียงอะไรอยู่หลังม่านที่อ่างอาบน้ำเลยเปิดดู เธอช็อกตาเหลือกเมื่อเห็นหยกยืนเปลือยสระผมอยู่ เธอร้องกรี๊ดๆวิ่งออกมา หยกคว้าผ้าขนหนูนุ่งตามมา เธอด่าเขา
“ไอ้บ้า...ไอ้ลามก...ไอ้โรคจิต”
หยกแกล้งยั่วว่าเธอต่างหากที่โรคจิตมาแอบดูตน ดุจแพรเดินหนีกลับห้องปิดประตูปัง หยกร้องบอกว่าเสื้อผ้าตนอยู่ในห้อง จะให้ตนนุ่งผ้าขนหนูอยู่อย่างนี้หรือ เธอเลยเปิดประตูโยนผ้าให้ แถมชกหน้าเขาเปรี้ยง ขู่ว่า
“ถ้านายยังมาว่าฉันแบบเมื่อกี้อีกละก็ ฉันเอานายตายแน่!!”
“หมัดหนักชะมัด...ยัยคุณหนูตัวแสบ” หยกคลำหน้าที่ถูกชกบ่นอุบอิบ
เวลาเดียวกัน เสี่ยตงเป็นห่วงลูกสาวมาก ถามป้าจั่นว่าได้ข่าวดุจแพรหรือยัง ป้าจั่นกลัวปากคอสั่นบอกว่าตนพยายามถามคุณหนู แต่คุณหนูไม่ยอมบอกว่าไปไหนกับใคร
ขณะนั้นเอง เก่งพากิจชัยเข้ามาบอกว่า ยามที่คอนโดฯ เห็นดุจแพรกับหยกไปที่คอนโดฯด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน กิจชัยใส่ไฟทันทีว่า “นั่นไง เห็นไหมครับเสี่ย ไอ้หยกมันคิดไม่ซื่อกับคุณหนูจริงๆ” แล้วอาสาจะสั่งสอนหยกเองเพราะตนเป็นคนพาเขามา
“แกไม่ต้อง ฉันเอง” เสี่ยผลักเก่งพ้นทางแล้วเดินเข้าไปในคอนโดฯอย่างเอาเรื่อง
“หึ...ไอ้หยก อยากข้ามหน้าข้ามตากูนัก...โดนเสียบ้างเถอะมึง หึๆๆ” เก่งหัวเราะสะใจ
ในห้องคอนโดฯ หยกเล่าเรื่องตนกำพร้าแม่ให้ดุจแพรฟัง เธอเห็นใจเขาที่มีหัวอกเดียวกัน ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเสี่ยตงร้องบอกให้เปิดประตู ทั้งสองมองหน้ากันตกใจสุดขีด
“คุณหนูครับ จะให้เสี่ยเห็นผมอยู่กับคุณหนูตามลำพังแบบนี้ไม่ได้นะครับ” ดุจแพรถามว่าทำไมไม่ได้ “ถ้าเสี่ยรู้ว่าเมื่อคืนนี้คุณหนูพยายามจะตามสืบเสี่ย เสี่ยคงเสียใจ แต่ก็คงไม่เท่ากับเห็นคุณหนูอยู่กับผมตามลำพังที่นี่ทั้งคืน”
ดุจแพรคิดหาทางแก้ปัญหา แล้วเธอก็ไปเปิดประตูให้เสี่ย พอเข้ามาเสี่ยพยักหน้าให้ลูกน้องค้นห้อง ดุจแพรตกใจถามว่าทำอะไร ให้ป๋าบอกลูกน้องหยุดเดี๋ยวนี้
เสี่ยบอกว่ามีคนเห็นหยกอยู่กับเธอทั้งคืน ดุจแพรยอมรับว่าตนพาหยกมาที่นี่จริงๆ แต่เขากลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เธอเล่าว่า
“เมื่อคืนดุจไปเที่ยวกับเพื่อน แต่เกิดเรื่องขึ้น ถ้านายหยกไม่มาช่วยไว้ ดุจก็คงโดนทำร้ายไปแล้ว ดุจเห็นเขาบาดเจ็บเลยพามาทำแผลให้แล้วก็ให้เขากลับไป” เสี่ยถามว่าแล้วทำไมไม่บอกป๋าตรงๆ “เรื่องแบบนี้ถ้าบอกไป ป๋าก็ต้องเป็นห่วงแล้วก็กลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ ต่อไปดุจจะไม่ทำอะไรให้ป๋าต้องเป็นห่วง เพราะดุจรู้ว่าป๋าน่ะเป็นผู้ชายที่แสนดีที่สุดในโลก”
“ชมป๋าแบบนี้...มันชักยังไงๆนะ”
“ดุจชมจริงๆนะ เพราะนายหยกเล่าให้ดุจฟังว่าป๋าน่ะให้โอกาสคนที่ติดคุกมาทำงาน แล้วแบบนี้จะไม่เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีได้ยังไง ไปกันเถอะค่ะ ดุจหิวแล้ว”
เสี่ยตงออกไปกับดุจแพรแต่ส่งสัญญาณบางอย่างกับเก่ง พอเสี่ยขึ้นรถไป เก่งกับลูกน้องจึงซุ่มอยู่แถวคอนโดฯ
ดังนั้น เมื่อหยกออกมาจึงถูกเก่งกับลูกน้องรุมเข้าเล่นงานจนหมดสติ
ooooooo
กิ่งเหมยกังวลใจหลังจากฟังอาม่าเล่าเรื่องสายตาของแม่ รุ่งขึ้นเธอไปยืนเหมือนคอยใครที่ปากตรอก อ่างกับสลึงมาเจอถามว่าจะไปไหน ต่างอาสาจะไปส่ง กิ่งเหมยบอกว่าตนไปเองได้ เลยจ๋อยไปทั้งสองคน
เมื่อไปหาหมอตา หมอตรวจแล้วเธอถามว่ามีอะไรผิดปกติไหม ถามอาการที่เกิดขึ้นกับสายตาทั้งการมองไม่เห็นเวลากลางคืนและมีอาการเห็นแสงสว่างวาบๆคล้ายแสงฟ้าผ่าใช่ไหม พอกิ่งเหมยบอกว่าใช่ หมอขอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง กิ่งเหมยพยักหน้าอย่างกังวล
หลังจากตรวจแล้วหมอบอกว่าเธอเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมจากพันธุกรรม ที่ทางการแพทย์เรียกว่าโรคอาร์พี เป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เซลล์รับแสงที่จอประสาทตาจะค่อยๆเสื่อมจนกระทั่ง...
“ตาบอดน่ะเหรอคะ” กิ่งเหมยผวาเฮือก ถามว่า “แล้วมีทางรักษารึเปล่าคะ”
หมอมองหน้าเธออย่างเห็นใจ เห็นสายตาหมอแล้ว กิ่งเหมยใจหายวาบ
ขณะเดินกลับบ้าน คิดถึงที่หมอบอกว่า อาการของเธออยู่ในระยะที่น่าเป็นห่วง คิดว่าคงอีกไม่นาน กิ่งเหมยก็ยิ่งสิ้นหวัง เดินน้ำตาเอ่อท้นมาตลอดทาง จนสุดท้ายเดินต่อไปไม่ไหว ทรุดพิงกำแพงร้องไห้อย่างหนัก
ooooooo
หยกถูกพาไปที่โกดังท่าเรือ ไม่นานเสี่ยตงก็มาถึงตะคอกว่า ตนเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าแม้แต่จะคิดอะไรกับดุจแพร หยกชี้แจงว่าตนกำลังช่วยไม่ให้ดุจแพรรู้ความลับของเสี่ยต่างหาก
เสี่ยไม่เชื่อ หยกขอให้เสี่ยทบทวนดูว่าดุจแพรพูดอะไรกับเสี่ยไว้ เสี่ยนึกถึงที่ดุจแพรชมว่าตนเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก เพราะหยกเล่าให้ฟังว่า ตนให้โอกาสคนติดคุกอย่างหยกมาทำงาน เมื่อเสี่ยคิดได้ก็สั่งลูกน้องให้ปล่อยหยก มอบงานให้หยกทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
“จะให้ผมไปเก็บศัตรูของเสี่ยเหรอครับ” หยกฟังงานที่เสี่ยมอบให้แล้วตกใจ เสี่ยบอกว่าไม่อยากใช้พวกมืออาชีพ เพราะจะทำให้แกะรอยมาถึงตนได้
ระหว่างนั้นเก่งปรามาสว่าคนอย่างหยกไม่เคยฆ่าคน ให้ไปทำงานใหญ่ ตนเกรงว่าจะไม่สำเร็จ เสี่ยเดินเข้าหาหยก บอกว่าเก่งดูถูกว่าเขาไม่กล้าฆ่าคน จะว่าอย่างไร เก่งเห็นหยกนิ่งก็เย้ยว่า เอาเข้าจริงก็เป็นได้แค่กุ๊ยหางแถว ให้เสี่ยหาคนใหม่ดีกว่า ตนจะหาให้เอง พลางเข้าไปผลักไหล่หยก ไล่ “แกไปได้แล้ว”
จังหวะที่เก่งผลักไหล่หยกนั่นเอง หยกจับมือเก่งบิดแล้วแย่งปืนจากเอวจ่อหัวเก่งทันที เก่งตกใจร้องห้ามเสียงหลง
“ฉันอาจจะยังไม่เคยฆ่าคนอย่างที่แกว่า แต่ถ้าลองได้ฆ่าใครสักคนแล้ว ต่อไปมันก็คงไม่ใช่เรื่องยาก”
เก่งหน้าซีดมองเสี่ยอย่างขอความช่วยเหลือ เสี่ยไม่ห้าม หยกเพราะต้องการวัดใจกัน พอหยกจะเหนี่ยวไกปืน เสี่ยก็จับหมับ “พอได้แล้ว แค่นี้มันก็เชื่อแล้วว่าทำไมฉันถึงไว้ใจเลือกใช้แก”
ผ่านการวัดใจกันแล้ว หยกถามเสี่ยว่าต้องการให้ตนลงมือฆ่าใคร
“เจ้าสัวเกา หัวหน้าแก๊งพิราบดำ!”
เมื่อหยกมารายงานผู้การสมิง ผู้การชมหยกว่าทำได้ดีมาก แต่ให้หยกเล่นเกมกับมันก่อน ถึงเวลาที่ต้องลงมือตนจะเข้าแทรกแซงเอง เตือนหยกว่า ลำพังรับมือกับมาเฟียก็ลำบากแล้ว ถ้าต้องมาเจอธงรบหลานชายตนตามรังควานอีกจะยิ่งยุ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ต้องห่วง ตนมีวิธีกันไม่ให้มายุ่งกับหยกแล้ว แต่นิสัยอย่างธงรบไม่รู้ว่าจะกันไว้ได้นานแค่ไหน
วิธีของผู้การสมิงคือ เมื่อธงรบนำกำลังทะลายอู่รับซื้อรถขโมยมาถอดอะไหล่ขายได้สำเร็จ เขาก็ได้รับโทรศัพท์ชมเชยจากรองผู้การ และเสนอย้ายเขาไปทำงานที่กรมเพราะยังมีคดีค้างอยู่อีกมาก แต่ธงรบปฏิเสธเพราะเชื่อว่างานที่เพิ่งผ่านไปนี้มีมือที่มองไม่เห็นพยายามไม่ให้ตนเกะกะขวางทาง เขาพูด กับจ่าที่ร่วมทีมอย่างหมายมาดว่า “แค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก!”
ooooooo
หยกไปถามสลึงกับอ่างว่าเห็นกิ่งเหมยไหม ทั้งสองบอกว่าเห็นเมื่อเช้านี้ หยกฟังแล้วเซ็ง สลึงบอกว่าเมื่อเช้าเห็นกิ่งเหมยเหมือนมายืนรอใคร หยกว่ารอตนเพราะตนนัดกิ่งเหมยไว้ว่าจะพาไปหาหมอ ป่านนี้คงโกรธตนแย่แล้ว
หยกเดินไปหมายตามหากิ่งเหมยต่อ สลึงกับอ่างอยากรู้อยากเห็นต่างแย่งกันวิ่งตามหยกไป ไปถึงกลางซอยหยกถูกธงรบมาดักหน้า หยกไม่อยากมีเรื่องจะเลี่ยงไป ธงรบจับมือหยกบิดไพล่หลังทันที บอกว่าอยากคุยด้วยดีๆ แต่ถ้าคิดจะเล่นงานกุ๊ยอย่างเขาคดียาวเหยียดเล่นงานได้ไม่ยาก สลึงกับอ่างมาเห็นบอกให้ธงรบปล่อยหยกเดี๋ยวนี้ หยกไม่อยากให้มีเรื่องบอกทั้งสองว่า
“อย่าครับน้า ไม่ต้องห่วงผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก” แล้วยอมให้ธงรบเอาตัวไป
อ่างกับสลึงกลับไปที่ร้านเกิดขัดแย้งกันเองเมื่ออ่างหาอาวุธจะไปลุยกับธงรบแต่สลึงห้ามไว้ ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเดินผ่านมาจึงรู้ว่าหยกมีเรื่องกับธงรบ เธอรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงหยก
สิ่งที่ธงรบบอกว่าอยากคุยกับหยกคือ ตนอยากล้างบางพวกมาเฟีย ให้หยกมาเป็นสายสืบคอยส่งข่าวให้ โดยอ้างคำพูดของกิ่งเหมยที่ชมว่าหยกเป็นคนดี ท้าว่า ถ้าเป็นคนดีจริงก็ต้องไม่ปฏิเสธงานนี้
“ถามจริงๆเถอะหมวด คิดดีแล้วหรือที่มาพูดเรื่องแบบนี้กับผม ถ้าเกิดพวกผมรู้ขึ้นมา ต่อไปนี้หมวดคงเดินตามถนนลำบากแน่” ธงรบกระชากคอเสื้อหยกหาว่าขู่ตน หยกพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เพราะหมวดดูถูกคนอย่างผมมากเกินไปไง”
ธงรบด่าหยกว่าเลวได้โล่ คนอย่างเขาไม่มีวันดีอย่างที่กิ่งเหมยพยายามพูดให้ตนเชื่อ หยกสวนกวนประสาทไปว่า
“ที่หมวดฟังกิ่งเหมย เพราะหมวดชอบเธอ ผู้ชายเราพอหลงผู้หญิงเข้าหน่อย พูดอะไรมาก็เชื่อไปหมดนั่นแหละ”
ธงรบถูกปรามาสเลยชกหยกจนเลือดออกที่มุมปาก กิ่งเหมยมาแอบดูแอบฟังอยู่ เธอเสียใจมากกับคำพูดของหยก
“แกมันเลวจริงๆไอ้หยก ทำไม...ทำไมกิ่งเหมย ถึงได้ชอบแกนักวะ” ธงรบตะคอก
“เพราะผู้ชายดูดีอย่างหมวดมันปากหวานไม่เท่ากับผู้ชายเลวๆอย่างผมมั้ง”
“ไอ้หยก แกดูถูกผู้หญิงดีๆอย่างกิ่งเหมยไม่ได้ ฉันปล่อยแกไปไม่ได้” ธงรบพุ่งเข้าใส่ เลยได้แลกหมัดกัน กิ่งเหมยทนไม่ได้ ออกไปสั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้ ทั้งสองเห็นกิ่งเหมยต่างก็ชะงัก กิ่งเหมยร้องไห้วิ่งหนีไป หยกวิ่งตามไปอย่างเป็นห่วง
ธงรบไม่ยอมแพ้วิ่งไล่ตามไป ถูกสลึงกับอ่างมาขวางทำให้ตามไปไม่ทัน พอธงรบจะเอาเรื่อง สลึงก็ร้องปาวๆ ว่าตำรวจรังแกประชาชน ชาวบ้านพากันออกมาดู ธงรบเลยจำต้องปล่อยสลึงเดินกลับไป
ooooooo
กิ่งเหมยหนีหยกเข้าไปซ่อนในศาลเจ้า อาม่าเห็นไวๆ ออกมาร้องเรียกกิ่งเหมย หยกรู้ว่าถ้าอาม่าออกมาเห็นตนต้องไล่ตะเพิดแน่ เขาลากกิ่งเหมยขึ้นไปคุยกันบนดาดฟ้า บอกว่าที่ตนพูดไปนั้นไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ชี้แจงว่า
“ฉันไม่อยากให้ไอ้หมอนั่นมาจุ้นจ้านกับชีวิตเรา ฉันเลยต้องพูดไปแบบนั้น” กิ่งเหมยบอกว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว พูดแล้วร้องไห้ออกมาอย่างกดดัน หยกตกใจถามว่าเป็นอะไร เธอเล่าไปร้องไห้ไปว่า “ฉันไปหาหมอมา หมอบอกว่า ฉัน...ฉันกำลังจะตาบอด...ฮือๆๆ”
หยกตกใจมากจะพากิ่งเหมยไปหาหมอ เชื่อว่าต้องมีวิธีรักษาเธอให้หายได้ กิ่งเหมยบอกว่าตนถามแล้วหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ ร้องไห้คร่ำครวญว่า
“ฉันหนีไม่พ้นจริงๆ ฉันต้องเป็นเหมือนแม่...วันนึงเมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นมา โลกที่ฉันเคยรู้จักก็จะเปลี่ยนไป ฉันจะกลายเป็นคนที่ต้องอยู่แต่ในความมืด ฉันกลัวนะหยก ฉันกลัวจริงๆ”
หยกดึงเธอไปกอดไว้แน่นพูดอย่างสะเทือนใจ “ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในความมืด ฉันสัญญานะกิ่งเหมย ฉันจะดูแลเธอ ฉันจะปกป้องเธอ”
กิ่งเหมยผลักเขาออก ตนไม่ต้องการกลายเป็นคนน่าสงสาร ไม่อยากเป็นภาระใคร หยกบอกว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้น
“แต่ฉันไม่อยากซ้ำเติมชีวิตเธอต้องแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่หรอก ไม่ต้องตามฉันมานะหยก แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง แค่นั้นฉันก็ขอบใจเธอแล้ว” พูดแล้วตัดสินใจเดินจากหยกไป
หยกยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครู่เดียวก็ยกกระถางต้นไม้ทุ่มแตกลูกแล้วลูกเล่าอย่างอัดอั้น ที่ไม่อาจบอกความจำเป็นของตนแก่กิ่งเหมยได้
ooooooo
เพราะไม่เห็นกิ่งเหมยไปทำงาน ดุจแพรมาตามถึงบ้าน ถูกอาม่าไล่ตะเพิดไม่ต้องมายุ่งเพราะกิ่งเหมยไม่ไปทำงานแล้ว และไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก เมื่อดุจแพรขอเหตุผลก็ถูกอาม่าผลักจนล้ม ส้มเช้งรีบเข้ามาห้าม
“อาม่านะอาม่า ไล่เขาดีๆก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องลงไม้ลงมือกับเขาเลย ปัญหาของรุ่นพ่อรุ่นแม่มันไม่เกี่ยวกับรุ่นลูกสักหน่อย” อาม่าตกใจถามว่ารู้เรื่องนี้ ด้วยหรือ รู้แล้วอย่าพูด อย่าทำให้กิ่งเหมยต้องเดือดร้อน “เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว ฉันก็เป็นห่วงไอ้เหมยมันนะอาม่า” แล้วนึกได้ว่าลืมคลุกข้าวให้แมว เลยรีบกลับไป
อาม่ากลับเข้าไปมองรูปอาเหลาและหงษ์บนหิ้ง เหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นในความนึกคิดอย่างเจ็บแค้น...
เวลานั้นอาเหลาเป็นกุ๊กมือดีภัตตาคารของเสี่ยตง หงษ์ซึ่งตามองไม่เห็นแล้วไปทำงานที่นั่นด้วย เธอถูกเสี่ยตงข่มขืน อาม่าด่าเสี่ยตงและคว้าแจกันทุ่มใส่เลยถูกเสี่ยตบหน้า อาเหลาจะเข้าช่วย เสี่ยชักปืนออกมาจี้อาเหลากับอาม่า
เสี่ยสั่งห้ามทั้งสองพูดเรื่องนี้ รับปากจะเลี้ยงดูหงษ์เป็นเมียน้อย หงษ์ไม่ยอม ฟ้องว่าตนถูกเสี่ยทุบตี อาม่า ตะโกนอย่างโกรธแค้นว่า “อั๊วไม่ยอมให้ลูกอั๊วโดนข่มเหง”
“ไม่ยอมเหรอ...ไม่ยอมไม่ได้หรอก แกคงไม่อยากให้ตำรวจรู้ใช่ไหมว่าไอ้เหลาไม่มีบัตรประชาชน เลือกเอา...จะให้ไอ้หงษ์เป็นเมียน้อยฉัน หรือจะให้ไอ้เหลาโดนฉันฆ่าหมกป่า!”
คิดถึงอดีตแล้ว อาม่ายังแค้นเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวาน!
กิ่งเหมยกลับมาเจอส้มเช้งระหว่างทาง พอรู้เรื่องจากส้มเช้งเธอกลับไปต่อว่าอาม่าว่าทำไมต้องไล่ดุจแพรแบบนั้นด้วย
อาม่าเอาแต่พูดถึงความเจ็บแค้นที่ถูกเสี่ยตงทำ แต่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร ตัดบทถามว่าแล้วกิ่งเหมยหายไปไหนมาทั้งวัน เธอตอบไม่เต็มเสียงว่าไปรับจ้างวาดรูปมา แล้วรีบขอตัวไปพักกลัวถูกอาม่าจับเท็จได้ พอเข้าห้องก็พึมพำ...
“เหมยขอโทษค่ะอาม่า เหมยบอกอาม่าตอนนี้ไม่ได้ ในเมื่ออาม่าไม่บอกความจริง เหมยก็ต้องหาความจริงด้วยตัวเอง”
กิ่งเหมยโทร.ไปขอโทษดุจแพรเรื่องอาม่า ดุจแพรบอกว่าตนไม่โกรธ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมอาม่าถึงไม่พอใจตนมากขนาดนั้น กิ่งเหมยนัดพรุ่งนี้จะไปหาเธอที่ออฟฟิศ เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟัง
แต่รุ่งขึ้น เสี่ยตงก็พาอู๊ดดี้ ลูกชายเพื่อนเก่าที่ดุจแพรกับเขาเป็นเพื่อนเล่นและโตมาด้วยกัน แต่อู๊ดดี้ไปเรียนเมืองนอกเพิ่งกลับมา เสี่ยจึงพามาให้ไปกินข้าวด้วยกัน
หยกเห็นอู๊ดดี้ ถามเก่งว่าเขาเป็นใคร เก่งเล่าให้ฟังแล้วย้อนถามว่า “แกถามทำไมวะไอ้หยก” หยกบอกว่าตนมีหน้าที่ดูแลคุณหนูก็ต้องรู้จักคนที่มาใกล้ชิดคุณหนูไว้
ดุจแพรขอให้หยกขับรถพาไปกินข้าวกับอู๊ดดี้ เสี่ยรีบกันท่าว่าไม่ต้องเพราะอู๊ดดี้รู้จักร้านดี แล้วเหล่ใส่หยกพึมพำ
“หึ...ถ้าไม่ใช่เพราะแกบอกเรื่องที่ยัยดุจเริ่ม
สงสัยฉัน ฉันก็คงไม่เร่งแบบนี้ให้มันเร็วขึ้นหรอก”
“เรื่องแบบนี้?” หยกทวนคำ
“เลี้ยงลูกสาว ถึงจะหวงยังไงสักวันก็ต้องมีผัว ให้แต่งงานแต่งการมีครอบครัวออกไป มันจะได้ไม่มีวันมาจ้องจับผิดฉัน ให้มันยุ่งอยู่กับผัวมันนั่นแหละดีที่สุด”
พูดแล้วเสี่ยตบบ่าหยกเดินผ่านเขาเข้าออฟฟิศ หยกมองอึ้ง ที่เสี่ยถึงขนาดหาผู้ชายมาให้ลูกสาว เพื่อกันไม่ให้มาวุ่นวายกับแผนการขึ้นมาใหญ่ในวงการมาเฟียของตน
ooooooo