ตอนที่ 14
ปวุฒิพารจนาไฉนไปหลบฝนในกระท่อมร้างระหว่างทาง มอบมงกุฎดอกไม้ที่เตรียมมาและขอโอกาสเป็นคนรักอีกครั้ง รจนาไฉนเบี่ยงตัวถอยออกมาพร้อมยืนยันความรู้สึกตัวเอง
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ลืมมัน”
“จะให้ลืมคนที่ผมรัก ผมทำไม่ได้...หรือคุณลืมไปแล้วว่าคุณเคยรักผม”
“ฉันไม่เคยลืมค่ะ ยังจดจำความรู้สึกดีที่คุณมีต่อฉันได้เสมอ แต่ความรักในวันนี้...มันหมดแล้ว ขอโทษนะคะที่พูดตรงๆ ต่อให้วันนี้คุณปัทม์ทิ้งฉัน ฉันก็รักคุณไม่ได้อีกแล้ว”
ปวุฒิตัวชา มองหน้าอดีตคนรักอย่างไม่อยากเชื่อ รจนาไฉนสงสารเขามากแต่มิอาจฝืนความรู้สึกตัวเอง
“ยอมรับความจริงเถอะค่ะ ไม่เช่นนั้นความรู้สึกดีจะเลือนหายจนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน”
รจนาไฉนปลอบใจเขาต่ออีกครู่ใหญ่จึงออกไปข้างนอก ปวุฒิตามไปรั้งและสวมกอดเธอจากด้านหลังเว้าวอนให้อยู่ต่อ รจนาไฉนพยายามแกะมือออกแต่เขาไม่ยอม ดึงเธอมากอดอีกครั้งและทำท่าจะจูบ หญิงสาวดิ้นรนปัดป้องจนหลุดมาได้ ตบหน้าเขาเต็มแรงด้วยความโกรธจัด
“ถ้าคุณรักฉันจริง ขอให้คุณรักษาพื้นที่ความเป็นเพื่อนของเราไว้”
“อย่าทิ้งผมไป...อย่าทิ้งคนที่รักคุณจนหมดหัวใจ”
ปวุฒิอ้อนวอนพร้อมโถมตัวเข้ากอดรัด รจนาไฉนร้องไห้โฮ ทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่งแต่เขาไม่สะทกสะท้าน ระดมจูบซุกไซ้เธอด้วยแรงเสน่หา แต่เพราะสำนึกผิดชอบชั่วดีทำให้ได้คิด ผละออกแล้วขอโทษเธอเสียงอ่อน รจนาไฉนไม่โกรธแต่อดเหน็บไม่ได้
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะถือเป็นการชดใช้ความผิดที่ฉันทำร้ายจิตใจคุณ จะได้ไม่รู้สึกผิดและมีบาปค้างใจอีก”
หญิงสาวหมุนตัวออกจากกระท่อมไปที่รถ ปวุฒิตะโกนไล่หลังด้วยความเจ็บปวด
“ผมผิดอะไร ผมรักคุณ คุณเองก็เคยรักผม คุณปัทม์ต่างหากที่แย่งชิงคุณไปจากผม”
รจนาไฉนสะเทือนใจมาก เดินกลับมาหาเขาพร้อมปลอบประโลม
“ไม่มีใครผิดแต่มันไม่สามารถแก้อะไรได้แล้ว ยังไงคุณก็คือเพื่อนที่ดีที่สุด เราจะเป็นเพื่อนกันไปจนวันตาย”
“ผมขอถามครั้งสุดท้าย...คุณรักใคร”
“ทั้งตัวและหัวใจของฉันอยู่กับคุณปัทม์”
ปวุฒิอึ้งไปอึดใจแล้วพยักหน้ายอมรับ รจนาไฉนยินดีทั้งน้ำตาที่เขาเริ่มทำใจได้ ตามเขาไปขึ้นรถแต่ต้องย้อนกลับมาที่กระท่อมเซ็งๆเพราะถนนขาดไปต่อไม่ได้ ต้องรอจนเช้าถึงจะได้กลับ ปวุฒิมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกผิดกว่าเดิม รจนาไฉนยิ้มให้ทั้งที่ในใจเครียดจัด...กลัวปัทม์จะเป็นห่วง
ขณะเดียวกันนั้น...ปัทม์ขับรถด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ฝนที่ตกหนักทำให้ยิ่งกังวล เขาหวนระลึกถึงคำพูดสุดท้ายของปวุฒิจะตามทวงรจนาไฉนคืนแล้วใจเสีย เหยียบคันเร่งเร็วและแรงเพราะกลัวไม่ทันการณ์ ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง! ต้นไม้ใหญ่ล้มมาขวางถนน พ่อเลี้ยงหนุ่มเบรกกะทันหันและลงไปลากต้นไม้เข้าข้างทางแต่เพราะไม่ทันระวังเลยโดนไม้อีกท่อนหล่นฟาดหัวเขาสลบไป!
ooooooo
พูนทวีช่วยปัทม์ได้ทันเวลาเพราะเปรมตัดสินใจโทร.บอกให้ขับรถตามไปด้วยความเป็นห่วงลูกชาย ปัทม์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำแผลและกลับมาพักที่บ้าน เขานอนกระสับกระส่ายเพราะฝันร้ายเห็นรจนาไฉนจูงมือปวุฒิมาหาและตัดรอนเขาอย่างหมดเยื่อใย
“มีหลายคนเคยพูดว่าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้ เพราะเราต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันพยายามเอาชนะความคิดนั้น แต่วันนี้...ฉันไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว”
แม้จะฝันร้ายแต่ปัทม์ก็ยังหลับใหลเพราะฤทธิ์ยาโดยมีเปรมเช็ดตัวดูแลไม่ห่าง เธอนึกเป็นห่วงรจนาไฉนจึงขอร้องพูนทวีให้ช่วยตามหา พ่อเลี้ยงเจ้าของสวนผลไม้รับปากแต่ขอเคลียร์เรื่องคาใจก่อน คือซักไซ้โลมฤทัยเรื่องรจนาไฉนหายตัวเพราะมั่นใจมากว่าต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โลมฤทัยไม่ให้ความกระจ่างใดๆ ได้แต่หัวเราะพร้อมเย้ยหยัน
“อย่ามัวเสียเวลาหาที่มาที่ไปเลยค่ะ ผลลัพธ์น่าสนใจกว่า พ่อเลี้ยงควรดีใจที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งถูกกำจัด”
“ผมไม่เคยคิดทรยศเพื่อน”
“ตายจริง...พบลืมไปว่างานนี้พ่อเลี้ยงมีแต่เสียประโยชน์ สุดท้ายพี่เพื่อนก็เลือกคนรักเก่า พบไม่อยากนึกภาพเลย...ถ่านไฟเก่าคุโชนยามฝนตกพรำคงช่วยสร้างความอบอุ่นได้ดีทีเดียว”
“หยุดนะ...เลิกคิดและพูดพล่อยๆ คนอย่างคุณเพื่อนไม่มีวันสวมเขาให้ปัทม์!”
“เหรอคะ...ฝนตกหนักแบบนี้คงต้องรอถึงเช้าถึงจะรู้ว่าข้อสันนิษฐานของใครเป็นจริง”
โลมฤทัยแสยะยิ้มสะใจ ต่างจากพูนทวีที่เริ่มกังวล กลัวรจนาไฉนจะตกที่นั่งลำบาก
ฝ่ายอุรารัตน์ทรมานใจมากต้องตกอับในห้องเช่าท้ายตลาด สภาพทรุดโทรมและอาหารที่ไม่คุ้นเคยทำให้เธอแทบบ้า นงนุชไม่รู้อีโหน่อีเหน่ยกของโปรดมาวางตรงหน้า อุรารัตน์ได้กลิ่นก็เหม็นวิ่งไปส่งเสียงโอ้กอ้ากในห้องน้ำ นงนุชตามไปดูแล สงสัยอาการแปลกๆแล้วต้องตาเบิกโพลงเมื่อคิดได้ว่าเจ้านายสาวอาจตั้งท้อง!
ปัทม์ตื่นตอนเช้ามาถามถึงรจนาไฉน ปยงค์รายงานว่าเจ้านายสาวกลับมาแล้วพร้อมปวุฒิ ปัทม์ลุกออกไปดูด้วยความเป็นห่วง เปรมกับพูนทวีตามติดเพราะกลัวมีเรื่อง รจนาไฉนดีใจที่เจอสามีรีบอธิบายเรื่องทั้งหมด
“ฉันเจอคุณปวุฒิโดยบังเอิญ คุณปวุฒิจะพาฉันมาส่งแต่ถนนขาด ต้องรอเจ้าหน้าที่มาซ่อมถนน”
ความห่วงใยของปัทม์กลายเป็นความโกรธเมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่ม จ้องหน้าเอาเรื่องเขาสุดฤทธิ์
“ฉันต้องการฟังจากปากของเขา...ฉันต้องการฟังจากปากชายชู้!”
“ถ้าคุณไม่เชื่อใจภรรยาแบบนั้น แล้วคุณจะเชื่อผมได้ยังไง”
ปวุฒิรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มหึงแต่ไม่ชอบใจการแสดงออกที่ไม่ให้เกียรติรจนาไฉนจึงเฉไฉไม่ยอมบอกความจริง
“คุณคิดว่าการที่เราสองคนอยู่ด้วยกันทั้งคืน มันจะเกิดอะไรได้บ้าง”
ปัทม์ทนฟังไม่ไหวต่อยหน้าปวุฒิเต็มแรง รจนาไฉนพยายามห้ามแต่ปัทม์เข้าใจผิดคิดว่าเธอเอาใจออกห่าง
“เธอปกป้องมัน เธอเป็นชู้กับมัน!”
รจนาไฉนตบหน้าเขาฉาดใหญ่ด้วยความโมโห ปัทม์ไม่สะทกสะท้าน แดกดันจนเธอแทบหมดความอดทน
“ตบอีกสิ...ถ้าคิดว่ามันทำให้เธอดูดี ทำให้ฉันใจอ่อนยอมเชื่อว่าเธอไม่ได้มีอะไรกับมัน”
รจนาไฉนขมวดคิ้ว ปัทม์จึงส่งคลิปในมือถือให้ รจนาไฉนทนดูต่อไปไม่ได้ เสียใจเหลือเกินที่เขาไม่เชื่อใจเธอ
“มันคงทำให้คุณโกรธและคิดไปได้ต่างๆนานาแต่ฉันอยากให้คุณฟังความจริงจากคนที่คุณรัก”
ปัทม์สะอึก รจนาไฉนพยายามรวบรวมสติ โพล่งประโยคเด็ดที่ทำให้ปัทม์แทบกระอัก
“มีหลายคนเคยพูดว่าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้เพราะเราต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันพยายามเอาชนะความคิดนั้น แต่วันนี้...ฉันไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว เราไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”
ปัทม์พูดไม่ออกเพราะคำพูดของเธอเหมือนกับฝันร้ายที่เขาเพิ่งประสบ เขาผลุนผลันเข้าบ้านเพราะไม่อาจเผชิญหน้า รจนาไฉนช้ำใจมากแต่พยายามเก็บอาการ ขอร้องพูนทวีให้ช่วยพาเธอออกไปจากที่นี่ ปวุฒิถอนใจเหนื่อยหน่าย อยากเคลียร์เรื่องทุกอย่างช่วยรจนาไฉนแต่ก็อยากแกล้งปัทม์...สมน้ำหน้า หูเบานักก็รอไปก่อนแล้วกัน!
ooooooo
โลมฤทัยเห็นรจนาไฉนขึ้นรถไปกับพูนทวีก็หัวเราะด้วยความสะใจ ไม่นึกเลยว่าแผนร้ายที่เตรียมมาจะสำเร็จง่ายดายขนาดนี้ ลำเพาดีใจด้วยแต่ไม่ไว้ใจนัก
“อย่าเพิ่งประมาท คุณปัทม์ไม่ได้ไล่แต่มันไปเอง มันอาจเปลี่ยนใจกลับมาอีกก็ได้”
“การถูกไม่ไว้ใจเป็นจุดอ่อนของนังเพื่อน มันไม่มีวันให้อภัยคุณปัทม์”
“ถ้าคุณปัทม์รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนของลูกแล้วกลับไปง้อมันล่ะ”
“มันจะไม่เกิดขึ้นค่ะ ยิ่งมันเลือกไปกับพ่อเลี้ยงพูนทวี เพื่อนรักหันมาเผาเรือนแบบนี้คงจะตอกย้ำให้คุณปัทม์เกลียดชังและไม่อยากเจอหน้ามันอีก!”
โลมฤทัยมั่นใจในความคิดของตัวเอง ต่างจากลำเพาที่สังหรณ์ใจบางอย่าง...มันไม่น่าจะง่ายขนาดนี้
ปัทม์หงุดหงิดไม่น้อยที่รจนาไฉนไม่ง้อแถมออกจากบ้านไปกับพูนทวี เขายืนมองภาพถ่ายที่เคยมอบให้ภรรยาแล้วโยนทิ้งด้วยความโมโห เปรมรู้ว่าลูกชายกำลังมีเรื่องทุกข์ใจจึงเข้ามาเตือนสติและกล่อมให้ไปรับรจนาไฉน
“คุณแม่จะให้ผมตามตัวผู้หญิงหลายใจกลับมาตอกย้ำความโง่ของผมเหรอครับ”
“ทำไมถึงไม่เชื่อใจคนที่รัก”
“ไม่ใช่เพราะความเชื่อใจเหรอครับที่ทำร้ายผมเสมอ รจนาไฉนไม่ต่างจากแสงจันทร์หรือผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ ปลิ้นปล้อนหลอกลวงและไม่รู้จักพอ!”
“ถ้าลูกยังเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง แม่พูดอะไรก็คงไม่มีผล และถ้าลูกไม่รู้จักผู้หญิงที่ลูกใช้ชีวิตด้วย...เขาก็ไม่ควรจะอยู่กับลูกเช่นกัน”
เปรมออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งปัทม์จมอยู่กับความ รู้สึกสับสนในหัวใจ อยากจะตัดใจแต่ก็ทำไม่ลง
รจนาไฉนก็คิดถึงปัทม์ไม่ต่างกัน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในสวนผลไม้ของพูนทวีและครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ภาพความทรงจำระหว่างเธอกับสามีทำให้เกือบใจอ่อนยอมกลับไปหา แต่พอคิดถึงความไม่ไว้ใจที่เขายื่นให้ก็เปลี่ยนใจ พูนทวีไม่สบายใจที่ครอบครัวเพื่อนรักมีเรื่องไม่เข้าใจกัน พยายามเกลี้ยกล่อมให้รจนาไฉนกลับไร่ปัทมกุลแต่เธอไม่ยอม
“ถ้าคุณเอาตัวฉันกลับไปไร่ปัทมกุลเท่ากับคุณตัดความเป็นเพื่อนกับฉัน คุณจะไม่เจอฉันที่นั่นหรือที่ไหนอีกเลย”
“ผมอยากให้คุณปรับความเข้าใจกัน คนเข้าใจผิดเพราะคิดไม่ตรงกันแค่หันหน้ามาพูดความจริง...ทุกอย่างก็จบ”
“เราจะทำอย่างนั้นได้ถ้าเราเปิดใจและเชื่อใจกัน ป่วยการเสียเวลากับคนที่ไม่ให้เกียรติคนรักตัวเองแล้วค่ะ”
รจนาไฉนหมุนตัวกลับเข้าบ้านไปแล้ว พูนทวีได้แต่มองตามตาละห้อย เจ็บแปลบในอกเพราะยังรักเธอไม่น้อย
ปัทม์เข้าไปทำงานในคอกม้าแก้เครียดในวันถัดมา บรรยากาศในคอกชวนให้คิดถึงภรรยาคนสวยอย่างช่วยไม่ได้ ชิที่มาช่วยอดแซวไม่ได้เพราะอยากให้เจ้านายทั้งสองคืนดีกัน ปัทม์เขินแต่ข่มไว้เพราะไม่อยากเสียฟอร์ม โลมฤทัยแอบตามปัทม์มาจากบ้าน ตัดสินใจปรากฏตัวและช่วยเขาทำความสะอาดม้า
“อาบน้ำให้ม้านี่สนุกดีนะคะ ตอนแรกพบคิดว่าเป็นงานยากแต่พอได้ลองทำ ไม่น่ากลัวเลยแถมรู้สึกดีด้วย”
ปัทม์รู้ทันเจตนาน้องเมียสุดแสบ เดินเลี่ยงไปทำงานอีกฟาก โลมฤทัยไม่ยอมแพ้ตามติดจนเขาเหลืออด
“หยุดได้แล้ว...เธอแทนที่รจนาไฉนไม่ได้หรอก”
“ทั้งที่พี่เพื่อนทิ้งคุณไปหาผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอคะ ทุกอย่างมาถึงทางตันแต่มันก็มีทางออก คนเราต้องเลือกทางเดินใหม่ที่ทำให้เราพบกับความสุข”
“ความสุขของฉันคือทางตันที่ปิดตาย”
ปัทม์เดินหนีไปแล้ว ทิ้งโลมฤทัยให้มองตามด้วยแววตามุ่งมั่น
“มารยาหญิงนี่แหละจะเป็นกุญแจในการไขทางตันนั้น!”
ooooooo
ปัทม์ทนคิดถึงรจนาไฉนไม่ไหว เห็นกระท่อมร้างท้ายไร่ที่เธอเคยอยู่ก็ลงมือเผาทิ้ง ไม่อยากมีภาพความทรงจำใดๆให้เจ็บปวดอย่างนี้ ปวุฒิตัดสินใจมาหาปัทม์เพื่อพูดเรื่องรจนาไฉน เห็นเขากำลังเผากระท่อมจึงเอาน้ำไปช่วยดับ
“ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง แต่เพิ่งรู้ความจริงวันนี้เองว่าอ่อนแอไม่กล้ายอมรับความจริง คุณเพื่อนคิดถูกแล้วที่ทิ้งผู้ชายอย่างคุณ!”
ปัทม์เลือดขึ้นหน้าถลาไปต่อยสารวัตรหนุ่มโครมใหญ่ ปวุฒิสวนกลับอย่างไม่ยอม สองหนุ่มผลัดกันรุกผลัดกันรับจนในที่สุดปัทม์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำล้มลง ปวุฒิเงื้อหมัดจะซ้ำแล้วเปลี่ยนใจ
“เมื่อใจแพ้...สู้ใครก็ไม่ชนะหรอก”
ปัทม์ค่อยๆลุกขึ้น “ต้องการอะไร...ทำให้รจนาไฉนทิ้งผมแล้วไม่สะใจหรือไง หรือว่าเธอส่งให้มาเย้ยผม”
ปวุฒิโมโหที่พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่สำนึก ต่อยลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
“เลิกดูถูกผู้หญิงที่รักคุณสักที ถ้ารจนาไฉนทิ้งคุณไปอยู่กับพ่อเลี้ยงพูนทวี ผมจะสะใจที่สุด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะหัวใจของผู้หญิงคนนั้นรักคุณมากเกินไป”
ปัทม์อ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อว่ารจนาไฉนจะรักเขาขนาดนั้น ปวุฒิเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเครียด
“ความรักไม่ได้หมายถึงการครอบครองหรือแสดงความเป็นเจ้าของ...แต่รวมถึงความเชื่อใจ”
ปัทม์อึ้งไปอึดใจ ปวุฒิหมุนตัวออกไปช้าๆแต่ไม่วายหันมาทิ้งท้าย
“ผมรักคุณเพื่อนมากแต่เธอรักคุณ ถ้าคุณทำให้เธอเสียใจอีก ผมจะเล่นงานคุณถึงตายแน่!”
ปัทม์ตาสว่าง ความโกรธมลายกลายเป็นความรักและคิดถึงภรรยาจนสุดหัวใจ...
เวลาเดียวกัน...อุรารัตน์ตัดสินใจไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลจนแน่ใจจึงชวนนงนุชไปหาวราห์เพื่อแจ้งข่าวสำคัญ ปลัดหนุ่มไม่ยิ้มแม้แต่น้อยแล้วลากเธอไปคุยที่มุมลับตา ถามเสียงหยันว่าใครคือพ่อของเด็ก
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง ฉันรู้ดีว่าเด็กในท้องเป็นลูกคุณ”
“ผมไม่น่าสอนวิชาเอาตัวรอดให้คุณเลย คุณคงจะเอาตัวรอดด้วยวิธีการเอาตัวเข้าแลกมานับไม่ถ้วน” ปลัดหนุ่มเหยียดยิ้มพร้อมเอามือแตะท้องเธอ
“เด็กคนนี้อาจจะเป็นลูกของคนเข็นผักหลังตลาด พ่อค้าเขียงหมูหรือไม่ก็คนงานต่างด้าวก็ได้ ใครจะรู้”
อุรารัตน์โกรธจัดเงื้อมือจะตบแต่เขาจับมือเธอไว้แล้วควักเงินให้ห้าร้อย
“ห้าร้อย...เป็นค่านมเด็ก ถือว่าทำบุญสำหรับคนเคยๆ เลิกตอแยฉันได้แล้ว ไม่งั้นเด็กคนนี้ไม่ได้เกิดแน่!”
วราห์ผลักเธอออกอย่างแรงแล้วผลุนผลันจากไป อุรารัตน์ร้องไห้โฮที่ทำเรื่องงามหน้าในสภาพที่ตัวเองไม่พร้อม คิดแก้ปัญหาลวกๆด้วยการไปทำแท้ง นงนุชพยายามห้ามแต่เธอไม่ยอมฟัง
“ฉันเกลียดมัน พ่อมันยังไม่ยอมรับแล้วจะให้มันเกิดมาทำไม”
“เด็กไม่ผิดนะคะ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกของเรา ทำแท้งเท่ากับฆ่าคน หยุดสร้างกรรมสร้างบาปให้ตัวเองเถอะค่ะ ไม่งั้นคุณแอรี่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากทั้งชีวิต”
อุรารัตน์สะอึกเพราะคำพูดกระแทกใจ นงนุชเห็นเจ้านายมีท่าทีอ่อนลงจึงเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
“ค่อยๆคิดค่ะ มีลมหายใจก็ต้องมีทางออก เด็กเกิดมาอาจเป็นอภิชาตบุตรคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนแม่นะคะ”
อุรารัตน์นิ่งคิดตามแล้วเริ่มวางแผนเอาตัวรอด...ฉันไม่ยอมแบกท้องโดยไม่มีพ่อแน่ๆ
ooooooo
รจนาไฉนไม่อยากอยู่เฉยๆเพราะทำให้ว้าวุ่นใจคิดถึงปัทม์ คว้าตะกร้าออกไปเก็บสตรอเบอร์รี่ในสวน พูนทวีไม่อยากให้เธอลำบาก พยายามห้ามแต่ไม่ค่อยได้ผล รจนาไฉนยังเดินหน้าทำงานพลางเล่าว่าตัดสินใจจะพานพรัตน์กลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ
พูนทวีอาสาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลแต่เธอเกรงใจไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครอีกแล้ว พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่อยากเซ้าซี้ เดินแยกไปหยิบตะกร้ามาช่วยเธอ...ครู่ใหญ่รจนาไฉนรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างหลัง หันไปแล้วแทบช็อกเห็นปัทม์ยืนยิ้มขอปรับความเข้าใจ
“ไม่จำเป็นค่ะ เราต่างเข้าใจกันดี ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก กลับไปเถอะค่ะ”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเธอจะฟังและให้อภัยฉัน”
“งั้นคุณไม่ต้องไปค่ะ...ฉันไปเอง”
รจนาไฉนวิ่งออกไปแล้ว ปัทม์ตามไปดักหน้าอ้อนวอนเสียงอ่อน
“ให้โอกาสผมแก้ตัวเถอะ ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ... ผมเข้าใจความจริงหมดแล้ว”
รจนาไฉนยังงอน ปัทม์ตัดสินใจร้องเพลงชาวดอยเพื่อง้อ รจนาไฉนน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงเรื่องราวดีๆที่ผ่านมา
“ผมอยากให้คุณกลับไปกับผม ไปช่วยเก็บใบชา ถ้าปล่อยให้ใบชาอ่อนแตกใบแก่...จะสายเกินไปที่จะเก็บเกี่ยว”
“มันสายเกินไปแล้วค่ะ”
“ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่เราจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่รักและศรัทธาในตัวเรา”
“ใช่ค่ะ...ไม่มีคำว่าสายเกินไปกับคนที่รักและศรัทธาในตัวเรา...แต่ไม่ใช่คุณ”
รจนาไฉนตัดใจหมุนตัวออกไป ปัทม์เสียใจมากที่เธอไม่ยอมให้อภัย...หรือว่าเรื่องของเราจะจบแล้วจริงๆ
รจนาไฉนกลับไปเยี่ยมนพรัตน์ที่ห้องพักในไร่ปัทมกุลเย็นวันเดียวกัน ตัดสินใจปรับทุกข์เรื่องปัทม์และความเหนื่อยใจที่ต้องอยู่กับผู้ชายที่มีปมหนักหนาในใจ นพรัตน์ยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาวแล้วเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง
“ลูกเคยสงสัยไหมว่าทำไมพ่อยังเลือกใช้ชีวิตกับแม่ ทั้งที่เราก็รู้ว่าแม่นิสัยยังไง” รจนาไฉนเลิกคิ้ว นพรัตน์ยิ้มน้อยๆพลางอธิบาย “เพราะพ่อเชื่อว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อจะอยู่ด้วยกันก็ควรเลือกจำสิ่งดีๆและมองข้ามข้อเสีย...พ่อเคยคิดจะทิ้งแม่แต่ไม่เคยทำได้เพราะพ่อรู้ว่าขาดแม่ไม่ได้ เขามีบางส่วนเติมเต็มชีวิตพ่อ แล้วลูกเคยถามตัวเองไหมว่าคุณปัทม์คือส่วนเติมเต็มชีวิตลูกหรือเปล่า”
รจนาไฉนพูดไม่ออก คิดตามเพื่อหาคำตอบให้หัวใจตัวเอง “เพื่อนยอมรับค่ะว่าเขาคือส่วนเติมเต็มชีวิต แต่ความรักของคุณพ่อสามารถทดแทนส่วนที่ขาดหายไปได้ พรุ่งนี้เช้า...เราจะเดินทางกลับบ้านของเรา”
แม้จะเสียใจที่กล่อมไม่สำเร็จแต่นพรัตน์ก็ยิ้มให้กำลังใจและเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯพร้อมกันวันรุ่งขึ้น
ooooooo
รจนาไฉนเก็บข้าวของก่อนจะไปเดินเล่นอำลาไร่ชาที่เธอแสนรักและผูกพัน เหลือบเห็นแสงไฟเล็กๆ ลอยเหนือท้องฟ้าจึงเดินไปดู ตกตะลึงเมื่อเห็นโคมลอยนับร้อยพร้อมมงกุฎดอกไม้ผูกไว้ด้วยทุกอัน ปัทม์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมมงกุฎดอกไม้ในมือ หยุดตรงหน้าเธอแล้วสารภาพความในใจเสียงหวาน
“คุณเคยบอกผมว่ามงกุฎดอกไม้ของนักจัดดอกไม้สวยงามแต่ไม่อาจสู้มงกุฎจากชาวไร่ได้ มันอาจไม่สวยที่สุดแต่ทำจากหัวใจที่รักคุณมากที่สุด ผมขอรับตัวเจ้าหญิงกลับปราสาท ได้โปรดกลับไปกับผมเถอะ”
รจนาไฉนยืนนิ่งจนปัทม์หน้าเสียแต่ไม่ถอดใจ “ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน ฉันต้องการรอยยิ้มจากเธอ ฉันต้องการคำพูดเพราะๆจากเธอ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เพราะเธอคือชีวิตของฉัน...ฉันรักเธอ”
รจนาไฉนยกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ ปัทม์เข้าใจว่าเธอจะไม่ยอมอภัย แต่ผิดคาดเพราะรจนาไฉนกลับตอบยิ้มๆ
“ฉันยอมกลับไปปราสาทตั้งแต่เห็นหน้าคุณแล้ว”
สองหนุ่มสาวโผกอดกันด้วยความรัก ปัทม์มอบมงกุฎดอกไม้ให้เพื่อตอบแทนความซื่อสัตย์และความดีของเธอ
ปัทม์ขับรถพารจนาไฉนไปหาพูนทวีเช้าวันต่อมาเพื่อเก็บของและขอบคุณที่ช่วยเหลือทุกอย่าง พ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของสวนผลไม้ดีใจที่หญิงสาวที่แอบหลงรักมาตลอดสมหวังในความรัก แต่แกล้งโวยวายไล่ออกจากบ้านกลบเกลื่อนอารมณ์เจ็บแปลบตามประสาคนอกหัก...หวังสุดหัวใจว่าจะมีคนมาดามใจในเร็ววัน
ปัทม์กับรจนาไฉนนั่งรถเข้าไร่ช่วงสายวันเดียวกัน เขาเอาแต่จ้องหน้าเธอด้วยความรักจนเธอเขินจัด
“ฉันกำลังคิดว่าจะใช้โซ่เบอร์อะไรล่ามไม่ให้เธอหนีไปอีก”
“ฉันไม่ใช่ทาสคุณนะ ต่อให้เอาโซ่ล่ามใส่ตรวนก็รั้งฉันไม่อยู่หรอก”
“แล้วถ้าผมใช้หัวใจมัดคุณไว้ล่ะ”
รจนาไฉนข่มความอาย เสมองกระจกข้างแล้วร้องลั่น ปัทม์เบรกตัวโก่ง ตกใจไม่แพ้ภรรยาที่เห็นอุรารัตน์ยืนตัวสั่นหน้ารถ สองสามีภรรยาช่วยกันพาเธอไปปฐม พยาบาลในบ้าน นงนุชที่ติดสอยห้อยตามอุรารัตน์มาด้วยแกล้งร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจ อุรารัตน์ไม่รอช้าตีบทนางร้าย ผลักรจนาไฉนที่กำลังเช็ดตัวให้แล้วแหวเสียงเขียว
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันต้องอยู่เพื่อดูแลลูกของฉัน...ลูกของเราค่ะปัทม์”
รจนาไฉนช็อกพูดไม่ออก ปัทม์โกรธมากลากลูกสาวเจ้าพ่อออกจากบ้านทันที รจนาไฉนชั่งใจอย่างหนัก มั่นใจว่าอุรารัตน์ต้องมีแผนบางอย่างแน่แต่ไม่แน่ใจว่าคืออะไร ตัดสินใจไปห้ามสามีและประกาศให้อุรารัตน์อยู่ต่อพร้อมการดูแลอย่างดี ลูกสาวพ่อเลี้ยงดีใจมากแต่ไม่สำนึก เหยียดยิ้มแล้วพูดกับนายหญิงของไร่ปัทมกุลด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“พลิกเกมได้ไว...รู้ว่าฉันจะมาเป็นคุณนายใหญ่ที่นี่ก็ชิงทำตัวเป็นพวกฉัน เธอฉลาดมากที่รู้จักเอาตัวรอด”
“ขอให้คุณอุรารัตน์พักผ่อนตามสบายนะคะ ถือว่าที่นี่เป็นบ้านคุณเอง”
รจนาไฉนยิ้มให้และหมุนตัวเข้าบ้าน ปัทม์ถลาตามติดเพื่อปรับความเข้าใจกับเมีย ทิ้งอุรารัตน์ให้หัวเราะสะใจ ต่างจากนงนุชที่มีท่าทีอ่อนลงเพราะทึ่งในความดีของรจนาไฉน
ooooooo