ตอนที่ 2
พริมพากวินมาหาป้าที่แผงขายของในวัด ถามว่าใครเป็นคนเอาล็อกเกตมาขายให้ ป้าบอกจำไม่ได้ กวินยื่นเงินให้เชื่อที่ว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง พริมลากออกไปตำหนิที่เอาเงินฟาดหัวคนอื่น บอกว่าแบบนี้ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
กวินประชดว่าแบบนี้ต้องใช้น้ำกี่แกลลอนถึงจะพอ สู้เอาเงินง้างปากง่ายกว่า
“ทำไมคุณถึงใจหยาบมองคนฉาบฉวยไร้ศรัทธาในคนแบบนี้” แล้วพริมก็เข้าไปคุยกับป้าอย่างอ่อนน้อม ขอให้ป้าช่วยนึกพลางเหลือบมองกวินบอกว่า “ผู้ชายคนนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อตามหาแม่ ถ้าป้าบอกว่าคนที่เอาล็อกเกตมาขายเป็นใคร ช่วยพาคนที่พลัดพรากมาเจอกัน เท่ากับได้ร่วมทำบุญครั้งใหญ่นะคะ”
ป้ามองหน้าพริมอย่างถูกอัธยาศัย พยายามนึกอีกครั้งก็จำได้ว่ายายแจ่มศรีเป็นคนเอามาขายให้ แล้ววาดแผนที่ไปบ้านยายแจ่มศรีให้อย่างเต็มใจ
พริมพากวินไปตามแผนที่ เป็นชุมชนแออัด กวินมองสภาพชุมชนถามว่าแม่ตนมาอยู่ที่นี่จริงหรือ ติงว่ามาผิดชัวร์ พริมจึงไปถามคนแถวนี้ดู เหลียวไปเห็นวุฒิกับแก๊งกำลังงัดรถ กวินถามอย่างเอาเรื่องว่าทำอะไรกัน! พริมก็สอนว่าลักทรัพย์ผิดศีลข้อ 2 วุฒิกับเพื่อนเห็นท่าไม่ดีก็วิ่งหนี กวินตะโกนให้รอคุยกับตำรวจก่อน
วุฒิตวาดว่ายุ่งอะไรด้วย วอนไม่เข้าเรื่อง แล้ววุฒิกับเพื่อนก็มารุมอัดกวินปรามว่า “อย่ามาทำเป็นฮีโร่ในถิ่นกู” พริมตกใจร้องวี้ดว้ายแล้วท่องคาถาบาลีมั่ว กวินดุว่ายังจะมัวท่องอะไร แล้วดึงมือพริมวิ่งหนีไป พลางผลักข้าวของของชาวบ้านกีดขวางไม่ให้พวกวุฒิไล่ตาม พริมกลับขืนตัวช่วยเก็บข้าวของเหล่านั้น
“มันใช่เวลาเป็นนางงามรักทุกคนไหม...เผ่นเถอะ!”
วุฒิตามไม่มันจึงควักปืนยิงใส่ ชาวบ้านหลบกระสุนกัน กวินดึงพริมวิ่งไปอีกทาง วุฒิกับเพื่อนวิ่งตามถูกกวินเอาท่อนไม้ฟาดใส่จนปืนกระเด็นแล้วตามถีบมันล้มไปในวงเหล้า
เสียงอึกทึกครึกโครมทำให้ป้าแจ่มศรีวิ่งออกจากบ้านมาดู เห็นวุฒิกำลังพันตูกับกวินก็ตะโกน
“ตำรวจ...ตำรวจมา!”
เท่านั้นเอง วุฒิกับเพื่อนก็หนีกระเจิงตัวใครตัวมัน พวกขี้เมาวงแตก ป้าแจ่มศรีพากวินกับพริมวิ่งหลบไปอีกทาง
เมื่อพาเข้าบ้าน ป้าแจ่มศรีถามว่าพวกเขาเป็นใคร มาทำอะไรแถวนี้จนมีเรื่องกับพวกนั้น กวินยื่นแผนที่ให้ดูบอกว่าตนมาตามหาคน แต่บังเอิญเห็นสองคนนั้นกำลังงัดรถเลยถูกไล่ยิง
ป้าแจ่มศรีบอกว่าเป็นพวกแก๊งลักรถ ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็อย่าไปยุ่งกับมัน รับแผนที่จากกวินไปดูแล้วตกใจเมื่อเห็นเป็นแผนที่มาบ้านตัวเอง ถามอย่างระแวงว่า “พวกแกเป็นใคร ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ช่วยบอกผมด้วยเถอะครับว่าได้ล็อกเกตนี้มาจากไหน” กวินเอาล็อกเกตให้ดู ป้าแจ่มศรียิ่งตกใจปฏิเสธวุ่นวายว่าไม่รู้เรื่อง “ขอร้องเถอะครับ ผมแค่มาตามหาแม่ ...เจ้าของล็อกเกตนี้ ไม่ได้คิดทำร้ายใคร”
พริมช่วยกล่อมว่าช่วยคนตกทุกข์ได้ยากผลบุญจะหนุนนำให้ชีวิตเราดีขึ้น ป้าแจ่มศรีจึงท่าทีอ่อนลงเล่าว่า
“ล็อกเกตนี้ลูกชายฉันทิ้งไว้แล้วก็หนีไป ฉันไม่มีเงินก็เลยเอาไปขายซื้อนมให้หลาน ไอ้ลูกเวร...ดีแต่หาเรื่องคุกตะรางมาให้ไม่เว้นวัน”
กวินควักเงินออกมาให้ป้าแจ่มศรีปึกใหญ่ ถูกพริมตีมือหาว่าใช้เงินฟาดหัวอีกแล้ว ป้าแจ่มศรีเองก็โวยใส่ว่า
“ฉันไม่ใช่ขอทานนะ!” แต่แล้วก็เปลี่ยนใจรับเงินพูดแก้เกี้ยวว่า “หยิ่งไปก็อดตายกันพอดี มีหลานต้องเลี้ยงทั้งคนขอบคุณคุณสองผัวเมียมาก ขอให้มีลูกเต็มบ้านหัวปีท้ายปีเลยนะ”
พริมจะปฏิเสธแต่กวินไวกว่ารีบยกมือไหว้รับพรพร้อมกับจดเบอร์มือถือให้ บอกป้าแจ่มศรีว่าถ้าลูกชายกลับมาอย่าลืมติดต่อตนทันที แล้วกระซิบอ่อยว่า “รับรองว่ามีค่านมเลี้ยงหลานไปทั้งปี”
ป้าแจ่มศรีพยักหน้าตาวาว....แต่พอออกมาแล้ว กวินถามพริมว่าลูกป้าเตลิดไปอย่างนี้ กลับมาก็คงไม่บอกเบาะแสเราแน่ พริมเห็นใจจึงมอบเงินงบเอนเตอร์เทนให้ไว้ตามหาแม่เพราะอาจต้องใช้เงินมาก กวินบอกว่าตนมีเงิน พริมก็ยัดเยียดให้
“เถอะน่า...ไม่ต้องอาย ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยมีเงิน อย่าเพิ่งหมดหวังล่ะ มีฉันช่วยทั้งคน” กวินซึ้งใจรับเงินไว้และขอตอบแทนด้วยการไปส่งที่บ้าน พอพริมจะปฏิเสธก็ถูกดักคอว่า
“ใครบางคนเพิ่งสอนผม...ให้รู้จักเป็นผู้ให้และผู้รับ”
พริมจึงยอมแต่พาไปที่ตลาดนัดกลางคืนกวาดซื้อของส่งให้กวินช่วยหิ้วเต็มสองมือจนเขาถามว่าจะซื้อไปให้ใคร เมื่อขับรถกลับกวินจึงรู้ เพราะพอรถติดไฟแดงพริมก็ยื่นถุงขนมให้ตำรวจจราจรกลางสี่แยก เจอคนกวาดถนนก็ส่งถุงกับข้าวให้ ผ่านคลินิกหมอผินรักษาฟรีก็ยื่นถุงขนมให้เป็นพวง พอถึงถนนในหมู่บ้านก็เอาข้าวไปเทให้หมาจรจัดที่วิ่งกรูกันมากิน แต่ละที่ก็พูดเข้าหูกวินว่า
“แค่คิดเป็นก็เห็นธรรม...รู้จักการให้ก่อนเกิดความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือ...บรรเทาทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้กว่าเรา...ให้โดยปราศจากเงื่อนไขด้วยจิตเมตตา...แค่นี้ก็สุขใจพอแล้วสำหรับฉัน...”
กวินยืนพิงรถมองพริมที่ให้ข้าวหมาจรจัดอย่างมีความสุข พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ
“คนอย่างนี้...ก็มีในโลกด้วย...”
เมื่อมาส่งพริมที่หน้าบ้าน กวินบอกว่าเธอลืมแจกน้ำเต้าหู้ไปถุงนึง พริมบอกว่าตนซื้อเผื่อเขา กวินจึงควักเงินให้
“แค่น้ำเต้าหู้ถุงเดียวจะให้เงินทำไม คงโตมากับดอลลาร์จนชินสินะ...” แล้วท่องบาลี กวินนึกว่าถูกหลอกด่าขอให้แปลด้วย พริมแปลให้ฟังว่า “ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข”
แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่กวินก็นึกชื่นชมในใจ และเมื่อแอบดูพริมที่เข้าบ้านไปแล้วเอาถุงกับข้าวและขนมให้แพรไหม อธิป กับพลับ ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข กวินจึงเข้าใจพึมพำ
“ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข...แค่แอบดู ก็สุขใจไปด้วย”
คืนนี้เองขณะภีมเปิดคอมพ์ทำงานไปก็คุยกับกวินไปว่า
“พริมโทร.รายงานความคืบหน้าเรื่องล็อกเกตแล้ว เรื่องแม่คุณอย่าเพิ่งท้อนะ ผมจะช่วยจ้างนักสืบช่วยอีกทาง” กวินขอบคุณและขอบคุณที่ส่งพริมมาช่วย ตนไม่เคยเจอคนที่มีชีวิตเพื่อคนอื่นแบบนี้มาก่อนเลย ภีมคุยภูมิใจว่า “คิวปิดฮัทคัดคนที่ดีที่สุดมาร่วมงานเสมอ”
“ผมจะรีบส่งทีมที่รับผิดชอบบินมาเมืองไทยให้เร็วที่สุด เพื่อประเมินศักยภาพของคิวปิดฮัทเป็นการตอบแทน” กวินเอ่ย ภีมบอกว่าถึงไม่ได้เป็นหุ้นส่วนตนก็ยินดีช่วยถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน กวินพูดอย่างซึ้งใจว่า “ไม่คิดเลยว่าคนไทยจะมีน้ำใจกว่าที่ผมรู้มาก”
“แล้วพริมจะมาช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้คุณพบโลกใหม่เอง” ภีมหัวเราะอารมณ์ดี
กวินนั่งดื่มน้ำเต้าหู้ นึกถึงน้ำใจของพริมที่ซื้อฝากตนแล้วพึมพำสุขใจ
“ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข...แต่ถ้าตอนนี้มีผู้ให้มาคลอเคลียใกล้ๆ ผู้รับจะสุขใจมาก” กวินคิดซุกซน แต่แค่คิดก็มีความสุขแล้ว...
ooooooo
จากการที่พริมช่วยกวินตามหาที่มาของล็อกเกต กวินเห็นถึงความเป็นผู้ให้ของพริม แรกๆเห็นก็นึกขำบางอย่างที่พริมทำ แต่กวินก็ค่อยๆซึมซับโดยไม่รู้ตัว... เพราะตลอดเวลาที่ช่วยกันสืบที่มาของล็อกเกต พริมก็พร่ำพูดให้กำลังใจ...
“...ผลบุญจากการให้...จะก่อเกิดเป็นกุศลทำสิ่งใดก็สำเร็จ...ขอเพียงมุ่งมั่นในศรัทธาเข้าไว้...อย่าให้ความท้อแท้หมดหวังมาฉุดรั้งใจให้ยอมแพ้...” จนกวินแซวว่าเธอน่าจะไปทำงานกาชาดสากล มากกว่าเป็นพีอาร์มาร์เกตติ้งบริษัทจับคู่
“สำหรับฉันไม่มีงานไหนดีเท่าคิวปิดฮัท ทำงานได้เงินแล้วยังได้บุญเป็นกามเทพช่วยจับคู่ให้คนรักกัน อิ่มใจสองเด้งสุขใจสุดๆ” กวินเห็นด้วยว่าทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำให้เต็มที่ พริมมองหน้าเขาเต็มตาอย่างประทับใจเอ่ย...“สัพพัง อิสสะริยัง สุขัง...ความเป็นอิสระเป็นความสุข ไม่คิดว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้”
“ไม่มีใครรักอิสระเหนือสิ่งอื่นใดเท่าผมอีกแล้ว...สุขนิยมขั้นเทพ” กวินยืด พริมมองเขาอย่างเริ่มรู้สึกดี...
แล้วคืนนี้มาธาร์ก็เฟซไทม์มาถามความคืบหน้าการตามหาแม่ของเขา บอกว่าพ่ออยากคุยด้วย พอกวินทักทายเกรกก็พยายามเอ่ยชื่อวดี กวินสัญญาว่าจะรายงานเรื่องแม่มาบ่อยๆ ตอนนี้เจอล็อกเกตของแม่แล้วแต่ยังหาตัวแม่ไม่เจอ
เกรกน้ำตาไหลเกิดอาการเกร็งหายใจหอบ กวินตกใจบอกว่าตนจะบินกลับไปหาพ่อเดี๋ยวนี้ เกรกดึงหน้ากากออกซิเจนออก พยายามพูดอย่างยากลำบาก...
“พา...แม่...กลับ...มา...”
“พ่อครับ ผมสัญญา! แต่พ่อต้องสัญญากับผมด้วยว่าจะรักตัวเองให้มากกว่าที่รักแม่และรักษาตัวให้หาย” กวินบอกให้พ่อพักผ่อนเสีย แล้วคุยกับป้ามาธาร์ “ป้าครับ ฝากพ่อด้วย พ่อต้องรักษาตัวให้หาย เพื่อรอฟังคำแก้ตัวจากปากแม่ว่าทิ้งเราสองคนไปทำไม”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลพ่อแกอย่างดีที่สุดเพื่อรอวันนั้น” พูดแล้วป้ามาธาร์ตัดสายเลย กวินนิ่งเครียด... เจ็บปวด
ooooooo
รุ่งขึ้น กวินกับพริมนัดพบนักสืบแบ่งงานกันว่า พริมกับกวินจะตามสืบเรื่องล็อกเกต ส่วนนักสืบตามหาเพื่อนของแม่
นักสืบบอกว่าข้อมูลของวดีมีน้อยมากญาติพี่น้องอื่นๆก็ไม่มี คงต้องใช้เวลาหลายเดือน กวินบอกว่าตนยินดีจ่ายให้เป็นสองเท่าถ้าเขาใช้เวลาน้อยกว่านั้น นักสืบทำท่าอึดอัดบอกว่าจะทำสุดความสามารถ
พอแยกกับนักสืบพริมตำหนิว่าเขาดูถูกคนอื่นเอาเงินฟาดหัวเขา บอกว่าทุกอาชีพมีจรรยาบรรณต้องทำงานให้เราอย่างเต็มความสามารถอยู่แล้ว
พริมหยิบกระปุกสังขยาให้เขาจิ้มปาท่องโก๋กินบอกว่าจิ้มนมก็อร่อย กวินมองไล่ต่ำลงจากหน้าพริมทันที พริมบอกว่าตนหมายถึงนมข้นหวาน เขาก็ตะแบงว่าตนมองล็อกเกตต่างหากเธอระแวงไปเอง เลยถูกพริมด่าลามกจกเปรตพูดสองแง่สามง่ามผิดศีลข้อสี่ แล้วเอาล็อกเกตคืนให้จะได้หมดเรื่อง
กวินไม่รับบอกว่าไว้กับเธอนั่นแหละแล้วเดินหนีไปที่ระเบียง พริมตามไปยัดเยียดคืนให้ ยัดเยียดกันไป มาจนล็อกเกตตกลงไปที่สระข้างล่าง ต่างตกใจรีบลงไปหา กวินโดดลงสระไปงมเอามาสวมให้พริมบอกว่า “ใส่ไว้เถอะครับ”
เหมือนภาพในอดีตที่เกรกสวมสร้อยให้วดี บอกด้วยความรักว่า
“อย่าถอดออก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะหมดรัก...หรือหมดลมหายใจ” วดีเปิดดูมีรูปเกรกอยู่ข้างใน...
พริมดูล็อกเกตที่เปิดออกเป็นรูปเกรกอยู่ข้างใน กวินบอกเธอว่า
“ผมคิดว่าต้องมีสนามพลังหรือปฏิกิริยาเคมีอะไรบางอย่างระหว่างคุณกับผม และล็อกเกตสองอันนี้ ดูสิ... จู่ๆมันก็เปิดออกอีกแล้ว ผมอยากให้คุณเก็บมันไว้” พริมบอกว่าตนกลัวจะทำหาย กวินเอานิ้วแตะที่ปากเธอไม่ให้พูด แล้วบอกว่า “ก่อนที่จะเจอคุณ ผมไม่รู้จักคำว่าศรัทธา ผมเรียนรู้ที่จะเชื่อเพราะคุณ ผมกำลังศรัทธาว่าล็อกเกตนี้พาคุณมาเจอผม...และมันจะพยายามพาเราไปพบสิ่งที่กำลังตามหาด้วยกัน”
พูดแล้วเอานิ้วที่แตะปากพริมมาแตะปากตัวเอง สบตานิ่งจนพริมต้องหลบอายหน้าแดง
ooooooo
วันต่อมา...ที่ห้องประชุมคิวปิดฮัท ภีมบอกพริมว่า ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ตนจ่ายเงินเดือนให้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือค่าใช้จ่ายกับค่าล่วงเวลา แต่เธอต้องดูแลกวินให้ดีที่สุด ถ้าเขาบ่นแม้แต่คำเดียว...ภีมหยุดพูดทำท่าปาดคอแทน
พริมหน้าเสีย วราลีจึงเสนอให้ตนไปแทน ภีมตัดบทว่าคำพูดของตนคือเด็ดขาด! แล้วบอกคนอื่นๆว่า
“ผมมีงานสำคัญจะมอบหมาย ต้นเดือนหน้าโซลเมทจะส่งคนมาประเมินเราว่าเหมาะสมที่จะเป็นเฮดออฟฟิศประจำภูมิภาคนี้หรือไม่”
พริมถามว่าบอสเจอเควิน เบลคแล้วหรือ ภีมทำหน้าตายบอกว่า
“ก็...ทำนองนั้น...นี่เป็นโอกาสสำคัญของคิวปิดฮัทที่ผมไม่อยากให้มีข้อผิดพลาด เพราะมันหมายถึงอนาคตและการเติบโตของเรา....เบนจัดการเรื่องสถานที่และความสะอาด คนที่จะเป็นแม่งานคอยดูแลต้อนรับคนจากโซลเมทและประสานงานกับทุกฝ่ายแทนผมคือ...หรรษา” สั่งแล้วออกไปเลย
ทุกคนประหลาดใจ วราลีฮึดฮัดคิดไม่ตกเดินตามภีมออกไปถามว่าแล้วตนล่ะให้ทำอะไร! ภีมทำหูทวนลม หรรษาตามมาท้วงติงว่าเจ๊ลีควรเป็นแม่งาน งานชี้ชะตาบริษัทแบบนี้ตนกลัวทำพัง
“คนทำงานย่อมหวังความเจริญก้าวหน้า ไม่หัดทำงานใหญ่แล้วเมื่อไหร่จะโต...จำไว้ อยากเป็นใหญ่ใจต้องเหี้ยม”
“ค่ะบอส” หรรษาทำเสียงหนักแน่นแต่หน้า ซีดใจสั่น
“ถ้าสงสัยหรือติดขัดตรงไหนก็ไปปรึกษาพีเอของผม...แล้วฝากบอกเขาด้วยว่าให้ปริ๊นต์ตารางนัดหมายของผมมาวางที่โต๊ะทุกเช้าไม่ต้องรอให้สั่ง!”
เจ๊ลีฉุนพูดผ่านหรรษาว่า ถ้าสั่งงานกับตนเองไม่ได้ ก็ไม่ทำ เลยโต้เถียงผ่านหรรษากันอย่างดุเดือด หรรษาหันฟังภีมทีวราลีทีคอแทบเคล็ดอึดอัดแทบหายใจไม่ออก สุดท้ายทนไม่ได้ระเบิดออกมาว่า
“หยุดทะเลาะกันสักทีได้ไหมคะ หนูษาเครียด!!” พอทั้งสองชะงัก หรรษาก็ยิ้มแหยบอกว่า “อยากเป็นใหญ่ ใจต้องเหี้ยมค่ะ”
เมื่อเจอพริมที่โรงยิมคืนนี้หรรษาจึงระบายความอัดอั้นให้ฟัง พริมเห็นด้วยที่บอสให้หรรษาเป็นแม่งานแทนเจ๊ลี เพราะเจ๊จะย้ายไปทำที่ใหม่สิ้นเดือน และโซลเมทจะมาเดือนหน้า เจ๊จะได้สอนงานให้หนูษาทัน
“ก็จริง แต่หมั่นไส้อีตาร็อตไวเลอร์ ทำเป็นวางท่าว่าข้าไม่แคร์...เชอะ! ฉันก็ไม่แคร์เหมือนกั๊น” เจ๊ลีโพล่งขึ้น
“หนูษาว่าปากบอสบอกว่าไม่แคร์แต่เอาเข้าจริงคงเศร้า เพราะไม่มีใครรู้ใจบอสเท่าเจ๊ลีอีกแล้วค่ะ...หนูษาเครียด อนาคตของคิวปิดฮัทจะพังเพราะมือหนูษารึเปล่าก็ไม่รู้”
พริมบอกให้หรรษามีศรัทธาไว้ ตนเชื่อว่าหนูษาทำได้ บ่นว่าตัวเองสิต้องอยู่กับกวิน คนอะไรปากว่ามือถึงตลอด เจ๊ลีจึงสอนวิธีปราบผู้ชายเจ้าชู้ให้ ทั้งพริมและหรรษาจึงหัดเทคนิคการป้องกันตัวในระยะประชิดจากเจ๊ลีเอาจริงเอาจัง
ooooooo
เช้านี้ขณะที่อัครกับทรงพลกำลังช่วยกันรวบรวมนิตยสารกับหนังสือพิมพ์เก่าเพื่อเอาไปขาย ส่วนทรง-สะคราญกำลังเช็ดกระจกนั้น กวินก็เดินเข้ามาอย่างเท่ ทั้งสามวางมือจากงานหันไปอ่อยทันที
สะคราญเดินบิดสะโพกใส่จริตเข้าไปถามว่ามาหาคุณพริมใช่ไหม บอกเบอร์โทร.ของตัวเองแล้วจะไปตามให้ กวินเห็นแล้วขำเข้าไปนั่งรอที่โซฟา
เบนเดินมาเห็นหนังสือกองเละเทะก็บ่นว่าทำไมยิ่งเก็บยิ่งรก แต่พอเห็นกวินก็เข้าไปสี พอดีพริมเดินออกมาจากออฟฟิศ กวินสยองที่ถูกรุมอ่อยรุมสี ก็ลุกพรวดไปหา พริมตกใจใช้เทคนิคที่เพิ่งเรียนจากเจ๊ลีมาเสยหมัดเข้าปลายคางกวิน แต่เขาเป็นมวยเลยหลบทัน พริมเตะซ้ำที่หน้าแข้งจนกวินเซไปกระแทกกองหนังสือล้มกระจาย
ทันใดนั้นมีเสียงคลิก!! ล็อกเกตของพริมกับกวินเปิดออกพร้อมกัน นิตยสารเล่มหนึ่งกางคว่ำหน้าอยู่ข้าง กวินเกิดแสงสว่างวาบขึ้น ทั้งพริมและกวินต่างมองนิตยสารเล่มนั้น ถลาเข้าไปหยิบอุทานพร้อมกัน
“ล็อกเกต!!”
หน้าหนังสือที่เปิดอยู่เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์ไอรีณ สาวไฮโซคนหนึ่งที่คอสวมสร้อยล็อกเกตเหมือนที่พริมใส่ไม่มีผิด!
กลับมาที่ห้องทำงาน พริมเสิร์ชหาข้อมูลหญิงคนนั้น พบว่า ไอรีณเป็นสาวไฮโซคนดังของสังคม กวินชะโงก เข้าไปดูจนชิดถามว่าหาที่อยู่ของเธอได้ไหม พลางเอา มือกุมมือพริมที่กำลังใช้เม้าส์
“ยันทุนนิมิตตัง...อะวะมังคะลัญจะ...” กวินถามงงๆ ว่า ยันทุนนิมิตตัง อยู่ที่ไหน พริมฝืนยิ้มบอกว่า “ยันทุนเป็นคาถาไล่ผี...ส่วนที่อยู่ของไอรีณอยู่ที่ทองหล่อค่ะ”
ooooooo
เมื่อรู้ที่อยู่ของไอรีณแล้ว พริมพากวินมาที่หน้าห้องเสื้อไอรีณ เล่าข้อมูลที่ได้มาว่า
“คุณไอรีณเป็นดีไซเนอร์ระดับแถวหน้า สามีเป็นเจ้าพ่ออสังหา ถ้าไม่รวยไม่โก้ไฮโซเริ่ด โดนเชิดใส่ทุกรายค่ะ”
กวินยิ้มเหยียดแววตาเจ้าเล่ห์ แล้วเขาก็แปลงร่างเป็นพนักงานส่งดอกไม้เอาช่อดอกทานตะวันดอกใหญ่รายล้อมด้วยกุหลาบขาวราคาแพงเข้าไปในห้องเสื้อ บอกพนักงานว่าเอาดอกไม้มาส่งคุณไอรีณ ไอรีณเดินออกมาพอดีถามว่าใครส่งมา พลางดึงการ์ดที่ช่อดอกไม้ในมือกวินไปดูชื่อคนส่ง ถามว่า “กวินคือใคร ฉันไม่รู้จัก”
กวินที่ทำการบ้านมาอย่างดี สืบรู้ว่าทั้งตัวเธอและคุณแม่ชอบดอกกุหลาบขาวเป็นชีวิตจิตใจ จึงพูดได้อย่างรู้จริงจนไอรีณบอกว่าอยากเห็นหน้าคนส่งดอกไม้มาให้ กวินจึงถอดชุดพลางตัวออกเผยให้เห็นชุดเท่
หน้าหล่อเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มมีเสน่ห์ว่า
“สวัสดีครับ ผมชื่อกวิน”
ไอรีณเห็นหนุ่มลูกครึ่งหล่อครบเครื่องก็ถึงกับตะลึง เมื่อกวินทำเซอร์ไพรส์ได้ก็ชนะไปกว่าครึ่ง ไอรีณ ขอตัวกลับไป ครู่เดียวก็ออกมาบอกว่า
“ฉันสะสมสร้อยวินเทจไว้เยอะ แต่จำได้ว่าเส้นนี้หายไปตอนที่รถโดนงัด” กวินถามว่าซื้อจากไหนจำได้ไหม ไอรีณทำท่านึกบอกว่าคุ้นๆ พริมยิ้มดีใจนึกว่าไอรีณจะบอก แต่ไอรีณกลับบอกว่า “เจอกันที่คลับคืนนี้แล้วฉันจะบอกค่ะ”
กวินกับไอรีณมองตาอย่างรู้กัน พริมเห็นท่าทีของทั้งสองแล้วไม่สบายใจ
ขณะเดินเข้าผับหรูคืนนี้ พริมกางหนังสือธรรมะที่ไฮไลต์ข้อความไว้ให้กวินอ่าน
“โทษของการผิดศีลข้อสามคือการโดนเกลียดชังและปองร้าย พิการ อับอาย อับจน อดอยาก ต้องพลัดพรากจากคนที่รัก”
กวินถามว่าให้ตนอ่านทำไม พริมบอกว่าเตือนสติ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น กฎแห่งกรรมทำหน้าที่ของมันเสมอ กวินถามว่า “คุณรู้ได้ไงว่าชาติที่แล้วมีจริง” พริมจนใจไม่ตอบ “แล้วจะให้ผมกลัวสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เหรอ?”
กวินส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ พริมก็ยังมองเขา มองอย่างมีเมตตาเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กดื้อ เมื่อเดินถึงหน้าห้องวีไอพี พริมบอกว่า “ฉันขอไม่เป็นพยานการทำผิดศีลของคุณ ขี้เกียจไปนั่งเฝ้าต้นงิ้วเป็นเพื่อนคุณ” แล้วปล่อยให้กวินเข้าไปคนเดียว
ooooooo
ไอรีณมาในชุดหนังเกาะอกรัดรูปกระโปรงสั้นเดินเข้ามาอย่างเซ็กซี่ กวินเดินไปรับกรุ้มกริ่ม ถามว่าจำได้หรือยังว่าซื้อสร้อยมาจากไหน ไอรีณบอกว่าร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่งที่อ่าวนางจังหวัดกระบี่ ที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์อยู่ในนามบัตรนี้
พอกวินจะรับนามบัตรไปดู ไอรีณกลับไม่ให้เอานามบัตรเสียบไว้ที่อกเสื้อ กวินเล้าโลมจนไอรีณเคลิ้มก็จะหยิบนามบัตร เธอใส่กุญแจมือเขาตะปบนามบัตรไว้ มองอย่างยั่วยวน กวินใช้ลีลาเพลย์บอยขั้นเทพสยบความร้อนแรงของไอรีณแล้วเล่าเรื่องการตามหาแม่จากล็อกเกตให้ฟังจนไอรีณสะเทือนใจบอกว่าจะช่วยเขาตามหาล็อกเกต แต่กลับหยิบนามบัตรออกมาฉีกทิ้งบอกว่าตนจำได้ว่าร้านอยู่ไหนไม่ต้องนามบัตรก็ไปถูก
แต่ที่หน้าผับ เสี่ยไมค์สามีวัยดึกของไอรีณกำลังตามล่าภรรยาที่แอบหนีมากินเด็ก พริมที่ยังรอกวินอยู่จึงรีบเข้าไปช่วย ใส่จริตกรีดกรายเข้าไปขวางเสี่ยที่กำลังเอาเรื่องกวิน ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน คืนนี้พวกเราจัดงานราตรีสีม่วง ชี้ที่ไอรีณบอกว่านี่เป็นชะนี ชี้ที่กวินบอกว่าเก้งและชี้ตัวเองว่าเป็นกวาง
ไอรีณผสมโรงแนะนำกวินกับพริมที่ทำดีดดิ้นว่าเป็นแต๋ว เสี่ยไมค์มองอย่างไม่เชื่อนัก พริมเร่งให้กวินรีบออกไปกัน ลูกน้องเสี่ยไมค์ตามไป พริมใช้ปลายกิ๊บไขกุญแจมือให้กวิน พอดีลูกน้องเสี่ยตามมา กวินจึงจับพริมไปกอดจูบ ลูกน้องเสี่ยเห็นคิดว่าเป็นหนุ่มสาวอื่นจึงเดินผ่านไป แต่พอลูกน้องเสี่ยไปแล้วพริมก็เอากิ๊บทิ่มแทงกวินจนร้องถามว่าทำตนทำไม
พริมบอกว่าเวลาตกนรกปีนต้นงิ้วจะโดนหนักกว่านี้ กวินบอกว่าตนยังไม่ได้ทำอะไรไอรีณเลย ไม่มีอะไรผิดศีลเลย พริมเลยแหยถามว่าทำไมไม่บอกก่อน กวินเสียงอ่อยว่ายังไม่ทันบอกเธอก็แทงเอ๊า...แทงเอาแล้ว...
ooooooo
เมื่อเจ๊ลีรู้ว่าพริมต้องไปกระบี่กับกวินสองต่อสองก็จะเอาตำราพิชัยยุทธ์สกัดจุดชายเจ้าเสน่ห์ที่รวบรวมจากนิตยสารให้ จะจ้างมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปส่งให้ถึงบ้านเลย
พอไปสนามบิน กวินชิงเช็กอินก่อน ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งมาโวยวายที่เคาน์เตอร์เช็กอินว่าตนต้องการรู้ว่า เควิน เบลค เดินทางไปกับเที่ยวบินนี้หรือเปล่า พริมหันมองจำได้ว่าเป็นคนของบริษัทจับคู่ คู่แข่งของคิวปิดฮัท กวินรู้ตัวรีบหลบหลังรถเข็น พริมเลยหลบตาม รำพึงว่า
“สงสารคุณเควินนะคะ มีแต่คนเข้ามาหาผลประโยชน์ ไปไหนก็ต้องคอยหลบซ่อน ชีวิตคงไม่มีความสุข”
เมื่อบินไปถึงกระบี่เข้าที่พัก พริมถ่ายวีดิโอคอลให้เจ๊ลีดู เล่าอย่างโล่งใจว่า วิลล่ามีหลายห้องนอน พริมเลือกห้องที่มีระเบียงออกทะเล เจ๊กำชับให้ล็อกประตูอย่าให้กวินเข้าไปเด็ดขาดจะได้ไม่พลาด พริมบอกว่าจะล็อกให้แน่นหนาเลย แล้วพรุ่งนี้จะโทร.ไปรายงาน
แต่พอวางสายจากเจ๊ลี พริมก็ตกใจเมื่อจู่ๆ กวินก็พรวดเข้ามาโดดขึ้นเตียงพูดอย่างพอใจว่า ห้องนี้เตียงเด้งดีตนชอบเตียงเด้งดึ๋ง พริมโวยวายห้องนี้ตนจองแล้วไล่ให้เขาไปห้องอื่น กวินยียวนไม่ยอมออกไป พริมใช้วิทยายุทธ์ในตำราที่เจ๊ลีให้จัดการจนร้อง แต่ก็ยังขู่ให้เธอกลัวไม่กล้าอยู่คนเดียวแล้วมองตาเจ้าชู้ทำเอาพริมรีบท่องพุทธัง ธัมมัง สังฆัง วุ่นวาย กวินได้ใจยิ่งแกล้ง ชวนเปลี่ยนชุดไปเล่นน้ำกัน
พริมบอกว่าตนไม่มีชุดเขาก็พาไปหาซื้อ บอกให้พริมช่วยเลือกชุดที่ใส่สบาย อ้อนแกมขู่ว่า
“คิดเสียว่าความสบายใจของผมคืองานของคุณ”
เมื่อถึงเวลาอาหาร พริมพาไปร้านของกุ๊กชิน บอกว่าทางรีสอร์ตแนะนำว่าร้านนี้อร่อยสะอาดและไม่แพง พอดีเจอเด็กที่ไปยืนข้างโต๊ะหนึ่งถูกผลักจนหัวทิ่มไล่ให้ไปไกลๆ กวินเข้าไปถามเด็กว่าไปทำอะไรเขา เด็กเล่าว่าตนไปยืนมองเฉยๆ ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันและแม่ก็ไม่สบาย กวินจึงให้เงินไปซื้อข้าวและพาแม่ไปหาหมอด้วย
กุ๊กชินเดินถือกล่องข้าวมาให้เด็กบอกว่าทีหลังหิวก็แวะมาที่นี่ไม่มีใครไล่หรอก หันไปทักกวินอย่างคึกคักร่าเริงว่า
“สวัสดีครับ ผมชื่อชิน คนแถวนี้เรียกว่ากุ๊กชิน”
ooooooo
กุ๊กชิน เป็นคนสนุกสนานร่าเริง นอกจากทำ อาหารเองเสิร์ฟเองแล้วยังพูดคุยกับลูกค้าอย่างสนุก-สนานด้วย กวินกับพริมทานอาหารแล้วชวนไปคาเฟ่กัน กุ๊กชินบอกว่าแถวนี้ตนรู้จักทุกซอกทุกมุมเลย
พริมถามว่ารู้จักร้านที่ขายเครื่องประดับหรือ สร้อยเก่าๆบ้างไหม กุ๊กชินถามว่าสร้อยแบบไหน พริมกับกวินยังไม่ทันตอบก็มีเสียงร้องอย่างตกอกตกใจ
“อย่า!! อย่าให้มันเข้ามา!!”
ทุกคนมองไปเห็นชายสูงวัยนั่งรถเข็นร้องตะโกนโวยวายเหมือนไร้สติ เขาคือหาญพ่อของกุ๊กชิน กุ๊กชินถามว่าพ่อออกมาทำไม หาญยังคงร้องห้ามอย่างหวาดกลัว ยิ่งเมื่อมองมาทางพริมก็ยิ่งกลัวตาเหลือกหายใจไม่ออกจนหมดสติไป กวินกับพริมตกใจวิ่งเข้าไปดู กุ๊กชินบอกว่ายาอยู่ในบ้านแล้ววิ่งเข้าไปเอา
เอายามาให้พ่อกินแล้วกุ๊กชินบอกว่าพ่อเป็นโรคหัวใจ กินยาแล้วคงดีขึ้น แต่พอหาญลืมตาก็โวยวายว่าผีหลอก ผีจะมาเอาชีวิตตน ตะกุยตะกายไล่ไปให้พ้น กุ๊กชินบอกว่าลูกค้าไม่ใช่ผี กวินก็บอกว่าพวกเราไม่ใช่ผี หาญจ้องหน้าแล้วยิ่งร้อง
“ผี! มึงตายไปแล้ว อย่ามาหลอกหลอนกูเลย กูกลัวแล้ว”
เห็นอาการของหาญเช่นนั้น พริมจึงชวนกวินออกไปข้างนอกกันดีกว่า ครู่หนึ่งกุ๊กชินจึงตามออกมาขอโทษบอกว่าพ่อตนป่วยอยู่ กวินบอกว่าเข้าใจเพราะพ่อตนก็ป่วยอยู่เหมือนกัน พริมจึงถามเรื่องร้านขายเครื่องประดับ หันไปขอนามบัตรจากกวิน เขาหยิบนามบัตรที่ถูกไอรีณฉีกทิ้ง กวินเก็บมาปะต่อกัน แต่เบอร์โทร.กับชื่อถนนแหว่งไป
กุ๊กชินดูแล้วบอกว่าไม่เคยเห็นแต่จะลองถามคนแถวนี้ดู ถามว่าแล้วจะไปไหนกันต่อ พริมบอกว่าเดินเลียบหาดกลับรีสอร์ต แต่ไม่มีใครรู้ว่า ขณะนั้นมีสายตาลึกลับแอบมองทั้งสองเดินกลับรีสอร์ตกัน
ระหว่างเดินกลับพริมบอกว่าตนติดต่อเช่ารถไว้แล้วพรุ่งนี้จะขับตระเวนรอบๆอ่าวนางกัน ชมกวินว่าเขาก็เป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน
“ผมติดมาจากคุณน่ะแหละ...ผมเห็นคุณมีน้ำใจให้คนอื่นแล้วมีความสุขก็อยากทำบ้าง”
พริมฟังแล้วรู้สึกดี เขินจนมองไปอีกทาง พลันก็ตกใจเมื่อเห็นมีคนนอนคว่ำหน้าอยู่ที่ชายหาด ทั้งสองรีบไปช่วยเหลือ แต่ที่แท้มันคือกุ้งขี้ยาแถวนั้นที่หลอกให้คนมาช่วยแล้วปล้น พริมยอมให้กระเป๋าถือแต่ไม่ยอมให้สร้อยล็อกเกต กุ้งไม่ยอมมันยื้อสร้อยจะเอาให้ได้ กวินดึงพริมวิ่งไป กุ้งตามไปแทงกวินแต่เขาหลบและถีบมันพริมจึงเอานิ้วจิ้มตามันและเสยหมัดเข้าปลายคางจนมันอ้าปากค้าง แล้วพากันวิ่งหนีไป
เมื่อไปถึงที่พักในพาวิลเลียนวิลล่า พิชยมันตรา พริมเอาแอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลที่คิ้วให้กวิน เขาถามว่าทำไมเธอถูกทำร้ายแต่ไม่โกรธคนร้ายเลย พริมพูดสบายๆว่า ความโกรธคือไฟจะปล่อยให้เผาใจตัวเองทำไม
จากการเดินทางตามหาที่มาของล็อกเกตและเผชิญปัญหากระทั่งอันตรายด้วยกัน ทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้นทุกวัน ความใกล้ชิดทำให้พริมเริ่มหวั่นไหวแต่พยายามหักห้ามความรู้สึกเรียกสติคืนมาและหาทางเลี่ยงจากเขา
เมื่อเข้าห้องพัก พริมหยิบตำราที่เจ๊ลีให้มาเปิดดูทุกหน้าแต่ตำราไม่มีบอกเลยว่าเมื่อถูกบรรยากาศพาไปจะแก้ไขอย่างไร คิดๆแล้วนึกออกบอกตัวเองว่า “ใช่แล้ว มีสามสิ่งที่ช่วยได้นั่นคือ สติ สมาธิ ปัญญา” แล้วหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาแม้จะถือหนังสือกลับหัวแต่ก็มีสติรู้ตัวรีบกลับให้ถูกทาง
อ่านหนังสือธรรมะแล้วใจยังไม่สงบ พริมล้มตัวลงนอนคลุมโปงเลย
ooooooo
คืนนี้เบนไปหาวราลีที่บ้านบอกให้ช่วยหนูษาด้วย เพราะโดนบอสด่าว่าทำงานเหมือนเต่าคลาน หนูษาเสียใจร้องไห้ไม่หยุด จนป่านนี้ยังร้องไห้อยู่ที่ออฟฟิศเลย
“หนูษาไม่ช้าหรอก อีตาบอสใจร้อนเอง คนเพิ่งจับงานก็ต้องให้เวลาศึกษาบ้าง เอางี้ เดี๋ยวลีจะช่วยสอนงานหนูษาเอง”
“น้องลี...น้องลีไม่ออกไม่ได้เหรอ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของน้องๆเถอะนะคะ” เบนขอร้อง วราลีฟังแล้วหนักใจ
เบนเองก็ไม่นิ่งเฉย รุ่งขึ้นเมื่อเจอภีมก็พูดหยั่งเชิงว่าอีกไม่กี่วันวราลีก็จะไปทำงานที่ใหม่แล้ว ภีมถามกวนๆว่าแล้วไง เบนถามว่า “ไม่คุยกันดีๆจริงๆหรือ”
“คุยได้แต่ไม่มีอะไรจะคุย ทำงานด้วยกันมาห้าปี ก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไร” เบนติงว่าเขาเอาแต่เย็นชาใส่ วราลีก็นึกว่าไล่น่ะสิ “บางทีมันอาจจะหมดเวลาของเราแล้วก็ได้” ภีมตัดบทแล้วใช้กรรไกรตัดดอกไฮเดรนเยียที่วราลีชอบฉับ!
เช้านี้อาพอแต่งตัวสวยไปยืนรดน้ำต้นไม้เหมือนรอใคร พอเห็น รปภ.ขี่จักรยานผ่านมาทักว่าอารมณ์ดีจัง ก็พูดอ่อยว่าอารมณ์ ดีมีฝีมือทำกับข้าว ขอไปเป็นสะใภ้ก็ไม่อายใคร รปภ.บอกว่าแม่กำลังหาสะใภ้พอดีเลยจะกลับไปถามแม่ดูก่อน อาพอแทบกรี๊ดบอกวราลีว่า
“อาพอเรียกร้องความสนใจผู้ชายค่ะ ชวนคุยมันเสียฟอร์ม ต้องให้ยอมคุยเองถึงจะเวิร์ก”
“เรียกความสนใจงั้นเหรอ...” วราลีฉุกคิด รุ่งขึ้นก็แกล้งทำบัตรคอนเสิร์ตหล่นที่พื้นสองใบ ภีมหยิบดู บอกเบนว่าเป็นคอนเสิร์ตที่อยากดูที่สุด ชาตินี้ได้ดูสักครั้งก็ตายตาหลับ ให้เบนไปถามว่าเป็นของใครจะขอซื้อต่อ
วราลีโผล่มาบอกว่าของตนเอง ได้ยินว่าคนแถวนี้อยากดูเลยหามา แต่เขาไม่พูดกับตน ตนก็คงต้อง...วราลีหยิบกรรไกรขึ้นมาจะตัดทิ้ง ทั้งภีมและเบนร้องลั่น “อย่า!!!”
“เราจะคุยกันได้รึยังคะ” วราลีถาม ภีมมองบัตรคอนเสิร์ตอย่างเสียดายแต่หันหลังเดินเข้าห้องทำงาน “งั้นฉันก็ขายให้คนอื่น...ถ้าคุยก็ไม่ขาย โอเคไหม”
“เบน...บอกทุกคนด้วยว่าวันนี้ผมจะไม่คุยกับใครทั้งนั้น”
ภีมยังทิฐิพูดผ่านเบนแล้วเข้าห้องเลย วราลีเซ็งแต่ไม่ยอมแพ้ ไปดักหน้าบอกว่าตนต้องการคุยด้วย ภีมยังทำหูทวนลม วราลีตามไปที่โต๊ะ ที่มุมกาแฟ กระทั่งภีมหนีไปที่โถฉี่ก็ยังตามไปบอกว่า คุยไปฉี่ไปก็ได้ ตนไม่ถือ ภีมก็ยังไม่ยอมคุย
จนกระทั่งบรรดาแก๊งแม่บ้านเลี้ยงส่งวราลี ชนแก้วกันเฮฮา จู่ๆภีมก็โผล่มาดุว่ามัวแต่ปาร์ตี้กันอยู่ตนมีงานด่วนแต่โทร.ไม่เจอใครจึงต้องลงมาถึงนี่ วราลีถามว่าได้เวลาที่เราจะคุยกันแล้วใช่ไหม ภีมยอมพูดด้วยแต่บอกว่า “ผมไม่ว่าง”
วราลีไม่เชื่อ ดักคอว่าเขาว่างและรู้ด้วยว่าเขาจงใจลงมาหาตน ภีมบอกรู้ก็ดีแล้วนี่ แล้วเดินหนี เลยถูกปรามาสไม่แน่จริง ถ้าแน่จริงให้กลับมาคุยกันก่อน แต่พอดีมือถือวราลีดังขึ้น เธอกดรับสาย ภีมชะงักทันที
“ฮัลโหล...บอสยังไม่เซ็นอนุมัติเลยค่ะ แต่ฉันจะเริ่มงานกับคุณต้นเดือนหน้าแน่ค่ะ”
ภีมหยุดยืนฟังอย่างไม่สบายใจ
ooooooo
กวินสไกป์คุยกับเกรก เขาบอกพ่อว่า แม่ไม่ได้เอาสร้อยมาขายที่อ่าวนาง ร้านนี้ก็ซื้อต่อเขามาอีกที ขอพ่ออย่าเพิ่งหมดกำลังใจ พ่อต้องมีศรัทธารักษาตัวให้แข็งแรง รอวันที่แม่กลับมา
แม้กวินจะไม่เชื่อในเรื่องศรัทธาแต่เขาก็พูดกับพ่อเพราะซึมซับจากพริม กวินเครียดที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับข่าวแม่ พริมมองเขาอย่างเห็นใจปลอบใจว่า
“คุณพูดถูก...เราต้องมีศรัทธา วันนี้ไม่เจอ พรุ่งนี้ ก็ยังมี”
“ผมปลอบใจพ่อไปอย่างงั้น แต่ผมไม่คิดว่าเราจะเจอ เราแทบไม่มีเบาะแสอะไรเลย นอกจากสร้อย”
“แต่เราจะช่วยกันคิด ช่วยกันตามหา...ถ้าคุณไม่หมดศรัทธา ฉันเชื่อว่าเราต้องเจอ”
กวินมองพริมอย่างชื่นชม มองเพลินจนพริมเขิน เขาชมว่าเธอแต่งตัวแบบนี้สวยดีเข้ากับทะเลกว่าชุดยายชี ตั้งเยอะ พริมขอร้องเขาอย่ามองตนด้วยสายตาแบบนี้เลย ตนไม่ชอบ
“แหม...ยากนะ ผมกำลังจีบคุณ คงมองคุณแบบอื่นไม่ได้” พริมบอกว่าตนไม่ชอบทำลายความหวังใคร ตนคิดกับเขาเกินเพื่อนไม่ได้จริงๆ “แต่ผมก็คิดกับคุณน้อยกว่านี้ไม่ได้เหมือนกัน” แล้วเขาก็พูดจริงจังว่า “คุณเตรียมรับมือการจีบขั้นเทพของผมได้เลย” ทำเอาพริมจากเขินกลายเป็นเครียดไปทันที
พริมเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมา เจอกระดาษโน้ตแปะที่ประตูเขียนว่า
“ถ้าคุณอาบน้ำเสร็จแล้วไปเจอกันที่ชายหาดนะครับ ปล. ชุดแม่ชีไม่เอานะ...กวิน”
พริมมองตัวเองในชุดเดรสยาวบางเบาสายเดี่ยว เปลี่ยนใจกลับไปเข้าห้องหยิบขวดน้ำมนต์พกพามาฉีดซอกคอแทนน้ำหอม พึมพำ...“ซ้ายคลาดแคล้ว...ขวาคลาดแคล้ว...”
ooooooo
เมื่อไปเจอกันที่ชายหาด มีโต๊ะอาหารจัดไว้อย่างสวยงาม มีซุ้มแต่งด้วยผ้าขาวกับดอกไม้และโคมไฟ โรแมนติกมาก กวินยืนต้อนรับอยู่ที่โต๊ะ แซวเมื่อเห็นพริมใส่ชุดเดรสบางเบาแต่มีผ้าคลุมมาทั้งตัวอย่างมิดชิดว่า
“บอกว่าไม่เอาชุดแม่ชีแต่ก็ไม่อยากได้ชุดมัมมี่นะครับ” แล้วเข้าไปด้านหนังดึงผ้าคลุมไหล่ออกอย่างเบามือ “ทำตัวสบายๆดีกว่า ถึงผมบอกว่าจะจีบ แต่ก็ไม่คิดจะหักหาญน้ำใจคุณ ผมจะทำให้คุณยอมผมอย่างเต็มใจ”
“มันไม่มีวันค่ะ”
“กับผู้หญิงคนอื่นผมอาจจะมองเป็นเรื่องทางกาย แต่กับคุณ...ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น การเจอกันของเราก็แปลก...ล็อกเกตที่เปิดไม่ได้ก็เปิดออกเมื่อเราเจอกัน”
“คุณว่าฉันบ้าหรือเปล่า...ฉันเห็นแสงจากล็อกเกตตอนมันเปิดออกด้วย”
“ผมก็เห็น ลมเย็นวูบจนขนลุก แสงจ้าจากล็อกเกต แล้วอยู่ๆผมก็โผล่ไปเจอคุณที่วัด”
“ครั้งที่สองก็ที่งานเลี้ยงน้ำชา...แสงที่ออกมาจากนิตยสารที่ออฟฟิศฉันนั่นด้วย...”
“ทีแรกผมก็คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับความลี้ลับทางวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้ผมชักจะสงสัยแล้วว่ามีปาฏิหาริย์อะไรซ่อนอยู่ในล็อกเกตนี้” พริมถามว่าแล้วทำไมอยู่ๆ เขาถึงสงสัยขึ้นมา? “เพราะคุณ คุณสอนให้ผมเห็นโลกในมุมที่แตกต่างไป คุณทำให้ผมรู้ว่าความสุขที่มาจากการให้ เป็นยังไง ผมเชื่อว่าต้องมีใครสักคนส่งผมมาเจอกับคุณ”
“ในทางศาสนาพุทธ การพบเจอไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราต้องสร้างกรรมร่วมกันมาค่ะ” กวินพูดแทรกทันทีว่าเราต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ “ถึงเป็นก็คงเป็นคู่ที่ไม่สมหวังค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันอยู่กับคนที่ศีลไม่เสมอกันไม่ได้ โดยเฉพาะศีลข้อกาม”
กวินหน้าเจื่อนยอมรับว่า “เวลาอยู่ใกล้คุณแล้วมันอดไม่ได้นี่นา...ก็สวยขนาดนี้” ไม่พูดเปล่ายังมองด้วยสายตาเจ้าชู้บาดใจจนพริมหนาวๆร้อนๆ ต้องเดินหนีไป กวินมองตามยิ้มเอ็นดู
ooooooo
เมื่อบริกรยกจานอาหารที่กินหมดแล้วออกไป บริกรอีกคนก็ยกถาดกับโถใส่แชมเปญมาเสิร์ฟ บริกรบอกว่า
“อภินันทนาการจากคุณทิม”
“แชมเปญอย่างดีเสียด้วย...แก้วเดียวพอครับ คุณผู้หญิงถือศีลไม่ดื่มของมึนเมา” กวินบอกบริกร พริมขอบคุณที่จำได้บอกว่าถ้าเป็นแฟนเก่าคงบังคับให้ตนดื่ม “ถ้าดื่มแล้วไม่มีความสุข จะดื่มไปทำไมล่ะครับ คุณกินของหวานดีกว่า”
บริกรเปิดฝาครอบของหวานเสิร์ฟให้พริม เป็นช็อกโกแลตที่น่ากินมาก
“ช็อกโกแลตเบลคครับ” บริกรบอก พริมตื่นเต้น ถามว่าช็อกโกแลตเบลคมาถึงกระบี่เลยหรือ “คุณทิมเลือกใช้ช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลกครับ” บริกรคำนับแล้วเดินไป
“ตระกูลเบลคเป็นครอบครัวที่แปลกนะคะ มีธุรกิจอาหารสัตว์ ขนมหวาน แล้วก็ช็อกโกแลตนี่ด้วย ติดอันดับ หนึ่งร้อยของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา แต่ลูกชายคนเดียวกลับไปทำธุรกิจจับคู่”
กวินมองพริมอย่างระแวงถามว่าเธอจำเรื่องเควิน เบลค ได้หมดเลยหรือ พริมบอกว่าตนจำเป็นต้องศึกษา เพราะเป็นนโยบายของคิวปิดฮัทที่เราต้องรู้จักลูกค้าให้ดีที่สุด กวินถามหยั่งเชิงว่า “แล้วคุณคิดว่าเควินเป็นคนยังไง”
“คนรวยที่ชอบปิดบังตัวแบบนี้ นักจิตวิทยาสังคมบอกว่าเกิดจากการไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ในช่วงวัยรุ่น เพราะความเหงาที่ทำให้น้อยใจอยู่คนเดียวเงียบๆ พอโตขึ้นก็เก็บตัวโดยไม่รู้ตัว มักจะแยกตัวออกจากสังคม เพราะกลัวเพื่อนไม่สนใจแบบที่โดนพ่อแม่ทอดทิ้ง”
กวินฟังแล้วคิดถึงตัวเอง มองพริมทึ่งที่วิเคราะห์ตนได้อย่างรู้จริง แต่ติงว่า
“แต่เควินได้ไอเดียทำบริษัทจับคู่จากงานปาร์ตี้ที่ตัวเองจัดให้เพื่อน แล้วปรากฏว่าเพื่อนมาพบรักกันบ่อยๆ... เขาไม่น่าจะเป็นคนเก็บกดอย่างที่คุณว่านะ”
“คนเราสร้างหน้ากากมาปิดบังตัวเองทั้งนั้นค่ะ มันคือกลไกป้องกันความเจ็บปวดที่มนุษย์มีตามสัญชาตญาณ เควินสร้างรอยยิ้มที่สนุกสนานปิดบังรอยแผลใจ สร้างโครงข่ายทางสังคมขึ้นมากลบความเหงา มันต้องเศร้ามาก ที่ต้องอยู่กับความเหงาท่ามกลางผู้คนมากมาย”
พริมแย้งว่าแต่มันก็ไม่น่าเห็นใจเท่าไหร่ กวินร้องอ้าว...ถามว่าทำไมล่ะ
“ก็เรื่องสาวๆ ที่เควิน เบลค ควงไม่ซ้ำหน้า ได้แล้ว ก็ทิ้งไงคะ ผิดศีลข้อสามชัดๆ”
“ผมว่าเควินไม่มีเจตนาเจ้าชู้หรอก แต่เพราะความเหงาก็เลยทำให้ต้องไขว่คว้าหาใครสักคนมาให้ความอบอุ่นทางใจ”
“ความเหงา ไม่ใช่เหตุผลของคนเจ้าชู้ค่ะ” พริมแย้งอย่างไม่พอใจที่กวินแก้ต่างให้เควิน แล้วเดินกลับห้องพัก กวินตามมาส่งถึงหน้าห้อง เขาจับมือทวงกู๊ดไนท์คิส พริม หวั่นไหวจนเกือบเผลอใจ พอได้สติก็ยกมือไหว้บอกว่า ที่นี่ประเทศไทยเอ่ยราตรีสวัสดิ์แล้วเข้าห้องปิดประตูล็อกเลย
“ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้เลยพริมา” กวินเอ่ยอย่างมาดมั่น แล้วเช้ามืดวันรุ่งขึ้น กวินชวนพริมไปใส่บาตรกัน
คิวปิดมาในรูปพระมาบิณฑบาต พระมองกวินนึกชมว่าเขาเริ่มมีศรัทธาแล้ว พูดบาลีกับพริมว่า ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข พริมตอบเป็นบาลีเช่นกันว่า การให้ธรรมะเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง พระหันพูดกับกวินเป็นบาลีว่า คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้น กวินอึกอัก แล้วเอ่ย... “เอ่อ...อะ...เอเมน” แล้วยกมือไหว้สาธุแก้เขิน พริมแอบขำเอ็นดู
เมื่อทั้งสองมาเดินเล่นกันที่ชายหาด...มีรถขาย “เบลคไอศกรีม” พวกเด็กจรจัดยืนมองกันตาละห้อย
กวินกวักมือเรียกเด็กๆ แล้วซื้อไอศกรีมแจกทุกคน เด็กๆดีใจมากกินไอศกรีมกันอย่างมีความสุข พริมมองภาพนั้นอย่างประทับใจ
กวินก็ถือไอศกรีมเดินมาให้พริม บอกว่า “เบลคไอศกรีม รสชาไทยยกล้ออร่อยสุดๆ”
“ไอศกรีมสัญชาติอเมริกันแท้แต่กลับทำรสเอาใจคนไทยได้ฟินสุดๆ” พริมกินไอศกรีมอย่างชื่นชม ทำให้กวินนึกถึงตอนที่ตนวัย 7 ขวบ เขาเล่าว่า พ่อยกชาเย็นใส่น้ำแข็งขึ้นดื่มอย่างชื่นใจ ชมแม่ว่า
“ไม่มีใครชงชาไทยได้อร่อยเท่าคุณอีกแล้ว....ผมจะทำไอศกรีมรสนี้เป็นที่ระลึกถึงความอ่อนหวานของวดี...ภรรยาที่รักของผม” พ่อดึงแม่เข้าไปกอด แม่ยิ้มปลื้ม
พริมฟังแล้วชมว่าโรแมนติกจัง ไอศกรีมรสพิเศษเพื่อระลึกถึงภรรยา ชมว่ากวินสมเป็นแฟนคลับตัวจริง กวินอึ้งรู้สึกผิดที่โกหก เห็นไอศกรีมของพริมย้อยลงมาจึงบอกเธอ พริมรีบกินไอศกรีม กวินยื่นหน้าเข้าไปช่วยกินอีกด้าน ทั้งสองหน้าเกือบสัมผัสกัน พริมเขินรีบผละออกเปลี่ยนเรื่องถามแก้เขินว่า เขารู้ได้ยังไงว่าตนต้องใส่บาตรทุกวัน กวินตอบหวานว่า
“จะเปลี่ยนจากคนรู้จัก เป็นคนรู้ใจก็ต้องรู้ทันสิ” พริมเอ่ยสาธุ กวินโมเมว่าเธอยอมรับตนแล้วใช่ไหม
“อย่ามาเนียน ฉันสาธุเพราะคุณรู้จักคิดดีทำดีต่างหาก” แล้วชวนกลับโรงแรมกัน
ระหว่างเดินกลับโรงแรม ทั้งสองสังหรณ์ใจว่ามีคนตาม แต่พอหันมองก็ไม่เห็นอะไร จึงเร่งฝีเท้าอย่างระแวดระวัง...
ooooooo