ตอนที่ 12
กันต์กลับมานั่งดูกิ๊บที่เก็บได้ ซาร่าจำได้ว่าเป็นของบุญสิตาก็หึงจนกันต์บอกให้เธอกลับไปก่อนตนขออยู่คนเดียวสักพัก เมื่อซาร่ากลับไปเขาจึงโทรศัพท์หาทรายอ้างว่าจะนัดมาสัมภาษณ์เรื่องงาน แต่ที่แท้ต้องการสืบเรื่องบุญสิตาว่าสนิทสนมกับมาร์คเจ้านายคนเก่าของบริษัทได้ยังไง
“ยัยนั่นเหรอสนิทกับคุณมาร์ค...ไม่มีทางหรอกค่ะ ยัยนั่นวันๆทำแต่งานไม่มีทางรู้จักไฮโซหรอก”
ทรายถามว่าทำไมเขาจึงสนใจเรื่องซิน ไม่เห็นถามเรื่องตนเลย กันต์แถว่าช่วงนี้ตนกำลังตรวจสอบประวัติพนักงาน ส่วนเรื่องสัญญากับเธอนั้นต้องเข้าที่ประชุมก่อน ตนจะดูแลให้อย่างดี มีอะไรจะรีบส่งข่าว แล้วมอบครีมบำรุง เครื่องสำอางให้ ปากหวานว่า “สำหรับว่าที่นางแบบครับ” เพียงเท่านี้ทรายก็ปลื้มแล้ว
บุญสิตากลับมาแล้วก็โทรศัพท์คุยกับแนนซี่ แนนซี่ถามทันทีว่าความลับที่ตนทำนายคือเรื่องกันต์กับเรื่องคุณเมธรู้ความจริงว่าคุณมาร์คสิงร่างเธอใช่ไหม แล้วเรื่องความรักเธอกับคุณเมธล่ะ ตนบอกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าดวงเธอกับเขาคู่กัน แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริงๆหรือ
บุญสิตาเล่าว่าดูท่าทางเมธก็พยายามจะบอกอะไรหลายครั้งแต่ก็มีเหตุให้ไม่ได้พูด และตนก็พยายามเลี่ยงด้วย เพราะเจอเรื่องแบบนี้ตนก็ตื่นเต้น เขิน ไม่รู้จะยังไง พึมพำว่า
“แล้วเขาก็เป็นดารา หล่อมากด้วย แค่เห็นหน้าฉันก็เขินพูดอะไรไม่ออกแล้ว”
แต่แนนซี่มีวิธีไปแนะนำให้ที่บ้านเลยว่า ให้เอาภาพสแตนดี้พุฒิเมธขนาดเท่าตัวจริงไปไว้ที่ห้องนอน
เห็นหน้ากันทุกวันซ้อมพูดคุยเพื่อให้ชินจะกอดจะหอมด้วยก็ได้ แนะนำแล้วอวยพรขอให้ได้ขอให้โดนเร็วๆ
“ขอบใจมากนะ แต่ฉันขออยู่เฉยๆให้เป็นไปตามธรรมะจัดสรรดีกว่าจ้ะ”
“ไม่ได้ ธรรมะจัดสรรไม่ได้ เธอต้องจัดสรรตัวเอง พยายามเข้าหา ชวนคุย เชื่อฉันทำตามที่ฉันบอก แล้วก็ไปดักรอเขา ไปอยู่ที่ที่จะต้องเจอเขา”
รุ่งขึ้นบุญสิตาไปให้อาหารปลา เจอกับพุฒิเมธ เขาขอบคุณเธอที่คอยช่วยเหลือเฮีย มีอะไรให้ตนช่วยได้ก็ให้บอก
“คุณแค่ช่วยตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้พี่คุณบ่อยๆก็พอค่ะ ซื้อเสื้อผ้า ของอร่อยๆ พี่คุณน่ะไม่ค่อยได้เปลี่ยนชุดเลย”
“งั้นเหรอ” พุฒิเมธหัวเราะชอบใจ พอดีสมบัติเดินเข้ามา พุฒิเมธจึงหันไปทักทายพ่อเขินๆ “คุณพ่อมาบริษัท มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอดีพ่อมีงานมาให้ ไม่สิ มาขอความช่วยเหลือมากกว่า”
ooooooo
เมื่อทุกคนเข้าห้องประชุมแล้ว สมบัติถามทุกคนว่าเคยได้ยินชื่อนาฬิกา ที–ไทม์ ไหม พุฒิเมธจำได้ว่าเป็นบริษัทของลุงธีมาเพื่อนคุณพ่อ
“ใช่...เพื่อนพ่อเขากำลังจะออกนาฬิกาใหม่ ฉลองครบรอบสามสิบปีของบริษัท คอนเซปต์ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แล้วเขาเห็นพวกเราไปทำงานจิตอาสากันก็เลยอยากให้พวกเราไปเป็นแบบนาฬิกาให้น่ะ”
ศรันย์กับบุญสิตาตื่นเต้น แต่พุฒิเมธเห็นสมบัติทำหน้าเหมือนมีอะไรที่ยังพูดไม่หมด ถามว่าพ่อมีอะไรอีกหรือเปล่า สมบัติจึงบอกว่า
“ตอนที่เพื่อนบอกว่าจะให้พวกเราไปเป็นนายแบบให้ พ่อดีใจ เลยลืมตัวเผลออาสาจะเป็นแม่งานช่วยจัดงานฉลองครบรอบบริษัทให้เป็นการตอบแทน...พ่อก็โม้ไปเยอะ ว่าทีมเราเก่ง เด็กๆในบริษัทชอบจัดงานปาร์ตี้บ่อยๆ...ช่วยพ่อหน่อยนะ เพื่อนคนนี้เราช่วยเหลือธุรกิจกันมาหลายครั้งแล้ว...ก็ไม่ได้งานใหญ่อะไร งานเลี้ยงภายในบริษัทเฉยๆ”
พุฒิเมธบอกว่าจะลองดู สมบัติบอกให้เข้าไปคุยรายละเอียดกับเพื่อนพ่อเลยพ่อนัดไว้แล้ว บุญสิตาถามว่าเมื่อไหร่ พอสมบัติบอกว่าพรุ่งนี้ พุฒิเมธตกใจ แต่สมบัติพูดสบายๆว่า
“ฝากด้วยนะ อย่าไปสายล่ะ เพื่อนพ่อคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องตรงเวลามาก”
พุฒิเมธ บุญสิตา และศรันย์มองหน้ายิ้มกันแหยๆ แบบงานเข้าแล้ว...
ooooooo
รุ่งขึ้นที่บริษัททีไทม์ ขณะที่ก้อยเลขาของธีมาหัวหมุนวุ่นกับงานอยู่ พุฒิเมธกับบุญสิตาก็เดินเข้ามา
ระหว่างนั้นก้อยก็รับสายโทรศัพท์ ทั้งเรื่องตารางนัดงานและเรื่องที่คุณผู้หญิงโทร.เข้ามาเตือนเรื่องงานประชุมผู้ปกครอง ก้อยหันยิ้มแหยๆกับทั้งสองบอกว่าตารางงานแน่นมากเลย ดูนาฬิกาแล้วถาม
“แล้วเพื่อนยังไม่มาอีกเหรอคะ อีกห้านาทีเดี๋ยวท่านก็มาถึงแล้วค่ะ ท่านตรงเวลามาก แล้วท่านก็ไม่ชอบคนที่มาสายด้วยค่ะ”
“ครับๆผมจะรีบโทร.ตามเดี๋ยวนี้” พุฒิเมธรีบโทร.ตามศรันย์ ศรันย์บอกว่าถึงแล้วกำลังจะเข้าบริษัทจะรีบเหาะไปเลย
พุฒิเมธกับบุญสิตามองนาฬิกาตาเป๋ง ใจลุ้นว่าศรันย์จะมาทันไหม
พอเข็มนาฬิกาเลื่อนไปบ่ายโมงเป๊ะ ประตูห้องก็เปิด ทุกคนลุ้นกันว่าจะเป็นใครเข้ามา ปรากฏว่าเป็น ธีมาเปิดประตูเข้ามา
“เมธเป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอนานเลยนะ”
“สวัสดีครับคุณลุง ผมสบายดีครับ” แล้วหันไปแนะนำซิน “นี่คุณซินผู้จัดการบริษัทครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราย้ายไปคุยห้องลุงดีกว่าเนอะ ...เห็นว่าจะมากันสามคนไม่ใช่เหรอ อีกคนล่ะ...อย่าบอกนะว่ามาสาย”
ทันใดนั้นประตูเปิด ศรันย์เข้ามาเห็นยังไม่ได้ประชุมกันก็ถอนใจโล่งอกบอกว่า “ทันเวลาพอดีเลย”
“ทันตรงไหนครับ สายไปหนึ่งนาทีสิบห้าวินาที” ธีมาพูดยิ้มๆอย่างผู้ใหญ่ใจดีตั้งใจสอนลูกหลาน “มีนาฬิกาแต่มาสายก็อย่ามีนาฬิกาดีกว่านะครับ” พูดแล้วเดินออกไปเลย
พุฒิเมธ บุญสิตา และศรันย์ มองหน้ากันกลืนน้ำลายเอื๊อก...
ooooooo
เมื่อเข้าไปในห้องทำงานขนาดใหญ่ของธีมา ในห้องประดับประดาด้วยนาฬิกามากมายทั้งใหม่และโบราณ ธีมาเริ่มการประชุมด้วยท่าทีสบายๆ แต่สอนบรรดาลูกหลานในทีว่า
“ลุงย้ำกับลูกน้องเสมอว่าเราทำนาฬิกา เราอยู่กับเวลาตลอด เราก็ต้องใช้เวลาแต่ละวินาทีให้คุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด...เวลามันผ่านแล้วผ่านเลย หนึ่งนาทีเราก็เอากลับคืนมาไม่ได้”
“แต่ถ้าเราต้องทำตามเวลาเป๊ะๆแล้วทำให้ไม่มีความสุขก็เอาเวลาไปนั่งเฉยๆ ดูต้นไม้ใบหญ้าก็ดีกว่านะคะ” บุญสิตาปากไว ถูกศรันย์เอาเท้าสะกิดจึงรู้ตัวรีบขอโทษ ธีมาไม่ถือสา ตัดบทว่า
“อย่าเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระเลย...เรามารีบคุยงานดีกว่า ลุงมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว”
การประชุมดำเนินไปอย่างจริงจัง จนเหลือเวลาอีกห้านาที ธีมามองนาฬิกาแล้วบอกพุฒิเมธว่าตนมีนัดต่อ เดี๋ยวให้เลขาคุยรายละเอียดต่อแล้วกัน ขอบใจที่มาช่วยงาน ยิ้มให้อย่างกันเองแล้วลุกเดินออกไป ทุกคนหันมองนาฬิกาในห้องพร้อมกัน พอธีมาออกไปและประตูปิดก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงเป๊ะ!