ตอนที่ 10
สมบัติเล่าเพิ่มเติมว่า ขณะที่ช่างภาพถ่ายรูปเจนนี่เอนเตอร์เทนนัทอย่างมีความสุขนั้น ช่างภาพเองก็มีความสุขกับการถ่ายภาพ ระหว่างนั้นเองช่างภาพเหลือบเห็นนักสืบที่กันต์จ้างมากำลังตามบุญสิตากับพุฒิเมธอยู่อย่างกระชั้นชิด
เมื่อบุญสิตานัดช่างภาพมาพบเพื่อรับรูป เห็นนักสืบมาแอบฟังและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บุญสิตาจึงซ้อนแผน จัดฉากให้กันต์มาติดกับเข้าใจว่าช่างภาพเอารูปของตนมาให้
“กันต์ทำตามที่ซินคิด มาขอซื้อรูปจากซิน ซินเลยยอมทำตามเพราะอยากให้กันต์ไว้ใจ และตายใจเรื่อง หลักฐาน เลยคืนให้แค่รูป เก็บแค่คลิปเสียงเอาไว้” สมบัติ เล่าตบท้าย บอกพุฒิเมธว่าเรื่องมันกะทันหัน ซินเลยไม่ได้เล่า บอกเมธว่า “เมธก็ตามน้ำไป ให้กันต์ตายใจก่อนว่าเมธโดนซินเค้าหักหลังจริงๆ”
หลังจากฟังสมบัติเล่าแล้ว พุฒิเมธรู้สึกคิดถึงบุญสิตามาก แต่ก็แก้ต่างให้ตัวเองว่าอยากไม่บอกความจริง คนไม่รู้ไม่มีความผิด
ฝ่ายบุญสิตาก็ไม่สบายใจที่ทะเลาะกับพุฒิเมธ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทร.ไปง้อ แต่ในที่สุดก็เปลี่ยนใจ
วันรุ่งขึ้นที่จะต้องหานายแบบใหม่ให้ได้ จัสตินกับพุฒิเมธต่างเล่นแง่เกี่ยงกันให้อีกฝ่ายพูด แต่เมื่อทั้งสองไปถึงบ้านบุญสิตาเจอซัน จัสตินพูดอย่างไว้ฟอร์มว่าไม่ได้มาทาบทามซันไปเป็นนายแบบแต่มาหาซิน ซันตอบอย่างรู้ทันและไม่แคร์ว่า
“เรื่องเซ็นสัญญาเป็นนายแบบ พี่ซินบอกผมแล้ว ผมไม่สนใจ ส่วนพี่ซินไปทำงาน ไม่อยู่บ้าน คุณสองคนกลับไปเถอะ”
สองหนุ่มถามพร้อมกันว่าซินไปทำงานอะไรที่ไหน กลับกี่โมง เป็นนายแบบไม่ดีตรงไหน อยากได้อะไรก็บอก ซันมองสองหนุ่มงงๆ ถามว่าตกลงใครตั้งใจมาหาพี่ซินกันแน่ สองหนุ่มนิ่งอย่างไว้เชิง ซันจึงบอกว่า พี่ซินกว่าจะกลับมาก็หลังเที่ยงคืน
“ทำงานอะไรกลับดึกๆดื่นๆ ซินไปทำงานที่ไหน” พุฒิเมธลืมตัวถามอย่างร้อนใจ
ตกค่ำวันนี้ พุฒิเมธไปจอดรถที่ร้านกาแฟเปิด 24 ชั่วโมงที่บุญสิตาทำงานอยู่ เห็นเธอท่าทางเหนื่อยล้าก็มองอย่างเป็นห่วง เขาทำท่าจะลงจากรถ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ บอกตัวเองว่า
“ถ้าเขาอยากกลับมา ก็คงมาเองแหละ”
ฝ่ายบุญสิตากำลังเช็ดโต๊ะ รู้สึกมีคนมองที่หน้าร้าน พอมองออกไปเห็นรถของพุฒิเมธขับออกไปพอดี เธอบอกตัวเองเศร้าๆว่า
“อย่าไปหวังว่าเขาจะมาเลยซิน...ดึงสติหน่อย ทำงานๆๆ หนี้รออยู่”
บุญสิตาสลัดความคิดรบกวนออก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป
ooooooo
ณฤทธิ์เห็นบุญสิตาทำงานหนักก็เป็นห่วง สงสาร จึงเข้าสิงร่างเธอ มาที่ออฟฟิศเห็นทุกคนที่บริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำโฟโต้บุ๊กให้ดนุดลให้เสร็จทันเวลาก็เป็นห่วงว่าจะตายคางานกันหมด จึงแกล้งทำเอกสารบนโต๊ะหล่นกระจายจนพวกศรันย์ จัสติน กับเอ ตกใจหนีกลับไปกันหมด แล้วบุญสิตาที่ถูกณฤทธิ์สิงก็ปรากฏตัวออกมาพูดขำๆ
“ฉันขอโทษนะ แต่ฉันอยากให้พวกแกเลิกทำงาน กลับบ้านไปนอนได้แล้ว”
พอจัดการให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันแล้ว ณฤทธิ์ออกจากร่างบุญสิตาที่ห้องนั่งเล่นบริษัท เธอรู้สึกตัวขึ้นมางงๆว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ฉันเข้าร่างเธอมาหลอกผีพวกเพื่อนๆฉัน ตอนนี้หนีกระเจิงกลับบ้านกันหมดแล้ว” บุญสิตาโวยวาย เอาร่างตนไปสร้างบาปเหรอ “ฉันช่วยเพื่อนต่างหาก พวกนั้นเอาแต่ทำงานดึกๆดื่นๆ ไม่กิน ไม่นอน ไม่พัก ทำร้ายตัวเอง ฉันไม่อยากให้คนที่ฉันรักมีชีวิตแบบนี้ เอาแต่ทำงานโดยไม่ดูแลตัวเอง”
ณฤทธิ์เล่าบทเรียนที่เจ็บปวดของตัวเองว่า
“เมื่อก่อนฉันก็ใช้ชีวิตแบบพวกเขา ไม่กิน ไม่นอน ไม่กลับบ้าน สุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง เธอเองก็เหมือนกัน ควรเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้ว เงินก็สำคัญ แต่ชีวิตเธอสำคัญกว่า คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว เธออยากจะทำอะไรก็ทำ”
“อย่างนั้นฉันควรจะไปปรับความเข้าใจกับเมธไหม”
“เขาคงร้อนใจ หาทางคืนดีกับเธออยู่เหมือนกันแหละ” ณฤทธิ์แซวๆ
ทั้งพุฒิเมธและบุญสิตาต่างคิดถึงและอยากขอโทษ อยากคืนดี และกลับมาทำงานร่วมกันอีก แต่ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดอย่างตน จนกระทั่งพุฒิเมธเห็นโฆษณาในทีวีที่ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ว่า
“ส่งความรู้สึกดีๆ คุยแต่เรื่องดีๆกับคนที่คุณรัก Dtalk”
พุฒิเมธหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ก็ยังลังเล เวลาเดียวกัน บุญสิตาก็นอนไม่หลับคิดถึงเรื่องตัวเองกับพุฒิเมธเหมือนกัน...
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น สมบัติกับวรรณาดูภาพนิ่งโฆษณาจากไอแพดที่เจนนี่กำลังเที่ยวสวนสนุกกับแฟนคลับโดยมีพุฒิเมธนั่งดูอยู่ด้วย สมบัติจึงฝากซองเงินให้พุฒิเมธไปให้ช่างภาพ เพราะถ้าไม่ได้เขาเราคงไม่ สามารถแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง
บ่ายวันนี้พุฒิเมธจึงเอาไปให้ช่างภาพและขอบคุณที่ช่วยพวกเรา ช่างภาพบอกว่าตนทำไปเพราะซิน ถ้าซินไม่ขอให้ตนกลับมาถ่ายรูป เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นแบบนี้ แล้วพูดจากใจว่า
“ผมก็ต้องขอบคุณเขาเหมือนกัน ที่ทำให้ผมได้กลับมาถ่ายรูปดีๆอีกครั้ง แถมยังได้เงินจากภาพโฆษณามาใช้หนี้ด้วย” พุฒิเมธดีใจกับเขาด้วย ช่างภาพยังเล่าว่า “เขาเคยบอกผมว่าทุกปัญหามีทางออกของมัน สุดท้ายผมก็มีทางออกจริงๆ สิ่งที่เลวร้าย มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ”
พุฒิเมธถามว่าแล้วเขาจะทำอะไรต่อไป เขาบอกว่า จะกลับไปถ่ายภาพความทรงจำดีๆอีกครั้ง พลางหยิบรูปให้บอกว่า
“รูปนี้ผมตั้งใจถ่ายให้คุณกับซิน ฝากให้เขาแล้วขอบคุณเขาด้วยนะ ที่ทำให้ผมได้กลับมาถ่ายภาพดีๆ แบบนี้อีกครั้ง”
พุฒิเมธรับไปดู เห็นภาพที่เขากับบุญสิตาต่างเทกแคร์กันและสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ ช่างภาพพูดยิ้มๆเหมือนรู้ใจทั้งสองจากภาพถ่ายนั้นว่า
“รูปถ่าย นอกจากจะช่วยเก็บความทรงจำ ยังช่วยเก็บความรู้สึกดีๆด้วยนะ ภาพหนึ่งภาพสามารถสื่อความหมายถึงความรู้สึกของคนในภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูด” พุฒิเมธดูภาพถ่ายที่ตัวเองมองบุญสิตาด้วยแววตาหวานซึ้ง ช่างภาพย้ำว่า “คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่ภาพพวกนี้อาจจะให้คำตอบบางอย่างกับใจคุณได้ ภาพถ่ายไม่เคยโกหก”
เมื่อกลับมาที่บริษัทได้ยินศรันย์แซวเอว่าอารมณ์ดีมาจากไหน เมื่อวานยังเพิ่งดราม่ากับชีวิตตัวเองอยู่
เอบอกว่า เอาความทุกข์ไปทิ้งไว้ที่สายด่วนบำบัดทุกข์ที่บุญสิตาทำอยู่หมดแล้ว พุฒิเมธได้ยินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทร.ออก
พอบุญสิตารับสาย พุฒิเมธกลัวเธอจำได้เลยบีบจมูกเสียงอู้อี้บอกว่าตนทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ตนเข้าใจผิดเผลอพูดจาไม่ดีกับเธอและไล่เธอออกจากงาน ถามว่า “ผมควรง้อเขายังไงดีครับ”
“เรื่องง่ายนิดเดียวเองค่ะ ก็แค่ขอโทษ พูดกับเขาไปตรงๆ ใช้ความจริงใจเท่านั้นเองค่ะ”
พุฒิเมธลืมตัวเอามือบีบจมูกออกพูดเสียงปกติถามว่าแล้วถ้าเป็นเธอ เธอจะหายโกรธไหม
“ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ” เขาถามทันทีว่าจริงหรือ “จริงค่ะ ชีวิตเราสั้นเกินกว่าจะโกรธใคร ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนสำคัญสำหรับคุณ ยิ่งควรปรับความเข้าใจเลยค่ะ”
“ก็แปลว่าคุณไม่โกรธผมแล้วใช่ไหม” พุฒิเมธดีใจถามเสียงปกติ ทำให้บุญสิตาจำได้ อุทาน...คุณเมธ
เมธรุกอย่างได้ใจ “ว่ายังไงครับ ผมเป็นคนสำคัญพอที่เราจะปรับความเข้าใจกันได้ไหม ถ้าหายโกรธแล้วก็กลับมาทำงานได้แล้วนะ ผมและทุกคนรออยู่”
แม้จะตื่นเต้นดีใจแต่บุญสิตาก็ยังงอนเล่นแง่ว่าทำไมไม่ให้คนอื่นทำแทนตน พุฒิเมธก็ฟอร์มจัดบอกว่า เธอทำงานทิ้งเอาไว้เยอะ ถ้าจะออกก็ต้องกลับมาทำงานให้เสร็จก่อน คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน ทั้งอ้างว่าปลาที่ตู้ก็ไม่มีใครเลี้ยง กำลังจะอดตายจะเป็นบาปติดตัวเธอแล้วรวบรัดว่า
“รีบมาตอนนี้เลยนะ ผมรอ...ปลารอกินอยู่” พูดแล้ววางสายเลย
“เจ้านายแบบนี้ใครจะอยากกลับไปทำงานด้วย” บุญสิตาบ่นงอนๆแต่ก็เก็บของเตรียมไปที่บริษัท
ไปถึงเห็นเศษอาหารในตู้ปลาก็ถามว่าไหนว่าไม่มีใครให้อาหารปลา พุฒิเมธตะแบงว่าคงเป็นของเก่า
ที่แท้พุฒิเมธเอาคำขอโทษใส่ขวดสวยงามซ่อนไว้ในตู้ปลาหวังว่าเมื่อบอกให้เธอเอาตู้ปลาไปล้างแล้วจะเจอและเปิดอ่าน บุญสิตาเห็นขวดแปลกๆในตู้ปลาจึงหยิบเปิดดู เจอกระดาษซ่อนอยู่ในขวดจึงหยิบอ่าน
“คุณบอกว่าชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะโกรธใคร ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนสำคัญเรายิ่งควรรีบปรับความเข้าใจกับเขา คุณเป็นคนสำคัญของผม กลับมาทำงานด้วยกันเถอะนะ”
บุญสิตาอ่านแล้วเขินอายเหมือนได้รับคำสารภาพรักจากชายหนุ่ม เธอเขียนข้อความใส่ในขวดว่า
“ฉันก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกันค่ะ”
เมื่อได้พูดคุยกัน พุฒิเมธถามว่าเธอจะกลับมาทำงานกับตนไหม บุญสิตาบอกว่าเขาต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก พุฒิเมธก็ขอให้เธอสัญญาว่าถ้ามีอะไรจะต้องบอกตน
วิญญาณณฤทธิ์ติดตามอยู่ตลอดเวลาเลยแกล้งผลักบุญสิตาล้มทับพุฒิเมธแล้วหายตัวไปเลย
ขณะนั้นเองจัสตินกับศรันย์เดินเข้ามาพอดี ทั้งสองตกใจว่าบุญสิตาทำมิดีมิร้ายพุฒิเมธ ต่างอึ้งตาค้าง บุญสิตาหันเห็นทั้งสอง เธออายมาก รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปเลย ศรันย์มองพุฒิเมธถามอำๆว่า
“ทำอะไรกันน่ะ”
“นั่นสิ ทำอะไรยัยซิน ซินถึงได้วิ่งหนีออกไปแบบนั้น”
“ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย มันเป็นอุบัติเหตุ” พุฒิเมธปั้นหน้าตึงเสียงแข็ง ทั้งสองแซวว่าง้อซินกลับมาทำงานได้แล้ว...ทำเป็นปากแข็งว่าไม่ง้อ พุฒิเมธทำหน้าตายอย่างไว้ฟอร์มตามเคย เดินเกาหัวออกไปพลางพูดงึมงำ “ก็ทำเพื่อทุกคนในบริษัท”
ooooooo
บุญสิตากลับถึงบ้าน สมศรีกับทรายกลับมาอยู่บ้านแล้วกำลังดูละครทีวีกันสบายอารมณ์
รุ่งขึ้น บุญสิตาเตรียมตัวไปทำงาน วันนี้เธอเริ่มใส่ใจกับการแต่งตัวเป็นพิเศษ ณฤทธิ์ปรากฏตัวให้เห็นแซว
“ดีกับเมธแล้วอารมณ์ดีเลยนะ” แล้วเข้าไปช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้ “ไหนๆฉันก็จับตัวเธอได้แล้ว ก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย” บุญสิตาบอกว่าไม่เป็นไรตนไม่ชิน “สวย...เธอเป็นร่างทรงของฉัน หลังจากวันนี้เธอต้องสวยเป๊ะทุกวันรู้ไหม เผื่อฉันเข้าร่างเธอตอนไหนฉันจะได้มั่นใจเวลาอ่อยผู้ชาย”
บุญสิตาถามงงๆว่าอะไรนะ ณฤทธิ์รีบบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เธอถามว่ามาอารมณ์ไหนเนี่ย
“ก็อารมณ์เพื่อนสาว อยากเห็นเพื่อนสวยไง ฉันอยากเป็นเพื่อนผีที่มีประโยชน์” บุญสิตาบอกว่าตนกลับไปทำงานแบบนี้ไม่รู้คุณซาร่าจะว่ายังไงบ้าง
ณฤทธิ์พูดอย่างเอาเรื่องว่า “ลองดูสิ แม่จะจัดการเอง”
เมื่อซาร่ากับเจนนี่รู้ว่าบุญสิตากลับมาทำงานที่บริษัทก็ไม่พอใจ ซาร่ายื่นคำขาดกับพุฒิเมธว่าถ้ามีซินก็ต้องไม่มีซาร่า นอกจากมากราบขอโทษตน ไม่อย่างนั้นตนจะถอนตัวจากงานของบริษัททั้งหมด
ในขณะที่พุฒิเมธอึ้งอยู่นั้น เจนนี่ก็ชวนซาร่าไปทำผมกันเดี๋ยวจะไม่ทัน
ณฤทธิ์บอกบุญสิตาว่าอย่าไปกราบขอโทษซาร่าเด็ดขาด แต่บุญสิตาอยากทำเรื่องจะได้จบ ยังไงตนก็มีส่วนผิด จะได้ไม่มีบาปติดตัว ณฤทธิ์จึงอาสาจะไปขอโทษเองเพราะตนเป็นคนทำผิด ตนต้องแก้เอง บุญสิตามองอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่ณฤทธิ์อ้างว่าจะได้ไม่เป็นบาปติดตัวตนตอนตายไง เธอก็ยังกังวลว่าจะให้ยืมร่างตนไหม
เมื่อศรันย์กับจัสตินรู้ว่าบุญสิตาจะไปขอโทษซาร่าคนเดียว ก็กลัวว่าเดี๋ยวต้องมีเรื่องแน่ๆ ศรันย์จึงเปลี่ยนใจ จากจะไปหาหมอรีบตามไป
ขณะที่ซาร่ากับเจนนี่กำลังทำผมอยู่ที่ร้านนั่นเอง ณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาก็เดินเข้ามาอย่างสงบเสงี่ยมบอกว่าคุณเมธให้ตนมาขอโทษแล้วยกมือไหว้ ซาร่าหางตาใส่สั่งอย่างผู้ชนะว่า
“กราบเท้าฉัน ถ้าเธอไม่ทำก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาทำงานที่นี่”
บุญสิตาคุกเข่าลงก้มไปที่เท้าซาร่า แต่แทนที่จะกราบ เธอกลับเอาธูปดอกหนึ่งเสียบไว้ที่ง่ามเท้าซาร่า ซาร่าจะกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ออก เจนนี่ตวาดว่าเพื่อนตนยังไม่ตาย!
“ฉันให้ 1 ดอก ดอกเดียวเท่านั้นนะ ที่เธอควรได้รับ อโหสิกรรมให้ฉันด้วย”
ซาร่าตั้งสติได้ก็จะลุกไปเอาเรื่องบุญสิตาแต่ติดที่เครื่องทำผมจึงคว้าของแถวนั้นปาแทน บุญสิตาหัวเราะเยาะบอกว่าจะแถมโลงให้ด้วย แล้วเอาใบบริจาคโลง 3 บาทแปะไว้ที่หน้าผากซาร่า
พอซาร่าหลุดจากเครื่องทำผมก็กระโจนเข้าใส่บุญสิตา บุญสิตาเพียงแต่ปัดป้องแต่ก็ยื้อยุดกันพัลวัน พอดีศรันย์กันจัสตินมาถึงจึงเข้าห้าม แต่ซาร่าไม่ยอมหยุด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ศรันย์ร้องสุดเสียงแล้วเป็นลมล้มไป ทุกคนตกใจหันมาช่วยศรันย์ที่นอนหมดสติอยู่
ooooooo