ตอนที่ 7

หมิงเทียนพาเพกากับเพ่ยเพ่ยมาทานที่ร้านติ่มซำ เพกาดูวิธีกินชาแล้วทำตามหมิงเทียนทุกขั้นตอน หมิงเทียนยิ้มอย่างเอ็นดู เพ่ยเพ่ยหมั่นไส้แกล้งทำเหมือนไม่มีเพกามาด้วย เลื่อนอาหารมาด้านตัวเองกับหมิง-เทียน เขาจึงต้องขอร้องว่า ขอสงบศึกหนึ่งวัน

เพกาเริ่มซักถามหมิงเทียน ว่าอวี้เหลียนเป็นอะไร เห็นทานยาเป็นกำๆ หมิงเทียนตอบว่าเอสแอลอี ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ป่วยมาเกือบสิบปีแล้ว หมิงเทียนดักคอเพกา คงไม่คิดว่าอวี้เหลียนเป็นฆาตกรนะ เพกายิ้มเจื่อนๆ

“เปล่าค่ะ คนอยู่บ้านเดียวกัน ฉันอยากรู้ ใครเป็นยังไง”

“ขอให้แค่นั้นจริงๆเถอะ...สั่งฮะเก๋าไส้กุ้งเพิ่มไหม”

“พี่หมิงเทียนสั่งมาชุดหนึ่งแล้วนี่คะ ยังกินไม่หมด”

“นึกว่าจะชอบกัน ตอนพี่พาเมย์ลีมา เธอกินคนเดียวสองชุด”

ทั้งเพกาและเพ่ยเพ่ยหน้าตึง วางตะเกียบพร้อมกันอย่างเซ็งๆที่เขาชอบพูดถึงเมย์ลี เพ่ยเพ่ยกระฟัดกระเฟียด ว่าทุกลมหายใจเข้าออกเขามีแต่เมย์ลี หมิงเทียนอึ้ง โมโหกลบเกลื่อน

“ไม่สั่งก็ไม่สั่ง อย่าโวย”

เพ่ยเพ่ยต่อว่า เมื่อไหร่เขาจะเลิกคิดถึงเมย์ลีเสียที ตนเบื่อฟังชื่อนี้ หมิงเทียนหงุดหงิดแต่เก็บอารมณ์ สั่งอย่างอื่นมาแทน เพกาเองก็เคือง เพ่ยเพ่ยมองสีหน้าออก เริ่มคิดแผนกำจัดเพกา

พอทานเสร็จ หมิงเทียนให้สองสาวรอหน้าร้าน ตนไปเอารถมารับ กำชับอย่าทะเลาะกัน แต่พอหมิงเทียนเดินไป เพ่ยเพ่ยก็เปิดศึก เยาะเย้ยเพกาว่าพ่ายแพ้ผีเมย์ลี

“กินยาเพี้ยนแล้วคุณ ฉันไม่เคยกระโดดขึ้นสังเวียน ยื้อแย่งคุณหมิงเทียนกับใคร”

“เชอะทำเป็นพูด พี่หมิงเทียนดูเธอไม่ออก แต่ผู้หญิงด้วยกันดูออก ฉันรู้เธอหึงพี่หมิงเทียนกับนังเมย์ลี

จะบอกให้ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เธอกับฉัน เราไม่มีวันแทนที่นังผีนั่นได้”

“ฉันไม่อยากแทนที่ใคร ใครรักฉัน ก็ต้องรักที่ตัวฉัน ไม่ได้รักเพราะฉันหน้าตาเหมือนคนรักเก่า”

“น้าน...เปิดเผยความในใจออกมาหมดเปลือก น้อยใจที่ถูกพี่หมิงเทียนใช้เป็นตัวแทนเมย์ลี โชคร้ายของเธอ หน้าดันเหมือนนังเมย์ลีอย่างกับแกะ”

“อย่างฉันนี่เรียกโชคร้าย คุณก็ต้องซวยสุดขีด

ถึงกับใช้วิธีขู่ฆ่าตัวตาย เรียกร้องความสนใจจากคุณ

หมิงเทียน ทุเรศ”

เพ่ยเพ่ยโกรธที่โดนตอกกลับอย่างเจ็บแสบ ผลักเพกาอย่างแรง ตะคอกจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เพกายันไว้และเยาะไม่อยากทะเลาะกับคนบ้า สะบัดเพ่ยเพ่ย

ออกแล้วเดินแยกกลับไป

ถึงบ้าน ไม่ทันที่เพกาจะขึ้นห้อง หมิงเทียนเข้ามาต่อว่า ทำไมไม่รอกลับพร้อมกัน เพกาอธิบายว่า เพ่ยเพ่ยหาเรื่อง ตนโมโหเลยกลับ เขาทำหน้างงเพราะเพ่ยเพ่ยเล่าไม่เหมือนกัน แต่เขาเชื่อเพกา และขอไถ่โทษด้วยการไปดินเนอร์พรุ่งนี้

“ถ้าไปร้านที่เคยพาคุณเมย์ลีไป ฉันไม่ไป”

“ติดนิสัยเพ่ยเพ่ยมาอีกคน ชอบประชดผมเรื่องเมย์ลี”

“ใช่สิ ฉันนิสัยไม่ดี ไม่น่ารัก...” เพกาน้อยใจเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าหมิงเทียน

หมิงเทียนงงอะไรกันนักหนา วันก่อนยังคุยกันดีๆ เพกาฮึดฮัดอยู่ในห้องที่เขาไม่เข้าใจจิตใจตนบ้างเลย

ooooooo

เย็นวันใหม่ อวี้เหลียนกลับจากบริษัท เดินเศร้าๆ

มานั่งที่เทอร์เรซ เผอิญเห็นเสื้อตัวเองมีด้ายหลุดออกมา จึงล้วงมีดพกในกระเป๋ามาตัดแล้ววางบนโต๊ะ เพกาเดินเข้ามาเห็นมีดเหมือนที่ปักบนตัวหนูตาย สงสัยว่ามีดมาอยู่กับอวี้เหลียนได้อย่างไร ในเมื่อหมิงเทียนเอาให้ตำรวจแล้ว

ไม่ทันจะถาม อวี้เหลียนก็ร้องไห้ออกมา เพราะเมื่อคืนจิ้นเจินไม่กลับบ้าน แถมวันนี้ยังจีบพนักงานบัญชีต่อหน้าต่อตา...พออวี้เหลียนเห็นเพกาก็รีบปาดน้ำตาเหมือนไม่มีอะไร เพกาทักทายตามมารยาท แล้วหยิบมีดบนโต๊ะมาดู ทำทีชวนคุย

“มีดคุณเหลียนกะทัดรัดดีนะคะ”

อวี้เหลียนเล่าว่า บริษัทแจกให้พนักงานประมาณพันคนและคนในบ้านเป็นของที่ระลึก เพกาอึ้งสีชมพูไม่ออกเสียแล้ว ต้องเริ่มต้นใหม่ อุตส่าห์ตามดูตั้งนาน อวี้เหลียนคงไม่ใช่ฆาตกร คิดแล้ว เพกานึกถึงเหว่ยเหอ เขาต้องมีข้อมูลให้ตนแน่ แต่จะหาตัวเขาได้ที่ไหน

เพกามาที่สุสานตระกูลเจ้า เพราะตรงนี้เป็นที่ที่เจอเหว่ยเหอ เธอเดินมองไปรอบๆ พบกล่องไม้ขีดของโรงแรมตกอยู่ สงสัยเป็นของเหว่ยเหอตอนต่อสู้กับตน...เพกาเช็กข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พบว่าเป็นโรงแรมจิ้งหรีด จึงอธิษฐานขอให้เมย์ลีช่วยให้ตนได้พบเหว่ยเหอ

รุ่งขึ้น เพกามาด้อมๆมองๆหน้าโรงแรม สักพักเห็นผู้ชายลักษณะเหมือนเหว่ยเหอ เดินก้มหน้าผ่านไป เธอร้องเรียกเขาก็ไม่หยุด จึงตามไปจนเข้ามาในซอยแคบๆสลับซับซ้อน ชายคนนั้นหายไป เธอวิ่งหาพึมพำขอให้เมย์ลีช่วย แล้วเธอก็หลุดออกมาที่ถนนใหญ่ อีกฝั่งเป็นสถานที่จอดเรือยอชต์ เหว่ยเหอนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนม้านั่ง จึงเข้าไปดึงหนังสือพิมพ์ออก เขาตกใจ

“คุณ...หาผมเจอได้ยังไง”

เพกาเอากล่องไม้ขีดให้ดู แล้วถามว่าเขาพักที่นี่หรือ เหว่ยเหอตอบว่า ช่วงไหนหุ้นทำกำไร ตนจะมีเงินนอนโรงแรม ช่วงไหนหุ้นขาดทุน ฟุตปาทคือเตียงนอน

“อ้อ เล่นหุ้น มิน่าถึงอ่านข่าวธุรกิจ ตำรวจสืบความเคลื่อนไหวคุณจากบัญชีธนาคารได้นะคะ”

“ผมวานให้เพื่อนที่เป็นคนเร่ร่อนเหมือนกันเปิด บัญชีธนาคารให้ ใช้มือถือชื่อเพื่อน ซื้อหุ้นทางอินเตอร์เน็ต”

เพการู้สึกว่าเขาเป็นคนมีความรู้ที่เก่งมาก ทำไมไม่หนีไปจากฮ่องกง เขาย้อนถาม เธอเชื่อว่าเขาไม่ใช่ ฆาตกรหรือ เธอตอบใช่เพราะเขาไม่มีกำไลหยก เขาแปลกใจมันพิสูจน์ได้อย่างไร

“เอาเป็นว่า ฉันเชื่อคุณแล้วกัน หนีไปจากฮ่องกงเสียเถอะค่ะ พวกตระกูลเจ้าไม่มีทางปล่อยคุณ”

เหว่ยเหอเศร้าลง มองไปที่เรือยอชต์จอดอยู่ “ตรงโน้น ผมกับหมิงซานเคยมีอดีตด้วยกัน ที่จริงก็ทั้งเกาะฮ่องกงนั่นล่ะ”

เหว่ยเหอเล่าถึงปลายทางเดินที่ยื่นออกไปในทะเล หมิงซานยืนรอตน เพื่อฟังข่าวว่าตนสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ไหม ตนแกล้งทำหน้าเศร้าๆ ยื่นจดหมายให้เขาเปิดอ่านเอง ข้อความว่า ยินดีรับเข้าเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เขาดีใจมากที่ได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกัน หมิงซานบอกว่า ไปถึงอเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพ เขาจะเลือกทางเดินชีวิตเอง จะอยู่กับตนทุกวินาที ตักตวงความสุขให้มากที่สุด...

เหว่ยเหอน้ำตาคลอ ไม่ว่าตนจะนอนตรงไหน จะมีเงินหรือไม่ มันไม่มีความหมายอะไรเมื่อไม่มี

หมิงซานอีกแล้ว เพกาปลอบใจ อย่าใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำอันเจ็บปวด มีแต่จะทำร้ายตัวเอง ไปจากฮ่องกงเสียเถิด แต่เหว่ยเหอกลับตอบว่า

“ฮ่องกงคือที่ที่ผมได้เจอคุณหมิงซาน ได้รักกัน มีความทรงจำดีๆร่วมกันมากมาย ผมจะไปจากฮ่องกงได้ด้วยเหตุผลเดียว คือ...ผมตาย”

“เอ้า...ไม่ยอมหนี งั้นมาช่วยฉันจับคนร้ายให้ได้ คุณจะได้พ้นข้อกล่าวหา เล่าเหตุการณ์วันที่คุณกับเมย์ลีตาย อีก ครั้งสิคะ เอาให้ละเอียดยิบ นาทีต่อนาที วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เพกาหยิบสมุดโน้ตออกจากกระเป๋า เตรียมจดข้อมูล

เหว่ยเหอเตือนให้เลิกสืบหาฆาตกรเสีย ชีวิตตนจบมาแล้ว ไม่อยากให้ชีวิตเธอต้องจบไปด้วย เพกาโต้ว่า ถ้าท้อแท้วางมือ นั่นแหละคือจุดจบ เขาถอนใจ เพราะจำอะไรไม่ได้มากนัก

พอเห็นเพกาจดทุกคำ เขายิ้มๆ “นอกจากหน้าเหมือน คุณยังชอบทำอะไรเหมือนเมย์ลี เธอชอบขีดเขียน ผมเห็นเมย์ลีเขียนไดอารี่บ่อยๆ”

เพกาชะงักกับข้อมูลใหม่ที่ได้รู้ ไม่มีใครเคย

บอกว่าเมย์ลีมีไดอารี่มาก่อน...กลับเข้าบ้าน เพกาคิดหาไดอารี่ของเมย์ลีให้เจอ ในนั้นน่าจะบันทึกเรื่องของฆาตกรไว้อย่างแน่นอน

ooooooo

วันต่อมา เพกาแอบเข้าไปค้นในห้องเก็บของ เพราะจำได้ว่าซิ่วหลานเคยเล่า หลังจากเมย์ลีตาย ข้าวของของเธอถูกนำมาเก็บในนี้ ระหว่างที่รื้อค้น ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงออกมาดู เห็นอวี้เหลียนนั่งร้องไห้อยู่หลังบ้าน เพกาไม่ทันเก็บของที่รื้อและไม่ได้ปิดประตูห้องเก็บของ

เพกาเห็นรอยช้ำที่แขนอวี้เหลียน จะเข้าไปสอบถาม พอดีจิ้นเจินเดินเข้าไปก่อนจึงหลบ จิ้นเจินฉุดอวี้เหลียนให้กลับขึ้นห้อง เกรงคนมาเห็น แต่เธอโวยว่าไม่อายใครทั้งนั้น ให้คนทั้งบ้านรู้ไปเลยว่าเขาทำอะไร จิ้นเจินบีบแขนเธอขู่ อย่าแม้แต่จะคิด อวี้เหลียนฟูมฟายมีตนคนเดียวไม่พอหรือ จิ้นเจินโต้ว่า อย่างไรเสียเธอก็เป็นภรรยาตามกฎหมาย

“ภรรยาที่ถูกทิ้งให้นอนเดียวดายทุกคืน ฉันไม่อยากเป็น ถ้าคุณไม่หยุด ฉันจะพูด”

จิ้นเจินลืมตัวกลัวเธอพูดความผิดของตนออกมา จึงขู่จะบีบคอ เพกาตะลึงทำไมเขาร้ายกาจแบบนี้ อวี้เหลียนท้าทายให้ฆ่าตนเลย พลันมีแมลงสาบมาเกาะบ่าเพกา เธอตกใจร้องแล้วอุดปากไว้ สองคนชะงัก จิ้นเจินเดินมาดูหลังพุ่มไม้ โชคดีที่เพกาหลบไปได้ทัน

จิ้นเจินกับอวี้เหลียนมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเพกานั่งรวมอยู่กับคนอื่นๆ เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอเห็นรอยช้ำที่แขนอวี้เหลียนตอนตักอาหาร แถมจิ้นเจินตักอาหารให้เพ่ยเพ่ยแต่ไม่ตักให้เมียตัวเอง เพกาฉุนขาด หลับตาสูดลมหายใจเข้าพึมพำอย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
“เป็นอะไรคุณพิงก์ อาหารไม่ถูกปากเหรอ” จิ้นเจินเห็นเพกาหลับตาจึงถาม

เหม่ยอิงหมั่นไส้ บอกจิ้นเจินไม่ต้องไปสนใจ กินได้ก็กิน กินไม่ได้ไม่ต้องกิน เพกาลืมตาขึ้นสบตาอวี้เหลียนที่ดูเศร้าสร้อย เลือดสิทธิสตรีพลุ่งพล่าน

“ขอโทษนะคะ คุณจิ้น คุณไม่ควรใช้กำลังกับผู้หญิง”

ทุกคนที่โต๊ะอาหารหันมองจิ้นเจิน เขาหน้าเสียถามเพกาล้อเล่นอะไร เธอยืนยันว่าไม่ได้ล้อเล่น เรามีกฎหมายคุ้มครองภรรยาที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย หมิงเทียนปรามเพกาให้หยุด แต่เธอยังย้ำว่าถ้าจิ้นเจินทำร้ายร่างกายอวี้เหลียนอีก ตนจะแจ้งตำรวจ เพกาถลกแขกเสื้ออวี้เหลียนให้คนอื่นๆได้เห็นรอยช้ำเขียว เหม่ยอิงกับเพ่ยเพ่ยหัวเราะเยาะความจุ้นจ้านของเพกา

“คุณพิงก์ ฉันอาการภูมิแพ้กำเริบ มันคัน เลยเกาจนแดงค่ะ” อวี้เหลียนแก้ตัวช่วยสามี

“โธ่คุณเหลียน ลุกขึ้นสู้สิคะ อย่ายอมถูกกดขี่”

เหวินเยี่ยโมโหตบโต๊ะเปรี้ยง สั่งเพกาให้หยุดเสียที เธอจึงจ๋อยนั่งลงสงบปากสงบคำ

ooooooo

หลังจากวันนั้น จิ้นเจินมีโอกาสได้คุยงานกับเหวินเยี่ย เขาถามคงไม่เชื่อสิ่งที่เพกาพูดใช่ไหม เธอไร้สาระขึ้นทุกวัน ทำไมไม่ส่งกลับแล้วให้ทางนั้นส่งคนมาแทน เหวินเยี่ยว่าไม่อยากรับคนใหม่ และอีกไม่นานเพกาก็จะทำงานเสร็จกลับไป

จิ้นเจินหงุดหงิด มาขู่เพกาว่าอย่ายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวตนอีก เพกาอึ้ง หรือว่าฆาตกรอาจจะเป็นเขา... ไม่นาน หมิงเทียนเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์ เธอตั้งป้อมรับคำต่อว่าของเขาอีกคน

“คุณมานี่มีอะไรจะว่าฉันใช่ไหม คุณเชื่อฉันไหม น้าชายคุณซ้อมภรรยาตัวเอง”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเท่าที่คุณเคยทำมา น้าจิ้นเป็นคนสุภาพให้เกียรติผู้หญิง เขาทำงานดี รับผิดชอบ เป็นคนโปรดของคุณพ่อ”

พอดีจิ้นเจินเดินมาได้ยิน เพกาบอกหมิงเทียนว่า ตนจะหาไดอารี่ของเมย์ลีให้เจอ ในนั้นจะต้องมีความจริงเกี่ยวกับฆาตกร จิ้นเจินเครียดขึ้นมาทันที หมิงเทียนช่วยนึกว่าหลังจากเมย์ลีตาย ข้าวของเธอถูกเก็บไปไว้ไหนบ้าง เพกาหวังว่าไดอารี่นั่นจะเป็นหลักฐานสำคัญ

บ่ายวันนั้น ที่บริษัท จิ้นเจินเอาแฟ้มงานมาให้หมิง–เทียนในห้องทำงาน แล้วตะล่อมถามถึงเพกา ขอให้หมิง– เทียนช่วยเตือนอย่าให้มาวุ่นวายเรื่องคนในบ้านนัก หมิงเทียน เองก็หนักใจ แต่เธอดื้อ ขนาดกับพ่อยังไม่ทำตามคำสั่งเลย

“น้าว่าผู้หญิงคนนั้นโกหกเรื่องติดต่อวิญญาณเมย์ลีได้ เพราะถ้าติดต่อได้จริงก็ต้องรู้ไดอารี่เมย์ลีอยู่ไหน”

“น้าจิ้นแอบฟังผมคุยกับคุณพิงก์...”

จิ้นเจินแก้ตัวว่า เมื่อเช้าตนจะไปคุยกับเพกาที่มากล่าวหาว่าทำร้ายอวี้เหลียน เลยได้ยินหมิงเทียนคุยกับเพกา แล้วเลยถามว่าเขาเชื่อเรื่องเพกาติดต่อกับวิญญาณเมย์ลีได้หรือ หมิงเทียนตอบมันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำไมถึงสงสัย จิ้นเจินกลบเกลื่อนไม่มีอะไรแล้วกลับไป

หลังจากนั้น เพกาก็ให้ซิ่วหลาน อี่ และหลุนช่วยกันหาไดอารี่ของเมย์ลี ระหว่างนั้น หลุนเห็นมีคนแอบมอง เพกากับทุกคนรีบมาดู ไม่พบใคร พบแต่รอยเท้า หลุนคิดว่าเป็นเหว่ยเหอ

“ไม่ใช่เหว่ยหรอกค่ะ เป็นคนในบ้าน ฉันบอกแล้ว ฆาตกรอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ใช่เหว่ย...ฆาตกรแอบมองฉันทุกฝีก้าว” เพกาเชื่ออย่างนั้น ทำเอาทุกคนเป็นกังวลไปด้วย

พอหมิงเทียนรู้เรื่องจากซิ่วหลาน ก็รีบมาหาเพกาที่ห้อง แต่เธอไม่ยอมเปิดประตูออกมาพบ เพราะงอนหลายเรื่องที่เขาเห็นตนเป็นตัวแทนเมย์ลี และอีกเรื่องไม่เชื่อว่าอวี้เหลียนถูกสามีทำร้ายร่างกาย...หมิงเทียนหงุดหงิดไม่รู้ว่าเพกาโกรธเรื่องอะไร มาบ่นกับซิ่วหลาน
“ผู้หญิงงอนได้ทุกเรื่องแหละค่ะ ผู้ชายถึงต้องมีหน้าที่ง้อไงล่ะคะ ไปง้อเธอสิคะ”

“เผอิญผมไม่ใช่ผู้สันทัดกรณีวิธีง้อผู้หญิง ช่างเขา อยากโกรธโกรธไป งานการผมเยอะแยะ ใครจะไปนั่งสนใจไหว”

ซิ่วหลานอมยิ้ม แกล้งเปรยว่าวิธีง้อผู้หญิงมีสารพัดวิธี เช่น พาไปกินข้าว ไปดูหนัง ซื้อดอกไม้หรือของขวัญให้ แค่นี้ก็ยิ้มแฉ่งแล้ว ซิ่วหลานรู้ว่าหมิงเทียนเงี่ยหูฟังแต่ทำฟอร์มไม่สนใจ

วันต่อมา เพกานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอน หมิงเทียนมาเคาะประตูห้อง เธอบอกอย่างเซ็งๆว่าอย่า มายุ่งกับตนอีก เขายืนกรานถ้าไม่ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ตนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เพกาหงุดหงิดเดินมาเปิดประตู หมิงเทียนยื่นกล่องของขวัญให้

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“ไม่มี ผมอยากให้”

เพกาขอบคุณ ยื่นมือจะรับ แต่เขาดึงกลับ บอกเธอว่าต้องไปรับมอบที่อื่น ทำเอาเธองง...

ooooooo

หมิงเทียนพาเพกามาเดินเล่นที่มิวเซียมออฟอาร์ต อยู่ริมอ่าว บรรยากาศดี วิวสวย ทำให้เพกาลืมว่ากำลังงอนเขาอยู่ พูดคุยยิ้มแย้มด้วย ชี้ถามเขาว่าฝั่งโน้นคือฝั่งเกาลูนใช่ไหม มันสวยมาก ตนจะจำภาพนี้ไว้ พอเขาเห็นเธออารมณ์ดีจึงยื่นกล่องของขวัญให้

“คุณซื้อของขวัญให้ฉันเนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“เปล่า ผมเห็นคุณตั้งใจทำงาน เลยให้รางวัล” หมิงเทียนวางฟอร์มไม่กล้าพูดตามตรง แต่สายตาเพกาที่มอง ดูคาดคั้นให้สารภาพออกมา “ก็ได้ ผมเห็นคุณหงุดหงิดผมก็เลยซื้อของขวัญ พามาเที่ยว เผื่อคุณจะหายโกรธ อารมณ์ดีขึ้น”

“คุณง้อฉันทั้งๆที่ไม่รู้ว่าฉันโกรธคุณเรื่องอะไรหรือคะ”

“ตกลงคุณโกรธผมจริงๆใช่ไหม โกรธเรื่องอะไร”

เพกาลำบากใจที่จะตอบ เพราะความจริงแล้วตนงี่เง่าหึงคนตายไปเอง จึงบอกปัดช่างเถอะ ขอแกะของขวัญเลยดีกว่า เปิดมาเห็นข้างในเป็นกำไลหยกสวยงาม

“ผมสั่งทำพิเศษให้คุณ เป็นหยกเนื้อดีจากพม่า”

“อ้าว หยกไม่ได้มีแหล่งที่มาจากประเทศจีนหรือคะ”

“เมืองจีนก็มี แต่หยกพม่าเป็นหยกเนื้อดีที่สุด

ในโลก ตราหยกของฮ่องเต้สมัยโบราณ ส่วนใหญ่ก็ทำจากหยกพม่า...คนจีนเราเชื่อว่า หยกมีเทพรักษาอยู่ภายใน เราเลยสวมกำไลหยกป้องกันอันตราย ใส่ติดข้อมือไว้นะครับคุณพิงก์ ให้ผมได้อุ่นใจ คุณชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

เพกาสวมกำไลหยกด้วยหัวใจพองโต ที่หมิงเทียนแสดงความเป็นห่วงทั้งแววตาและคำพูด จึงสัญญาว่าจะใส่ติดข้อมือตลอด เธอยิ้มหวานให้จนเขาแทบใจละลาย เขาจับมือเธอขึ้นมา

“ขอให้หยกนี้เป็นตัวแทนของผม ขอให้เทวดาทั้งหลายปกป้องคนดีอย่างคุณให้แคล้วคลาดปลอดภัย”

เพกาซาบซึ้งใจ จู่ๆหมิงเทียนก็บอกว่าได้เวลาแล้ว และดึงเธอเดินไป...เขาพาเธอมาชมการแสดงแสงและสี ที่ใช้ตึกฝั่งฮ่องกง 23 ตึก ฝั่งเกาลูนอีก 21 ตึก ติดตั้งระบบแสงสี เขาอธิบาย

“ทางการท่องเที่ยวฮ่องกงลงทุนไป 44 ล้านเหรียญฮ่องกง หวังดึงดูดนักท่องเที่ยว”

“ฉันว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ”

“หลายปีก่อน กลุ่มรณรงค์ประหยัดพลังงานเรียกร้องให้ชาวฮ่องกงปิดไฟ 3 นาที ตอน 2 ทุ่ม ตรงกับเวลาแสดงพอดี ทางการไม่ยอมเลื่อนการแสดง ให้เหตุผลว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล”...

หลังจบการแสดง เพกาเดินไปตรงที่ขายของกินมากมาย เลือกซื้อของทอด กุยช่าย ลูกชิ้น ปูอัด หมิงเทียนทำหน้าสะอิดสะเอียนกลัวไม่สะอาด เพกาเห็นหน้าเขาก็แกล้งบังคับกลายๆให้เขาทานด้วยกัน เขาต่อรองขอใส่ถุงไปทานที่บ้าน

“เรื่องมากอย่างคุณไปอยู่เมืองไทยบ้านฉันไม่ได้ คนไทยชอบกินของข้างทาง ฉันมีรถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งเจ้าประจำเจ้าหนึ่ง น้ำจิ้มเด็ดมาก อูย...พูดแล้วอยาก กลับบ้านต้องเหมายกรถ”

“พาผมไปกินด้วยคนสิครับ ไอ้ลูกชิ้นปิ้งที่ว่าน่ะ”

“โหย...ทำเป็นเก่ง เจี๊ยะของตรงหน้าให้ได้ก่อนเถอะค่ะ” เพกาป้อนลูกชิ้นเข้าปากเขา เขาฝืนใจกระเดือกลงคอ เธอปรบมือประชดว่าเก่ง

ทานเสร็จ เพกาเดินชมร้านค้า เหลือบเห็นโบติดผมอันหนึ่งสวยถูกใจ ขอให้หมิงเทียนต่อราคาให้เพราะเดซี่บอกมาว่าของริมถนนต่อราคาได้เกินครึ่ง เขากลับหาว่าเธองก อยากได้ของถูกแล้วอ้างเพื่อน เพกางอนท้าให้โทร.ถามเดซี่ว่าพูดจริงๆ เขาว่าเธอร้อนตัว หญิงสาวฟังแล้วโกรธทำท่าจะเดินหนี

“ผมหยอกเล่น ผมซื้อให้ งกแล้วยังชอบของฟรี”

เพกายิ้มแป้นอยู่หุบยิ้มทันที หมิงเทียนรีบบอกว่าล้อเล่น เธอฮึดฮัด “อย่าล้อบ่อยนะคะ เวลางอนเก๊กหน้าเมื่อย”

“มีอย่างนี้ด้วย เก๊กหน้างอน”

“ความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบค่ะ”

หมิงเทียนขำ ดึงเธอเดินต่อไป บอกว่าร้านข้างหน้าของสวยกว่า ตนพาเมย์ลีไปซื้อบ่อยๆ เพกาหน้าบึ้งทันที ที่เขาเอ่ยถึงเมย์ลีอีกแล้ว จึงบอกเขาว่ากลับบ้านเถอะ เขาแปลกใจยังหัวค่ำอยู่เลย เพกาเดินนำหน้าไปไม่พูดไม่จา หมิงเทียนงงว่างอนอะไรขึ้นมา

ถึงบ้าน เพกาลงจากรถเดินไปทันที เป่าหลินออกมาจากตึกเห็นสองคนกลับมาด้วยกัน เหลือบเห็นกำไลหยกที่ข้อมือเพกาก็รีบไปรายงานเพ่ยเพ่ย

เพกานั่งมองกำไลด้วยความปวดใจ ที่หมิงเทียนเห็นตนเป็นตัวแทนคนรักที่จากไป จู่ๆเพ่ยเพ่ยกับเป่าหลินบุกเข้ามา เพกาตกใจเข้ามาได้อย่างไร เป่าหลินชูพวงกุญแจในมือ ส่วนเพ่ยเพ่ยตรงเข้าคว้าข้อมือเพกา ถามว่ากำไลซื้อเองหรือพี่รองซื้อให้

“พี่รองซื้อให้” เพกาตอบด้วยความโมโห

“ฉันไม่ยอม ถอดออกเดี๋ยวนี้” เพ่ยเพ่ยเข่นเขี้ยวยื้อยุดจะถอดให้ได้ เพกาสู้ “เป่ายืนเฉยทำไม จับมันสิ เอามือมันพาดบนโต๊ะ” เพ่ยเพ่ยดึงมีดในถาดผลไม้มาจะสับข้อมือเพกา

หญิงสาวตกใจร้องยอมแล้วๆ...แต่เพ่ยเพ่ยว่าสายไป ว่าแล้วก็สับมีดลงมา เพกาหลับตาร้องลั่น เพ่ยเพ่ยสับมีดลงบนโต๊ะแล้วหัวเราะเยาะ “อุ๊ยตาย...ฉี่ราดรึเปล่ายะ”

เพกาลืมตาขึ้นเห็นมีดปักบนโต๊ะ หมิงเทียนกับซิ่วหลานวิ่งเข้ามา คว้าแขนเพ่ยเพ่ย

หมิงเทียนโกรธจัด “ครั้งนี้พี่ไม่ใจอ่อน พี่จะลงโทษเพ่ยเพ่ย”

“เพ่ยเพ่ยป่วยอยู่นะคะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ยังมารังแกคุณพิงก์ได้”

เพ่ยเพ่ยกลัวจึงขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย หมิงเทียนสวน อยากตายก็ตายไปเลยไม่ต้องมาขู่ เธอหน้าเสียที่เขาไม่เป็นห่วงอีกแล้ว เพกาทนไม่ไหว

“พอเถอะค่ะ อย่ามีเรื่องกันเพราะฉันอีกเลย ไม่ใช่คุณสองคนที่เหนื่อย ฉันเองก็เหนื่อย รู้ไว้นะคะ คุณเพ่ยเพ่ย ฉันไม่เคยสนใจพี่รองของคุณ” เพกาถอดกำไลหยกคืนหมิงเทียน เขาไม่รับ

“อย่าทำลายวันดีๆของเรา”

“คุณต่างหากที่ทำลายวันดีๆทั้งของคนเป็น คนตาย ฉันทนไม่ไหวแล้ว” เพกาน้ำตาคลอ ส่งกำไลหยกให้เพ่ยเพ่ยแทน เธอรับมากอดไว้

“แกรู้อย่างนั้นได้ฉันก็สบายใจ อย่าผิดคำพูดแล้วกัน พี่หมิงเทียนก็เหมือนกัน ได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่ไหมคะ”

“ต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณอีก เอาเวลาที่ให้ฉันไปดูแลคุณเพ่ยเพ่ยเถอะค่ะ เธอเป็นคนที่ต้องการคุณไม่ใช่ฉัน”

หมิงเทียนน้อยใจเดินออกไป เพ่ยเพ่ยยิ้มสะใจเดินตาม ซิ่วหลานเห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้วกลัดกลุ้ม

ooooooo

นับวันก็มีเรื่องให้เพกาต้องฉงน วันนี้เธอเดินปล่อยอารมณ์มาในสวน ได้ยินจิ้นเจินเสียงดังใส่อวี้เหลียนก็คิดว่าเขาจะทำร้ายเธออีก แต่พอเข้ามาดูเห็นอวี้เหลียนกำลังเผาชุดนอนของจิ้นเจิน แต่เขาเกรงไฟจะลุกลาม พยายามห้าม อวี้เหลียนร้องกรี๊ดๆ

“คุณเกลียดฉัน คุณเกลียดฉัน...นี่แน่ะ อยากทำ แบบนี้กับฉันใช่ไหม ฉันทำให้คุณดูเลย ฉันทำเอง นี่นี่” อวี้เหลียนทำร้ายตัวเอง ตีแขนทั้งสองข้างของตัวเองเหมือนคนโรคจิต

จิ้นเจินเห็นเพกาจึงร้องบอกให้ช่วยกันจับอวี้เหลียน แต่เธอหันมาตวาดเรื่องผัวเมีย คนนอกอย่ายุ่ง เพกาเหวอ ที่เห็นด้านมืดของอวี้เหลียน เธอดูน่ากลัวมาก ร้องไห้คร่ำครวญ “ฮือ ฉันรักคุณ ทำทุกอย่างเพื่อคุณ ทำไมทำกับฉันอย่างนี้ ไม่รักฉันแล้วหรือ ฮือๆ”

ท่าทางจิ้นเจินไม่ได้ทำอะไรอวี้เหลียน กลับปกป้องไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง เพกางุนงงคิดในใจ “ผู้หญิงคนนี้ภายนอกอ่อนแอ เปราะบาง แต่ภายในเก็บกดก้าวร้าว รอวันระเบิด เข้าข่ายบุคลิกฆาตกร ที่สำคัญกำไลหยกเธอแตก...หรือเธอคือคนที่ฆ่าเมย์ลี”

เสร็จจากช่วยอวี้เหลียน เพกามาช่วยซิ่วหลานในครัว แล้วซักถามว่าเมย์ลีเคยมีเรื่องกับอวี้เหลียนบ้างไหม ซิ่วหลานตอบว่าไม่เคยเพราะสองคนนี้มีนิสัยยอมคนทั้งคู่ ออกจะเห็นใจกันมากกว่า เพกาถามซิ่วหลานรู้บ้างไหมว่าอวี้เหลียนเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง

“อืม...พวกคนงานอย่างเรา ระแคะระคาย แต่ไม่กล้ายุ่ง”

“ส่วนพวกตระกูลเจ้าก็ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเหมือนเคย”

“คุณเหลียนกับคุณจิ้นชอบไปทะเลาะกันหลังบ้าน เพื่อหลบคุณเยี่ย ส่วนคนอื่นๆคงเห็นว่าเป็นเรื่องสามีภรรยา”

“ฮึ...คฤหาสน์ตระกูลเจ้า มีคนเป็นโรคจิตสองคน คุณเพ่ยเพ่ยกับคุณเหลียน มีคนถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวฆาตกรอีกหนึ่งคน เฮ้อ...เงินไม่ช่วยอะไรสินะ อ้อจริงสิ เมย์ลีเป็นคนสวย คุณเหลียนที่ขี้หึงมาก เคยหึงเมย์ลีไหมคะ”

“คิดอะไรแผลงๆขึ้นมาอีกล่ะคะ”

“โหย อาซิ่ว ว่าฉันเหมือนที่คุณหมิงเทียนชอบว่าเลย”

“ถ้าสงสัยคุณเหลียนเป็นฆาตกรล่ะก็ คิดผิดแล้วค่ะ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน คุณเหลียนไม่เคยทะเลาะกับใครนอกจากสามีตัวเอง เธออยู่ของเธอเงียบๆ”

“อาซิ่วไม่รู้อะไรซะแล้ว เวลาคลั่ง คุณเหลียนน่ากลัวพอกับคุณเพ่ยเพ่ยเลยนะ ฉันเห็นมากับตา” สีหน้าเพกาจริงจัง จนซิ่วหลานอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรู้

ooooooo

วันต่อมาเป็นวันหยุด จิ้นเจินรู้ว่าเพกายังหาไหมซ่อมกี่เพ้าไม่ครบ และคิดว่าต้องใช้สมุนไพรแทน จึงใช้โอกาสนี้ชวนเธอออกไปหาซื้อ เพื่อจะได้คุยกับเธอเรื่องอวี้เหลียน เขาบอกเธอว่า เขาโตมากับยาจีน ถึงช่วยตระกูลเจ้าขายยาได้ตั้งแต่เรียนจบ

จิ้นเจินพาเพกามาร้านขายยาจีนที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ของมิสเตอร์โจว บอกความต้องการของเพกากับโจว เพื่อให้ช่วยหาสมุนไพรที่พอจะใช้ย้อมไหมได้...หลังจากนั้น เขาก็แวะทานอาหารกลางวัน เพกาได้เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของจิ้นเจิน จนอดชมไม่ได้

“คุณเป็นคนไนซ์มาก สมควรอยู่ที่คุณเหลียนจะไม่สบายใจ”

“ขอบคุณครับ” พลันมิสเตอร์โจวส่งเมสเสจเข้ามาว่า หาสมุนไพรได้ครบแล้วจะจัดส่งไปให้ที่บ้าน จิ้นเจินหยั่งเชิง “เห็นหมิงเทียนว่าคุณพิงก์หาไดอารี่ของเมย์ลีอยู่ เจอหรือยังครับ”

เพกาเริ่มรู้สึกระแวดระวัง ไม่กล้าบอกอะไรเขามากนัก ทำทีถามว่าเขาเคยเห็นบ้างไหม จิ้นเจินนึกถึงอดีตที่เคยไม่พอใจฉีกไดอารี่ของเมย์ลีทิ้ง...แต่กลับตอบเพกาไปว่า ตนไม่เคยเห็นเลยว่าเมย์ลีเขียนไดอารี่ แต่ก็จะช่วยหาอีกแรง เพกายิ้มขอบคุณ

กลับถึงบ้าน อวี้เหลียนเข้ามาเกรี้ยวกราดใส่ ว่าไปไหนกันมา จิ้นเจินรีบบอกว่าพาเพกาไปธุระ เธอย้อนว่าสองคนไม่มีงานเกี่ยวข้องกันสักหน่อย เพกาดูออกว่าอวี้เหลียนหึง จะอธิบาย

“ไม่ต้องอธิบาย คนเราต้องอยู่ด้วยความเชื่อใจ ผมไม่ใช่เด็กๆถึงต้องมานั่งบอกทุกอย่างว่าไปทำอะไรมา”

อวี้เหลียนถลึงตาใส่จิ้นเจินราวกับเป็นคนละคน ตวาดใครล่ะที่ทำให้ผู้หญิงเป็นบ้า เพราะผู้ชายมันเลว จิ้นเจินสวนกลับ ทนไม่ไหวก็ไปเสีย หรือไม่มีทางไป อวี้เหลียนผงะ ร้องไห้โฮ หมิงเทียนเดินออกมาจากห้องอาหาร เข้ามาถามเกิดอะไรขึ้น

“ผู้หญิงไทยคนนี้ให้ท่าคุณจิ้น” อวี้เหลียนฟ้องทันที

เพการ้องเอ๊ย...จิ้นเจินช่วยปฏิเสธไม่เป็นความจริง อวี้เหลียนฟูมฟาย หายกันไปสองคนยังบอกว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่เคยนึกถึงหัวอกตนเลย จิ้นเจินหันมาขอโทษเพกา ก่อนจะลากภรรยาออกไป เพกายืนงง ไม่อยากเชื่อว่านี่หรือคืออวี้เหลียน หมิงเทียนทำหน้าดุ

“ออกไปไหนกับน้าจิ้น”

“คุณจิ้นพาฉันไปหาของมาย้อมเส้นไหมค่ะ”

“ทำไมไม่ขอให้ผมช่วย ดันไปหาสามีชาวบ้าน”

“คุณก็ว่าที่สามีคุณเพ่ยเพ่ย”

“นี่...เถียงกันด้วยเหตุผลเป็นมั้ย เอะอะก็ประชด คุณทำตัวไม่เหมาะสมยังไม่ยอมรับอีก”

เพกาเถียง ตนไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด หมิงเทียนสั่ง คราวหลังห้ามไปกับจิ้นเจิน จะไปไหนให้ตนพาไป แต่เพกากลับยั่วว่าไปกับจิ้นเจินสนุกกว่า เพราะเขาสุภาพ คุยสนุก อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น หมิงเทียนโกรธ ถามว่าหลงเสน่ห์น้าจิ้นเข้าแล้วหรือ

“ฉันไม่มีแฟน มีสิทธิ์คลั่งไคล้ผู้ชายคนไหนก็ได้”

“รวมทั้งผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วงั้นหรือ”

เพกาลอยหน้ากวนประสาท เดินหนีไป ปล่อยหมิงเทียนหงุดหงิดไม่สบอารมณ์

ooooooo

เพกาเขียนไดอารี่ระบายอารมณ์ว่าหมิงเทียนไม่มีเหตุผลกับตนอีกแล้ว ปรักปรำว่าตนมีอะไรกับจิ้นเจิน พอดีแม่โทร.เข้ามาถามไถ่เมื่อไรกลับ เพกาดีใจถือโอกาสบ่น

“ท่าจะอีกนานค่ะ ไม่มีคนช่วย วันนี้น้าชายคุณหมิงเทียนพาพิงก์ไปหาของมาย้อมสีไหมที่ยังขาดอยู่ คุณหมิงเทียนหาว่าพิงก์ทำตัวไม่เหมาะสม น้าชายเขาแต่งงานแล้ว เฮ้อ...คิดไปได้”

“พิงก์...เวลาแม่ไปหาเพื่อนที่บ้านแล้วเพื่อนไม่อยู่ อยู่แต่สามี แม่จะรีบกลับทันที เรื่องแบบนี้ต้องระวัง เราไม่คิดแต่คนอื่นอาจมองไม่ดีได้”

เพกาจ๋อย พร้อมย้ำ เราบริสุทธิ์ใจ เราคิดแค่นี้ไม่พอ ต้องดูแลจิตใจคนอื่นด้วย เพกาอึ้งรู้สึกผิดไม่น่าปากไวประชดหมิงเทียนเลย จึงตีปากตัวเอง พร้อมได้ยินถามลูกแคร์เขาขนาดนี้เชียวหรือ มีใจให้เขาแล้วสิ เพกาสะดุ้ง เถียงคอเป็นเอ็น

“ไม่ใช่นะคะ พิงก์กลัวเสียลุค คนบ้านนี้ีมองว่าพิงก์เป็นสาวมั่นยุคใหม่ ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย อยู่ๆถูกมองว่าไปหลงรักสามีชาวบ้าน บั่นทอนภาพลักษณ์ดีๆที่พิงก์อุตส่าห์สร้างสมมาค่ะแม่”

“คุณหมิงเทียนบินมารับพิงก์ถึงเมืองไทย แสดงว่าเขาแคร์พิงก์มาก แม่ดีใจที่เขาคอยดูแลพิงก์แทนแม่ ไปปรับความเข้าใจกับเขาซะนะลูก อย่าให้แม่ต้องเป็นห่วงอยู่ทางนี้”

เพการับปาก...เธอคิดวิธีจะเข้าไปหาหมิงเทียน ปลอบใจตัวเองว่า ทำให้แม่สบายใจ ไม่ได้แคร์เขา แต่พอนึกถึงว่า ปรับความเข้าใจแล้วไง ใจเขาก็มีแต่เมย์ลีอยู่ดีชีวิตเขาก็ต้องดูแลเพ่ยเพ่ย คิดแล้วเปลี่ยนใจ เดินกลับห้อง

วันต่อมา เพกาพยายามค้นหาไดอารี่เมย์ลีในครัว อวี้เหลียนเข้ามาสั่งซิ่วหลานต้มข้าวต้มให้ เห็นเพกาก็ชักสีหน้ากลับไป ซิ่วหลานแปลกใจ เพกาเล่าว่า เธอเข้าใจผิดหึงตนกับจิ้นเจิน...

เพกามาทำงานในห้องพิพิธภัณฑ์ ย้อมสีไหมให้ได้เหมือนแบบแต่ก็ไม่สำเร็จ จนอ่อนใจบ่นกับซิ่วหลาน “ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง หาไดอารี่ก็ไม่เจอ ย้อมสีก็ไม่สำเร็จ”

“นักรบที่ลังเล ออกศึกกี่ครั้งก็พ่ายแพ้ นักรบที่ท้อแท้ ไม่ทันออกศึกก็แพ้ตั้งแต่หน้าประตูบ้าน อย่าท้อนะคะคุณพิงก์ พรุ่งนี้ลองใหม่” ซิ่วหลานปลอบใจ พลันนึกได้ว่า เคยเห็น เมย์ลีเก็บไดอารี่ใส่กล่องลายดอกโบตั๋นสีชมพู ที่หมิงเทียนสั่งทำให้เป็นพิเศษ

สองคนช่วยกันค้นหากล่องลายโบตั๋นในห้องดอกไม้ แต่ไม่เจอ เพกาฉุกคิด หรือเมย์ลีจะฝังไว้ในสวนโบตั๋น จึงชวนกันไปขุดหา ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เพกาเริ่มขุดใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อน อวี้เหลียนเดินมาเห็น โวยวายว่าเพกาทำลายสวนโบตั๋น ซิ่วหลานรีบบอกว่ากำลังหาไดอารี่

“อ้อ...ที่เห็นค้นในครัวก็หาไดอารี่เมย์ลีสินะ ฉันว่า เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว”

“กลัวฉันเจอไดอารี่หรือคะ”

“เชื่อฉัน ปล่อยให้ทุกอย่างในไดอารี่ ตายไปกับเมย์ลี”

“พูดอย่างนี้ แสดงว่าคุณรู้ คุณเมย์ลีบันทึกอะไรในไดอารี่ มันกระทบถึงคุณ คุณมีเรื่องกับคุณเมย์ลี ให้ฉันสันนิษฐาน คุณหึงเมย์ลีกับคุณจิ้น แบบนี้รึเปล่าคะ”

อวี้เหลียนอารมณ์แปรปรวนทันที ฟูมฟายว่าจิ้นเจิน มีอะไรกับเมย์ลีด้วยหรือ ซิ่วหลานรีบปลอบ อย่าคิดไปเอง ทั้ง สองไม่มีทางทำเรื่องบัดสี เพกาแค่ถามเท่านั้นอวี้เหลียนร่ำไห้

“ฉันเจ็บปวดเหลือเกินอาซิ่ว”

ซิ่วหลานพาอวี้เหลียนเข้าบ้าน เพการู้สึกว่าอวี้เหลียนมีอาการทางจิต น่าเข้ารับการรักษา ว่าแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยตัว จึงคิดจะไปอบซาวน่าเสียหน่อย

เพกาเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดที่จะเข้าซาวน่า เดินทุบแขนมาตามทาง เข้าไปในห้องซาวน่าคนเดียว ทันใดมีมือลึกลับสวมถุงมือดำ มาล็อกประตูห้อง และปรับเร่งความร้อนให้สูงขึ้น เพการู้สึกอึดอัดร้อนวูบวาบ จะออกแต่เปิดประตูไม่ได้ เธอพยายามทุบประตูจนอ่อนแรง ในใจคิดว่าเพ่ยเพ่ยเป็นคนทำ ไอน้ำตลบอบอวลในห้อง เพกาล้มลงก่อนหมดสติ เธอขอให้เมย์ลีช่วยด้วย...ทันใด อวี้เหลียนเปิดประตูเข้ามา เพกาปรือตาเห็นเข้าใจว่าเธอจะมาฆ่าตน พยายามกระถดหนี อวี้เหลียนผงะกับความร้อนในห้อง รีบออกไปลดความร้อนลงแล้วเข้ามาลากเพกาออกจากห้อง

เพกาฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องรับแขก คนในบ้านเฝ้าดูเต็มไปหมด พอเห็นหน้าอวี้เหลียนก็ลุกพรวดขึ้น ลี่ผิงเข้าปลอบ

“ไม่ต้องกลัว เธอปลอดภัยแล้ว โชคดีที่เหลียนไปเจอเข้า”

“คุณเหลียนช่วยชีวิตฉัน” เพกาประหลาดใจมาก

“คุณเพกาไม่เป็นไรแล้ว ฉันขอตัวขึ้นข้างบนนะคะคุณพี่” อวี้เหลียนยังเคืองๆ

ลี่ผิงพยักหน้า แล้วเอาถ้วยยาสมุนไพรให้เพกาดื่ม เป็นหล่อฮั่งก้วย ช่วยขับความร้อนออกจากร่างกาย ซิ่วหลานโทษว่า เหว่ยเหอทำ แต่เพกาเถียงว่าเป็นเพ่ยเพ่ย หลุนรีบบอกว่า เพ่ยเพ่ยกับเหม่ยอิงออกไปข้างนอกแต่เช้า ยังไม่กลับ เพกาถึงกับอึ้ง

“คนทำต้องการฆ่าฉัน คราวนี้ไม่ใช่หนู แต่เป็นชีวิตฉัน”

ลี่ผิงลูบไหล่ปลอบ ให้หายใจลึกๆ ดื่มหล่อฮั่งก้วยให้หมด จะทำให้หายใจคล่องขึ้น เพกาทำตามแล้วยิ้มอย่างขอบคุณในความมีเมตตาของเธอ

พอหมิงเทียนกลับจากทำงาน รู้เรื่องเพกาก็รีบมา หาเธอที่ห้อง เพกากำลังถูกซิ่วหลานบังคับให้ดื่มหล่อฮั่งก้วยจนหมดหม้อ เพราะเป็นคำสั่งลี่ผิง...หมิงเทียนโผล่มาเข้าจับตัวเพกาพลิกดูว่ามีรอยพองตามเนื้อตัวบ้างไหม เธอรีบบอกว่าไม่เป็นอะไร สีหน้าหมิงเทียนดูหวาดกลัวจะสูญเสียเธอไป เขาดึงเธอเข้ามากอดต่อหน้าต่อตาซิ่วหลาน เพกาสะกิดเตือน เขาจึงหันมาต่อว่าซิ่วหลาน ดูแลเพกาอย่างไร ปล่อยให้เหว่ยเหอเข้ามาทำร้ายได้ เพกาโวย

“คนบ้านนี้อะไรๆก็โยนความผิดให้เหว่ย ฉันหกล้ม ทุกคนต้องหาว่าเหว่ยผลัก ฉันเป็นหวัดต้องหาว่าเหว่ยเอามาติด”

หมิงเทียนทำหน้าเซ็ง เบื่อหน่ายความดื้อดึงของหญิงสาว

ooooooo

เราใช้คุ้กกี้ 

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)

รับทราบ