ผมได้รับจดหมายจากมูลนิธิพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เมื่อ 2-3 วันก่อน ขอให้ผมช่วยเขียนประชาสัมพันธ์การจัดงานรำลึกถึงท่านซึ่งมีขึ้นที่โรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเร็วๆนี้

เนื่องจากจดหมายส่งมาถึงผมช้าไปนิด ไม่สามารถลงได้ทันตามกำหนดเวลา คือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ผมก็ตั้งใจว่ามีโอกาสเหมาะๆวันไหนจะหยิบมาเขียนถึงท่านสักวัน

เพราะผมก็เคยเป็น “แฟนคลับ” ของท่านคนหนึ่งเคยเขียนถึง และพูดถึงท่านบ่อยๆครั้ง เมื่อ 40 ปีก่อนโน้น

วันนี้ได้โอกาสเหมาะแล้วครับ เพราะผมจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดสัก 2-3 วัน จำเป็นต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้าทิ้งไว้บ้าง

ก่อนอื่นขอสรุปสาระสำคัญของการจัดงานในโอกาสครบรอบ 102 ปีชาตกาลของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ที่โรงเรียนนายเรือสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาสักเล็กน้อยนะครับ

ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นทหารเรือ นักเรียนนายเรือ และญาติพี่น้องของพลเรือเอกสงัด เพื่อเป็นสักขีพยานในการมอบรางวัลของมูลนิธิให้แก่นักเรียนนายเรือที่มีการเรียนยอดเยี่ยม, นักกีฬายอดเยี่ยม และมีลักษณะผู้นำที่มีคุณธรรมยอดเยี่ยมรวม 3 รางวัล

พร้อมกับมีการบรรยายในหัวข้อ “ผ่าดวงเมืองไทยกับภัยคุกคามทาง ทะเล ย้อนรอย จอว์สใหญ่ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่” โดย ฟองสนาน จามรจันทร์ อดีตนักข่าวการเมืองของกรมประชาสัมพันธ์

เจ๊ฟองของผมจะผ่าดวงเมืองไทยกับภัยคุกคามทางทะเลว่าอย่างไรไม่ทราบได้ แต่หัวข้อสนทนาของเธอที่มีคำว่า “จอว์สใหญ่” อยู่ด้วย ทำให้ผมนึกถึงฉายาของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ที่ผู้สื่อข่าวยุคโน้นเรียกขานท่านอย่างใกล้ชิดสนิทสนม

...

ท่านขึ้นสู่อำนาจในฐานะ หัวหน้าคณะปฏิวัติ ที่มักจะเรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูป ชุดเข้ายึดอำนาจในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หลังจากเกิดความวุ่นวาย “ขวาพิฆาตซ้าย” คนไทยฆ่ากันเอง อย่างน่าสลดหดหู่

การเข้ายึดอำนาจของจอว์สใหญ่ ทำให้ความวุ่นวายต่างๆสงบลงได้ชั่วขณะก็จริง แต่จากการที่ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และใช้นโยบาย “ขวาจัด” กลับทำให้บ้านเมืองยังคงวุ่นวายต่อไปอีกพักใหญ่ๆ

ในที่สุด แม้ จอว์สใหญ่ เองก็ไม่สามารถจะอดทนอยู่ได้ ต้องลุกขึ้นปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลยุคธานินทร์อีกหน

และก็เช่นเดียวกับการยึดอำนาจครั้งแรก พล.ร.อ.สงัดไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง และให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคราวนี้ถือเป็นโชคดีของประเทศ เมื่อ พล.อ.เกรียงศักดิ์ได้คลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ จนประเทศไทยกลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง

การเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติถึง 2 ครั้ง และปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คราว เป็นการยืนยันถึงความไม่มักใหญ่ใฝ่สูงของจอว์สใหญ่โดยแท้

ท่านกล่าวกับคนใกล้ชิดอยู่เสมอๆว่า ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย และประเทศชาติมีความมั่นคงเท่านั้น มิใช่เพื่อการก้าวสู่อำนาจทางการเมืองของตนเอง

พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ใช้ชีวิตบั้นปลายของท่านที่บ้านไร่ จังหวัดระยอง และถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2523 ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ขณะมีอายุเพียง 64 ปี 9 เดือน

ผมเองในฐานะนักข่าวนักเขียนที่อยู่ในเหตุการณ์ปฏิวัติทั้ง 2 ครั้ง ที่ท่านลงมือ กราบเรียนตรงๆว่า ครั้งแรกที่ท่านเป็น “เปลือกหอย” ให้กับรัฐบาลอาจารย์ธานินทร์นั้น ผมน้อยใจท่านอยู่พอสมควร เพราะอึดอัดใจมาก ในยุคที่ “รัฐบาลหอย” ท่านจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนแบบสุดๆ

แต่ก็หายน้อยใจและเข้าใจ รวมทั้งขอบคุณท่านอย่างยิ่งที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติอีกครั้ง จัดการกับ “เนื้อหอย” และมอบให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ มาดำรงตำแหน่งนายกฯ ปูพื้นประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย

ต้องขอบคุณ มูลนิธิพลเรือเอกสู่สงัดฯ ไว้ ณ ที่นี้ ที่กรุณาส่งข่าวมาถึงผม ทำให้ผมนึกถึงความหลัง และนึกถึง “จอว์สใหญ่” ขึ้นมาได้

ต้องเชื่อนะครับว่าคนที่ปฏิวัติแล้วไม่ต้องการมีอำนาจน่ะมีเพียง ไม่กี่คนหรอกในประเทศไทยเราน่ะ...หนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ นี่แหละครับ.

“ซูม”