การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 วันที่ 2–4 พฤศจิกายน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจะปิดฉากลงในวันนี้ โดย ไร้เงาผู้นำประเทศมหาอำนาจโลก เข้าร่วมประชุมด้วย เช่น ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย ทั้งที่เป็นประเทศคู่เจรจา ส่งเพียงตัวแทนเข้าร่วมประชุม ทั้งที่เป็นประเทศคู่เจรจา แสดงว่า สองผู้นำมหาอำนาจโลก สหรัฐฯ จีน ไม่ให้ความสนใจการประชุมสุดยอดอาเซียนซัมมิตครั้งนี้เท่าที่ควร

วันนี้ อาเซียนซัมมิตครั้งที่ 35 จะประชุมกันวันสุดท้าย และมีพิธีการส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียน จากประเทศไทย ให้กับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

คุณบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า การจัดประชุมครั้งนี้ไทยในฐานะเจ้าภาพตั้งใจจัดขึ้นในคอนเซปต์ “การประชุมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” หรือ Green Meeting เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด เรื่อง “ความยั่งยืน” ในธีมหลักของการประชุมครั้งนี้ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” เพื่อให้ตระหนักถึง สภาพสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ไทยต้องการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) ให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จึงเกิดไอเดียการสร้างสรรค์การประชุมในรูปแบบกรีน

คุณดุษฎี เล่าว่า แนวคิดการจัดการประชุมแบบกรีน แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ 1.จัดเตรียมสถานที่ประชุมที่เดินทางได้สะดวกด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (ข้อนี้คงไม่เข้าคอนเซปต์ เมืองทองธานีไม่มีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ) 2.ลดการใช้เอกสารทุกขั้นตอน (Green Document) 3.ออกแบบตกแต่งเวทีสถานที่และนิทรรศการด้วยวัสดุที่สามารถใช้ซ้ำและประหยัดพลังงาน 4.จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ ไม่เหลือทิ้ง เลือกอาหารท้องถิ่นที่ไม่เกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ (Green Catering) 5.คำนวณค่าคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน แล้วชดเชยด้วยการปลูกต้นไม้แทน (Carbon Footprint)

...

ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึก และ จุดประกายให้ผู้ร่วมงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของขวัญของชำร่วยที่จัดเตรียมให้กับ ผู้นำ คู่สมรสผู้นำ โดยเฉพาะ เนกไท ผ้าคลุมไหล่ ก็ทำจากพลาสติกรีไซเคิล

ผมขอชมว่า เป็นแนวคิดที่ดีมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสานต่อแนวคิดอันทรงคุณค่านี้ ขยายผลนำไปใช้ในการประชุมของรัฐบาลและภาครัฐ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการคำนวณปริมาณ “ก๊าซเรือนกระจก” ที่เกิดขึ้นในงานทุกครั้ง แล้วปลูกต้นไม้ขึ้นมาทดแทนในปริมาณที่เท่ากัน ไม่ใช่ปากว่าตาขยิบ จัดประชุมโชว์ต่างชาติ แล้วรัฐบาลไม่ทำ จะขายขี้หน้าเขา

ผลการประชุม อาเซียนซัมมิต ครั้งที่ 35 จะมีผลอะไรออกมาบ้าง จะมีการแถลงในวันนี้หลังจบการประชุม นอกจากการรับรองเอกสารการประชุม 46 ฉบับ แล้ว ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรแถลงให้ประชาชนรับรู้โดยเฉพาะ “ข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก RCEP” เพราะผลกระทบที่จะตามมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยทั้งหมด เรื่องข้อตกลงระหว่างประเทศที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่รัฐบาลไปตกลงเสียเปรียบ แต่ไม่บอกความจริงกับประชาชน

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่เรียกแบบชาวบ้านว่า “เขตการค้าเสรี” ที่ประชุมร่วม ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ เพราะ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้ ไม่ได้เดินทางมาประชุม ส่วน อินเดีย ที่มีกำลังซื้อกว่า 1,300 ล้านคน ก็ไม่เห็นด้วย เพราะธุรกิจในประเทศอินเดียยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขัน

ก็มีแต่ “พี่ไทย” นี่แหละ แม้จะรู้ดีว่า “ไม่พร้อม” แต่ก็ ชอบทำหน้าใหญ่ เซ็นสัญญาไปกับเขาหมด ผลก็คือ ธุรกิจน้อยใหญ่สู้ไม่ได้ร่อแร่กันทั้งประเทศ ซึ่งทุกท่านจะได้เห็นผลในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”