สมัยที่แพทย์แผนโบราณยังเฟื่องฟู ปัสสาวะเด็กๆเคยถูกใช้ไปผสมยารักษาโรคผู้ใหญ่ ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ภิกษุรู้จักรักษาโรคด้วยการ “ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า”ความเชื่อว่าน้ำปัสสาวะมีประโยชน์ยังมี กระทั่งสมัยที่แพทย์แผนใหม่พัฒนา จึงมีข่าวการใช้น้ำปัสสาวะล้างหน้าล้างแผลกันอยู่ได้ยินแล้วคงไม่สยดสยองเท่ากับการเอาน้ำหมักของ “ป้าเช็ง” ล้างหรือรักษาโรคตาปัญหาอะไรควร อะไรไม่ควร ถกกันมานาน แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า เมื่อทรงบัญญัติพระวินัยไว้แน่นหนาก็ยังทรงแนะทางแก้...เอาไว้ โดยให้หลักอ้างอิง เทียบเคียง เรียกว่า มหาปเทส 4 ข้อข้อ 1 สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากับสิ่งเป็นอกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นกัปปิยะ สิ่งนั้นไม่ควรข้อ 2 สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นอกัปปิยะ สิ่งนั้นควรข้อ 3 สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นอกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นกัปปิยะ สิ่งนั้นไม่ควรข้อ 4 สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นอกัปปิยะ สิ่งนั้นควรบางคำของชาววัดอ่านแล้วก็ต้องตีความตามไปทำความเข้าใจกัปปิยะ หมายถึง สิ่งของเครื่องใช้ที่สมควร เช่น ปัจจัย 4 ผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ภิกษุสามเณรใช้ได้ไม่ผิดวินัยอกัปปิยะ สิ่งของที่ไม่ควรบริโภคใช้สอย เสื้อ กางเกง เครื่อง ประดับ ภิกษุสามเณรใช้แล้วผิดวินัยจึงพอสรุปความว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงห้าม แต่เป็นสิ่งที่สมควร ไม่ใช่สิ่งที่ไม่สมควร ก็ (น่าจะ) ใช้ได้หรือบางสิ่งที่ไม่สมควร (อกัปปิยะ) เช่น ผลไม้เปลือกหนา (สมมติเป็นทุเรียน) ถ้าปอกหรือใช้มีดกรีดให้เป็นรอยเสียก่อน เรียกว่า “ทำกัปปิยะ” ภาษาวินัย ผู้ทำ เรียก กัปปิยการก พระก็ฉันได้เห็นไหมสิ่งที่ไม่ควร แก้เป็นสิ่งที่ควรได้ง่ายนิดเดียวผมเคยท่องมหาปเทส 4 ในนวโกวาทได้ตั้งแต่บวชเณร ท่องแล้วเจอคำว่า สิ่งที่ควร ไม่ควร กับกัปปิยะ อกัปปิยะ ก็งงต้องพยายามตั้งสติทำความเข้าใจ อะไรที่ไม่เคยทรงห้าม แต่ถ้าเห็นว่าดีว่าควรก็ทำไปแม้อะไรที่เคยทรงห้าม (บัญญัติเป็นพระวินัย) เมื่อกาลเวลาผ่านเลยไป เห็นว่าควรก็เปลี่ยนแปลงได้ข้ออ้างเพื่อเทียบเคียงหรือมหาปเทสนี้ชี้ว่า พระพุทธองค์ทรงเห็นการณ์ไกล ทรงใจกว้าง เปิดทางออกให้ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ช่วยกันเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมตัวอย่าง พระภิกษุเถรวาทที่ถือวินัยเคร่งครัด ไปบิณฑบาตโปรด สัตว์ที่เมืองหนาวบางเมืองเขาเดินกระแสไฟฟ้าอ่อนๆไว้ใต้ถนน ลดความหนาวเย็น ถ้าถือเคร่ง ไม่ใส่รองเท้าไฟก็อาจช็อตถึงตายแต่ถ้าปล่อยปละ เอะอะก็อ้างเพื่อแก้พระวินัยตามใจอยาก พระบางนิกาย อย่าง วัชรยานตันตระ ถึงขั้นอยากกินเหล้าก็กิน อยากมีเมียก็เอา อย่างนี้ก็เตลิดเปิดเปิงเกินไป ไม่ควรทุกเรื่องในโลกนี้เป็นเช่นนี้ บางเรื่องที่ถูกในสมัยหนึ่ง กลายเป็นผิดในสมัยหนึ่ง มนุษย์มีศีลธรรม มีสติปัญญา ก็หาทางเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อความอยู่ดีมีสุขร่วมกันเช่น รัฐธรรมนูญ คนไทยเก่งจะตาย ช่วยกันทำช่วยกันแก้ ช่วยกันฉีกมาแล้ว มากกว่า 20 ฉบับ มีเรื่องให้แก้ให้ฉีกกันอีกสักฉบับสองฉบับคงไม่ถึงกับเหลือวิสัยเพียงแต่เมื่อมีปัญหาเฉพาะหน้า จะต้องเลือกระหว่างคนกับรัฐธรรมนูญ ก็ต้องเลือกเอารัฐธรรมนูญ...คนเปลี่ยนได้เรื่อยๆ แต่หลักอย่างรัฐธรรมนูญ น่าจะต้องยึดเอาไว้ก่อนพุทโธ ธัมโม...เอ๋ย กว่าจะช่วยกันเขียนได้แต่ละฉบับยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน.กิเลน ประลองเชิง