ผมนั่งนับหนึ่งไปจนถึงเกือบหมื่นแล้วกระมังครับ ก่อนที่จะเขียนคอลัมน์วันนี้ เพื่อให้อารมณ์อันขุ่นมัวของผมคลี่คลายลงเหลือระดับปกติ ก่อนที่จะหยิบปากกา
เพราะถ้าผมไม่นั่งนับก่อน หรือนับไปแค่ 10 หรือ 100 ผมมั่นใจว่าอารมณ์คงไม่คลี่คลายแน่ๆ อันอาจจะทำให้ผมเขียนหนังสือด้วยการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือเกรี้ยวกราด อันเป็นแนวทางการเขียนที่ผมไม่เคยปฏิบัติมาก่อนในชีวิตนี้
ปรากฏว่าอารมณ์ผมดีขึ้นมากเมื่อนับมาถึง 9,826 ครั้ง สติสัมปชัญญะกลับมาเหมือนเดิม...สามารถที่จะเขียนคอลัมน์วันนี้ได้อย่างใจเย็น ไม่โมโหโทโส มีแต่ความเมตตากรุณาอยู่ในใจ
เรื่องที่ทำให้ปรอทของผมพุ่งปรี๊ด ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิรอบๆตัวที่ขึ้นไปถึง 40 องศาเซลเซียส เมื่อวานนี้หรอกครับ
แต่เป็นเรื่องจากข่าวที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับรายงานตรงกันว่า กระทรวงการคลังจ่อชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายๆมาตรการเพื่อเข้า ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
สรุปว่าจะแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอีกประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท
แจกด้วยการเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน 3 กลุ่ม ประมาณ 7,000 ล้านบาท
มีทั้งแจกให้ผู้ปกครองที่มีลูกหลานกำลังเรียนคนละ 500 บาท ต่อบุตร 1 คน เพื่อไปซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน แจกให้เกษตรกรคนละ 1,000 บาท เพื่อไปซื้อปุ๋ยในการทำการเกษตร และแจกแก่คนพิการเพิ่มจากเดิมอีกเดือนละ 200-300 บาท สำหรับคนพิการที่ลงทะเบียนไว้ประมาณ 100,000 คน
แม้ผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแจก แต่ก็เอาเถอะ ดูเหตุดูผลว่าแจกเพื่อการเรียนของลูกคนจน แจกซื้อปุ๋ยให้ชาวนา หรือเพิ่มเงินสวัสดิการให้คนพิการก็พอจะยอมรับได้
จนกระทั่งอ่านมาถึงช่วงที่ 2 ที่บอกว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ใน 2 โครงการ โดยโครงการแรก “ยิ่งเที่ยว ยิ่งเท่ ช่วยเปย์ เมืองรอง” นั้น จะแจกเงินให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป คนละ 1,500 บาท ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท
...
ใครก็ได้ที่อายุเกิน 18 ปีมาลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์เลย จะแจกให้ใน 10 ล้านคนแรก ที่ระบุว่าจะไปเที่ยวจังหวัดเมืองรองที่ไม่ใช่จังหวัดที่ตัวเองอยู่อาศัย
ผมอ่านมาถึงตอนนี้ก็ปรี๊ดแตกเลย จนต้องนับ 1 ไปถึง 9,826 อย่างที่ว่าอารมณ์จึงสงบลง นึกปลง นึกโทษตัวเองว่าวาสนาน้อยเหลือเกิน เขียนหนังสือติงท่านรัฐมนตรีคลังไปหลายครั้ง แต่ท่านไม่ฟังเราเลย
เรียนท่านว่าอย่าแจก ท่านก็ยังแจกอยู่อีก
อุตส่าห์เขียนทวงบุญคุณว่าเงินภาษีอากรเหล่านี้เป็นของประชาชนนะ เป็นหยาดเหงื่อของคนไทยนะ กว่าเขาจะหาได้แต่ละบาท เพื่อเสียภาษีนั้นเหนื่อยสายตัวแทบขาดนะ
จึงขอความเห็นใจจากท่าน ถ้าจะแจกก็ขอให้แจกอย่างระมัดระวังและขอให้นึกอยู่เสมอว่าถ้าเป็นเงินของท่านเอง ท่านจะแจกอย่างนี้หรือไม่?
อะไรไม่อะไรผู้แจกเป็นกระทรวงการคลังเองด้วย จะไม่ผิดหลักความเป็นนักการคลังไปหรือ ผมไม่รู้นะว่านักการคลังรุ่นใหม่เป็นอย่างไร แต่รุ่นผมนั้นอาจารย์ท่านสอนว่านักการคลังต้องกระเหม็ดกระแหม่หน่อย
แม้ทุกวันนี้โลกจะเปลี่ยนกระทรวงการคลัง ไม่ควรเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ไม่ควรกระเหม็ดกระแหม่จนเกินเหตุ แต่ก็ควรต้องรักษามาตรฐานของกระทรวงการคลังไว้บ้าง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องแสดงถึงการรู้ค่าของเงิน และให้ความเกรงใจแก่ประชาชนจำนวนมากที่ต้องเสียภาษีอากรบำรุงแผ่นดิน
นี่ท่านกลับเอาไปแจกง่ายๆ...แถมแจกให้เที่ยว จะเมืองหลัก เมืองรองก็คือเที่ยว เอาไปเทียบกับแจกคนพิการ แจกซื้อสมุด ซื้อหนังสือ ช่วยเกษตรกร คนละความรู้สึกเลยนะครับ
แม้จะอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องดูให้ลึกว่ากระตุ้นแบบนี้จะได้ผลไหม? ผมไม่คิดว่าจะได้ผล มีแต่จะเสียเงินเปล่าๆ เหมือนอย่างที่กระตุ้นมาไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ผมส่งต้นฉบับก่อนที่จะทราบว่า เรื่องเข้า ครม.หรือไม่ และครม. อนุมัติหรือไม่...แต่ก็ขออนุญาตบันทึกให้ปรากฏไว้ว่ายังไงๆ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ครม.ก็ตาม.
"ซูม"