ผมอ่านหนังสือ “พราหมณ์สมอพลือ” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ย.2561 ที่คุณทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ กัลยาณมิตรจากเพชรบุรี ส่งมาให้ ได้ความรู้แปลกใหม่ และลึกซึ้งยิ่งกว่าอ่านครั้งก่อน

เพราะรักชอบพระเครื่อง ได้ยินชื่อ “พระหูยานกรุสมอปรือ” ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น

ที่ตั้งของกรุพระอยู่ในถิ่นฐาน เมืองเพชรบุรี ที่เคยมีปราสาทศิลาแลง แสดงเขตอิทธิพลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สมัยเรืองอำนาจ เมื่อราว 800 ปีที่แล้ว

ความรู้ใหม่ที่ได้ครั้งนี้ พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เขียน ถึงแผ่นดินสมเด็จพระบรมโกศว่า ทรงมีพระมเหสีสองพระองค์ พระพันวัสสาใหญ่ หรือกรมหลวงอภัยนุชิต พระพันวัสสาน้อย หรือกรมหลวงพิพิธมนตรี

ทั้งสองพระองค์ มีพระมารดาเป็นเชื้อตระกูลพราหมณ์สมอพลือ เมืองเพชรบุรี

เรื่องที่รู้แล้วต้องอึ้งทึ่งต่อไป ก็คือมีพระราชโอรสสำคัญ องค์แรก พระเจ้าเอกทัศน์ หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา

พระราชโอรสองค์ต่อไป เจ้าฟ้าอุทุมพร รู้จักกันในนาม ขุนหลวงหาวัด และเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร หรือเจ้าฟ้ากุ้ง

เรื่องของพราหมณ์บ้านสมอพลือ เมืองเพชรบุรี มีนัยยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาเลย

เรื่องที่ต้องรู้ต่อไป สุนทรภู่ก็มีเชื้อสายพราหมณ์สมอพลือทางฝ่ายแม่

ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กษัตริย์เป็นใหญ่ พราหมณ์เพชรบุรี ยังมีฐานะทางสังคมสูง มีชีวิตความเป็นอยู่แบบผู้ดี ไม่ว่าบ้านร่ำรวยหรือบ้านยากจน มีคนรับใช้ ภาษาพูดจาไพเราะ

ผัวเมียพราหมณ์ใช้สรรพนาม เรียกกันและกันว่า “อ่อน”

บ้านพราหมณ์สมอพลือสมัยก่อน มีแต่กองเปลือกหอย พราหมณ์ไม่กินเนื้อสัตว์ ชอบกินปู ปลา และหอย

เชื้อสายคนรับใช้บ้านพราหมณ์จนๆ มีเรื่องเล่าสู่ลูกหลาน เวลาแม่ค้าพายเรือมาขายกุ้งขายปลา ริมแม่น้ำเพชรบุรี พราหมณ์จะให้คนรับใช้เอากุ้งเอาปลาให้ขึ้นไปดูบนบ้าน ถ้าชอบใจก็ซื้อ

...

แต่บ้านที่ไม่ซื้อ...ก็ถูกนินทา ทำนองว่าเอากุ้งปลาไปล้างน้ำ แล้วคืนให้แม่ค้า แม่บ้านพราหมณ์จะเอาน้ำที่ล้างปลาไปต้มเอากลิ่นคาวปลาไว้

นี่เป็นเรื่องบ้านพราหมณ์จนๆ เรื่องบ้านพราหมณ์เศรษฐียังมีเรื่องให้นินทาหนักกว่า

ในนิราศเขาลูกช้าง นายต่วนแต่งไว้ตอนหนึ่ง

ถึงท่ามะพูดโบราณว่าชื่อหมาพูด ชันสูตรก็ได้จริงทุกสิ่งสรรพ์ เดิมยังมีเศรษฐีคนหนึ่งนั้น มีทรัพย์นับพันทั้งวัวควาย แต่ตัวของเศรษฐีตระหนี่เหนียว แห้งเหี่ยวเกินการประมาณหมาย...

วันหนึ่งไปซื้อปลาจาระเม็ด ชั้นก้างเกล็ดหาลงถึงหมาไม่ ฝ่ายสุนัขคอยอยู่นานรำคาญใจ หมายจะได้ก้างปลาหาไม่มี แต่คอยแล้วคอยเล่าจนเขาเสร็จ สุนัขเด็ดออกจากบ้านท่านเศรษฐี

มาหยุดพูดนินทาที่ท่านี้ ว่าเศรษฐีขี้เหนียวเจียวใจคอ

สรุปจากคำกลอนสั้น เศรษฐีขี้เหนียว กินปลาก็ยังไม่เหลิือก้างให้หมา

เรื่องของเศรษฐีหรือคนชั้นนำสมัยโบราณ แตกต่างกว่าคนชั้นนำสมัยใหม่...

หลายคนเชื่อคติ ยิ่งแจกยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งรวย พวกที่กำลังปีนบันไดขึ้นเป็นคนชั้นนำ ไปที่ไหนก็มีแต่เรื่องแจกและแจกลูกเดียว ไม่มีเงินทองข้าวของให้ ก็ให้ความหวัง

เพราะเมื่อชนะเลือกตั้ง ยศศักดิ์อัครฐานจะทำให้ได้คืนมากกว่า

เรื่องเศรษฐีขี้เหนียว กินปลาไม่เหลือก้างให้หมา ไม่ซื้อปลา แต่เอาปลาไปล้างน้ำ ต้มเอากลิ่นคาวปลา มีแต่เรื่องเล่า เรื่องจริงๆ ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว.

กิเลน ประลองเชิง