วันเสาร์สบายๆ วันนี้ไปคุยเรื่อง เทคโนโลยีการเงิน อีกสักวันนะครับ ช่วงนี้มีข่าวว่า ระบบการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Payment) หรือ อี-เพย์เมนต์ (e-Payment) ที่ รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการคลัง กำลังบีบให้คนไทยทุกคนเข้าสู่ระบบอี-เพย์เมนต์ เพื่อให้รัฐบาลเข้าถึงการเงินของคนไทยทุกคนได้อย่างสะดวก กำลังสร้างความเหลื่อมล้ำขึ้นในประเทศจีน
มีเรื่องเล่าจาก สำนักข่าวเอเอฟพี ที่เป็นเรื่องเศร้าจาก หลังม่านไอที จีน ที่กำลังจะเป็น “ประเทศไร้เงินสด” แต่กลับ ทิ้งคนกลุ่มใหญ่ไว้ข้างหลัง จนกลายเป็น “ความเหลื่อมล้ำยุคใหม่” ที่ ธนาคารกลางจีน ต้องเหลียวหลังกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ธนาคารกลางจีน ได้ออกประกาศเมื่อต้นเดือนว่า “การปฏิเสธการชำระเงินด้วยเงินสด ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย” หลังจากที่ร้านค้าส่วนใหญ่ในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ต่างปฏิเสธไม่รับเงินสดจากลูกค้า ต้องจ่ายผ่านอี-เพย์เมนต์เพียงอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีน ก็ได้ออกประกาศเตือนว่า การปฏิเสธการรับเงินสดสำหรับลูกค้าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านขายปลีก และสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เพียงเป็นการ “ทำลายฐานะของเงินหยวน” แต่ยัง “ส่งผลกระทบต่อสิทธิในการเลือกวิธีการชำระเงินของผู้บริโภค” อีกด้วย
สำนักข่าวเอเอฟพี ได้เล่าเรื่องเศร้าของชายชาวจีนวัย 67 ปีคนหนึ่งชื่อ คุณสี่ เขาพยายาม จ่ายเงินสดซื้อองุ่นจากซุปเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่งในเมืองจีซี จังหวัดไฮหลงเจียง ทางเหนือของจีน แต่แคชเชียร์ปฏิเสธที่จะรับเงินสด ต้องจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนเท่านั้น
คุณสี่กล่าวว่า ผมจะเดินออกไป ถ้าคุณไม่รับเงินสดผม แคชเชียร์ตอบว่า ก็เอาซีถ้าคุณสามารถออกจากร้านไปได้ คุณสี่ก็ถือองุ่นเดินไปที่ประตูทางออกร้าน แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้านสกัดเอาไว้ ไม่ยอมให้ออกจากร้าน คุณสี่ กล่าวว่า “ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้องที่ผมจะออกจากร้านโดยไม่จ่ายเงิน แต่ผมมีเงินหยวนอยู่ในมือและไม่ใช่เงินหยวนปลอม ทำไมพวกคุณจึงต้องทำให้คนแก่ที่ไม่รู้จักการใช้วีแชทให้ขายหน้าด้วยเล่า” ในที่สุดทางร้านก็ช่วยคุณสี่จ่ายค่าองุ่นด้วยเงินสด
...
เมื่อคลิปวิดีโอนี้แพร่ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย บางคนบอกว่า ข่าวนี้ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจ รู้สึกว่าผู้สูงอายุกำลังถูกทอดทิ้งด้วยกาลเวลา บางคนก็ตั้งคำถามว่า ถ้าเด็กและผู้สูงอายุที่ไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต ถ้าไม่มีสมาร์ทโฟนเขาจะจ่ายอะไรไม่ได้เลย หรือบางคนก็เสนอให้มีช่องจ่ายด้วยเงินสด ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่มีแต่คุณสี่เท่านั้น สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน ระบุว่า มีผู้สูงอายุถึง 30% ในจีนที่เจอปัญหาถูกร้านค้าปฏิเสธการรับเงินสด จึงทำให้ ธนาคารกลางจีน ต้องออกประกาศเด็ดขาดว่า การปฏิเสธการชำระเงินด้วยเงินหยวนเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
จากข้อมูลกลางปี 2560 มีคนจีน 566 ล้านคนที่ใช้ระบบโมบายเพย์เมนต์ คิดเป็น 40% ของประชากรจีน 1,400 ล้านคน ในจำนวนนี้ 89% ใช้อาลีเพย์ (ของอาลีบาบา) และ วีแชทเพย์ (ของเทนเซ็นต์) สะท้อนถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของ อาลีเพย์ และ วีแชทเพย์ ที่เข้ามา “แทนที่เงินหยวน” ของรัฐบาลจีนที่เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ภายในปี 2030 อีก 11 ปี จีนจะมีผู้สูงอายุกว่า 300 ล้านคน ผู้สูงอายุเหล่านี้จะมีปัญหา “สายตา” และ “ความจำ” ซึ่งจะมีปัญหากับ password จำนวนมากอย่างแน่นอน
วันนี้ “อี-เพย์เมนต์” กำลัง “สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างวัย” ระหว่าง “คนรุ่นใหม่” กับ “ผู้สูงอายุ” และ “สร้างความเหลื่อมล้ำ” ระหว่าง “คนเมือง” กับ “คนชนบทที่ยากจน” ผมก็หวังว่ารัฐบาลไทยจะใช้จีนเป็นบทเรียน แค่ความเหลื่อมล้ำ “คนรวย” กับ “คนจน” ก็แย่เกินพออยู่แล้ว ถ้าเพิ่ม ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี เข้าไปอีก คงยิ่งแย่เข้าไปอีก ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกช่องทางชำระเงิน ดีกว่าบังคับครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”