Galaxy Note 20 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใหญ่ที่สุดของซัมซุง (Samsung) ในปี 2020 โดยเป็นสมาร์ทโฟนไซส์ใหญ่ยักษ์ และเปิดตัวในราคา 38,900 บาท
สเปกเครื่อง Galaxy Note 20 Ultra
- หน้าจอ: 6.9 นิ้ว ความละเอียด 1440x3088 พิกเซล
- ชิปประมวลผล: Exynos 990
- ระบบปฏิบัติการ: Android 10 และอินเตอร์เฟส One UI 2.5
- RAM: 8GB
- ROM: 256GB
- กล้องหลัง: 3 ตัว ได้แก่ กล้อง Wide 108 ล้านพิกเซล, กล้อง Tele 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultrawide 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า: 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่: 4,500 mAh รองรับ Fast Charge
- รองรับกันน้ำ-กันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพงที่ปรับจูนโดย Dolby Atmos

ในภาพรวมการทำงานของตัวเครื่อง เมื่อเทียบกับสเปกเครื่องที่ให้มาแล้วนั้น ถือว่า Galaxy Note 20 Ultra ทำงานได้ดี แอปพลิเคชันทุกแอปที่ดาวน์โหลดจาก Play Store ลื่นไหล ไม่มีติดขัด ไม่เจอปัญหา Forced to close
...
การออกแบบ Galaxy Note 20 Ultra

Galaxy Note 20 Ultra มีลักษณะในการออกแบบที่ไม่ต่างจาก Galaxy Note 10+ ซึ่งเป็นรุ่นที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน ซัมซุงได้วางจอการใช้งานเต็มหน้าจอ ด้านซ้ายและด้านขวาจะมีขอบโค้งๆ เพิ่มมิติของหน้าจอ
การออกแบบมีจุดที่น่าสนใจ นั่นคือ ซัมซุงได้ซ่อนเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ใต้จอ (under display) ทำให้การสแกนนิ้วเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยิ่งสะดวกเพราะไม่ต้องดึงหน้ากากลงมาเพื่อสแกนใบหน้า แต่ใช้นิ้วที่ถนัดสแกนนิ้วได้เลย

ด้านหลังของตัวเครื่องจะมาพร้อมกับกล้องหลังขนาดใหญ่ 3 ตัว ซึ่งเป็นกล้อง wide ขนาด 108 ล้านพิกเซล, Telephoto ขนาด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra-Wide 12 ล้านพิกเซล โดยมี Optical Zoom ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่กล้องจะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง เมื่อวางบนพื้นราบ อาจจะขาดความสมดุลไปบ้าง
ที่น่าสนใจ ด้านหลังเครื่อง ซัมซุงได้ใช้การเคลือบแบบใหม่ ทำให้แทบไม่เห็นรอยนิ้วมืออยู่ด้านหลังตัวเครื่อง แต่มีข้อเสียเหมือนกัน คือ ทำให้ตัวเครื่องลื่นกว่าปกติ
ในความเห็น การออกแบบของ Galaxy Note 20 Ultra มันมีรูปลักษณ์ที่ใหญ่เกินไป ทำให้การถือ การใช้งานระหว่างวัน ขาดความคล่องตัวพอสมควร
S Pen ซิกเนเจอร์ของ Galaxy Note 20 Ultra

แน่นอนว่า จุดเด่นของสมาร์ทโฟนซีรีส์ Note ของซัมซุง ก็คือ S Pen อย่างไม่มีใครปฏิเสธได้ โดยการออกแบบของ Galaxy Note 20 Ultra ได้วาง S Pen ให้อยู่ทางด้านล่างทางซ้ายของตัวเครื่อง ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า การวางไว้ตรงนั้นจะค่อนข้างสะดวกกับคนที่ถนัดซ้าย แต่จะเป็นปัญหากับคนที่ถนัดขวา ซึ่งต้องถือตัวเครื่องทางซ้ายมือแล้วใช้มือขวาเอื้อมไปกด S Pen สำหรับดึงออกมา
...
ทางด้านการใช้งาน S Pen มีประโยชน์ในหลายแง่ ทั้งในแง่ของการแปลคำที่เราไม่ทราบความหมาย การ Copy-Paste รวมไปถึงการจดบันทึกอย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดปิ๊งไอเดียปัจจุบันทันด่วน

เช่นเดียวกับการตอบสนองการใช้งานของ S Pen ทำได้ไวมาก มีการเก็บรายละเอียดของเสียงปากกาเวลาที่กระทบกับกระดาษ และการเขียนของ S Pen บน Galaxy Note 20 Ultra ถือว่าไม่ต่างจากการเขียนด้วยปากกาปกติ จริงอยู่ว่า อาจจะมีความไม่คุ้นชินอยู่บ้างในแง่ของสมุดจดที่เปลี่ยนจากกระดาษเป็นดิจิทัล
นอกนั้นภายใน S Pen ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การแปลงลายมือเป็นตัวพิมพ์ การแปลงไฟล์ให้เป็นไฟล์ Word หรือ PowerPoint ได้
หน้าจอแบบ 120Hz

...
ประเด็นนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ หน้าจอรีเฟรชเรต 120Hz เมื่อเราเปิดฟีเจอร์นี้จากโหมดตั้งค่า (Setting > Display > Motion smoothness > Adaptive) จะทำให้การแสดงผลของหน้าจอเป็นไปอย่างลื่นไหล โดยเฉพาะในกรณีที่เราดูคอนเทนต์ที่มีเฟรมเรตสูงๆ จะได้ภาพที่คมชัดกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม หน้าจอแบบรีเฟรช เรต 120Hz ต้องแลกมาด้วยการบริโภคแบตเตอรี่ที่หนักมาก ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานระหว่างวันลดลง จนไม่สามารถใช้งานได้เต็มวัน
ทางด้านเรื่องของสี ความสว่าง บนหน้าจอของ Galaxy Note 20 Ultra ถือว่าดีมากๆ แม้ว่าจะใช้งานในเอาต์ดอร์ที่มีแดดแรงจัด ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา
แบตเตอรี่พันธุ์อึด

เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก กับความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh ของ Galaxy Note 20 Ultra ที่สามารถพกพาใช้งานได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น รองรับการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โซเชียลหนักๆ แชต, โทรเข้า-โทรออก, รับชมคลิปวิดีโอ, วิดีโอสตรีมมิง, อ่านข่าว หรืออ่านหนังสือ ได้สบายมาก
...
จากที่ลองใช้งานแบบเต็มๆ หนึ่งวัน โดยไม่ต้องชาร์จ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 15 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี หากใช้งานหน้าจอ 120 Hz จะใช้งานตัวเครื่องได้ราวๆ 7-8 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากหน้าจอแบบ 120Hz เรียกใช้การประมวลผลที่สูงมาก และจะทำให้ด้านหลังของตัวเครื่องร้อนเล็กน้อยอีกด้วย
เมื่อแบตเตอรี่หมด ก็ไม่น่าห่วงเท่าไร เพราะมีฟีเจอร์ชาร์จไว ถ้าหากแบตปริ่มๆ แดงๆ ใกล้ที่จะหมดแล้ว เสียบชาร์จเพียง 10-20 นาที ก็เพียงพอจะต่อชีวิตการใช้งานได้สบาย แต่ถ้าต้องการให้ชาร์จเต็มประจุ ก็ใช้เวลาไม่นานเพียง 50 - 60 นาที แบตเตอรี่จะกลับมาเต็มหลอดได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
กล้อง

ระบบกล้องของ Galaxy Note 20 Ultra ถือว่าทำได้ดีทีเดียว การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยถือว่า ทำได้ดีเกินกว่าที่คาด
พร้อมกันนี้ ฟีเจอร์กล้องของ Galaxy Note 20 Ultra มีระบบ AI ที่คอยตรวจจับว่า วัตถุที่เรากำลังจะถ่ายอยู่นั้น เป็นวัตถุประเภทใด เช่น เรากำลังถ่ายอาหาร ก็จะมีไอคอนที่บ่งบอกว่า วัตถุนั้น คือ อาหาร เพื่อให้ภาพอาหารออกมาดูดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้ Galaxy Note 20 Ultra ยังมาพร้อมกับระบบซูม 50 เท่า อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัว การซูม 50 เท่า เป็นฟีเจอร์กล้องที่ถูกหยิบมาใช้น้อยที่สุด
สำหรับ Galaxy Note 20 Ultra เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพด้านการถ่ายภาพดีที่สุดในเวลานี้
สรุป

Galaxy Note 20 Ultra เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าประทับใจ สเปกแรง แบตเตอรี่อึด การถ่ายภาพทำได้ดี ใช้สแกนลายนิ้วมือแทนการสแกนใบหน้าโดยไม่ต้องถอดหน้ากาก ซึ่งตรงกับช่วงที่คนทั่วโลกต้องใส่หน้ากาก เพื่อหลีกเลี่ยงการติดโรคโควิด-19 อีกทั้งยังมีลูกเล่นอย่าง S Pen เป็นตัวทีเด็ด หรือถ้าต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอแบบ 120Hz ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของรุ่นนี้ คือ เรื่องของราคา ที่ตั้งไว้ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 38,900 บาท ทำให้เป็นกำแพงที่สูงตระหง่าน กลายเป็นช่องว่างของคนที่มีความคิดอยากเปลี่ยนสมาร์ทโฟน ตัดสินใจมองข้ามและไม่ให้ความสนใจใน Galaxy Note 20 Ultra แต่เลือกที่จะไปเล่นในรุ่นที่ถูกกว่านี้ และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันแทน
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบใน Galaxy Note 20 Ultra
สิ่งที่ชอบ
- หน้าจอ 120Hz
- แบตเตอรี่อึด
- กล้องถ่ายภาพดีมาก
- ชาร์จไว
สิ่งที่ไม่ชอบ
- การจัดวาง S Pen ที่อยู่ในมือข้างไม่ถนัด
- ราคาแพง