แอปเปิล (Apple) และซัมซุง (Samsung) ถือเป็นแบรนด์ที่แข่งขันกันในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจมือถือ หรือแม้แต่ส่วนเสริมอย่างนาฬิกาก็มีการแข่งขันที่ดุเดือด

แต่ละค่ายผู้ผลิตต่างก็มีความพยายามในการนำเสนอนาฬิกาของตัวเองในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือตอนนี้ คือ Galaxy Watch 3

การออกแบบ

Galaxy Watch3
Galaxy Watch3

รูปลักษณ์การออกแบบของ Galaxy Watch 3 ค่อนข้างพรีเมียม หน้าปัดเป็นทรงกลม คล้ายกับนาฬิกาปกติ ที่ทุกคนเคยเห็นหรือสวมใส่มาก่อนที่เราจะรู้จักนาฬิกาอัจฉริยะ ตัวสายนาฬิกาเป็นหนังแท้ มีความทนทาน

จุดที่น่าสนใจของ Galaxy Watch 3 คือสิ่งที่เรียกว่า Rotating Bezel โดย Rotating Bezel จะอยู่กรอบด้านบนเหนือหน้าปัดทัชสกรีน ซึ่ง Rotating Bezel ทำหน้าที่เรียกฟังก์ชันการใช้งานของ Galaxy Watch 3 ที่ถูกตั้งค่าเอาไว้

อันที่จริง Rotating Bezel ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ สำหรับคนที่มีนิ้วใหญ่ เพราะการที่มีนิ้วใหญ่ทำให้การทัชสกรีนบนจอ Galaxy Watch 3 ทำได้ลำบาก นั่นจึงทำให้ฟีเจอร์ Rotating Bezel ถือเป็นการออกแบบที่เหมาะเจาะเหมาะเหม็งเป็นอย่างมาก

พร้อมกันนี้ บนหน้าปัดของ Galaxy Watch 3 จะมีเม็ดมะยมด้วยกันสองเม็ด โดยทั้งสองเม็ดจะทำหน้าที่ต่างกัน โดยเม็ดบนทำหน้าที่เป็นเหมือนปุ่ม Back ส่วนเม็ดมะยมด้านล่างจะเป็นเมนูลัดเพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชันของนาฬิกา เมื่อกดค้างจะเข้าสู่โหมดปิดเครื่อง

หน้าจอ AMOLED ของ Galaxy Watch 3 ถือว่า เป็นหน้าจอการแสดงผลที่ดี สีของ Galaxy Watch 3 ถือว่าสด ตามสไตล์หน้าจอซัมซุง ใช้งานกลางแดดได้ไม่มีปัญหา

ฟีเจอร์เด่น Galaxy Watch 3

...

Galaxy Watch3 มีฟีเจอร์ออกกำลังกายเยอะพอสมควร
Galaxy Watch3 มีฟีเจอร์ออกกำลังกายเยอะพอสมควร

Galaxy Watch 3 เป็นนาฬิกาที่สามารถใช้งานในด้านออกกำลังกายก็ได้ หรือเลือกใช้ดูการแจ้งเตือนในกรณีที่ไม่สะดวกจะดูบนมือถือ

แต่ถ้าใช้ในด้านการออกกำลังกาย ก็ถือว่ามีตัวเลือกในการออกกำลังกายค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ โหมดการวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ HIIT เป็นต้น โดยตัวนาฬิกาจะมีเซนเซอร์เพื่อช่วยนับจำนวนครั้ง (Reps) ในการออกกำลังกาย

จุดที่ชอบของ Galaxy Watch 3 ในขณะที่เรานั่งทำงาน โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวนานเกินไป ระบบของนาฬิกาจะทำการแจ้งเตือนให้เราเปลี่ยนอิริยาบถ โดยจะมีท่าช่วยในการยืดกล้ามเนื้อ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดการแอ็กทีฟ

SpO2 ฟีเจอร์ที่ต้องมีในสมาร์ทวอชตอนนี้
SpO2 ฟีเจอร์ที่ต้องมีในสมาร์ทวอชตอนนี้

แน่นอนว่า เมื่อเป็นสมาร์ทวอตช์ สิ่งที่ต้องมีในเวลานี้ ก็คือ ฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเลือกได้ว่าจะให้วัดอัตโนมัติ หรือแมนนวล วัดตามความสะดวกของผู้ใช้ และ SpO2 ซึ่งถ้าขยายความ SpO2 ความสามารถนี้ เป็นเรื่องของการวัดออกซิเจนในเลือด

ทั้งนี้ การวัด SpO2 จะต้องวางข้อศอกให้นิ่ง ถ้าหากวางไม่นิ่งระบบของนาฬิกาจะไม่สามารถตรวจจับได้ ก็จะต้องเสียเวลาในการตรวจจับวัดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งระบบมีความ Sensitive สูง

อย่างไรก็ดี ฟีเจอร์นี้ ไม่สามารถใช้อ้างอิงทางการแพทย์ได้ เพราะไม่ใช่อุปกรณ์เฉพาะทาง ทำให้มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ ควรใช้แค่ตรวจสอบตัวเองคร่าวๆ เท่านั้น

ตัวเลขการนอนในแต่ละคืน พร้อมบอกประสิทธิภาพในการนอน
ตัวเลขการนอนในแต่ละคืน พร้อมบอกประสิทธิภาพในการนอน

พร้อมกันนี้ ยังมีฟีเจอร์ติดตามการนอน โดยสามารถตรวจจับจะมีค่าที่บอกว่าในคืนนั้นๆ คุณภาพการนอนของผู้สวมใส่มีคุณภาพกี่เปอร์เซ็นต์ หลับลึก หลับได้นานแค่ไหน ซึ่งเมื่อดูจากระยะเวลาที่เข้าสู่โหมดการหลับ และการตื่น มีโหมดวัดคุณภาพการนอน โดยรวมถือว่าแม่นยำทีเดียว

ต่อมาเป็นเซนเซอร์วัดความเครียด (Stress) ที่ประเมินระดับความเครียดแบบครั้งเดียวหรือเป็นระยะๆ ก็ได้ พร้อมกับมีคำแนะนำจัดการกับความเครียดด้วยการฝึกหายใจและเครื่องมือช่วยทำสมาธิ

อย่างไรก็ตาม หากเราใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของ Galaxy Watch 3 อย่างหนักหน่วง ทั้งในด้านการออกกำลังกาย การตั้งค่า Always-on จะกินแบตเตอรี่หนักมาก ใช้งานได้เต็มที่ประมาณ 24 ชั่วโมง

...

หน้ารวมที่บ่งบอกถึงความเครียด ก้าวเดินในแต่ละวัน และอัตราการเต้นของหัวใจในขณะนั้น
หน้ารวมที่บ่งบอกถึงความเครียด ก้าวเดินในแต่ละวัน และอัตราการเต้นของหัวใจในขณะนั้น

ส่วนการปรับแต่งหน้าตาอินเตอร์เฟซ Galaxy Watch 3 สามารถเปลี่ยนได้ที่แอปพลิเคชัน Galaxy Watch บนมือถือ หรือบนนาฬิกาได้เลย

อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Hand Wash ง่ายๆ เลยก็คือ แอปที่จะช่วยนับเวลาการล้างมือ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าการล้างมือได้ และยังมีสถิติการล้างมือในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ อีกด้วย

สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ จากแบตเตอรี่ 15 เปอร์เซ็นต์ จนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 2 ชั่วโมง

การเชื่อมต่อระหว่าง iPhone 12 และ Galaxy Watch 3

ระบบการแจ้งเตือน Galaxy Watch3 ที่เชื่อมต่อกับ iPhone ดีเลย์ไม่กี่วินาที
ระบบการแจ้งเตือน Galaxy Watch3 ที่เชื่อมต่อกับ iPhone ดีเลย์ไม่กี่วินาที

...

ด้วยความที่มือถือเครื่องหลักไม่ได้เป็น Galaxy Note 20 หรือ Galaxy S21 แต่เป็น iPhone 12 จึงทำให้การเชื่อมต่อระหว่างสองค่ายคู่แข่ง จึงมีจุดบอดพอสมควร

ที่เป็นปัญหาจะเป็นเรื่องของเวลาที่มีสายโทรเข้า แม้เรากดรับสายที่ iPhone 12 แล้ว แต่ที่ตัวนาฬิกา Galaxy Watch 3 หน้าจอจะยังคงแสดงสายโทรเข้าอยู่

ถ้าเป็นระบบพุช (Push) การแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันจำพวกไลน์, ทวิตเตอร์, เทเลแกรม, อีเมล ถือว่าทำได้ปกติ ช้ากว่าบน iPhone 12 นิดหน่อย ประมาณ 1-2 วินาที

ข้อดี

  • Rotating Bezel ดีมาก
  • หน้าปัดนาฬิกาจอสีสวย

ข้อเสีย

  • แบตเตอรี่ใช้งานได้แค่ 1 วัน เมื่อใช้ฟีเจอร์ออกกำลังกาย และตั้งค่าให้เป็น Always-on

สรุป

Galaxy Watch3 เป็นทางเลือกของคนชอบนาฬิกาทรงกลม
Galaxy Watch3 เป็นทางเลือกของคนชอบนาฬิกาทรงกลม

...

Galaxy Watch 3 เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่สามารถทำงานร่วมกับ iPhone ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ เพราะในความเห็นส่วนตัวแล้ว อยากให้ Apple Watch ออกแบบนาฬิกาในรูปแบบทรงกลมบ้าง นอกจากทรงเหลี่ยม จึงชอบการออกแบบของซัมซุงมากกว่าฝั่งแอปเปิล

พร้อมกันนี้ ตัวนาฬิกายังมีการออกแบบที่เรียกว่า Rotating Bezel ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ดีมากๆ ของคนที่มีนิ้วใหญ่ ทัชจอบนนาฬิกาลำบาก

ในภาพรวม ถ้าหากใครเป็นผู้ใช้งาน iPhone แต่อยากใช้นาฬิกาทรงกลม ถือว่ารุ่นนี้พอเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้การใช้งานบางอย่างจะไม่สมบูรณ์ เช่น เรื่องของสายเรียกเข้า ซึ่งไม่ซิงค์กันระหว่างบนมือถือและนาฬิกา เรื่อยไปจนถึงเรื่องของแบตเตอรี่ที่อยู่ได้แค่หนึ่งวัน สำหรับคนที่มีกิจกรรมในการออกกำลังกาย

ดังนั้นแล้ว ถ้าหากเป็นสายออกกำลังกายแบบจริงจังมากๆ เป็นสายลุยเต็มตัว รุ่นนี้อาจไม่ตอบโจทย์ 100% เพราะปริมาณแบตเตอรี่ อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน