สงครามเย็นระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ จีน ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งห้ามบุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) เจ้าของ “ติ๊กต่อก” TikTok แอปพลิเคชันแบ่งปันวิดีโอตอนสั้นยอดนิยมของจีน และห้ามทำธุรกรรมกับ “วีแชต” WeChat แอปพลิเคชันรับส่งข้อความของจีน ที่มีบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent) เป็นเจ้าของ โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลภายใน 45 วัน หรือวันที่ 20 ก.ย. เว้นเสียแต่ Tik Tok และ WeChat จะขายกิจการในสหรัฐฯให้กับบริษัทอเมริกัน (บริษัท Microsoft)

ทรัมป์อ้างเหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าวว่า แอปพลิเคชันทั้งสอง เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพราะอาจนำข้อมูลของผู้ใช้บริการไปมอบ ให้รัฐบาลจีน เพื่อใช้ สอดแนม หรือ ข่มขู่ เจ้าของข้อมูล ซึ่งบริษัทไบต์แดนซ์และเทนเซ็นต์ก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว (อันที่จริงแอปพลิเคชันสัญชาติอเมริกันที่เราใช้กันอยู่ก็แอบเอาข้อมูลของผู้ใช้บริการไปใช้ประโยชน์เหมือนกัน เพียงแต่สหรัฐฯชอบเต๊ะท่าชี้หน้าด่าคนอื่น)

กิจการของ Tik Tok ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐฯมีคนใช้ Tik Tok ถึง 30 ล้านคน ทรัมป์ จึงยอมไม่ได้ที่จะให้คนอเมริกันตกเป็นสาวกของจีน หรือแม้แต่ในอินเดียก็มีคนใช้ Tik Tok ถึง 400 ล้านคน ตอนที่อินเดียแบน Tik Tok กลุ่ม วัยรุ่นอินเดียถึงกับร้องไห้ระงม ในไทยเอง Tik Tok ก็มาแรงฮอตฮิตเอามากๆเช่นกัน ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็น Top 3 แอปพลิเคชันยอดนิยมไปแล้ว

ส่วน WeChat ถึงแม้คนอเมริกันใช้กันไม่เยอะ แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อย นักธุรกิจอเมริกันที่ทำธุรกิจกับจีน รวมถึงนักศึกษาและอเมริกันชนที่มีเพื่อนชาวจีน ส่วนใหญ่มีแอ็กเคานต์ WeChat ทั้งนั้น บางคนไม่เคยใช้อาจนึกว่า WeChat เป็นแค่แชตแอปพลิเคชันเหมือน Line แต่สำหรับคนจีน WeChat เรียกได้ว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ในนั้นมีทั้งธนาคาร โรงพยาบาล ระบบจ่ายเงิน ระบบเรียกแท็กซี่ ฯลฯ

...

ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น กูรูเรื่องจีน และผู้เขียนหนังสือ “The Rise of China จีนคิดใหญ่ มองไกล” เคยให้สัมภาษณ์ลงใน Tap Magazine ฉบับพิเศษ 45 ปีความสัมพันธ์การทูตไทย–จีนว่า การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน ไม่ได้มุ่งเพียงแค่การสร้างเส้นทางสายไหมทางกายภาพด้วยการเชื่อมโยงเส้นทางค้าทางบกทางทะเลแบบเดิมๆ แต่ยังมุ่งไปสู่การสร้าง เส้นทางสายไหมดิจิทัล (Digital Silk Road) เพื่อปูทางไปสู่ความร่วมมือกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ดร.อักษรศรี ระบุด้วยว่า จีนยุคนี้ไม่ได้ส่งออกเพียงแค่สินค้า หรือส่งออกนักลงทุนและนักท่องเที่ยว แต่ยังลุ่มลึกในการส่งออก แพลตฟอร์มจีน เช่น Lazada TikTok ล่าสุดจีนยังได้ทดลองนำร่องการใช้เงินหยวนดิจิทัลใน 4 เมืองสำคัญ เพื่อปูทางให้เงิน หยวนดิจิทัล กลายเป็นเงินสกุลหลักของโลก อีกทั้งในการประชุมสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติของจีน CPPCC มีการเสนอให้มีการร่วมมือกันของ 4 สกุลเงินสำคัญในเอเชียคือ เงินหยวนจีน เงินเยนญี่ปุ่น เงินวอนเกาหลีใต้ และเงินดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อสร้างเงินดิจิทัลเพื่อใช้ในภูมิภาค (Regional Stablecoin)

นี่แหละครับคือสาเหตุที่สหรัฐฯต้องรีบเบรกการรุกคืบทางเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน

แม้กระทั่ง ระบบดาวเทียมนำทาง “เป๋ยโต่ว” ที่เพิ่งปล่อยดาวเทียมดาวสุดท้ายขึ้นสู่วงโคจรโลกเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ทำให้เป๋ยโต่วมีดาวเทียมครอบคลุมการให้บริการทั่วโลก กลายมาเป็นคู่แข่งกับระบบ “จีพีเอส” ของสหรัฐฯ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่รองรับฟังก์ชันของเป๋ยโต่วได้

โลกกำลังถูกแบ่งฝ่ายแยกขั้วโดย 2 ชาติมหาอำนาจ สงครามเย็นครั้งใหม่นี้ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ความอึดอัดอึมครึมยังดำเนินต่อไป ไทยก็ต้องรักษาสมดุลให้ดี มองในแง่ดีการมีคู่แข่งย่อมดีกว่าปล่อยให้สหรัฐฯผูกขาดเป็นเจ้าโลก อย่างน้อยก็ทำให้เรามีทางเลือก ของจีนราคาถูกคุณภาพดีมีเยอะแยะ อยู่ที่เราจะเลือกใช้ตามสถานการณ์ครับ.

ลมกรด