“บอสพอล” น้ำตาแตกคารายการโหนกระแส อ้างเสียใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ ยันจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เยียวยาเหยื่อ รับคลิปเสียงเจรจาเทวดา สคบ.เป็นเสียงตัวเองจริง แฉแหลกโดนรีดส่วยมาตลอด จ่ายหมดทั้งทนายความ นักร้องเรียนนัวไปหมด ส่วนมีนักการเมืองและตำรวจด้วยหรือไม่ ไม่อยากก้าวล่วง จ่ายสูงสุดครั้งละ 3 ล้านบาท ส่วน “บอสดารา” บางส่วนจ้างงานบางส่วนมีรายได้จากยอดขาย “ดีเอสไอ” ออกเลขสืบสวนคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปแล้ว วางแผนสอบสวน ยันทำงานประสานตำรวจมาตลอด รอเข้าเงื่อนไขแชร์ลูกโซ่รับมาดำเนินการทันที “หนุ่ม กรรชัย- กัน จอมพลัง-บอย ปกรณ์” พาผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดอีก 40 คน ยอดแจ้งความทะลุ 1,067 คน ความเสียหาย 378.2 ล้านบาท “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาเต้น สั่งสอบคลิป กมธ.รีดทรัพย์บอสพอล ถ้าพบความผิดฟันเด็ดขาดรวมทั้งดำเนินคดีอาญาด้วย กมธ.หลายหน่วยก็อยู่ ไม่ได้ ประกาศตรวจหาเจ้าของเสียงในคลิปแล้ว “สามารถ เจนชัยจิตวนิช” รองโฆษก พปชร. ปฏิเสธข้ามประเทศ ไม่ใช่คนในคลิป “ป้อง ณวัฒน์-ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” แจงเคยรับงานพรีเซนเตอร์แค่ปีเดียว ยันเสียใจกับผู้เสียหายพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง

กรณีผู้เสียหายแห่แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บช.ก.ดำเนินคดีผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก โดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต แต่หลังจากผู้เสียหายตัดสินใจเข้าร่วมกลับเอาเงินไปจม และถูกเกลี้ยกล่อมให้หาเครือข่ายลงทุนเพิ่มเพื่อให้ได้เงินคืน เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 630 ราย ความเสียหายกว่า 228 ล้านบาท แต่ระหว่างคณะทำงานกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือแซม ภมรมนตรี และ น.ส.พีชญา หรือมิน วัฒนามนตรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยไม่บอกล่วงหน้า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังสอบสวนนาน 7 ชม.ตำรวจต้องปล่อยตัวไป เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานพอแจ้งข้อกล่าวหา

...

“หนุ่ม–กัน–บอย” พาเหยื่อแจ้งความ

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ต.ค. นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย พิธีกรผู้ประกาศข่าวชื่อดัง นายปกรณ์ หรือบอย ฉัตรบริรักษ์ พระเอก พร้อมนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พาผู้เสียหาย 40 ราย เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนคดี ดิ ไอคอนกรุ๊ป หนุ่ม-กรรชัยเผยว่า พาผู้เสียหายจำนวนมากมาร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับพาบอย-ปกรณ์มาชี้แจงผ่านสื่อครั้งแรกเพื่อแสดงความจริงใจหลังออกรายการโหนกระแส ผู้เสียหายวันนี้รวบรวมจากรายการโหนกระแสและจากฝั่งของกัน จอมพลัง รวมทั้งจากบอย-ปกรณ์ด้วย ส่วนกรณีมีกระแสว่า กลุ่มของตนนำแม่ข่ายไปฟอกขาวในรายการ ขอแจ้งว่า “คุณจะเอาเศษขนมปังไปตกปลาใหญ่ได้หรือ สิ่งที่ต้องทำคือ เอาขนมปังก้อนใหญ่ เช่น แม่ข่าย เพื่อสาวขึ้นไปถึงตัวบิ๊กบอส ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่โหนกระแสหรือใครก็ตามจะเอาแม่ข่ายมาพูด แต่หากพิสูจน์แล้วว่าผิดกฎหมาย ต้องติดคุกอยู่ดี”

ยินดี “บอสพอล” มาออกรายการ

หนุ่ม-กรรชัย กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้บอสพอลออกมาแฉว่า มีขบวนการล้มล้างเครือข่ายของตน นำเอาพวกมีอิทธิพลต่อสื่อออกมาโจมตี หรือเรียกว่าแร้งทึ้งหมาเน่านั้น มองว่าเป็นสิ่งที่หลายคนคิดหรือพูดได้ แต่มุมของตนต้องเรียนว่า ถ้าคุณต้องกินหมาเน่าแล้วสังคมมันดีขึ้น คุณจะกินหรือไม่ แต่ถ้าเป็นตน ตนจะกิน นอกจากนี้ ทราบมาว่าบอสพอลอยากไปออกรายการโหนกระแส ตนติดต่อไปแล้ว หากบอสพอลพร้อมยินดีให้ชี้แจง ตนเป็นกระบอกเสียง ไม่ได้ฟังแค่ผู้เสียหาย ผู้ถูกกล่าวหาก็พร้อมฟัง อยากให้ผู้เสียหายอุ่นใจและสบายใจได้ แม้มีคำขู่ออกมาว่าจะโดนฟ้องกลับ อยากให้ทุกคนรักษาสิทธิ์ไว้ สามารถแจ้งความได้ตามสถานีตำรวจทุกที่ทั่วประเทศ

“บอย–ปกรณ์”ขอช่วยเหยื่อ

ด้านบอย-ปกรณ์กล่าวว่า วันนี้มาด้วย 3 เรื่อง เรื่องแรกคือ หลังจากออกรายการโหนกระแสและแจ้งผ่านไอจีส่วนตัว หากมีผู้เสียหายท่านไหนไม่กล้าออกมาหรือไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ตนจะเป็นคนประสานให้ วันนี้รวบรวมพามาแจ้งความเพราะบางคนยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง สำหรับตนถือว่าเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมอยู่ฝั่งผู้เสียหายเต็มตัว ส่วนหนึ่งอยากทำอะไรที่เป็นการรับผิดชอบที่ตนกระทำด้วยความไม่รู้ แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากตนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำให้ผู้อื่นเสียหายต่อ

แจ้งฉ้อโกงกับดิ ไอคอน กรุ๊ป

“ส่วนที่ 2 มาให้ปากคำพร้อมนำเอกสารมายื่นให้พนักงานสอบสวน พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ส่วนที่ 3 จะมาลงบันทึกประจำวันในส่วนที่ทำหนังสือยกเลิกสัญญาพรีเซนเตอร์พร้อมจะคืนเงินให้บริษัท และส่วนสุดท้ายคือ มาแจ้งความร้องทุกข์บริษัทเป็นนิติบุคคลก่อนเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แม้ความเสียหายของตนจะไม่เท่าความเสียหายผู้อื่น ในส่วนที่บริษัทปกปิดข้อเท็จจริงและข้อมูลกับตน ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ยังนำรูปของตนไปใช้ในทางที่ตนไม่ได้อนุญาต ขอย้ำในส่วนที่มาแจ้งความไม่ได้ทำเพื่อลบล้างความผิด และจะไม่สามารถลบล้างสิ่งที่ตนทำไปแล้ว จะด้วยรู้หรือไม่รู้ก็มีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย จะแจ้งข้อหาฉ้อโกง” บอย-ปกรณ์กล่าว

รวมผู้เสียหายมาได้ 40 คน

ส่วนกัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้รวบรวมผู้เสียหายมาได้ 40 คน เนื่องจากมีหลายคนอยากชี้แจง มีผู้เสียหายบางรายเป็นผู้พิการขายของไม่ได้สักกล่อง แต่มีการนำภาพและคลิปไปเผยแพร่ว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จ และใครมีข้อมูลว่ามีคนมาข่มขู่ ส่งข้อมูลมาให้ตนได้เลย ใครกล้าปากดีใส่ผู้เสียหาย ส่งข้อมูลมาให้ตนจะรื้อให้หมด

“หนุ่ม–กรรชัย” พูดเป็นปริศนา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ฟังคลิปเสียงที่เป็นกระแสว่า บอสพอลกับบุคคลปริศนาสามารถเคลียร์ทุกอย่างให้จบได้โดยใช้เงินแล้วหรือยัง หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นเสียงบอสพอลจริงหรือไม่ จะจริงหรือไม่เชื่อว่าคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สุดท้ายเห็นว่าเคลียร์แล้วไม่ได้ผลอะไร เพราะว่ากระแสสังคมประชาชนจะเป็นตัวหลัก “เรื่องที่ดีดนิ้วแล้วจบ ไม่ใช่ธานอสครับ ทำไม่ได้” อยากฝากถึงบอสพอลว่าเราคงได้เจอกันเร็วๆนี้ อยากให้เยียวยาผู้เสียหายเป็นอันดับแรก อย่าเพิ่งบอกว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิด อยากให้ออกมามองผู้เสียหายก่อน นอกจากนี้ยังมีพี่น้องในวงการเดียวกันที่ยังยืนยันคำเดิมว่า อันไหนที่มันไม่ถูกไม่ควรก็หยุดซะ หมายถึงคนอื่นๆด้วยที่กำลังทำเรื่องราวแบบนี้อยู่

“อี้–แทนคุณ” พามาอีก 40 คน

ต่อมาเวลา 10.40 น. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้-แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อเป็นหนึ่ง พาผู้เสียหาย 40 คน เข้าแจ้งความเอาผิดบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป อี้-แทนคุณ กล่าวว่า ขณะนี้ตนรวมผู้เสียหายได้กว่า 1,000 คนแล้ว วันนี้พามา 40 คน ส่วนความเสียหายหลักๆมาจากถูกหลอกให้ลงทุน ผู้เสียหายบางรายเป็นแม่บ้านทำงานได้เงินวันละ 300 บาท ใช้เงินเก็บ 200,000 บาท ที่เก็บมา 19 ปีไปร่วมลงทุน แต่กลับไม่สามารถทำเงินได้ จึงคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย ต้องกินยาแก้เครียด

วอนตำรวจโรงพักรับแจ้งความ

นายณัฐนันท์ อางี่ อายุ 43 ปี หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ผ่านมาสู้เรื่องนี้มาตลอด ถึงขั้นไปบริษัทดิไอคอนฯเพื่อไลฟ์ ต่อมาไปแจ้งความ สน.บางเขน แต่พยานหลักฐานไม่ชัดเจนตำรวจแจ้งให้ไปหาข้อมูลเพิ่ม ตนขอแค่ลงบันทึกประจำวัน ตำรวจกลับไม่รับทั้งที่เสียเงินลงทุนไป 1 ล้านบาท ตนรู้ข้อมูลรายละเอียดมากกว่าคนอื่นระดับหนึ่ง ไม่สามารถเปิดเผยตรงนี้ได้ ด้าน น.ส.ชลิดากล่าวว่า ฝากถึงสถานีตำรวจในพื้นที่ต่างจังหวัดว่า ให้รับแจ้งความผู้เสียหายด้วย เพราะมีผู้เสียหายหลายรายติดต่อมาว่า สถานีตำรวจไม่รับแจ้งความ ไล่ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ บก.ปคบ. ถึงขณะมีผู้เสียหายลงทะเบียนในระบบมูลนิธิเป็นหนึ่งจำนวน 300 คน เสียหายประมาณ 150 ล้านบาท

“บอย” แจ้งเอาผิดดิ ไอคอน

หลังให้ปากคำร่วม 4 ชม. บอย-ปกรณ์ ให้ปากคำเสร็จเดินลงมาด้านล่าง ตรงเข้าไปยกมือไหว้กลุ่มผู้เสียหายที่รอคิวแจ้งความอยู่ หลังจากนั้น เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนรู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่ไม่ได้สบายใจ ได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงโดยมีเอกสารยืนยัน ยอมรับรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้มีผู้เดือดร้อนและเสียหายจำนวนมาก วันนี้มีผู้เสียหายบางรายเข้ามาขอบคุณที่ตนออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ตนไม่สามารถรับคำขอบคุณเหล่านี้ได้ ที่วันนี้ใช้เวลานานเพราะต้องทำหลายอย่าง ทั้งเข้าให้ปากคำ นำเอกสารหนังสือสัญญาต่างๆ ทั้งสัญญาจ้างและสัญญาที่ตัวเองขอยกเลิกสัญญาจ้าง และลง บันทึกประจำวันมาชี้แจง รวมทั้งแจ้งความในส่วนคดีของตนด้วย

อยากให้ดาราคนอื่นมาให้ข้อมูล

ถามถึงกรณีได้ดูบอสพอลออกรายการโหนกระแสหรือไม่ บอย-ปกรณ์ กล่าวว่า ดูเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ทราบว่าพูดออกมาจากใจจริงหรือไม่ ขอไม่แสดงความคิดเห็น ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และในส่วนของ 3 บอสดาราดัง ยังไม่ได้พูดคุยกัน อยากฝากถึงดาราคนอื่นที่เคยร่วมงานหรือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอน อยากให้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะเชื่อว่าหลายคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตน ที่ทำไปโดยไม่ทราบและไม่มีเจตนา ข้อมูลต่างๆจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและผู้เสียหาย ส่วนบอสต่างๆที่ไม่ใช่ดาราอยากเรียนว่า ทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ ที่ผ่านมาอาจเคยเจอกัน หลังจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยว ส่วนเรื่องที่ตำรวจจะนัดมาพบอีก ตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดวันที่นัดหมาย

แพทยสภาเอาผิด “บอสหมอเอก”

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา นำเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.แจ้งความกรณี ดร.ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก แอบอ้างเป็นหมอ พล.อ.อ.นพ.อิทธพรกล่าวว่า วันนี้ประสานกรมสอบสวนประกันสุขภาพ และตำรวจสอบสวนกลางมาแจ้งความบอสหมอเอกแอบอ้างตัวว่า เป็นหมอผ่านโซเชียล การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม 2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจาก ตรวจสอบกับสภาเทคนิคการแพทย์ทราบว่า บุคคลดังกล่าวจบจากที่นั่นจริง แต่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทางการแพทย์ ส่วนหลักฐานที่นำมาวันนี้คือ รูปภาพและคลิปวิดีโอที่ปรากฏในสื่อ แอบอ้างสร้างความเชื่อถือเพื่อใช้ในการตลาด อาจนำไปสู่การสื่อสารภาพลักษณ์ของแพทย์ไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวว่า จะสอบปากคำเลขาธิการแพทยสภาไว้ จากนั้น ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ และดำเนินการตามกฎหมาย

แจ้งความ 1,067 คนเสียหาย 378 ล้าน

ต่อมาเวลา 15.20 น. ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เผยแพร่เอกสารความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป เนื้อหาสรุปว่า ตั้งแต่วันที่ 10-13 ต.ค. พนักงานสอบสวน บก.ปคบ.สอบปากคำผู้เสียหายเสร็จสิ้นแล้ว 635 คน มูลค่าความเสียหายรวม 232.4 ล้านบาท ที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อมูลที่นำเสนอก่อนหน้านี้ เพราะผู้เสียหายบางรายขอเดินทางกลับไปแจ้งที่ภูมิลำเนา จึงปรับปรุงตัวเลข ขณะนี้เตรียมรับมอบคำให้การจากสถานีตำรวจทั่วประเทศมาประกอบข้อมูล คาดว่าจะส่งมาถึงวันที่ 15 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดผู้เสียหายคดีดังกล่าวเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.แบบเรียลไทม์ ยอดผู้เสียหายทั้ง 4 วัน 1,067 คน มูลค่าความเสียหาย 378.2 ล้านบาท

เร่งมือตรวจสอบหลักฐาน

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะทำงานเร่งตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์อย่างละเอียด ต้องตรวจสอบยอดการสั่งซื้อสินค้าของบรรดาผู้เสียหายทั้งหมด นำมาวิเคราะห์สินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปว่า ส่งให้ผู้เสียหายตามที่สั่งจองหรือไม่ นอกจากนี้ยังตรวจสอบการรีิวิวจากบรรดาแม่ข่ายหรือสมาชิกว่า มีลักษณะออกไปในรูปแบบไหน เป็นการโฆษณาชักชวนให้ลงทุน หรือเป็นการให้ขายสินค้า เพื่อนำมาเชื่อมโยงพยานหลักฐานที่มีว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาอะไร นอกจากนี้ยังต้องพิสูจน์ทราบตัวแม่ข่ายว่ามีใครบ้าง เพื่อออกหมายเรียกเข้ามาสอบปากคำ

ดีเอสไอเตรียมรับคดี

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาการรับคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เป็นคดีพิเศษว่า ดีเอสไอมีเกณฑ์พิจารณาที่จำนวนผู้เสียหาย 300 คน มูลค่าความเสียหายเกิน 100 ล้านบาท หากรวบรวมพยานหลักฐาน พยานเอกสาร พยานวัตถุ สอบปากคำผู้เสียหาย สอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาแล้วพบพฤติการณ์เข้าข่าย อาจเป็นความผิดแชร์ลูกโซ่ตามแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 ตำรวจต้องแจ้งเรื่องและพฤติการณ์ทางคดีมาให้ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ แต่ถึงแม้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ แต่การตรวจสอบไม่หยุดชะงัก เพราะทั้งตำรวจและดีเอสไอ โดย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ (กองคดีแชร์ลูกโซ่ดีเอสไอ) ประสานข้อมูลกันต่อเนื่อง

วางกรอบการสอบสวนแล้ว

“ส่วนกรอบขอบเขตการสอบสวนที่ดีเอสไอตั้งไว้คือ เน้นย้ำเรื่องบัญชีของบริษัทและวิธีการรับประโยชน์ อาทิ แผนธุรกิจของบริษัทฯ เน้นหาสมาชิกหน้าใหม่มากกว่าเน้นการขายผลิตภัณฑ์หรือไม่ และเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแผนธุรกิจ การจะรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หากพบว่าพฤติการณ์มีลักษณะความผิดตามแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ทันที ถ้าหากไม่เป็นความผิดตามแนบท้ายต้องเสนอกรรมการคดีพิเศษพิจารณารับเป็นคดีพิเศษตามขั้นตอน” รรท.อธิบดีดีเอสไอกล่าว

ถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่รับคดีทันที

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ทราบว่ากระบวนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใด เพียงแต่ระบุว่า บุคคลนั้นมีผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิดใด ตำรวจยังคงดำเนินการต่อไป ดีเอสไอดำเนินการเรื่องข้อมูลที่ได้มาเพื่อดูองค์ประกอบกรณีแชร์ลูกโซ่ว่า มีเหตุสงสัยหรือไม่ หากมีจะดำเนินการสืบสวนคู่ขนานและจะไล่เรียงเรื่องเส้นทางการเงิน ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานข้อมูลกันต่อเนื่องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากตำรวจดำเนินการสอบปากคำ ผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานจนสรุปพฤติการณ์ชี้ประเด็นว่าเป็นความผิดแชร์ลูกโซ่ จะเข้าของค์ประกอบเป็นความผิดตามแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547

สอบผิดเงื่อนไข สคบ.หรือไม่

“หากดีเอสไอรับคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ปฯเป็นคดีพิเศษมีขั้นตอน 1.การรับส่งสำนวนระหว่างตำรวจและดีเอสไอ 2.การสอบปากคำพยานทางตำรวจยังมีอำนาจสอบปากคำตามที่ดีเอสไอร้องขอ เพื่อกระจายพยานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตามโรงพักทั่วประเทศดำเนินการสอบปากคำอย่างทั่วถึง 3.สอบสวน เส้นทางการเงินและองค์ประกอบความผิด เพราะดีเอสไอเล็งเห็นว่าแผนธุรกิจดังกล่าวเตรียมการซับซ้อนพอสมควร ประการสำคัญคือ บริษัทดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้ประกอบกิจการตลาดแบบตรงจาก สคบ.เป็นเนื้อหาสำคัญที่ดีเอสไอต้องดูว่าตกลงแล้วบริษัทแห่งนี้ดำเนินการผิดหลักเงื่อนไขตลาดแบบตรงของ สคบ.หรือกระทำผิดจากเหตุแชร์ลูกโซ่” โฆษกดีเอสไอกล่าว

เปิดโอกาสให้ดิ ไอคอนชี้แจง

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ประเด็นการตรวจสอบเส้นทางการเงินในส่วนของดีเอสไอ เราจะดูรายได้ของบริษัททั้งหมดเพราะแผนธุรกิจของบริษัทเป็นการประกอบธุรกิจตลาดขายตรงโดยจดทะเบียนถูกต้องจาก สคบ. เราต้องไปดูระบบการเงินก่อน อย่างไรก็ตามตนต้องชี้แจงว่า ขณะนี้ทั้งหมดยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ยังมีโอกาสที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ชี้แจงข้อเท็จจริง และสามารถนำพยานหลักฐานที่จะชี้แจงเข้าสำนวนของพนักงานสอบสวนได้ ตรงนี้ดีเอสไอจะใช้อำนาจ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 มาตรา 7 เพื่อเปิดโอกาสให้ได้รายงานสถานภาพการประกอบธุรกิจ และส่งพยานหลักฐานที่ดำเนินการอยู่มาให้ดีเอสไอ เพื่อเอาข้อเท็จจริงมาดูต่อไป

“บอสพอล” โผล่โหนกระแส

มาถึงวันที่หลายคนรอคอย เมื่อบอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอ ดิ ไอคอนกรุ๊ป ตอบรับมาออกรายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 ทันทีที่ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการยิงคำถามแรกว่า ทำไมถึงกล้ามา บอสพอลร่ำไห้ออกมาก่อนจะตอบว่า ที่จริงก็ไม่ได้อยากมาเพราะกลัว แต่อยากมาตอนที่ตนยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นหนุ่มก็พูดปลอบให้ใจเย็นๆ แต่บอสพอลกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก หนุ่มหันไปหาผู้เสียหายที่มาออกรายการด้วย ให้เล่า ถึงความเสียหายที่ได้รับ บอสพอลกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยทราบมาก่อน และไม่เคยมีใครติดต่อมา พอมารู้ข่าวเสียใจมาก โดยเฉพาะมีบางคนถึงขั้นเสียชีวิต ตนพร้อมจะเยียวยาความเสียหาย จะรับผิดชอบให้เต็มที่ที่สุด จนกว่าจะไม่มีอะไรเหลือ หรือจนกว่าจะตาย ตนพร้อมอยู่ภายใต้กฎหมาย จะช่วยจนเงินบาทสุดท้าย และถ้าเงินจะถูกอายัด ตนก็เชื่อว่ารัฐจะมีวิธีการเยียวยาต่อจากตน ตนยอมแพ้ยอมทุกอย่าง คิดแบบนี้รู้สึกแบบนี้จริงๆ แต่ยังถูกมองว่าเลวอยู่ดี

เปิดปูมเริ่มต้นดิ ไอคอน กรุ๊ป

จากนั้นบอสพอลเล่าจุดเริ่มต้นของดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า ในช่วงโลกออนไลน์บูม ตนสนใจและศึกษาการทำธุรกิจ จนมาทำการตลาดแบบตรง ขายผ่านออนไลน์ ช่วงแรกมีบอสเยอะราว 20 คน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ดูแลจัดการทีมของตัวเอง แม่ข่ายขายของด้วยกัน ค่าตอบแทนมาจากที่ขายของ ค่าตอบแทนต่างกันไป

รับเสียงตัวเองพูดถึงเทวดา สคบ.

ส่วนคลิปเสียงพูดถึงเทวดาใน สคบ.บอสพอล กล่าวยอมรับว่า เป็นเสียงตนจริง คุยกับน้องฮัส ในความหมายของตนเป็นความเชื่อ ไปที่ไหนต้องไหว้เจ้าที่เจ้าทาง แต่ในหน่วยราชการเชื่อว่าอาจใหญ่กว่า เป็นศาลพระภูมิเป็นเทวดา ท่านก็กินบุญ ไม่ใช่ติดสินบน ตนยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไปยัด ตนสอนน้องในวันนั้นเป็นการแชร์ความเชื่อเท่านั้น ส่วนเคยถูกเรียกรับเงินบ้างหรือไม่ บอสพอลกล่าวว่า โดนประจำ มีทั้งทนายความ นักร้องเรียนนัวไปหมด ส่วนมีนักการเมือง และตำรวจหรือไม่ ตนไม่อยากก้าวล่วงตรงนั้น ไม่ชอบทำให้ใครเดือดร้อน ก็มีที่ตนให้เขาไปแต่เพราะโง่เอง

แฉแหลกโดนตีกินหลักล้าน

หนุ่มถามว่า จากในคลิปเสียงพอลให้เงินเดือนหลักแสนจริงไหม บอสพอลตอบว่าจริง แต่ไม่ใช่ทุกเดือน ครั้งนี้คือ ให้ช่วยเรื่องที่ถูกตีกินเรื่องนี้ คือถ้าหวั่นไหวเรื่องไหนจะโดนไปเรื่อยๆ เรื่องละห้าแสนบ้าง เรื่องละล้านบ้าง เขามีวิธีทำให้เรากลัว พอเจอแบบนี้ตนพยายามหาที่พึ่งและไม่อยากไปขอความช่วยเหลือใครฟรีๆ มากที่สุดที่เคยโดนเรียกเงินก็ 3 ล้านบาท ตนยอมรับว่าที่ให้เงินไปเพราะตนก็มีแผล เราไม่อยากมีปัญหากับใคร

แจงยิบผลประโยชน์บอสดารา

จากนั้นบอสพอลแจกแจงสัญญาของดาราเริ่มจาก บอย-ปกรณ์ เป็นสัญญาจ้างรายปี กับกันต์เป็นสัญญา 5 ปี ผลตอบแทนแบ่งทุกๆเดือนตามยอด ขาย ส่วนมินกับแซมก็เหมือนกันแบ่งตามยอดขาย เป็นรายเดือน แต่จะได้น้อยกว่า กล่าวคือ ถ้าเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวเดียวจะรับแค่ตัวเอง คิดง่ายๆว่าปีละเท่าไหร่ก็จ่ายไปเลย แต่พอเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าทุกๆตัว มันคิดยาก ขึ้นอยู่กับตัวไหนขายดีไม่ดี ต้องเอายอดขายแต่ละเดือนมารวมกันแล้วจ่ายทีเดียว

เตรียมเอาผิด “บอสหมอเอก”

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า วันที่ 15 ต.ค. เวลา 09.00 น. มอบหมายให้กลุ่มตรวจสอบและปราบปรามการกระทำความผิดทางโซเชียล กองกฎหมาย ไป บก.ปคบ.แจ้งความดำเนินคดี “หมอเอก” อ้างเป็นแพทย์บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16 และ 24 ฐานประกอบกิจการ และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นกฎหมายที่ สบส.ดูแลรับผิดชอบโดยตรง เนื่องจากมีหลักฐานปรากฏชัดจากคลิปและสื่อโซเซียลว่า พูดและปฏิบัติตนโดยใช้อุปกรณ์ต่างๆให้บุคคลเข้าใจว่าเป็นหมอ โดยทำในสถานที่ให้บริการที่ไม่ได้ขออนุญาตและขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย ขณะเดียวกันแพทยสภาส่งหนังสือมาถึงตนแจ้งให้ สบส.เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีฐานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2525 มาตรา 26 อีกข้อหา เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน

“ป้อง-ณวัฒน์” พรีเซนเตอร์ปีเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีพระเอกชื่อดัง “ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” และนักร้องสาว “ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน” มีชื่อเอี่ยวดิ ไอคอน กรุ๊ป เนื่องจากเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ทางช่อง one 31 ส่งประกาศชี้แจงว่า ป้อง-ณวัฒน์ เคยทำสัญญาเป็นเพียงพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์วิตามินซี (Boom Vit C) เพียงอย่างเดียว (ในประเทศไทยเท่านั้น) และสัญญาหมดลงแล้ว ในสัญญาระบุขอบเขตงานไว้ชัดเจน ป้อง-ณวัฒน์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์หรือการขายใดๆของบริษัท ก่อนรับงานทุกครั้งตรวจสอบตัวผลิตภัณฑ์ทั้งแง่คุณภาพ มาตรฐาน และความถูกต้องการขออนุญาต รวมถึงใบรับรองต่างๆที่ผลิตภัณฑ์ควรมีตามข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ แม้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เจ้าตัวรู้สึกเสียใจ ห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบทุกท่าน พร้อมชี้แจงและให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ต่อไป

“ลีเดีย” ร้องเพลง “แมทธิว” พิธีกร

ด้าน ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ โพสต์อินสตาแกรมชี้แจงว่า เดียเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า BOOM มีสัญญาเพียง 1 ปี ตั้งแต่ปี 2561 มีการแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงด้วยเท่านั้น ไม่ได้ทำงานนอกเหนือจากนี้ ส่วนภาพแมทธิวสามี ก็รับหน้าที่พิธีกรในวันที่เดียแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงเท่านั้น

“วันนอร์” สั่งสอบคลิป กมธ.รีดเงิน

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเสียงเรียกรับทรัพย์สินผู้ต้องหาคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในชั้น กมธ.สภาฯว่า ให้เลขาธิการสภาฯตรวจสอบโดยด่วนและแก้ไข เพราะมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อย ยืนยันว่าจะรีบดำเนินการ คิดว่าคงไม่ยาก ถามย้ำว่าจะดำเนินการอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นอีก นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของบุคคล เพราะเมื่อสภาฯตั้ง กมธ.มีทั้งบุคคลภายใน ตัวแทนรัฐบาลและบุคคลภายนอก เราไม่สามารถตรวจสอบได้หมด แต่หากพบเห็นเราต้องแก้ไขให้พ้นตำแหน่ง ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ฟันอาญาไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ปรากฏยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา ต้องสืบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าคงไม่ยาก หากมีผู้เสียหายมายืนยัน ฝ่ายเลขาธิการสภาฯจะตรวจสอบทันที เพราะเป็นเรื่องความน่าเชื่อถือที่เราต้องสร้างให้ประชาชน ในชั้นกมธ.ฯ โดยเฉพาะ กมธ.วิสามัญฯมีบุคคลภายนอกที่พรรคการเมืองเป็นผู้เสนอ ดังนั้นต่อไปต้องระมัดระวัง หากประชาชนสงสัยขอให้ติดต่อมา ส่วนบทลงโทษแม้ไม่เป็น สส.แต่เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ เพราะการแอบอ้างหาผลประโยชน์มีโทษกฎหมายอาญา แต่ขอให้หลักฐานชัดเจนก่อน

“เท้ง” จี้สอบตรงไปตรงมา

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียด หากทราบแล้วจะแถลงอีกครั้ง มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีนี้ มองว่าหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจริง ต้องดำเนินการให้เต็มที่ ตรงไปตรงมา ใครที่มีส่วน ต้องเข้าสู่กระบวนการลงโทษ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

“เลิศศักดิ์” ยันไม่มีใครดีลช่วย

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (ปปง.) สภาฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลิปเสียงชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็น กมธ.รับเคลียร์เรื่องดิ ไอคอน กรุ๊ปให้ได้ว่าตนเรียนยืนยันอย่างชัดเจนว่า กมธ. ปปง.ทำทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเจรจาหรือทำอะไรให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่เคยเจรจาต่อรอง ไม่เคยมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นใน กมธ.คณะนี้ ถามว่ามีคนติดต่อเข้ามาขอเคลียร์เพื่อไม่ให้พิจารณาเรื่องดิ ไอคอน กรุ๊ปหรือไม่ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีครับ ยืนยันว่าไม่มี วันที่ 16 ต.ค.จะพิจารณาเรื่องนี้ เบื้องต้นมีความผิดปกติแน่นอน ประชาชนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ค่อนข้างชัดเจนแล้วเพราะฉะนั้นเราคงจะหาข้อมูลเตรียมไปด้วยและติดตามส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำเนินการเรื่องนี้ ขอให้ไปติดตามดูว่า กมธ.จะดำเนินการอย่างไร เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าไม่ได้มีใครมาล็อบบี้หรือเจรจาได้

ซัดคนแอบอ้างเป็นนักต้มตุ๋น

นายเลิศศักดิ์กล่าวต่อว่า เรื่องดิ ไอคอนกรุ๊ปเป็นความเสียหายของประชาชนจำนวนมาก กลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนที่จะลงทุน หรือมาซื้อสินค้า รวมถึงเข้าสู่ธุรกิจรูปแบบนี้ อยากให้ดำเนินคดีเป็นบทเรียน เอาผิดผู้ที่ประสงค์ไม่ดีกับประชาชน ถามว่าคนที่แอบอ้างเป็น กมธ.เรียกว่าเป็นนักต้มตุ๋นได้หรือไม่ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า คงทำนองนั้น ถ้าคลิปเสียงนี้เป็นความจริงถือว่าเป็นนักฉวยโอกาส ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรใหญ่โต มีศักดิ์ศรีเพียงพอจะเจรจากับใคร เป็นแค่นักต้มตุ๋นธรรมดา ถามว่าผู้เสียหายและมูลค่าเยอะมาก ทำให้กระบวนการตรวจสอบเอาผิดล่าช้าขึ้นหรือไม่ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังรับแจ้งความ การดำเนินคดีคิดว่าอาจต้องมีหน่วยงานหรือใครที่เข้าไปช่วยดำเนินคดีแบบกลุ่ม คิดว่าต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาดูเรื่องการดำเนินคดี กำลังดูอยู่ว่าใครจะออกมาดำเนินการ ถามว่าจะเชิญดาราที่เกี่ยวข้องมาหรือไม่ นายเลิศศักดิ์ ระบุว่า คงต้องเชิญหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจง อาจไม่ได้จบเพียงครั้งเดียวแน่นอน

“สามารถ” ปัดเป็นคนในคลิป

นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเสียงเรียกรับทรัพย์จากผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปในชั้น กมธ.สภาผู้แทนราษฎรว่า ยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่เสียงตน หากใครมาพาดพิงหรือกล่าวหาจะดำเนินการทางกฎหมายทันที ตอนนี้ตนอยู่ที่ต่างประเทศ หากสื่อช่องไหนต้องการสัมภาษณ์รอให้กลับไปก่อน ถามว่ารู้จักบอสพอลหรือไม่ นายสามารถกล่าวว่า เคยเห็นรูปตนถ่ายคู่กับบอสพอลหรือไม่ ก่อนวางสาย

กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคสอบ 17 ต.ค.

วันเดียวกันนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรค พปชร. ฐานะประธานคณะ กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค สภาฯให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 17 ต.ค.จะพิจารณากรณีความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง กรณีบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด กมธ.หารือกันว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก ต้องศึกษารายละเอียดและหามาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ กมธ.เชิญภาคส่วนที่เกี่ยวข้องชี้แจง ได้แก่ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และกรรมการบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด

ไม่มีธงปกป้องผิดว่าไปตามผิด

ถามว่ากรณีเยียวยาผู้เสียหาย ล่าสุด นายวรัตน์ วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ก่อตั้งดิ ไอคอน กรุ๊ปบอกว่า จะเยียวยาเหยื่อทุกบาท มองว่าอย่างไร นางบุญยิ่งกล่าวว่า เรื่องที่เป็นประเด็นปัญหาจำเป็นต้องเร่งหาทางเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้ที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ลักษณะการช่วยเหลือรูปแบบใด ต้องให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบพ้นจากปัญหาหรือความทุกข์จะพูดผ่านสื่อไม่ได้

ยัน กมธ.ไม่ช่วยเหลือใคร

ถามถึงกรณีของคลิปเสียงที่ปรากฏการเรียกรับเงินเพื่อช่วยไม่ให้ตรวจสอบดิ ไอคอน กรุ๊ป นางบุญยิ่งกล่าวว่า ไม่มีการช่วยเหลือกัน คนที่ผิดต้องว่าไปตามผิด การทำงานของ กมธ.ที่ผ่านมา มีผลงานลุล่วง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน และ กมธ.ทำงานเพื่อแก้ปัญหา ไม่มีธงว่าต้องช่วยเหลือใคร ขอย้ำว่าคนผิดต้องว่าไปตามผิด

ไม่เชื่อท่าน ว.วชิรเมธีเอี่ยว

กรณีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ประเด็นจะฟ้องพระชื่อดังอย่างพระเมธีวชิโรดม หรือท่าน ว.วชิรเมธี ที่ถูกดึงมาเกี่ยวข้องกับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย พบว่า พระเมธีวชิโรดมไปกิจนิมนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยช่วงค่ำวันที่ 15 ต.ค. นางกนกวรรณ จันทร์ประเสริฐ อายุ 70 ปีชาวบ้าน หมู่ 13 ต.ห้วยสัก เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่ปรากฏคลิปท่าน ว.วชิรเมธี ไปเทศน์ให้พนักงานของบริษัทขายตรงอื้อฉาวขณะนี้ ในความคิดส่วนตัวตนไม่เชื่อว่า ท่าน ว.จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ตามปกติท่านจะเป็นคนอัชฌาสัยดี เจอใครจะเข้าไปพูดคุย ใครมาขอพบท่านจะร่วมพูดคุยหรือถ่ายรูปด้วยตลอด เวลาที่ทางไร่หรือหมู่บ้านมีงานท่านจะเข้ามาพบปะพูดคุยทักทายกับชาวบ้าน ส่วนประเด็นที่ทนายจะยื่นฟ้องท่านประเด็นที่ไปเกี่ยวข้องกับบริษัทขายตรงอื้อฉาว ตนว่าไม่สมควร ทนายควรจะอยู่ในส่วนของทนาย ไม่ควรจะเที่ยวไปหาเรื่องคนนั้นคนนี้ ตนไม่เชื่อว่าท่านจะเกี่ยวข้อง เพราะท่านจะดีกับทุกคน ใครมาคุยด้วยก็คุย ใครมาขออะไรก็ให้

อดีตแอร์สาวโดนเกือบ 4 แสน

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นางมลฤดี (สงวน นามสกุล) อายุ 44 ปี อดีตแอร์โฮสเตสสายการบินแห่งหนึ่ง เผยว่า แจ้งดำเนินคดีผ่านระบบออนไลน์ ได้รับความเสียหายจากการสมัครเป็นสมาชิกและเงินลงทุนประมาณ 392,000 บาท เมื่อปี 2565 ตอนนั้นลาออกจากแอร์โฮสเตสมาเป็นแม่บ้านดูแลลูก อยากมีอาชีพเสริมหารายได้ช่วยครอบครัว เห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊กชักชวนเรียนการทำตลาดออนไลน์ราคา 98 บาท หลังเข้ากลุ่มเรียนออนไลน์ ถูกชักชวนให้ทำธุรกิจกับดิ ไอคอน กรุ๊ป หาข้อมูลพบว่า มีทั้งดาราและบุคคลน่าเชื่อถือ เช่น แพทย์ พยาบาล นักธุรกิจ รวมทั้งเพื่อนแอร์โฮสเตส ทำให้หลงเชื่อ สมัครเป็นเครือข่ายระดับดีลเลอร์เป็นเงิน 25,000 บาท ได้อาหารเสริมคอลลาเจนมา 700 ชิ้น แต่บริษัทยังไม่ให้ขายต้องอบรมแผนธุรกิจก่อน

คอลลาเจนมีเชื้อรา

“หลังเข้าอบรมให้ความหวังจะกำไรมากขึ้น ยอมสมัครระดับซุปเปอร์ไวเซอร์จ่าย 250,000 บาท เพื่อสร้างทีมใหม่ระดับแพลตินัมสามารถไปขายอบรมออนไลน์ได้ ต้องไปซื้อรายชื่อลูกทีมจากบริษัทมา 10 รายชื่อ 4,000 บาท แต่โทร.ไปก็ไม่มีใครมาเข้ากลุ่ม ระหว่างที่หาลูกทีมต้องไปซื้อแอด (โฆษณาออนไลน์) 3 ครั้ง ครั้งละ 30,000 บาท เป็นเงิน 90,000 บาท เมื่อหาลูกทีมไม่ได้บริษัทจูงใจให้จ่ายค่าปลดล็อกลูกทีม หรือบูมไอซีอีก 23,000 บาท บริษัทให้อาหารเสริมบำรุงสายตามาจำนวนหนึ่ง หลังมีสินค้าอยู่กับตัวจำนวนมากโพสต์ขาย ลูกค้าพบเชื้อราในคอลลาเจน ติดต่อไปยังบริษัทแม่กลับไม่ได้รับคำตอบ ตัดสินใจเลิกขายหลังจากไปเข้าร่วมประมาณ 1 ปี” แอร์สาวกล่าว

สอบอัยการเอี่ยวดิ ไอคอน

ส่วนนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เผยว่า ตามที่มีข่าวอาจารย์มหาวิทยาลัยมีสามีเป็นพนักงานอัยการระดับ 2 ร่วมเครือข่ายดิ ไอคอนด้วย เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ตรวจสอบจากคลิปพบว่า ชายดังกล่าวคือ นาย ณ. (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) พนักงานอัยการจริง เป็นรองอัยการจังหวัดสำนักงานคุ้มครองสิทธิจังหวัดมหาสารคาม อธิบดีอัยการภาค 4 แจ้งให้ชี้แจงแล้ว ตนยังไม่ทราบรายละเอียดพฤติการณ์ ต้องรอสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ถามว่าจะพิสูจน์เจตนาว่านาย ณ.กระทำผิดจริง มีข้อพิจารณาอย่างไร นายโกศลวัฒน์ ตอบว่า บุคคลจะรับโทษทางอาญาต่อเมื่อมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรืออาจย่อมเล็งเห็นผล การกระทำจะพิสูจน์เจตนา หากดูจากคลิปเห็นว่า นาย ณ.ยืนข้างนาง ป. ที่พูดถึงการประสบความสำเร็จจากการขายสินค้าเครือดิ ไอคอนและเขาก็พยักหน้า ต้องสอบหาความจริงถึงการกระทำทั้งหมดก่อนพิจารณา วันที่ 15 ต.ค. ตนจะรายงานยัง อสส.เพื่อสั่งการ ส่วนอธิบดีภาคอาจเรียกนาย ณ.มาสอบถามก่อน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่