รองโฆษกราชทัณฑ์เผยคืนแรกในเรือนจำ “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” พบมีโรคประจำตัวทั้งคู่ แฉ “แม่ตั๊ก” ถึงขั้นนอนน้ำตาซึม แต่ช่วงเช้าเริ่มปรับตัวได้ ขณะที่ “ป๋าเบียร์” นอนหลับสนิทและมีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมต้องขัง ทั้งคู่ยังไม่มีการเรียกร้องขอสิ่งใดเพิ่ม ด้านร้านทองแม่ตั๊กยังเปิดตามปกติ แม้ 2 ผู้ต้องหาไม่ได้ประกันตัว ทนายไพศาลพา “บอล เชิญยิ้ม-เจนนี่-ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” แสดงความบริสุทธิ์ใจหลังเคยรับงานไลฟ์กับ “แม่ตั๊ก”

ภายหลังตำรวจ ปคบ. บุกจับ “แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร” เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ย่านถนนหทัยราษฎร์ กทม. คาบ้านซอยรามอินทรา 65 พร้อมนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ เรืองอร่าม 2 สามีภรรยา หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับในความผิดเบื้องต้น 4 ข้อหา ทั้งฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมฯ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค กรณีร่วมกันไลฟ์สดขายทองไม่ได้มาตรฐาน ไปฝากขังศาลอาญาพร้อมยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวเพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก ศาลพิจารณาอนุญาตตามคำร้องคุมตัว น.ส.กรกนก ส่งทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนนายกานต์พลถูกส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดของ 2 ผัวเมียในคืนแรกที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ วันที่ 2 ต.ค. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รรท.ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 1 ต.ค. ราชทัณฑ์ได้รับตัว น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ออกจากศาลอาญา ในส่วนของ น.ส.กรกนก เมื่อมาถึงทัณฑสถานหญิงกลาง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสุขภาพโดยรวมพบว่าสุขภาพร่างกายปกติเข้าสู่ขั้นตอนแยกกักตัว 5 วัน เพื่อดูเรื่องโควิด-19

ตอนที่ น.ส.กรกนกมาถึงยังไม่ปรากฏความเครียดเท่าใด สามารถรับประทานอาหารและดื่มนมได้ แต่พอช่วงกลางคืนพบว่า น.ส.กรกนกค่อนข้างมีความเครียดมีอาการเศร้านอนไม่ค่อยหลับแต่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการเข้ามาในเรือนจำครั้งแรก และก่อนเข้า เรือนจำฯ เจ้าตัวมีความเครียดอยู่แล้วจากคดีความ ได้ขอนำยาคลายเครียดเข้ามาใช้แจ้งว่าได้ใช้ยามาแล้ว 1 เดือน โดยยาดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและอนุญาตการใช้ แต่ไม่ได้มีใบรับรองแพทย์ว่าเป็นโรคซึมเศร้า รวมถึงในตอนกลางคืนพบว่าบางช่วง น.ส.กรกนก นอนน้ำตาซึม และไม่พูดคุยกับผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่น รวมทั้งขณะนี้ยังไม่ได้ร้องขอสิ่งใดเพิ่ม และยังไม่ได้เรียกร้องขอพบบุคคลใดที่เป็นผู้สนิทชิดใกล้

...

นางกนกวรรณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เข้าไปพูดคุยกับ น.ส.กรกนก พบว่ามีอาการดีขึ้น รับประทานอาหารเช้าดื่มนมดื่มน้ำได้ปกติ เริ่มปรับตัวได้บ้าง มีการพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่นบ้าง จากนั้นกระบวนการราชทัณฑ์จะให้ น.ส.กรกนกเข้าพบนักจิตวิทยาเพื่อพูดคุย และแพทย์อายุรกรรมประจำเรือนจำฯ เพื่อดูเรื่องสุขภาพเป็นไปตามกรอบระเบียบกรมราชทัณฑ์ในเรื่องของการดูแลผู้ต้องขัง ระหว่างนี้ น.ส.กรกนก สามารถพบทนายความ และพบพนักงานสอบสวนทางออนไลน์ได้ แต่ถ้าหากญาติประสงค์จะเยี่ยมจะต้องครบกักโรคโควิด-19 ในระยะเวลา 5 วันก่อน หากไม่มีโควิด-19 จะประสานลงทะเบียนจองเยี่ยมได้

รองโฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ เรืองอร่าม หลังการรับตัวตรวจสุขภาพจิตใจและร่างกาย พบว่านายกานต์พล มีโรคประจำตัวแต่ขอไม่เปิดเผยเพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และได้ขออนุญาตนำยารักษาโรคเข้ามาใช้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ยาดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและอนุญาตการใช้ จากนี้จะได้พบแพทย์เพื่อพูดคุยและตรวจเรื่องสุขภาพ รวมทั้งพบนักจิตวิทยาเพื่อพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตใจเช่นเดียวกัน ส่วนการรับประทานอาหารเมื่อวานนี้รวมถึงเช้าวันนี้ เจ้าตัวทานอาหาร ดื่มน้ำ ดื่มนมได้ปกติ แต่คงต้องให้เวลาปรับตัวสักระยะสำหรับการนอนหลับคืนแรกของนายกานต์พลค่อนข้างหลับสนิทและพูดคุยกับผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่นบ้าง ส่วนข้อกังวลใดๆ ยังไม่มีแจ้งมา และยังไม่ได้เรียกร้องขอสิ่งใดหรือขอพบบุคคลใด รวมทั้งยังไม่มีอาการเศร้าเท่า น.ส.กรกนก แต่อยู่ในการเฝ้าระวังตามแนวทางการปฏิบัติในการดูแลผู้ต้องขัง เบื้องต้นทั้งคู่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง แต่ก็ต้องติดตามความคืบหน้าในช่วงกลางวันอีกครั้ง

ส่วนบรรยากาศที่ร้านเพชรทองเคทูเอ็น หรือ ร้านทองแม่ตั๊ก ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ช่วงเช้าวันนี้มีประชาชนมาลงชื่อเข้าคิวที่ร้านทองแม่ตั๊ก 104 คิว โดยต่างหวั่นใจว่าร้านทองแม่ตั๊กจะปิดให้บริการหรือไม่ หลังจากน.ส.กรกนกและนายกานต์พลไม่ได้รับการประกันตัว แต่ยังมีพนักงานประจำร้านมาทำงานตามปกติ โดยนำป้ายมาปิดประกาศที่หน้าร้านระบุว่า “วันพุธที่ 2 ตุลาคม 67 เปิดรับคิว 200 คิว ตั้งแต่เวลา 10.00 น. รับลูกค้าคืนสินค้าปี่เซียะเท่านั้น”ทำให้หลายคน โล่งใจ พนักงานร้านยืนยันว่า ทางร้านยังให้บริการตามปกติ กำหนดคิวไว้วันละ 200 คิว

ส่วนเรื่องของศิลปินที่ร่วมไลฟ์ขายของร่วมกับแม่ตั๊กนั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พานายชัชชัย จำเนียรกุล หรือ “บอลเชิญยิ้ม” น.ส.รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” และบิ๊ก-ธิติวุฒิ วารุณ หรือ “ผู้ใหญ่บ้าน ฟินแลนด์” เข้าพบ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1.บก.ปคบ.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังเคยร่วมงานกับ น.ส.กรกนก หรือ “แม่ตั๊ก” โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พร้อมทั้งนำทรัพย์สินมีค่าที่เคยได้รับจากแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ มาส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อตรวจสอบที่มาและเส้นทางการเงินว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่

เจนนี่กล่าวว่า หลังพฤติกรรมของแม่ตั๊กถูกแฉ ตนได้ถูกกระแสโซเชียลมีเดียถล่มอย่างหนักอยากออกมาเคลียร์ทุกอย่างโดยเร็วที่สุด แต่ที่ก่อนหน้าไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพราะยังติดสัญญาพรีเซนเตอร์อยู่ กลัวจะผิดสัญญาแม้จะรู้จักกันมานานเนื่องจากเป็น คนใต้ด้วยกัน เขายังเล่าถึงชีวิตที่ลำบากเคยขายของ ตลาดนัดสู้ชีวิตมาจนร่ำรวยทำให้เชื่อสนิทใจมาตลอดว่าร่ำรวยจริง แต่หลังเกิดเรื่องแล้วได้นำกำไลที่ได้รับมาจากแม่ตั๊กมาให้ตำรวจตรวจสอบว่าเงินที่นำมาซื้อกำไลนี้เป็นเงินบริสุทธิ์หรือเป็นเงินผิดกฎหมาย หากเป็นเงินผิดกฎหมายยินดีคืนทรัพย์สินเหล่านี้

ขณะที่บอล เชิญยิ้ม กล่าวว่า แม้ไม่อยู่ในรายชื่อดาราที่ร่วมไลฟ์ขายทองกับแม่ตั๊ก แต่เคยร่วมงานไลฟ์อาหารเสริมของแม่ตั๊ก เคยไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์และงานคอนเสิร์ต ช่วงปี 2565 จึงไม่อยากอยู่เฉย ขอออกมาแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันไม่ได้สนิทสนมกับแม่ตั๊กนอกเหนือจากงานที่รับ ไม่มีไปกินข้าวกันเป็นการส่วนตัว รวมทั้งไม่เคยรับสิ่งของอื่นใดนอกจากค่าตัวครั้งละ 1 แสนบาท ส่วนที่ยอมรับงานไลฟ์เพราะพิจารณาแล้วว่ามีคนเคยไปร่วมไลฟ์จำนวนมากคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรและพร้อมคืนเงินค่าตัวที่ได้เพื่อให้นำเงินดังกล่าวเยียวยาผู้เสียหาย

ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์กล่าวว่า เคยรับงานแม่ตั๊กแค่ 2 ครั้ง เป็นอาหารเสริม ล่าสุดไลฟ์ร้านทอง เห็นว่าร้านทองมีจริงจึงไปตามหน้าที่จบงานแล้วกลับ ได้ค่าตัวชั่วโมงละ 1.5 แสนบาท ทำหน้าที่เป็นตัวประกอบไม่ได้ร่วมขายทองแต่อย่างใดแค่ไปรับชมความมั่งคั่งของเขา

ด้านทนายไพศาลกล่าวว่า กรณีร้านทองแม่ตั๊กนั้น หากอินฟูฯหรือดารา นักร้องคนใดเข้าไปร่วมไลฟ์สดขายของหรือเกี่ยวข้องด้วยให้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุดอย่ารอหมายเรียกเดี๋ยวเรื่องจะยาว อย่างไรก็ตาม วันนี้ทั้งสามท่านได้นำหลักฐานเป็นเงินที่ได้มาจากแม่ตั๊กจ้างมาให้ตรวจสอบ สำหรับเงินในส่วนนี้เขารับมาโดยสุจริต ไม่รู้เรื่องหลอกขายทอง และขอยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ ถ้ารู้คงไม่รับงานแน่นอน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่