กลุ่มลูกค้าร้านทองแม่ตั๊กแห่แจ้งตำรวจ ปคบ.เอาผิด “แม่ตั๊ก” พร้อมสามี “ป๋าเบียร์” ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องแล้ว หลังรวบรวมผู้เสียหายได้ 155 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท เชื่อถูกหลอกขายทองไม่ได้มาตรฐาน ยันเอาผิดถึงที่สุด หลังจากนั้นเดินทางบุกทำเนียบ ร้อง “รมต.-สคบ.” คุมขายของออนไลน์ทั้งระบบ หลังพบสารพัดกลลวงเต็มโลกออนไลน์ไปหมด “จิราพร” ฮึ่ม ถ้าผิดเชือดไม่เว้น ลั่นเรื่องนี้ต้องจบเร็ว พร้อมเรียก“แม่ตั๊ก” แจงพรุ่งนี้ ขู่ไม่มาเกิน 2 ครั้งมีความผิดอาญา ขณะที่ลูกค้าอีกส่วนยังแห่ขายทองคืนที่ร้านทองแม่ตั๊กเนืองแน่น รับบัตรคิววันละ 300 ราย สาวท้อง 2 เดือนชาว จ.เชียงใหม่ เผยหอบร่างเดินทางเอาทองมาขายคืนเพราะหมดศรัทธา ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ สคบ.เอาหนังสือเรียกแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ มาส่งให้ผู้จัดการร้าน ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เผยได้รับการยืนยันจากร้านทองแม่ตั๊กว่าจะเปิดรับซื้อทองคืนจนกว่าลูกค้าจะหมด
กรณีผู้เสียหายออกมาแฉหลังซื้อทองทางออนไลน์จาก น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก อายุ 36 ปี เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เมื่อนำดอกไม้ทองคำของแถมไปขายให้ร้านทองอื่น ปรากฏว่าไม่รับซื้อ อ้างไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มียี่ห้อ ทำให้ลูกค้าหลายคนเริ่มสงสัยว่าทองที่ซื้อไปมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงตามมาตรฐานหรือไม่ เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาตรวจสอบคุณภาพทอง และมีผู้เสียหายเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจแล้ว
ความคืบหน้าจากศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ก.ย. นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือทนายพัฒน์ พาตัวแทนผู้เสียหาย 20 คน จากผู้เสียหายทั้งหมด 155 คน ที่ซื้อทองคำออนไลน์จาก น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ เข้าพบ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความเอาผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน นำหลักฐานการซื้อขาย รวมทั้งผลตรวจปริมาณทองคำมามอบให้พนักงาน สอบสวนด้วย
...
ทนายพัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้สามารถรวมกลุ่มผู้เสียหายที่ซื้อทองจากร้านดังกล่าวได้แล้ว 155 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 2 ล้านบาท แต่ปัญหาคือผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ทำให้การรวมตัวผู้เสียหายเข้าแจ้งความเป็นไปได้ยาก ส่วนหลักฐานที่นำมาแจ้งความวันนี้ เป็นหลักฐานการซื้อขายและของแถมที่แม่ตั๊กมอบให้ รวมถึงคลิปไลฟ์สดขายทองทางออนไลน์ ส่วนข้อหาที่จะแจ้งคือ ฉ้อโกงและข้อหาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ส่วนผู้เสียหายบางคนที่เซ็นยินยอมไม่ดำเนินคดีเพื่อแลกการได้เงินคืนนั้น ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ผู้เสียหายกลุ่มนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ
หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยไปแจ้งความที่ สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ให้เหตุผลว่า ไม่เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง เพราะผู้เสียหายได้รับสินค้าแต่ไม่ตรวจสอบน้ำหนักทองก่อนรับ สอดคล้องกับข้อมูลของผู้เสียหายอีกรายที่ยอมรับว่า ตัวเองเก็บเรื่องนี้มานานเกือบ 2 ปีไม่กล้าออกมาให้ข้อมูลเพราะกลัวถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาท กระทั่งสังคมเริ่มให้ความสนใจมีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเริ่มมีความรู้ด้านกฎหมายจึงกล้าออกมาเปิดหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม ต้องการให้แม่ตั๊กรับโทษตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลร่วมกับ สคบ.ทราบว่า กลุ่มผู้ขายอาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายเจตนา หรือจงใจให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดเรื่องปริมาณ หรือการโฆษณาเท็จ ส่วนการดำเนินดคีในส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐานจากผู้เสียหาย จากนั้นจะมาสรุปว่า เข้าข่ายความผิดกฎหมาย ข้อใดบ้าง
ส่วนความคืบหน้าบริเวณห้างเพชรทองเคทูเอ็น หรือร้านทองแม่ตั๊ก ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เช้าวันเดียวกันมีลูกค้าจำนวน มากจากทั่วประเทศ หอบหิวทองปี่เซียะและของแถมมาขายคืนเป็นวันที่ 3 ลูกค้าบางคนเดินทางตั้งแต่เช้ามืด เพื่อลงชื่อรับบัตรคิวรอร้านเปิดเวลา 10.00 น. ให้เข้าไปขายทองคืนรอบละ 5 คน คาดว่าจะมีลูกค้ากว่า 300 ราย โดยมี พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ นำกำลังมาอำนวยความสะดวกแจกบัตรคิวและจัดการจราจร นอกจากนี้ ยังนำเต็นท์มาตั้งเพิ่มอีก 2 เต็นท์รวมเป็น 3 เต็นท์
น.ส.ศิริพร ศรีสมทรง อายุ 40 ปี อุ้มท้อง 2 เดือน นั่งรถทัวร์จาก จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เมื่อวาน ถึงหน้าร้านเวลา 05.30 น. ใช้เวลากว่า 9 ชม.เผยว่า ตนทักไปในเพจแม่ตั๊กเพื่อสอบถามวิธีการคืนทองวิธีอื่นนอกจากเดินทางมาหน้าร้าน แต่ทางเพจกลับไม่มีใครตอบ เมื่อวานนี้แอดมินเพจตอบกลับมาว่า ให้เดินทางมาคืนทองได้ที่หน้าร้านเท่านั้น และต้องนำของแถมมาให้ครบ ตนหอบหิ้วของทั้งหมดมาวันนี้ โดยซื้อปี่เซียะ 8 ตัวราคา 31,614 บาท และไอ้ไข่ราคา 1,700 บาทเมื่อปี 65 ที่ซื้อร้านแม่ตั๊กเพราะเชื่อมั่นและเห็นว่ามีหน้าร้าน คิดว่าบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งแม่ตั๊กยังแจ้งว่าทุกอย่างเป็นทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์ มีการจูงใจจนเชื่อว่าคุ้ม กว่าจะตัดสินใจซื้อดูแม่ตั๊กไลฟ์ขายอยู่นาน
“ตอนได้ของมารู้สึกดีใจ เพราะคิดว่าของแถมสามารถนำไปให้ญาติผู้ใหญ่ เป็นหน้าเป็นตาของเราได้ และเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าทางจิตใจ แต่เมื่อเป็นกระแสและรู้ว่าเป็นกระดาษก็ใจเสีย มองว่าแพ็กเกจแพงกว่าของแถมอีก ที่เสียใจที่สุดคือทางร้านไม่มีช่องทางการคืนทองทางอื่นให้ลูกค้าที่อยู่ไกล ทั้งที่มีช่องทาง อีกมากมาย ตอนนี้ฉันท้องหมอให้ระวัง แต่ต้องแบกของแถมขนาดใหญ่ไปๆมาๆ ทำให้เครียดและกังวลกลัวว่าลูกจะเป็นอะไร โชคดีวันนี้ได้เงินคืนเต็มจำนวน แต่ไอ้ไข่ได้เงินคืนแค่ 740 บาท เลยตัดสินใจไม่ขาย จะนำเงินที่ได้ใช้ตอนคลอดลูก หลังจากนี้คงไม่ซื้อของร้านแม่ตั๊กอีกแล้วความไว้ใจหายไปแล้ว เพราะหน้ากล้องพูดอย่างหลังกล้องพูดอีกอย่าง แม่ตั๊กควรมาหน้าร้านแสดงความจริงใจ อยากฝากบอกแม่ตั๊กว่า ไม่อยากให้ทำนาบนหลังคน เพราะเงินแต่ละบาทกว่าจะได้ เศรษฐกิจก็แย่ ซื้อมาคิดว่าเอาไปขายได้ เพราะทุกคนเข้าใจว่าทองอยู่ที่ไหนก็คือทอง” น.ส.ศิริพรกล่าว
พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ เผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.นิมิตรใหม่ 2 ราย รายแรกเป็นประชาชนที่ซื้อสร้อยทองข้อมือปี่เซียะราคา 38,888 บาท ก่อนหน้านี้เคยจะนำมาขายคืนแต่ร้านรับซื้อเพียง 5,000 บาท ลูกค้าจึงนำทองไปจำนำเพราะได้เงิน 5,000 บาทเช่นกัน ก่อนมาทราบว่าร้านเปิดรับซื้อคืน ผู้เสียหายรายนี้จึงเดินทางไปแจ้งความ ตำรวจประสานทางร้านเจรจากันสามารถขายทองคืนได้เต็มจำนวน จึงให้ลูกค้ารายนี้ไปไถ่ของมาขายคืน ส่วนอีกรายเป็นลูกค้ามีเอกสารการซื้อไม่ครบ ไปลงบันทึกประจำวันไว้ รอไปขอหลักฐานจากธนาคารเพื่อนำเอกสารมายืนยันการขายทองคืนกับทางร้าน
“ส่วนการรับซื้อทองคืนทางร้านให้ข้อมูลกับตำรวจว่า จะยังคงเปิดรับซื้อคืนไปเรื่อยๆตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ จนกว่าจะไม่มีลูกค้านำมาคืนแล้ว ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เนื่องจากว่าร้านทองสามารถแจกคิวต่อวันได้เพียง 300 คิว แต่หากมีลูกค้าจากต่างจังหวัดมาเพิ่มหลังปิดรับคิวจะเพิ่มคิวให้ ส่วนกรณีที่จอดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ผู้มาร้านทองจอดรถที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี หทัยราษฎร์ นอกจากนี้ยังให้ตำรวจจราจร สน.นิมิตรใหม่ เพิ่มจุดจอดรถบริเวณใกล้เคียงด้วย” ผกก.สน.นิมิตรใหม่กล่าว
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ สคบ.เดินทางมาที่ร้านทองแม่ตั๊ก หลังจากนั้นออกมาเผยว่า นำหนังสือเชิญให้กรรมการบริษัทไปพบที่ สคบ.วันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) เวลา 09.00 น. เพื่อไปชี้แจงข้อมูลถ้าไม่ไปจะส่งหนังสือเรียกครั้งที่ 2 หากไม่มาอีกจะรวบรวมพยานหลักฐานมอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี คนรับหนังสือคือ ผู้จัดการร้าน รับปากว่าจะส่งหนังสือเรียกให้แม่ตั๊กและป๋าเบียร์ ทั้งคู่ยืนยันว่าจะไปให้ข้อมูลกับ สคบ.แน่นอน นอกจากนี้ช่วง 16.00 น.วันนี้จะมีกลุ่มผู้เสียหายไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามข้อมูลที่ได้มา แม่ตั๊ก-กรกนกอาจไปพบ น.ส.จิราพรและผู้เสียหายที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 16.00 น. กลุ่มผู้เสียหายที่ซื้อทองจากห้างทองเคทูเอ็นของแม่ตั๊ก 4 คน นำโดยนายอภินันท์ เดือนดาว หรือสตางค์ พร้อมทีมทนายเข้ายื่นหนังสื่อกับ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สคบ. ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวและการขายของผ่านออนไลน์ นายอภินันท์ หรือสตางค์ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐมนตรีตรวจสอบการขายของออนไลน์ ทั้งกล่องสุ่ม การแจกซองแดง และตักไอโฟนว่ามีกลลวงอย่างไร ไม่อยากให้ประชาชนถูกหลอกอีก อีกทั้งอยากให้กำกับดูแลเรื่องการขายทอง รวมถึงการโฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประชาชนเชื่อใจ เหมือนเป็นนักบุญในร่างมาร อย่างกรณีนี้ประชาชนซื้อของเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจจากภาพลักษณ์ที่สร้างไว้
น.ส.จิราพร สินธุไพร กล่าวว่า ในส่วนของ สคบ.มีหน้าที่ดูแลผู้บริโภค กรณีการซื้อทองได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหายจำนวนมาก สคบ.ต้องทำงานเชิงรุกโดยตั้งคณะทำงานขึ้น นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ลงพื้นที่ดังกล่าวตรวจสอบสลากและเก็บตัวอย่างทองส่งสถาบันอัญมณีตรวจสอบว่า ที่โฆษณาไว้ว่าน้ำหนักทอง 99 เปอร์เซ็นต์ หรือเท่าไหร่ก็ตาม เนื้อทองตรงตามที่โฆษณาไว้หรือไม่ จะทราบผลภายใน 3 วัน ถ้าผลออกมาไม่ตรงตามที่โฆษณามีความผิด สคบ.ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าเราจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น ถ้าผิดไม่มีการละเว้น เราทำงานเต็มที่เพื่อคุ้มครองทุกคน
“ขณะนี้ สคบ.ทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดูแลเรื่องการเยียวยาหรือการคืนทอง นอกจากนี้ ยังเข้ามาดูเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายให้รัดกุมที่สุด วันนี้ยินดีรับฟังผู้บริโภค อยากให้มั่นใจว่า สคบ.ทำงานเต็มที่ และอยากให้รู้ว่าการพบรัฐมนตรีและ สคบ. ไม่ใช่เรื่องยาก” น.ส.จิราพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขยายไปถึงสินค้าอื่นด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะอาหารเสริมต่างๆ น.ส.จิราพร กล่าวว่า แน่นอน สคบ.ดูแลเรื่องสลากและการโฆษณา ต้องดูว่าสลากตรงตามกฎหมายหรือไม่ หรือการโฆษณาทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าหรือไม่ จะเข้าไปดูแลแน่นอน อาจไม่ใช่แค่เจ้านี้ เจ้าอื่นๆที่ดูแล้วเข้าข่ายประชาชนสามารถเข้ามาให้ข้อมูลกับ สคบ.ได้ จะเข้าไปดูเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด
น.ส.จิราพรกล่าวต่อว่า ตอนนี้ออกหนังสือเชิญเจ้าของร้านทองดังกล่าวมาพบ สคบ. วันที่ 27 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ตอนนี้รอการตอบรับ สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม สั่งการไปแล้วว่า ให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว จึงตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาระหว่าง สคบ. บก.ปคบ. และ ปปง.ทำงานร่วมกัน ยืนยันว่าผู้บริโภคไม่ต้องกลัวถูกข่มขู่หรือฟ้องกลับ เพราะรัฐมนตรียืนอยู่ตรงนี้ ทุกคนไม่ต้องกลัว ถ้าเป็นผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนได้เลย จะดูแลคุ้มครองประชาชนอย่างเต็มที่ ถ้าพบว่ามีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดที่สุด
ถามว่า ถ้าแม่ตั๊กเจ้าของร้านทองไม่มาพบ สคบ.ตามหนังสือเชิญ นายเลิศศักดิ์ รักธรรม กล่าวว่า ถ้าไม่มาหรือแจ้งเหตุขัดข้องต้องดูเหตุผลว่า เพราะอะไร แต่หากออกหนังสือเรียกเป็นครั้งที่สองแล้วยังไม่มาจะมีโทษอาญา สิ่งที่รัฐมนตรีวางแนวทางการทำงานให้ สคบ.เราเดินเรื่องเต็มที่ ทั้งเรื่องกล่องสุ่ม ซองแดง หรือการโฆษณา ไม่ใช่เฉพาะบริษัทที่มีปัญหาตอนนี้ แต่รัฐมนตรีให้ดูทุกบริษัท สคบ.จะรุกเข้าไปตรวจสอบบริษัทโฆษณาในลักษณะนี้ เรื่องการขายของบนสื่อออนไลน์มีกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง ผู้บริโภคตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ สคบ. รัฐมนตรีกำชับว่า เรื่องที่ผู้บริโภคมาร้องเรียนเราต้องดูแลให้ดีที่สุด
ถามว่า แก้ปัญหาให้เจ้าของร้านมาซื้อทองคืนในราคาเต็มหรือไม่ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่ทราบข้อมูล ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่และมีการส่งคืนสินค้าโดยเฉพาะของแถม ปรากฏว่าทางร้านแจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องมีของแถมกลับมา โดยหลักแล้วต้องคืนเท่ากับตอนที่ผู้บริโภคซื้อไปอยู่แล้ว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่