เพจหนังดัง แจงดราม่า ยืมเงินล้านไม่คืน อ้างเมียทำ ตัวเองรู้คนสุดท้าย ตอนนี้สูญเสียหมดทุกอย่าง ต้องขายเพจเพื่อชดใช้ ขอโทษที่ไม่อาจสู้หน้าทุกคนได้
วันที่ 15 ส.ค. 67 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า "Ep.1 แอดมินเพจรีวิวหนังเพจดัง ผู้ติดตามเกินล้านเพจหนึ่ง ขอไม่เอ่ยชื่อ ยืมเงิน+ฉ้อโกง ใช้ความไว้ใจจากเพื่อนฝูงหลายคน โดยใช้กลอุบาย มูลค่าความเสียหายหลายล้าน"
ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ เพจไหน ตามหลายเพจ, เป็นล้านนนเลยหรอพี่, มีเพจเดียวแหละ เสื่อมๆ ไม่ใช่ครั้งแรก ฯลฯ
นอกจากนี้ ทางผู้ใช้เฟซบุ๊กยังออกมาระบุเพิ่มด้วยว่า "Ep2. ขอดักไว้ก่อนนะครับ เพจรีวิวหนังอาจจะออกมาบอกว่าเพจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ก่อนหน้าเมียเป็นคนดูแลจัดการเพจ ทั้งเรื่องเงิน จัดคิวงาน ไปงานต่างๆ โดยผัวจะเป็นคนทำคอนเทนต์ คนที่มีปัญหาคือเมีย แล้วอาจจะบอกว่าเลิกกันไปแล้ว แต่ช่วงเกมแล้วยังอยู่ด้วยกันนะ"
"Ep.3 เจ้าหนี้คนแรก (ขอไม่เอ่ยชื่อ) ฟ้องร้องจำนวนเงินราวๆ เกือบ 2 ล้าน ศาลนัดให้ไปเจรจา แต่เมียเพจรีวิวหนังเพจนึงกลับไม่ไป ไม่ติดต่อ เพียงแค่วันนั้นแค่ไปเจรจา เขาจะให้ได้รับการลดย่อนผ่อนผันจากเจ้าหนี้คนนี้ เขาใจดีมาก แต่ไว้ใจผิดคน หลังจากศาลเรียกก็หายไปเลย"
"Ep.4 ใช้ความสนิทจนได้รับความเชื่อใจ เจ้าหนี้คนต่อมาเป็นเพจรีวิวอาหาร คนตามหลายแสน โดยใช้อุบายอ้างถึงแอดมินที่มีชื่อเสียง อ้างถึงเพจอื่นๆ ให้ดูน่าเชื่อ รู้จักเพจพวกนี้นะ มีดอกเบี้ยให้ รายนี้โดนยืมไป 1 ล้าน ทวงคืนมาได้ 4 แสน คาดว่าน่าจะไปหลอกคนอื่นมาหมุนคืน"
"Ep.5 ผู้เสียหายเจ้าหนี้คนต่อมา เพจการ์ตูนมีชื่อเสียง คาแรกเตอร์หลากหลาย เสาหลักวงการ โดนไปไม่น้อย 1.5 ล้าน บ้านใกล้ สนิทรักเหมือนน้อง บอกเอาเงินไปต่อยอดมีดอกให้ ช่วงแรกส่งดอกดี หลังๆ เริ่มช้าและหาย คาดว่าดอกที่ส่งเงินหมุน หลอกเอามาจากคนอื่นอีกที"
...
และ "EP.6 ขอพักก่อนนะครับ จนกว่าจะได้นายกฯ คนใหม่ หลังจากนี้จะลั่นกลองฝังกลบให้มิดดินเลยครับ เคยให้โอกาส แต่เขาเลือกที่จะทิ้งโอกาส"
ซึ่งต่อมา ทางเฟซบุ๊กเพจ "หนังฝังมุก" ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า "ผมเชื่อมาเสมอว่าพื้นฐานของครอบครัวคือความรักและเชื่อใจในกันและกัน จนกระทั่งรู้ตัวคิดผิด ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายหาเงิน และไว้ใจให้ภรรยาดูแลการเงินในครอบครัว แต่สิ่งที่ผมไม่รู้เลยตลอดหลายปีที่เราสองคนทำเพจร่วมกันมา โดยที่ผมเป็นคนสร้างคอนเทนต์ และวางใจให้ภรรยาดูแลในส่วนของการตอบข้อความ รวมถึงการติดต่อสื่อสารต่างๆ หรือเรียกว่าเป็นผู้จัดการเพจ
เธอใช้เครดิตจากการร่วมเป็นแอดมินในเพจ เข้าร่วมกิจกรรมและสนิทกับแอดมินเพจต่างๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่างจากผมที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ออกไปทำความรู้จักกับใคร ช่วงที่จัดปาร์ตี้แอดมินเมื่อหลายปีก่อน ผมไม่เคยไปร่วมกิจกรรมเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งมารู้จักกับแอดมินเพจต่างๆ ในภายหลัง ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จากการที่ภรรยาเป็นคนแนะนำให้รู้จัก
ขออธิบายตรงนี้ก่อน ถึงแม้ว่าเราสองคนจะเป็นสามีภรรยา แต่ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างแปลกกว่าคนทั่วไป คือเรายินดีแยกกันอยู่คนละจังหวัด ประมาณ 3-4 เดือนถึงจะกลับมาเจอกัน และเราไม่มีลูก ซึ่งเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ชีวิตคู่ของเราดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งหลังมีการระบาดของโควิด ภรรยาของผมที่มีความสนิทสนมกับแอดมินเพจต่างๆ ได้เริ่มโน้มน้าวให้มีการร่วมลงทุนในธุรกิจปล่อยเงินกู้ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ โดยที่ผมไม่มีส่วนรู้เห็นมาก่อน คนเดียวที่ผมรู้คืออินฟลูเอนเซอร์ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) และก็เข้าใจว่าเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียวที่ทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งหลังจากวันที่เซ็นสัญญา ผมก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไป ผมได้แต่คิดไปเองว่ารายได้จากร้านอาหารที่ผมและภรรยาร่วมกันเป็นเจ้าของ (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) รวมถึงรายได้อื่นๆ จะเพียงพอให้ชดใช้หนี้ได้ แต่ผมกลับคิดผิด
พูดไปคงไม่มีใครเชื่อว่าสามีภรรยาจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ขอสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าผมไม่เคยมีส่วนร่วมในการพูดคุยหรือโน้มน้าวให้เกิดการโอนเงินระหว่างใครก็ตามที่เป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ ผมไม่มีส่วนร่วมในเรื่องการเงินภายในครอบครัวเลยตั้งแต่หลังแต่งงาน ผมจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อไว้ใช้สำหรับจับจ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น เป็นที่รู้กันดีในหมู่แอดมินว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของภรรยา หรือจะเรียกว่ากลัวเมียก็ไม่ผิดนัก แต่ผมก็ไม่เคยใส่ใจกับการล้อเลียนนั้น และเห็นเป็นเรื่องตลกเฮฮาในแวดวง
จนกระทั่งระหว่างที่ผมอยู่ต่างจังหวัด เริ่มมีกระแสจากเพื่อนแอดมินบางคนโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยว่า ภรรยาผมโน้มน้าวให้เกิดการโอนเงินระหว่างแอดมินเพจหลายๆ เพจมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท และไม่มีการชดใช้คืน เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ ใครล่ะจะเชื่อ ขนาดผมเองยังไม่อยากเชื่อเลย อยู่ดีๆ กลายเป็นลูกหนี้มูลค่ามหาศาล จนกระทั่งเรื่องราวเริ่มบานปลาย ผมจึงขอตัดความสัมพันธ์กับภรรยาและดำเนินการหย่า เนื่องจากไม่สามารถให้ความไว้ใจได้อีกต่อไป เธอสารภาพภายหลังว่าได้นำเงินไปปล่อยกู้ และถูกลูกหนี้ฉ้อโกงเช่นกัน เงินทั้งหมดจึงสูญเปล่า
ควบคู่กับการสิ้นสุดฐานะเจ้าของเพจ ซึ่งนี่คือส่วนที่ผมสามารถรับผิดชอบได้ เนื่องจากผมไม่ได้ดูแลด้านการเงิน จึงไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยินยอมให้มีการตกลงซื้อขายเพจนี้ให้กับเจ้าหนี้รายหนึ่งเพื่อเป็นการชดใช้หนี้บางส่วน และทำคอนเทนต์ในเพจจนกว่าหนี้ทั้งหมดจะสิ้นสุด แต่ถูกลดสถานะแอดมินลง ไม่ใช่เจ้าของเพจอีกต่อไป แอดมินท่านอื่นสามารถลบผมออกจากเพจได้ทุกเมื่อ และหากปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความกระทบกับเพจ ผมยินดีจะออกจากการเป็นแอดมินอย่างไม่มีเงื่อนไข
ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์จะร้องขอความเห็นใจ ทุกคนสมน้ำหน้าผมได้ เพราะผมเองยังสมน้ำหน้าให้กับตัวเองเลย ในฐานะคนคนหนึ่ง ผมสูญเสียความไว้ใจ สูญเสียมิตรภาพ สูญเสียครอบครัว สูญเสียเพจที่สร้างมากับมือ ผมต้องขอโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาผมได้แต่จมอยู่กับความเครียดและความทุกข์ใจกับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอโทษที่ไม่อาจสู้หน้าทุกคนได้ ถ้ามีโอกาสผมจะขอชดใช้คืน แต่ตอนนี้ผมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วครับ"
และหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยบางส่วนก็อยากรอทางฝ่ายหญิงที่ถูกพาดพิงออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย
ก่อนที่เจ้าของเฟซบุ๊กที่ออกมาเปิดเรื่องนี้ จะโพสต์ข้อความระบุว่า "Ep.6 ตอนนี้เพจรีวิวหนังออกมายอมรับแล้ว แต่มีประเด็นการซื้อขายเพจกับเจ้าหนี้อีกกลุ่ม โดยการซื้อขายเกิดขึ้นหลังจากเรื่องเริ่มแดงแล้ว แต่เจ้าหนี้อีกหลายคนไม่รู้เรื่อง เพราะฝ่ายเมียโกหกว่าไม่มีการขายหรือเข้ามาทำสัญญาอะไร ต่อรอง ร้องไห้ว่าจะหาเงินมาให้"
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก หนังฝังมุก