ดราม่าร้านหม่าล่า เตรียมเอาผิดคนรีวิวสนุกปาก แม้ไม่ระบุตัวตน ทำร้านเสียชื่อเสียง ก่อนมือดีโพสต์ขอโทษ บอกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ ให้กราบก็ยินดี พร้อมขอชดใช้หนึ่งหมื่นบาท

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ภูเขา พิชชี่ บาย พิชยา" ได้แคปภาพของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งโพสต์ภาพร้านหม่าล่าแห่งหนึ่ง ลงในเฟซบุ๊กกลุ่ม น้องใหม่ มมส68 พร้อมกับรีวิวร้านหม่าล่า ที่อ้างว่าไปกินบ่อย แต่เหมือนมีป้าคนหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเจ้าของร้าน พูดจาไม่ดี เอะอะไปหมด ทั้งที่ลูกค้ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย จนรู้สึกว่าไปขอกินฟรี ซ้ำยังตะคอกลูกค้าให้ปิดประตูเบาๆ แบบไม่ให้เกียรติลูกค้าเลย จู้จี้ไปหมด และว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

พร้อมกับอธิบายในมุมของร้านค้าให้ฟังเป็นข้อๆ ว่า โพสต์นี้ขอออกมาปกป้องร้าน เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ร้านโดนโพสต์ประจานในกลุ่ม โดยขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้

1. ลูกค้าในกลุ่มหยิบถ้วยอาหารส่วนกลาง (แป้งต๊อก) ลงมาวางบนหน้าตักตัวเอง ย้ำว่าหน้าตักตัวเอง ซึ่งในขณะนั้นมีลูกค้าอีก 4 ท่าน นั่งร่วมรับประทานอยู่ ทางผู้จัดการจึงแจ้งว่าหากลูกค้าเปิดแป้งต๊อกแล้วให้ปิดด้วย เนื่องจากแป้งต๊อกหากโดนอากาศนานๆ อาจจะทำให้แป้งแตกได้ และไม่ได้เอะอะอะไรตามโพสต์ที่ลูกค้าพิมพ์เลย

2. ตะคอกลูกค้าให้ปิดประตูเบาๆ จากการที่นั่งดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่ลูกค้าเข้าใช้บริการจนลูกค้าเช็กบิลออกไป ยังไม่ได้ยินเสียงตะคอกออกจากปากผู้จัดการแม้แต่คำเดียว

3. โพสต์ชี้นำให้ลูกค้าท่านอื่น "คิดดีๆ ก่อนไปนะคะ" นี่อ่านแล้วรู้สึกแย่ค่ะ คุณควรย้อนกลับไปมองว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันเกิดจากพฤติกรรมบนโต๊ะอาหารของพวกคุณไม่ให้เกียรติลูกค้าท่านอื่น อยากหยิบจับอะไรก็หยิบจับตามอำเภอใจ ซึ่งถ้าการแจ้งให้ปฏิบัติตามกฎกติกาแล้วทำให้รู้สึกไม่พอใจ ควรใช้สติไตร่ตรองก่อนโพสต์นะคะ ไม่ใช่แต่จะโพสต์ให้ร้านเสียหาย

ขอสาบานต่อหน้าคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริงทั้งหมด หรือหากทางคู่กรณียืนกรานว่ามีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือตะคอกลูกค้าจริง ขอให้กล้องวงจรปิดบอกทุกอย่าง เดี๋ยวไปเปิดครั้งเดียวในศาลค่ะ

เคสนี้จะขอดำเนินคดีตามกฎหมายกับนางสาว ด… ….. ให้ถึงที่สุด ไม่ไกล่เกลี่ยไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

ขอให้พึงระลึกไว้ว่าถึงแม้ว่าจะโพสต์แบบไม่ระบุตัวตน ถ้าจะหากันให้เจอจริงๆ มันไม่ได้ยากเกินความสามารถแน่นอน หยุดทำลายคนอื่นด้วยวิธีการสกปรกแบบนี้ มีหลากหลายช่องทางที่จะคอมเพลนเข้ามา ไม่มีร้านไหนอยากให้ร้านตัวเองเจ๊งหรอกค่ะ เชื่อว่าหากแจ้งเข้ามาทุกร้านยินดีปรับปรุงแก้ไขอยู่แล้ว ส่วนการคอมเพลนเข้ามาทางเรารับทราบ ยินดีและเต็มใจที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปแน่นอนอยู่แล้วค่ะ

สุดท้ายนี้ที่ต้องออกมาโพสต์เพราะผ่านความรู้สึก "อาย" มาแล้ว ขอลุกขึ้นสู้ปกป้องร้านนะคะ ทุกอย่างมีต้นทุน เราใช้เงินลงทุน อย่าเอาน้ำลายของคุณมาทำลายธุรกิจคนอื่น สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมจะนำพาค่ะ ขอให้โชคดี แล้วเราจะได้พบกันเร็วๆ นี้แน่นอน

นอกจากนี้ ยังแนบภาพวงจรปิดบางส่วนในวันที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน และว่าใครไม่เข้าใจประเด็นไหน พร้อมอธิบาย แบบไม่ใช้อารมณ์และไม่ทะเลาะวิวาท และต่อมา ทางร้านก็ไปแจ้งความเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งหลังจากที่โพสต์นี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมให้กำลังใจทางร้านเป็นจำนวนมาก 

...

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ "Drama-addict" ได้แชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งคาดว่าเป็นคู่กรณีกับทางร้าน ซึ่งระบุข้อความว่า "จากกรณีที่โพสต์เรื่องร้านหม่าล่ามีสุขเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้รับรู้แล้วว่าจะโดนฟ้อง หนูต้องกราบขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะด้วยวันนั้นโมโห เพราะคิดว่าป้าแกเหวี่ยงใส่ จนเกิดการโพสต์ใช้ถ้อยคำหยาบคายและไม่สุภาพ ต้องกราบขอโทษอีกครั้ง ส่วนตัวเป็นลูกค้าประจำ และไปบ่อย ไม่เคยมีปัญหาอะไร มีวันนั้นจริงๆ แต่คิดว่าป้าแกเป็นเจ้าของร้าน ไม่รู้ว่าเป็นพนักงานของที่ร้านอีกที เลยโพสต์ไปด้วยความโมโห เพราะอยากให้แกพูดจาดีๆ เพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องฟ้อง หนูไม่มีเงินที่จะจ่าย ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ที่จะชดใช้ให้ทางร้าน เพราะทุกวันนี้มีเงินติดตัวแค่พันกว่าบาท หากทางร้านต้องการให้หนูกราบขอโทษ หนูก็ยินดี หนูยังคงเป็นลูกค้าประจำของที่นั่น และชื่นชมตลอดว่าร้านอาหารอร่อย แค่เหตุการณ์วันนั้นเฉยๆ ที่ทำให้หนูโมโห และโพสต์ไปด้วยความที่โง่ ไม่ทันคิดว่าร้านจะเสียหายขนาดนี้ กราบขอโทษจากใจเด็กคนนึงที่ไม่มีสมอง และขาดการย้ำคิดย้ำทำได้ขนาดนี้ หนูได้ทำการลบโพสต์ออกไปภายในวันที่โพสต์ไม่กี่ชั่วโมง เพราะเจ้าของร้านเข้ามาชี้แจงในคอมเมนต์ และได้เคลียร์ใจกับตัวเองว่า ป้าแกคงเป็นคนพูดห้วนๆ ลักษณะนั้น แต่ที่จริงแกไม่ได้เป็นคนแบบที่หนูเข้าใจผิด ที่ใช้คำพูดจาหยาบคาย ก้าวร้าวแกแบบนั้น กราบขอโทษด้วยนะคะ"

ขณะที่เจ้าของร้านได้แชร์ภาพแชตข้อความ ที่ส่งมาให้กับทางเจ้าของร้าน ซึ่งในข้อความระบุว่า ตอนนี้สำนึกผิดแล้ว และยอมรับผิดทุกอย่าง โดยจะขอชดใช้เป็นเงินหนึ่งหมื่นบาท เนื่องจากมีอยู่เท่านี้ โดยเจ้าของร้านได้เขียนแคปชั่นว่า "หมื่นเดียวค่าทนายยังไม่ได้เลยลูกเอ๊ย หามาให้พี่เพิ่มอีกสักหน่อยแล้วค่อยเสนอราคามาใหม่นะคะ ขอให้น้องซึมซับและจดจำความรู้สึกของการโดนรุมประณามจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เอาไว้ให้ดีนะ

ที่ผ่านมาพี่บริการด้วยความยินดีและเต็มใจมาตลอด ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เคยพลาดนะ แต่มันไม่ได้รุนแรงแบบนี้ไง กว่าจะสร้างร้านนี้ขึ้นมาได้มันไม่ง่าย พี่ภูมิใจมากๆ เลยนะคะที่ตัวพี่เองมีร้านนี้ และสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำเลยคือการ "ฟ้องลูกค้า" ที่พี่มาถึงจุดได้นี้เพราะหนูเลยนะ เสียใจจริงๆ ค่ะ แต่จะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด"