ภูเก็ตไม่เอาปลาหมอคางดำ หลังมีแม่ค้าหัวใสโพสต์ขายพร้อมส่ง กิโลกรัมละ 50 บาท ด้านเพจสิ่งแวดล้อมดังกวาดซื้อทำลายทิ้งเรียบ วอนอย่าเห็นแก่ได้
วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่า เมื่อกลางดึกของวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา เพจด้านสิ่งแวดล้อม "ขยะมรสุม ᴍᴏɴsᴏᴏɴɢᴀʀʙᴀɢᴇ ᴛʜᴀɪʟᴀɴᴅ" ได้โพสต์ข้อความว่า "ปลาหมอคางดำที่เอาเข้ามาภูเก็ต ระวังไข่หลุดลงท่อน้ำนะครับ เป็นห่วง" สืบเนื่องจากแม่ค้ารายหนึ่งได้โพสต์ขาย "ปลาหมอคางดำ" กิโลกรัมละ 50 บาทพร้อมจัดส่ง
จากนั้นเพจดังกล่าวได้โพสต์ข้อความอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดนระบุว่า "ภูเก็ต ไม่เอาปลาหมอคางดำ ไม่อยากเสี่ยง อย่าเอามาเลย กินอย่างอื่นเถอะนะ ถ้าเกิดพลาดมา _ยาวๆเลย ไม่คุ้มเลย"
ต่อมาได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการนำปลาหมอเข้ามาในภูเก็ต เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เช่น ไม่เข้าใจเลยว่าจังหวัดที่มีปลาทะเลกินอุดมสมบูรณ์อย่างภูเก็ต จะสั่งปลาหมอคางดำไปขายทำไม, หัวข้อนี้ถือว่าเรื่องใหญ่ ปัญหาระบบนิเวศเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลต่อคุณภาพผลผลิตอาหารระยะยาว ความเดือดร้อนมักมากับความเห็นแก่ตัวและคิดอะไรกันง่ายๆ สั้นๆ ว่าแต่ปลามาในรูปแช่แข็งแล้วหรือตัวเป็นๆ ถ้าตายแล้วก็ถือเป็นการเปลี่ยนซากเป็นเงินสด สร้างกำลังใจในการล่า แต่ถ้ามาแบบตัวเป็นๆ ก็ไม่โอเค
...
และห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเพจดังกล่าวโพสต์ย้ำชัดอีกบอกว่า "โอเค ผมเหมาปลาหมอคางดำที่ภูเก็ต ทำลายทิ้งหมดครับ เหลือแค่ไปเอามา ใครช่วยได้บ้างครับ ช่วยจัดการหน่อย" และ "โอเค ปิดคดี ไปกันต่อ เหมาหมด ทำลายทิ้ง ไม่ต้องด่ากัน มาช่วยกันระวังนะ ย้ำว่าไม่ผิดอะไร แต่น่ากังวล กันไว้ดีกว่ามานั่งเสียใจ"
นอกจากนี้ยังได้โพสต์เตือน "ใครเลี้ยงปลาหมอคางดำ ปรับ 1 ล้าน นะครับ ระวังด้วยและระวังการซื้อมารับประทานนะครับ ถ้าไข่มันลงท่อน้ำแล้วรอด ลงคลองได้ _มาเยือนเลยนะ ไม่ได้ตื่นตูม แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมันจะแก้อะไรไม่ได้ บางที่ปลากระบอกหายเลยนะ ถ้ามันลงทะเล ยังไม่รู้จะทำไง ไม่กล้าบอกหรอก ให้หน่วยงานเค้าบอกละกัน
ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ออกประกาศฉบับสำคัญเรื่องการกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ.2564 ห้ามเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำหากผู้ใดฝ่าฝืนทำการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 144 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 20 ก.ค.2567"