เปิดใจเจ้าของรอยสัก "ทะเบียนสมรส" ที่แขนซ้าย บอกเป็นการแสดงความรักต่อภรรยา ที่อยู่ด้วยกันมากว่า 19 ปี ไม่สนคนไม่เห็นด้วย เพราะครอบครัวมีความสุขดี
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 จากกรณีที่โลกออนไลน์ ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของร้านสักแห่งหนึ่ง ที่มีการสักภาพทะเบียนสมรสบนแขนลูกค้า ทำให้มีคนจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็น มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บ้างก็บอกว่าเป็นการแสดงความรักที่ดี ขณะที่บางส่วนก็บอกว่าไม่ได้คิดเผื่อหากต้องเลิกกัน
จากการตรวจสอบ ผู้โพสต์คือ นายสารินทร์ อุตขันธ์ อายุ 36 ปี หรือ ช่างเสก เป็นคนบ้านตะเคียน ต.บ้านปรือ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เปิดร้านสักอยู่ที่บ้าน โดย นายสารินทร์ เล่าว่า เคสนี้สักเมื่อต้นปี 2567 ก่อนหน้าที่จะนัดสัก ชายคนที่สักเข้ามาสอบถามก่อนทางเพจ เมื่อทราบว่าจะสักทะเบียนสมรส ตนเองถามไปเพียงคำเดียวว่า "มั่นใจหรือไม่" เมื่อเขาตกลงจึงลงนัด กว่าจะถึงคิวใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เมื่อถึงเวลาเขาได้มาตามนัด คือวันที่ 1 ม.ค. 67 โดยสักที่บริเวณแขนซ้าย ตั้งแต่ข้อศอกลงไป ตอนนั้นคิดราคาค่าสัก 2,500 บาท และเพิ่งเอามาโพสต์
...
ตามคอมเมนต์ที่ปรากฏ เช่น เวลาเลิกกันต้องตัดแขนทิ้งหรือไม่นั้น ขออธิบายว่า การลบลอยสักมันยากจริง แต่มีทางแก้ กรณีสักทะเบียนสมรส ถ้าเลิกกัน แค่มาสักทับก็จบ กรณีนี้ตนไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตรงกันข้ามการแสดงความรักเป็นสิ่งที่ดี จะผ่านทางช่องทางไหนก็ได้ เพราะทุกอย่างมีทางแก้อยู่แล้ว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม นายนุ อายุ 37 ปี เจ้าของลายสัก ซึ่งเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์เช่นเดียวกัน และตอนนี้ไปทำงานกับภรรยาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เล่าว่า ตนอยู่กินกับภรรยา อายุ 37 ปีเท่ากัน มาประมาณ 19 ปี ที่ผ่านมามีลูกสาวคนโต ปัจจุบันอายุ 16 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 7 ปี ตอนนี้ตนกับภรรยาทำงานที่บริษัทเดียวกันที่ฉะเชิงเทรา
เมื่อปี 2562 ตนกับภรรยาได้ไปจดทะเบียนสมรสกัน เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ หลังจากนั้นก็อยู่กินกันมาอย่างมีความสุข ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว สาเหตุเพราะภรรยาเป็นคนดีทุกด้าน เข้าใจสามี ถึงแม้บ้างครั้งจะขัดกันบ้าง แต่ที่อยู่กันมานาน 19 ปี ไม่เคยมีปัญหา หลายครั้งที่อยากแสดงความรักกับภรรยา แต่ตัวเองมีข้อเสีย แสดงออกทางความรักไม่เป็น เป็นคนไม่โรแมนติก ทั้งที่รักภรรยามาก
จึงมีความคิดที่จะแสดงความรัก ด้วยการสักทะเบียนสมรสไว้ที่แขน หลังจากนั้นได้ติดต่อช่างสักที่บุรีรัมย์ โดยวันสักได้พาภรรยาไปด้วย ภรรยารู้ว่าจะไปสักแต่ไม่รู้ว่าสักเป็นรูปอะไร จนกระทั้งสักเสร็จ ภรรยาถามว่า "ทำไมกล้าสัก" ตนจึงบอกภรรยาว่า กล้าเพราะรัก ยอมรับว่าหลังจากสักลายแล้ว ชีวิตคู่มีความสุขเพิ่มขึ้น
นายนุ เล่าอีกว่า ยอมรับว่าหลังจากสักมา มีเพื่อนร่วมงานทักเป็นจำนวนมาก เพราะลายสักอยู่ท่อนแขนด้านซ้าย เวลาใส่เสื้อแขนสั้นจะเห็นชัดเจน แต่ไม่ได้สนใจ เพราะต้องการแสดงความรักกับภรรยาผ่านทางนี้ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ตนก็ไม่สนใจ โดยตั้งข้อคิดกับตนเองว่า ถ้าครอบครัวเรามีความสุข ใครจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องของเขา.