ดีไซเนอร์ แจงที่มาชุด "อิ๊งค์ แพทองธาร" ใส่ขึ้นเวทีซอฟต์พาวเวอร์ 2024 เผยเป็นการชูเอกลักษณ์ของชาวอีสานนำเสนอในรูปแบบใหม่ พร้อมน้อมรับคำติชมเพื่อพัฒนาต่อไป

วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีรายงานว่า จากกรณีดราม่าชุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ใส่ขึ้นเวทีในงาน "THACCA SPLASH - Soft Power Forum 2024" ซึ่งได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ จนต่อมาดีไซเนอร์ที่เป็นคนออกแบบชุดดังกล่าวออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายความหมายของแต่ละส่วนในการทำงานออกแบบเสื้อตัวนี้ตามโจทย์ที่ได้รับ คือการนำเอาผ้าเอกลักษณ์ของชาวอีสานมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นชุดนี้ขึ้นมา

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ คุณธรากร คำทอน อายุ 27 ปี ดีไซเนอร์ ทำแบรนด์ผ้าไหมร่วมกับชุมชน อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ที่ JUMLAENG PLAENGGUY STUDIO ตั้งอยู่เลขที่ 135/31 ม14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเอง โดยเลือกผ้าจากในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และทั่วภาคอีสาน โดยได้รับโจทย์การทำมาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ตนเองสำเร็จการศึกษามา 

...

โดยโจทย์ที่ได้รับนั้นคือ อยากได้เป็นธีมชุดผ้าจากภาคอีสานทั้งหมด ส่วนตัวพยายามมองถึงลักษณะเด่นการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าผ้าอื่นๆ จึงเล็งเห็น "ผ้าเบี่ยง" คือผ้าสไบเล็กๆ ที่พาดหน้าอกของชาวอีสาน ในหลายๆ กลุ่มชนในชาติพันธุ์หลายๆ ชาติก็จะมีการใช้ผ้าเบี่ยงที่แตกต่างกันออกไป เรารู้สึกว่าผ้าเบี่ยงเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกเฉพาะถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จึงอยากดึงเอาเอกลักษณ์นี้มาทำเป็นชุดที่อยากจะนำเสนอในรูปแบบอีสานสมัยใหม่มากขึ้น จึงออกมาเป็นชุดนี้

ในมุมของผู้ออกแบบกับคำว่าเอาผ้าขยะ หรือพรมเช็ดเท้ามาทำนั้น รู้สึกว่าเป็นคำที่หนักและแรงพอสมควร แต่เราไม่ได้นำเสนอในลู่ทางนั้น หรือแบบนั้น มองว่าทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย เราก็ไม่ได้ไปโฟกัส หรือให้ความสำคัญที่จุดนั้น เราจะให้ความสำคัญกับงานเราตามแรงบันดาลใจที่เรามีให้ได้มากที่สุด คงความเป็นอีสานให้ได้มากที่สุด โจทย์ที่ได้มาก็ค่อนข้างยาก เพราะมีทั้งผ้าไหม ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าแพรวา และผ้าย้อมคราม ซึ่งผ้าแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะ หรือการนำมาใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งเราก็อยากจะชูเอกลักษณ์ของผ้าทั้งหมดให้ออกมาได้อย่างครบถ้วน ซึ่งชุดที่ออกมานั้นก็จะมีเทคนิคที่เรียกว่า การแพ็กเวิร์ก ซึ่งใช้ผ้าไหมมัดหมี่ผสมกับผ้าคราม เพื่อให้ได้เป็นลักษณะของเส้นสาย หรือหมี่คั่นเหมือนผ้าถุงของชาวอีสาน ทับด้วยสไบแพรวา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานอีกครั้ง

ดีไซเนอร์ที่ออกแบบชุดดังกล่าว ยังบอกอีกว่า ต้องขอขอบคุณชาวโซเชียลทั้งให้กำลังใจเข้ามาชื่นชม และยังมีคำติที่เราขอน้อมรับไว้เพื่อนำไปพัฒนาดีไซน์ต่อไปให้ออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณแทนแม่ๆ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ทอผ้าไทย อยากให้ทุกคนมีกำลังใจ ที่หลายคนเห็นคุณค่าของผ้าทอไทย อยากจะให้สนับสนุนบุคคลเหล่านี้ด้วย 

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า งานดีไซน์มีหลากหลาย ถ้าเรามองเป็นกลางเราก็จะเจอสิ่งที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อได้ เพื่อให้ไปสู่สิ่งที่ดีได้ นอกเหนือจากคำตำหนิ หรือการด้อยค่า เพราะการทำงานชิ้นหนึ่งขึ้นมาไม่ได้เริ่มแค่เราคนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ร่วมกับเรา บางคนก็รับได้ บางคนก็รับไม่ได้ แต่ส่วนตัวมองว่างานศิลปะเป็นสิ่งที่ตัวเราเองทำขึ้นมา ก็จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ซึ่งก็ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ ทั้งสนับสนุนและติชมเข้ามา แต่ไม่ท้อ จะขอทำงานร่วมกับชาวบ้านในชุมชนต่อไป.