"กรมการแพทย์" แนะผู้ปกครองควรหากิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กๆ ในช่วง "ปิดเทอม" เพื่อสร้างความสัมพันธ์และไม่หมกมุ่นกับหน้าจอมือถือมากเกินไป พร้อมย้ำสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย

วันที่ 20 มี.ค. 2567 นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม วงจรชีวิตของเด็กนักเรียน กว่าร้อยละ 80-90 จะนอนดึกตื่นสาย เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเกม จนถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย เช่น ระบบสายตา, โรคอ้วน, เครียด, พัฒนาการถดถอย หรือบางรายอาจเกิดภาวะอารมณ์ที่รุนแรง 

นอกจากนี้ หลายครอบครัวนิยมส่งลูกไปเรียนพิเศษแทนการทำกิจกรรมนอกหลักสูตรที่ช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม ซึ่งในช่วงปิดเทอมเด็กๆ จะมีเวลาว่างอยู่กับผู้ปกครองมากกว่าช่วงเปิดเทอม ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่เด็กๆ และผู้ปกครองจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพกับเด็กให้เด็กรู้สึกอบอุ่น มีพัฒนาการ และสร้างความมั่นใจ การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมให้แก่เด็กๆ ทำให้มีทักษะในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

ทางด้าน นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองจึงต้องเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็ก โดยแบ่งตามช่วงวัยดังนี้ กิจกรรมสำหรับเด็กวัยอนุบาล อายุ 3-6 ปี เป็นวัยที่เน้นกิจกรรมสนุกสนานและน่าตื่นเต้น เช่น การลอดถ้ำจำลอง, วาดภาพระบายสี, ฟังและเล่านิทาน, ปิกนิก, เล่นกีฬา, ร้องเพลง, กิจกรรมลูกเสือ, การเดินสำรวจธรรมชาติ, ว่ายน้ำ, ไปเที่ยวสวนสัตว์ ฯลฯ

ส่วนกิจกรรมสำหรับเด็กประถมศึกษา อายุ 6-12 ปี และกิจกรรมสำหรับวัยรุ่น อายุ 13-17 ปี เป็นช่วงวัยที่เริ่มเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรมที่สนุกสนานและท้าทายความสามารถ โดยกิจกรรมของ 2 ช่วงวัยนี้คล้ายคลึงกัน เช่น เล่นวอลเลย์บอล, กีฬา, ฟันดาบ, เล่นกีฬาทางน้ำ, ปีนผาจำลอง, ไต่เชือก, ปั่นจักรยาน, เดินป่าชมธรรมชาติ, ตั้งค่ายพักแรม ฯลฯ

...

สำหรับกิจกรรมเหล่านี้ ช่วยพัฒนาทักษะชีวิต ฝึกการควบคุมตนเอง สร้างความมั่นใจในตนเอง ฝึกทักษะทางกีฬา ฝึกความเป็นผู้นำ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต การปิดเทอมในครั้งนี้เด็กๆ จะได้หาความสามารถพิเศษของตนเองเจอ สุขภาพก็ไม่เสีย ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ว้าวุ่นหัวใจ.