สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ไขข้อสงสัย "ลูกไฟสีเขียว" ขนาดใหญ่ พาดผ่านท้องฟ้าคืนวันที่ 4 มี.ค. 67 คาดว่าเป็นดาวตกชนิดลูกไฟ

วันที่ 5 มีนาคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณีประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้เห็นลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่พาดผ่านท้องฟ้า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา จนมีการแชร์กันอย่างมากในโลกออนไลน์นั้น

ล่าสุด แฟนเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความว่า ลูกไฟสีเขียวปรากฏเหนือท้องฟ้าคืน 4 มีนาคม 2567 แถบภาคกลาง และภาคตะวันออกของไทย คาดเป็นดาวตกชนิดลูกไฟ

ตามที่มีการแชร์คลิปวิดีโอและภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย ปรากฏเป็นลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่วิ่งพาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวยาว คืนวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลาประมาณสามทุ่มเศษ มีผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก หลายพื้นที่ในจังหวัดแถบภาคกลาง และภาคตะวันออกของไทย อาทิ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี สมุทรสาคร นครนายก ปราจีนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ฉะเชิงเทรา จากข้อมูลดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าเป็นดาวตกชนิดลูกไฟ

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า ดาวตก (Meteorite) เกิดจากการที่วัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลก เสียดสีกับชั้นบรรยากาศ ที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่ ความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็มากตามไปด้วย ซึ่งจากคลิปวิดีโอและภาพถ่ายดังกล่าว ดาวตกที่ปรากฏมีขนาดใหญ่และสว่างมาก ความสว่างใกล้เคียงกับดาวศุกร์ จึงสันนิษฐานว่าเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) ทั้งนี้ แสงสีเขียวของดาวตก สามารถบ่งบอกได้ว่ามีส่วนประกอบของธาตุนิกเกิล ซึ่งเป็นธาตุโลหะ

...

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก เกิดจากเศษหินและฝุ่นของดาวหาง หรือดาวเคราะห์น้อย พุ่งเข้ามาชนกับชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ทำให้อะตอมของดาวตกเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่างๆ เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสองปัจจัย ได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ

ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

สำหรับกรณีที่หลายคนต้องการเก็บวัตถุที่เหลือจากการเผาไหม้ของดาวตกเป็นที่ระลึก จนมีการตามหาตำแหน่งในการตกนั้น ทางทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามเบื้องต้นไปยัง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ทราบว่าหากต้องการระบุตำแหน่ง จะต้องใช้คลิปวิดีโอในการวิเคราะห์จำนวนมาก แต่ขณะนี้คลิปของเรายังไม่มากพอที่จะระบุได้ว่าจะตกบริเวณใดของประเทศไทย แต่เบื้องต้นคาดการณ์ว่าน่าจะเผาไหม้หมดไปในชั้นบรรยากาศ และไม่เหลือซากตกลงบนพื้น หรือหากใครมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแจ้งมาทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้.

ข้อมูลจาก แฟนเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, สมาคมดาราศาสตร์ไทย