อ.เจษฎา อธิบายเรื่องอาหารจาก "จีเอ็มโอ" ชี้ไม่เป็นอันตราย รับประทานได้ และไม่ส่งต่อยีนให้กับลูกหลาน บอกคนไทยถูกหลอกให้กลัวกันมาหลายสิบปี
วันที่ 2 มกราคม 2567 มีรายงานว่า รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า "อาหารจากจีเอ็มโอ ไม่ได้อันตราย และไม่ได้ส่งต่อยีนให้กับลูกหลานด้วย"
มีการแชร์คลิปวิดีโอที่มาจากผู้ใช้ติ๊กต่อกท่านหนึ่งที่ให้ข้อมูลผิดๆ กับสังคม (อีกแล้ว) โดยมีชื่อคลิปว่า "ผลกระทบของอาหาร GMO" และมีเสียงบรรยายทำนองว่า "ถ้าเรากินอาหารจีเอ็มโอ อาหาร (จากสิ่งมีชีวิต) ตัดต่อพันธุกรรมทั้งหลายแหล่ เราไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไปมีลูก ยีนที่ผิดปกติในตัวเรานั้นจะไปโผล่ในลูก .. พวกผลไม้ไม่มีเมล็ด เพราะมันตัดต่อเอาเมล็ดออกไป ดังนั้น ต้องระวังตัวไว้ ถ้ากินอาหารจีเอ็มโอมากๆ"
ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยนะครับ อาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจาก GMO หรือสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ อย่างการตัดต่อดีเอ็นเอนั้น ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา มีการตรวจสอบกันอย่างเข้มงวดมาโดยตลอดว่า มีความ "เทียบเท่า" กับสิ่งมีชีวิตต้นแบบของมัน ไม่ได้เกิดการสร้างสารพิษใหม่ใดๆ ก่อนที่จะนำออกจำหน่าย
แล้วอาหารที่เรากินเข้าไป มันจะถูกย่อยละเอียดจนหมดครับ ยีนใดๆ ที่ถูกใส่เข้าไปในจีเอ็มโอนั้น ก็จะถูกย่อยเป็นระดับดีเอ็นเอ ระดับนิวคลีโอไทด์ ให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าจะยังอยู่ในรูปของยีน ที่จะทำให้ร่างกายเราผิดปกติ หรือไปโผล่ที่ลูกหลานให้เกิดความผิดปกติขึ้น
...
ส่วนเรื่องของ "ผลไม้ไม่มีเมล็ด" เช่น กล้วย องุ่น ส้ม แตงโม ฯลฯ ที่จำหน่ายกันอยู่นั้น พวกนี้ใช้วิธีผสมพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ด้านจำนวนโครโมโซม ให้มันเกิดความเป็นหมัน ทำให้เมล็ดฝ่อไปเอง ไม่ได้เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรม ตัดต่อดีเอ็นเอด้วยเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่แต่อย่างไร
เรื่อง GMO นี่ คนไทยเราถูกหลอกให้หวาดกลัว "ผี" กันมาหลายสิบปีแล้ว ทั้งที่ไม่ได้มีหลักฐานถึงอันตรายต่อสุขภาพของเราแต่อย่างไร เป็นแค่การคาดเดาและป้ายสีเอาเอง ตามที่กลุ่มเอ็นจีโอต่างชาติเข้ามาสร้าง และฝังความหวาดกลัวเอาไว้ เพื่อประเด็นหลักคือ "ไม่ให้เกิดการเพาะปลูกในประเทศ" ทำให้เราทำได้แค่ "นำเข้า" มากินมาใช้กัน แต่ละปีก็เป็นจำนวนมหาศาล หลายพันล้านบาทต่อปีครับ .. ทั้งที่จริงๆ แล้ว เค้าก็ปลูกกับไปหลายประเทศทั่วโลกแล้ว (ดูภาพประกอบ).
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์