- สภาพอากาศเย็นชื้น ทำให้เชื้อโรคมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน แพร่กระจายได้ง่ายและเร็ว ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ
- ไขข้อสงสัย โรคที่มาพร้อมกับลมหนาว เช็กสาเหตุ อาการ แนวทางการรักษาของแต่ละโรค
ภายหลังจาก "กรมอุตุนิยมวิทยา" ได้ประกาศเริ่มต้นฤดูหนาว ปี พ.ศ. 2566 โดยปีนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่เข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. 2566 เป็นต้นไป โดยอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนจะลดลงต่ำกว่า 23 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในเกณฑ์อากาศเย็นในหลายพื้นที่
เมื่อสภาพอากาศเริ่มเย็นชื้น ทำให้เชื้อโรคมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน แพร่กระจายได้ง่ายและเร็ว ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หวัด, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคไวรัสโควิด-19, โรคปอดบวม เป็นต้น
ขณะที่ พญ.พวงรัตน์ ตั้งธิติกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤติโรค ระบบการหายใจ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ไขข้อสงสัยโรคที่มาพร้อมกับลมหนาว พร้อมอธิบายสาเหตุอาการ แนวทางการรักษาของแต่ละโรค สำหรับนำไปสังเกตตนเองและคนรอบข้าง ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ดังนี้
...
โรคไข้หวัด
มีสาเหตุมาจาก เชื้อไวรัส โดยจะมีอาการ ไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ซึ่งอาการมักดีขึ้นเอง และหายได้เอง ภายใน 1 สัปดาห์ รักษาตามอาการ ด้วยการรับประทานยา
โรคไข้หวัดใหญ่
สาเหตุมาจาก เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีอาการคือ ไข้สูง ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว อาการมักรุนแรงและยาวนานกว่าไข้หวัด ในประชากรกลุ่มความเสี่ยงสูงอาจมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม
สำหรับการรักษา กรณีกลุ่มเสี่ยงต่ำ คือรับประทานยา รักษาตามอาการ อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสตามความเหมาะสม ส่วนกรณีกลุ่มเสี่ยงสูง (โรคอ้วน BMI มากกว่า 30 mg/kg2, หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดไม่เกิน 14 วัน มีอายุน้อยกว่า 2 ขวบ หรือ มากกว่า 60 ปี, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เบาหวาน) ควรได้รับการตรวจวินิจฉัย และพิจารณาให้ยาต้านไวรัสเร็วที่สุด ไม่ควรเกิน 48 ชม. หลังจากที่แสดงอาการ
โรคไวรัส "โควิด-19"
สาเหตุจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีอาการไข้สูง ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว โดยการรักษา กรณีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง รับประทานยา รักษาตามอาการ อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสตามดุลยพินิจของแพทย์
แต่กรณีมีอาการ ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสําคัญ หรือ ปอดอักเสบ (Pneumonia) ควรได้รับการตรวจวินิจฉัย และพิจารณาให้ยาต้านไวรัสเร็วที่สุด
โรคปอดบวม
มีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อที่ปอด มีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อไมโคพลาสมา (Mycoplasma) และเชื้อรา เมื่อปอดติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวมาที่เซลล์ปอดและเกิดปฏิกิริยาจากการทำลายเชื้อโรค ทำให้เกิดหนองหรือของเหลวท่วมขังอยู่ภายในถุงลม ปอด ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และหอบเหนื่อย สำหรับการรักษา ขึ้นกับเชื้อที่ก่อโรค ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามความเหมาะสม
โรคที่เสี่ยงโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว
โรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมโป่งพอง ช่วงหน้าหนาวจะกระตุ้นให้มีอาการกำเริบ ควรสังเกตอาการ ใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง และรู้วิธีปฏิบัติตัวเพื่อรักษาอาการเบื้องต้น กรณีอาการไม่ตอบสนองต่อยาบรรเทาอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรักษาตามความเหมาะสม
โรคภูมิแพ้ เกิดอาการคัดจมูก คันตา จาม น้ำมูก ผื่น อาการมักรุนแรงขึ้น หรือมีปัจจัยส่งเสริมจาก ฝุ่น PM 2.5 แนะนำรับประทานยา หรือพ่นยารักษาตามอาการร่วมกับหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
ปอดแข็งแรงต้อนรับหน้าหนาว
- รักษาสุขภาพ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฉีดวัคซีนป้องกัน
- หลบเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย หรือป้องกันอย่างเหมาะสมเวลาสัมผัสผู้ป่วย ไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่คนหนาแน่น อากาศไม่ถ่ายเท เช่น โรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า
อย่างไรก็ตาม การป้องกันและดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท จะทำให้หนาวนี้ผ่านไปอย่างแสนสุข.