"ส้มเช้ง สามช่า" เผย 2 สิ่งที่ทำให้ผ่าน ตม.เกาหลีใต้ ได้ยาก แม้จะทำ K-ETA ผ่าน ขณะที่ "แจ๋ม พลอยไพลิน" เล่านาทีติดห้องดำ 2 วัน 1 คืน ต้องยืมแปรงสีฟันใช้แล้วจากคนไทยด้วยกัน

วันที่ 31 ต.ค. 2566 ใน "NewsRoom" รายการทอล์กคุยข่าวใหญ่ ทางไทยรัฐออนไลน์ ดำเนินรายการโดย คิงส์ พีระวัฒน์ อัฐนาค และ กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ วันนี้เป็นการพูดคุยกันในประเด็นของ เฮี้ยน! "ผีน้อย" พ่นพิษ? คนไทยเซ็ง ติดแท็ก #แบนเที่ยวเกาหลี

คุณส้มเช้ง สามช่า เล่าว่า เดินทางไปเกาหลีใต้เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง ทำเอเจนซี่มา 8 ปีแล้ว ซึ่งตอนแรกมันสบายมาก สมมติตกลงลูกค้าวันจันทร์ วันพุธ สามารถตีตั๋วแล้วบินได้เลย ซึ่งเมื่อก่อนไม่ต้องใช้วีซ่า มีเพียงพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน เราโทรจองคิวคุณหมอ นัดคิว ก็บินไปเกาหลีได้เลย แต่หลังจากโควิดมาก็คือไม่ได้แล้ว ต้องยื่น K-ETA แทน

สำหรับการยื่น K-ETA เป็นการคัดกรองประมาณหนึ่ง คือสถิติที่ส่งไป ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ที่โดนเพ่งเล็งแล้วมีปัญหามากที่สุด ก็คือจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเรายื่นเอกสารเหมือนกันทุกคน แต่พอเป็นคนจังหวัดอุดรธานีปุ๊บ เขาปัดตกเลย จากระบบ K-ETA ก็คือไม่ให้ผ่านเลย ถ้าเป็นจังหวัดอื่นเคยเจอปัญหายื่น K-ETA ไม่ผ่าน เราเอากลับมาให้เขาเปลี่ยนรูปถ่าย หรืออาจจะเพิ่มเติมข้อมูลบางอย่างเพื่อยื่นครั้งที่ 2 ถ้าไม่ใช่ทางภาคอีสาน ส่วนใหญ่จะผ่านเลย

...

เนื่องจากสถิติผู้ใช้แรงงานที่ไปเป็นผีน้อยนั้น เป็นคนจากภาคอีสานเยอะ คาดว่าจะมาจากจังหวัดอุดรธานีมากที่สุด ซึ่งลูกค้าของตนล่าสุดคืออยู่จังหวัดขอนแก่น เป็นพาสปอร์ตขาวเลย ไม่เคยบินต่างประเทศ แล้วก็ยื่น K-ETA เป็นครั้งแรก 2 คนแม่ลูก สรุปคือผ่านทั้งๆ ที่ไม่เคยบินไปต่างประเทศเลย ส่วนลูกค้าที่อยู่จังหวัดอุดรธานี เคยบินต่างประเทศหลายรอบ ทำธุรกิจ รายได้ต่อเดือนเยอะ แต่โดนปัดตก เหมือนเขาไม่ดูข้อมูลที่เราส่ง ถ้าเห็นว่ามาจากอุดรธานีคือปัดตกเลย เอากลับมาแก้ทำใหม่ก็โดนปัดตกอีก

เมื่อถามว่า หากโดน K-ETA ปัดตกแล้วเราสามารถทำอะไรได้มั้ย ยื่นอุทธรณ์ได้หรือเปล่า คุณส้ม เล่าว่า ไม่ได้ค่ะ ต้องยื่นวีซ่าอย่างเดียว จนทำให้ลูกค้าท้อและเบื่อ คิดว่าฉันจะไปบ้านคุณ ไปศัลยกรรม เอาเงินไปให้ พอมันยุ่งยากเขาก็จะถอดใจไม่ทำแล้ว ทำที่ประเทศไทยเอาดีกว่า ซึ่งลูกค้าของตนถ้ายื่น K-ETA ผ่านแล้ว ไม่เคยมีใครติด ตม. เลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา 

อีกอย่างที่จะทำให้ผ่านยาก แม้จะทำ K-ETA ผ่านแล้วก็ตาม คือ 1. การแต่งตัว ตม.เขาจะดูออกว่าคนนี้มาใช้แรงงาน 2. นั่งเครื่องบินโลว์คอสต์ แล้วกลุ่มคนพวกนี้คือจะมีแค่ตั๋วไปแต่ไม่มีตั๋วกลับ และไม่สามารถระบุโรงแรมที่จะไปพัก ซึ่งรายละเอียดมีน้อย แต่บางครั้ง ตม.จะเรื่องเยอะ บางครั้งเวลาไปเราจะมองเลยว่าช่องไหน ตม. กดออดเรียกคนเข้าห้องเย็น ตนจะไม่ไปช่องนั้นเลย คือหูตาเราจะต้องไวและพยายามไม่ไปช่องนั้น ตนจะพยายามเลือกช่องที่เป็นเด็กวัยรุ่นหน่อย ถ้าเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิงวัยกลางคน 40 ขึ้นไป จะพยายามไม่เข้าช่องนั้น 

ทั้งนี้ เคยโดนแจ็กพอตกับน้องสาวของตนเอง ซึ่งน้องก็บินเหมือนตน เคยบินเดือนนึง 4 ครั้ง และก็บินแทบทุกเดือน วันนั้นน้องสาวไปแล้วโดน ซึ่งมีทริกอย่างหนึ่งว่าถ้าโดนเข้าห้องเย็น ถ้าการันตีว่าตัวเองไม่ได้ไปเป็นผีน้อย ให้ยืนยันเสียงแข็ง ตีสีหน้า โวยวาย ไปเลยว่าทำไมทำแบบนี้ เรามาเอาเงินเข้าประเทศคุณนะ ทำไมทำแบบนี้ พูดภาษาไทยไปเลย แต่ถ้าคนที่ไปทำความผิดจะไม่กล้าขึ้นเสียง จะนั่งเฉยๆ เสียใจที่ตัวเองโดน ซึ่งน้องสาวโดนซ้อมไปจากตนแล้วว่าอย่ายอม แล้วหลังจากน้องสาวโวยวายก็มีเจ้าหน้าที่มาดูเอกสารแล้วบอกขอโทษแล้วปล่อยเลย

ทางด้าน คุณแจ๋ม พลอยไพลิน นักร้อง เล่าว่า การที่เราไปติด ตม.ที่เกาหลีใต้ จริงๆ แล้วมันเป็นความสะเพร่าของเราเองที่ไม่ศึกษาให้ดี ว่าถ้าจะไปเที่ยวที่เกาหลีจะต้องรู้ชื่อที่พักให้ชัดเจน จำชื่อสถานที่ท่องเที่ยวให้ชัด จำชื่อจริง นามสกุลจริงคนที่ไปด้วยให้ชัดเจนประมาณนี้ แต่พอไปถึงแล้วข้อมูลตรงนี้ไม่แน่น ก็เลยทำให้เราติดอยู่ใน ตม. 

สำหรับเรื่องเอกสาร ผู้ประสานงานโบรกเกอร์เป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งตอนที่เข้าหน้าด่าน ตอนเข้าแถวตรวจคนเข้าเมือง จะมีพี่ที่เป็นโบรกเกอร์เอาซองเอกสารให้ตน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยไปเกาหลีใต้ เป็นครั้งแรกที่ได้ไป ก็เลยอาจทำอะไรไม่ค่อยเป็น พอไปถึงก็ยื่นพาสปอร์ต และก็สแกนนิ้วมือ 2 ข้าง ซึ่งพี่เข้าบอกว่าให้เราเอาซองเอกสารวางไว้บนเคาน์เตอร์เลย ถ้าจะอ่านเดี๋ยวเขาอ่านเอง ซึ่งตรงนี้คิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าเราไม่เคยมา แล้วก็เรียกเจ้าหน้าที่ให้มาพาเราไปห้องดำ

หากถามว่ามีท่าทีตื่นเต้นมั้ย อาจจะมีแต่เราไม่รู้ตัว คือในคืนวันที่ 27 ตนไปเล่นคอนเสิร์ตมาก่อน เสร็จแล้วก็มาบินเลย อาจจะมีอาการอะไรให้เขาเห็นแล้วสังเกตได้ว่าไม่เคยมาแน่ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจ วันนั้นแต่งตัวคือใส่เสื้อแขนยาวเป็นเสื้อฮู้ดที่มีหมวก กับกางเกงคาร์โก้ และรองเท้าไนกี้ แต่อีกหนึ่งสังเกตคือตนย้อมผมสีฟ้า อาจจะเป็นจุดเด่นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ซึ่งเป็นเพียงคาดการณ์เฉยๆ

หลังจากเข้าไปในห้องดำ ก็มีคนเยอะอยู่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เหมือนกำลังรอสัมภาษณ์ ซึ่งในกรุ๊ปมีเราคนเดียวที่ไม่ผ่าน ตม. โดยเพื่อน 2 คน ผ่าน K-ETA แต่ตนเคยยื่นไป 2 รอบแต่ไม่ผ่าน เลยขอวีซ่าท่องเที่ยว ส่วนบรรยากาศภายในห้องดำนั้น จะถูกแยกเป็น 2 ห้อง ห้องนึงจะมีโต๊ะให้คุยกับเจ้าหน้าที่โดยการยกหู และมีล่ามแปลภาษาอยู่ในโทรศัพท์ ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องนั่งรอเพื่อให้เจ้าหน้าที่เรียกไปคุยสัมภาษณ์ 

ตอนนั้นเขาถามว่า "คุณมาทำอะไร" ตนก็ตอบตามความจริงว่า "มาเที่ยว มาช็อปปิ้ง" แล้วก็ถามว่าคุณทำอาชีพอะไร "ก็ตอบไปว่าเป็นนักร้อง" แล้วเขาก็ถามว่า "เป็นนักร้องแบบไหน" จึงตอบไปว่า "เป็นศิลปิน" เขาก็ถามต่อว่า "มีในโซเชียลมั้ย" จากนั้นก็เสิร์ชให้เขาดูก็ถามต่อว่า "เคยออกรายการทีวีมั้ย" ก็ตอบว่า "เคย" แต่ตอนนั้นด้วยความเพลียก็นึกไม่ออกว่ารายการอะไร ละก็นึกถึงรายการที่เพิ่งไปรับรางวัลใหญ่มา ซึ่งเป็นช่องข่าวของประเทศไทยที่น่าเชื่อถือ จึงฝากบอกล่ามว่า ช่วยบอกเขาว่าเพิ่งไปรับรางวัลที่ช่องนี้มา เพื่อยืนยันว่าเป็นนักร้องจริงๆ ละก็ถามต่อว่า "มีรายได้ต่อเดือนเท่าไร" เราก็ตอบไป ซึ่งทุกอย่างที่ตอบไปมันเป็นการยืนยันตัวตนว่า "เรามีงานที่ไทย มีเงินมั่นคง ไม่มาเป็นผีน้อยแน่นอน"

ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนในโซลนั้น ขอยอมรับผิดเลยว่า ไม่ได้คุยกับโบรกเกอร์ และก็ไม่ได้ดูในซองเอกสารเลย ที่สำคัญคือถ้าดูตอนนั้นก็อ่านไม่ออก เพราะอ่อนภาษาอังกฤษมาก ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้ทำการบ้านไปล่วงหน้า คือผิดเต็มๆ ซึ่งก็ติดอยู่ที่ ตม. อยู่ 2 วัน 1 คืน ข้างในก็มีอาหารมาให้เป็นขนมปังกับน้ำส้ม แน่นอนว่าไม่สุขสบายเท่าไร ทั้งคำพูดกิริยาก็อาจจะไม่ดีเหมือนคนไทยดูแลกันเท่าไร ซึ่งท่าทีเจ้าหน้าที่เมื่อพูดถึงกับชาติอื่นๆ ดูเวลคัมมากกว่าคนไทย นี้คือสิ่งที่เราเจอ

สุดท้ายเราขอยื่นอุทธรณ์ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือแปลภาษาเป็นเกาหลีให้เจ้าหน้าที่อ่าน ว่าขอยื่นอุทธรณ์ จากนั้นเขาก็ให้รอวันถัดไป พอมาถึงเช้าของอีกวันนึง เหมือนผลอุทธรณ์ยังไม่ออก เลยตัดสินใจพิมพ์บอกเจ้าหน้าที่เป็นภาษาเกาหลีว่า ต้องการตั๋วกลับ เขาจึงพาไปเขียนยกเลิกอุทธรณ์ จากนั้นก็จองตั๋วกลับเลย

ทั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกันในนั้น เพราะตอนซื้อตั๋วกลับเขาไม่ให้โอน แล้วแบตก็จะหมด เน็ตก็ไม่มี ซึ่งมีคนไทยในนั้นให้ยืมเงินวอน ลืมถามชื่อแต่บอกเขาไปแล้วว่าถ้ากลับมาให้ทักมาบอกเพราะอยากขอบคุณ อยากเลี้ยงข้าว อยากให้มาดูคอนเสิร์ตฟรี นอกจากยืมเงินแล้ว ก็ยืมแปรงสีฟันคนไทยด้วยกันที่ใช้แล้ว เหมือนแชร์ด้วยกัน เพราะเขาไม่ให้เราเอากระเป๋าเข้าไป คือดีกว่าไม่ได้แปรง ก็คือได้รับน้ำใจจากคนไทยด้วยกัน.

อย่างไรก็ตาม ติดตาม "NewsRoom" สดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-19.30 น. ทางยูทูบไทยรัฐออนไลน์ และเฟซบุ๊กไทยรัฐออนไลน์.