"ผู้การแต้ม" วิเคราะห์ปม "เด็ก 14" ก่อเหตุยิงที่ "สยามพารากอน" คาดอาจจะเกี่ยวกับสุขภาพจิตใจ และพฤติกรรมเลียนแบบ ด้านนักวิชาการเชื่อ คนก่อเหตุฝึกซ้อมมาแล้ว เพราะมีการจับอาวุธ เล็งไปที่คนแล้วสังหาร

วันที่ 3 ต.ค. 2566 ใน "NewsRoom" รายการทอล์กคุยข่าวใหญ่ ในกระแสประจำวัน รวมถึงฮอตแฮชแท็กที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล พร้อมสรุปสาระสำคัญเรื่องที่ต้องรู้ โดยในวันนี้ พูดคุยแบบเป็นกันเอง กับประเด็นร้อนแรงที่หลายคนกำลังจับตามอง เหตุยิงที่ห้างดัง "สยามพารากอน" เมื่อช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งมีอีเวนต์จัดงาน ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็สามารถจับกุมคนก่อเหตุได้ เป็นชายอายุ 14 ปี

เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บหลาย โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบปากคำผู้ก่อเหตุที่จับได้ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.09 น. และในตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 

นักข่าวภาคสนาม พีระ คูหาเรือง ได้รายงานจากที่เกิดเหตุว่า ตนเองคือหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ผู้ที่ติดอยู่ในห้างทยอยออกมาแล้ว โดยตอนนั้นตนเองอยู่ที่ชั้น 4 เห็นคนวิ่งหนีกันชุลมุน เจ้าหน้าที่ก็มีการ วอ.คุยกัน แต่ก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นอีก และตนเริ่มได้ยินว่า เสียงปืนมีเปลี่ยนพื้นที่ จึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีการย้ายชั้นแน่นอน จากนั้นก็ได้ยินเสียงยิงรัวไปอีก 3 นัด ในตอนนั้นตนอยู่ที่ชั้น 4 คนไม่เยอะมาก แต่ชั้นที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะอยู่ชั้น G ซึ่งมีคนจำนวนมาก 

...

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่ รปภ.เป็นคนวิ่งควบคุม แต่หลังจากเกิดเหตุ ประมาณ 30 นาที ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนเหมือนเสียงหวอ ซึ่งหลังจากเสียงปืนดัง มีเจ้าหน้าที่บางส่วนเข้าไปหลบในเขตก่อสร้าง ขณะที่บางส่วนยืนอยู่ตรงบันไดเลื่อน เพื่อติดตามสถานการณ์

ซึ่งในช่วงนั้นจะเห็นว่าคนเริ่มทยอยวิ่งขึ้นมาที่ชั้นบนที่เป็นฮอล์ลใหญ่ๆ ซึ่งในตอนนั้น ตนเองพยายามฟังเสียงปืนไว้ หากได้ยินเสียง ก็จะวิ่งหนีไปอีกฝั่ง และอยู่ใกล้เจ้าหน้าที่ไว้ ในตอนนั้นผู้หญิงเยอะมากที่หลบอยู่กับตน และมีการปิดประตูในฮอลล์ไว้ 

ส่วนการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ในตอนแรกเขาไม่ทราบ แต่เจ้าหน้าที่ทางห้างได้อธิบายกับเขาให้ฟัง จนสุดท้ายก็เข้าใจกันได้ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ห้างขอความกรุณา ให้ลูกค้านำตัวเองออกไปจากห้างก่อน ส่วนในเรื่องที่จอดรถ ทางห้างจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด ซึ่งในชั้น 3 คือจุดที่จับคนร้ายได้ และคาดว่า ตร.น่าจะนำคนร้ายออกไปแล้ว 

ซึ่งต่อมา สยามพารากอน ได้ชี้แจงโดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ก็ได้อพยพลูกค้าและพนักงานออกเรียบร้อย พร้อมขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจให้ผ่านพ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ให้ได้ ขณะที่รักษาการโฆษกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้เดินทางไปในพื้นที่แล้ว โดยรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผบ.ตร. บอกว่าสอบถามเบื้องต้น พบว่าเยาวชนอายุ 14 ให้การวกไปวนมา อ้างว่ามีคนอีกคนอยู่ในหัวสั่งให้ก่อเหตุ เพราะจะมีคนมาทำร้าย และมีข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจจะมีอาการทางจิต กรณีปีน 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุ ยังไม่ทราบว่าเอามาจากไหน ส่วนงานอีเวนต์ต่างๆ ที่จัดวันนี้ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงงานที่จะจัดขึ้นพรุ่งนี้ที่สยามพารากอน ว่าจะไปแน่นอน ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่านายกฯ กำลังเดินทางไปที่พารากอนแล้ว 

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ "ผู้การแต้ม" ได้กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้บาดเจ็บ และเสียใจกับครอบครัวของน้องด้วย และขอชมเชยสื่อ ในเรื่องที่เราไม่ควรจะพยายามเปิดเผยชื่อเด็ก และข้อมูลต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการเลียนแบบ

แต่ต้องไปดูว่ามันมีมูลเหตุ หรือสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งอายุ 14 ปีขนาดนี้ มูลเหตุหรือสาเหตุที่ไปมีเรื่องจากคนอื่นเหมือนจ่าคลั่ง มันคงจะไม่ใช่ มันน่าจะเกิดจากสภาพจิตของเด็กคนนี้มากกว่า อาจจะมาจากสังคม ครอบครัว หรือโรงเรียน

อาจจะได้รับผลกระทบจากตรงนั้น หรือเขาอาจจะเป็นเด็กที่เก็บกด หรือมีอะไรแล้วไม่สามารถไปพุดคุยกับที่บ้านได้ พอเกิดสภาพอย่างนี้ เขาก็เอาภาพความรุนแรงที่มีไปคิด และมาเลียนแบบได้ แม้แต่สภาพการแต่งตัว เหมือนนักรบ เหมือนทหาร ลักษณะนี้ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรง

แต่สาเหตุจริงๆ คือเด็กแค่นี้เอาปืนมาจากไหน ตนไม่รู้ว่าเป็นปืนของเล่น หรือเอามาดัดแปลงหรือเปล่า หากเป็นปืนอย่างที่เป็นข่าวก็เป็นสัญญาณอันตรายมาก เพราะบ้านเรามีอาวุธปืนในครอบครองอันดับ 1 ของอาเซียน เป็นการกระตุ้นของความรุนแรง และมาตรการปืนตนพูดมาเยอะแล้ว ก็ต้องให้คนดูแลเรื่องนี้ว่าจะจัดการอย่างไร

และเรื่องมาตรการการจัดการของห้าง อย่างในต่างประเทศ รปภ. เขามีมาตรการเข้มข้นมาก ซึ่งเราต้องมีมาตรการที่ดีกว่านี้ และต้องมีการซักซ้อมแผน โดยมีหลักการคือเอาคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกมาให้เร็วที่สุด หลายอย่างต้องมีการแก้ไข

ในกรณีที่มีปืน เรียกได้ว่า เรามีปืนในครอบครองอันดับ 1 ของเอเชีย ต้องไปดูว่าเป็นพฤติกรรมเลียนแบบหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้เกมก็มีความรุนแรง ภาพยนตร์ก็เช่นเดียวกัน ที่มีการตบตี แย่งสมบัติกัน มันเลยกลายเป็นภาพจดจำสำหรับทุกคนในสังคม ซึ่งในกรณีนี้มีการแต่งตัวคล้ายกับนักเรียนที่ต่างประเทศเลยที่ก่อเหตุ

ซึ่งตอนนี้สังคมเรามันเข้าถึงโซเชียลง่าย แต่ไร้เหตุผล โดยเฉพาะเด็กที่มีสุขภาพจิตแบบนี้ อาจจะคิด และไปเลียนแบบมาทั้งนั้น ดังนั้นก็เกิดจากการเลียนแบบภาพยนตร์ พฤติกรรมต่างๆ บวกกับสภาพทางจิตใจ ที่ส่งเสริมให้เขามาก่อความรุนแรง

กรณีที่ผู้ก่อเหตุอายุ 14 บทลงโทษจริงๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ คือฆ่าผู้อื่นแบบเตรียมการ สูงสุดคือประหารชีวิต แต่บ้านเรามีกฎหมายที่ดูแลเด็กเและเยาวชน เขาจะให้โอกาสเด็ก มองสภาพจิตใจและวุฒิภาวะของเด็ก ส่วนใหญ่ก็จะช่วยเหลือเด็ก และโทษจริงๆ ก็จะไม่รุนแรง 

อย่างไรก็ตาม ในอันดับแรกเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุให้ได้มากที่สุด ต้องตั้งสติให้รู้ว่าเหตุมันเกิดจากไหน ต้องหาที่กำบังให้ได้ เมื่อเกิดเหตุจวนตัวก็ต้องมีมาตรการในการต่อสู้ และทำวิธีการอย่างอื่น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็อย่าไปเสี่ยง ในกรณีห้าง กฎหมายบ้านเรา รปภ. ไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธ ยกเว้นธนาคาร แต่ที่อื่นแทบจะไม่ได้เลย พร้อมฝากสื่อสารมวลชน การทำข่าวแบบนี้ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะอาจจะมีปัญหาต่อไป

จากการสอบถาม รศ. พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าในบ้านเรา ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่เด็กนำอาวุธปืนไปก่อเหตุในห้างฯ และเป็นห้างกลางเมือง ที่อยู่ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ประเด็นต่อมา มีการใช้อาวุธปืนแบบออโตเมติก มีการเลือกสถานที่ และเวลาก่อเหตุ คือ เวลาหลังเลิกเรียน คนเลิกงาน เพราะคิดว่าถ้าก่อเหตุจะมีความสูญเสียมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่าความคิดของคนคนนี้ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นสภาพจิตใจ บุคลิกภาพ การอบรมเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมที่ส่งต่อวิธีการคิด เพราะขนาดเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกฝนอาวุธ ก็ยังไม่ยิงคน หากไม่ใช่การต่อสู้ หรือป้องกันตัวตามกฎหมาย

ซึ่งกรณีนี้ถือว่าแปลก เพราะเด็กเป็นคนไทย เนื่องจากสังคมเราเป็นสังคมถ้อยทีถ้อยอาศัย พึ่งพากัน แต่ปัจจุบันคงต้องกลับมาทบทวนเรื่องการดูแลเยาวชน และการใช้อาวุธปืน

ที่น่าสนใจคือ อาวุธปืนที่เด็กใช้นั้น เป็นอาวุธปืนนำเข้าจากสหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตเองได้ ซึ่งต้องดูว่าเป็นของใคร มีทะเบียนหรือไม่ ผมเชื่ออย่างว่าเยาวชนรายนี้ น่าจะมีการฝึกซ้อม หรือคุ้นชินเรื่องการใช้อาวุธอยู่บ้าง เพราะถ้าเป็นการจับปืนครั้งแรกในการยิงคนแบบนี้ เป็นไปได้ยาก ประการสำคัญคือ ลักษณะการจับอาวุธ เล็งไปที่คนแล้วสังหาร ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่ทำ แต่นี่เป็นเยาวชน

ประการต่อมา ตามข้อมูลเท่าที่ทราบ เหยื่อบางรายมีร่องรอยกระสุนเข้าจากด้านหลัง หมายความว่า เหยื่อพยายามวิ่งหนีแล้วยังยิงไล่หลัง ลักษณะเป็นการยิงตามแนววิถีกระสุนที่ยิงใส่คน ก็น่าสนใจว่าทำไมเยาวชนคนนึงถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ต้องอยู่ที่เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นต่างประเทศอาจจะมีการค้นบ้าน

ยกเคสในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเหตุยิงกันมากที่สุดในโลก การก่อเหตุโดยเยาวชน มาจากสาเหตุที่หลากหลาย พบว่าเด็กถูกบูลลี่ บางกรณีเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ บางเคสคับแค้นใจจากการเลี้ยงดู จากคนใกล้ชิด บางกรณีพบมีการใช้สารเสพติด แต่ทั้งหมดต้องถูกนำมาวิเคราะห์ด้วย

ส่วนเรื่องเกมนั้น ยอมรับว่ามีผลต่ออารมณ์ ความคิด การตัดสินใจของเด็ก ยิ่งเป็นเกมที่มีการตัดสินแพ้ชนะ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการส่งภาพปืนไปให้เพื่อนในกลุ่ม สะท้อนว่าเขาต้องการสร้างการยอมรับในหมู่เพื่อน ก็ต้องไปดูว่าที่ผ่านมาเด็กคนนี้ต้องสร้างการยอมรับ ไม่ได้รับการยอมรับในเพื่อนหรือในครอบครัว.

ติดตาม "NewsRoom" สดทุกวันจันทร์-ศุกร์ 18.30-19.30 น. กับ "คิงส์ พีระวัฒน์ อัฐนาค" และ "กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ" ทางยูทูบไทยรัฐออนไลน์ และเฟซบุ๊กไทยรัฐออนไลน์