“ท่านอ้น” เข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร “พระอัยกา” พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร สักการะอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรและสักการะพระไพรีพินาศ ที่วัดบวรนิเวศวรวิหาร ก่อนเข้าสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส วัดที่เคยเป็นพระพี่เลี้ยงขณะมาบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้เมื่ออายุ 11 ปี พร้อมถ่ายภาพกับพระตำหนักที่เคยพำนักระหว่างบวชเณรเก็บเป็นที่ระลึกแห่งความทรงจำ ขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาต้อนรับจำนวนมาก โดยช่วงเช้าที่วัดยานนาวาระหว่างเดินทางไปถวายสังฆทาน ทำบุญเลี้ยงเพลพระสงฆ์-สามเณร พร้อมปล่อยปลา 1 พันตัว นอกจากนี้ระหว่างไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ยังร่วมเซลฟี่อย่างเป็นกันเองกับผู้ที่เข้ามาทักทาย เปรยอยากทานผัดไทยของโปรด รวมถึงเตรียมไปถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ด้วย

“ท่านอ้น-วัชเรศร วิวัชรวงศ์” โอรสคนที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังคงปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. อันเป็นวันที่ 4 ที่ได้มีโอกาสกลับมาเยือนแผ่นดินเกิด โดยเมื่อเวลา 10.10 น. ท่านอ้นเดินทางมาที่วัดยานนาวา พระอารามหลวง ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.โดยรถตู้ฮุนได รุ่นเอช 1 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 นง 2808 กรุงเทพมหานคร หลังลงจากรถได้ยกมือไหว้คณะสงฆ์กับประชาชนที่มารอต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รวมถึงมีคณะสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมารอทำข่าวจำนวนมาก ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ยานนาวา ที่รับผิดชอบพื้นที่จำนวนหนึ่ง มาคอยดูแลความปลอดภัยภายในวัดด้วย

...

จากนั้นท่านอ้นเดินมายังอาคารสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ทำพิธีถวายสังฆทาน ประกอบด้วยข้าวสาร 5 กระสอบ น้ำดื่ม 9 แพ็ก โดยท่านอ้นได้กราบองค์พระประธาน จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและพูดคุยกับพระธรรมวชิรโมลี (ทองสูรย์ สุริยโชโต) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ว่า ดีใจมากที่ได้มา จากนั้นได้กล่าวอาราธนาศีลและรับศีล พร้อมคณะสงฆ์อีก 9 รูป กล่าวคำอนุโมทนาแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล หลังเสร็จพิธี พระธรรมวชิรโมลีได้พรมน้ำมนต์ให้ท่านอ้นและคณะพร้อมมอบวัตถุมงคล “พระพุทธสำเภาทองยานนาวา” ลอยองค์ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว สูง 16 นิ้ว เนื้อทองเหลือง พระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดยานนาวาและรูปภาพของพระธรรมวชิรโมลีให้ท่านอ้นเป็นที่ระลึกด้วย

เวลา 11.00 น. ท่านอ้นได้ถวายเพลพระสงฆ์และสามเณรของวัดยานนาวา จำนวน 50 รูป ที่อาคารด้านข้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมพรหมวชิรญาณ โดยสามเณรได้ถวายเป็นอาหารกล่อง ประกอบด้วย ข้าวกะเพราหมูกรอบ ไส้กรอกทอด พร้อมด้วยผลไม้ ส้มโอและแก้วมังกร ส่วนของพระสงฆ์จัดเป็นสำรับอาหาร ประกอบด้วยข้าวสวย ซุปกระดูกหมูตุ๋นยาจีน ปลาทอดสามรส กุ้งผัดซอสมะขามและกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา

หลังเสร็จสิ้นการถวายเพลพระในเวลา 11.08 น. ท่านอ้นได้ปล่อยปลาสวายจำนวน 1 พันตัวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณท่าน้ำของวัด โดยมีความเชื่อว่า การปล่อยปลาสวายจะทำให้เงินทองคล่องตัว เงินไหลมาเทมา เนื่องจากเป็นปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จากนั้นได้ให้อาหารปลา 10 ถัง แล้วเดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เยี่ยมชมโบราณสถาน โดยมีบรรดาผู้สื่อข่าวติดตามไปถ่ายภาพทำข่าวกันไม่ขาดสาย เสร็จแล้วท่านอ้นได้ออกจากวัดยานนาวา ไปรับประทานอาหารที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล ที่อยู่ใกล้วัด ระหว่างนั้นมีผู้ที่ทราบข่าวและเห็นท่านอ้นเดินเข้าไปนั่งพักรออาหาร เข้าไปขอถ่ายภาพกับท่านอ้นแบบเซลฟี่ โดยท่านอ้นได้ร่วมถ่ายภาพแบบเซลฟี่อย่างเป็นกันเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมยกมือสวัสดีขอบคุณกลุ่มคนที่มาขอถ่ายภาพด้วย

เวลา 12.44 น. ท่านอ้นเดินทางมายังวัดบวร นิเวศวิหาร เข้ากราบสักการะพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ จากนั้นได้กราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร “พระอัยกา” พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่บรรจุอยู่ใต้ฐานชุกชีพระพุทธชินสีห์ รวมถึงสักการะอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร พระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แล้วขึ้นไปสักการะพระไพรีพินาศ ที่ประดิษฐานอยู่บนชั้นสองด้านเหนือของพระเจดีย์ใหญ่ของวัดบวรฯ

ต่อจากนั้น ท่านอ้นเดินมายังตำหนักจันทร์ เข้ากราบสักการะและสนทนาธรรมกับพระเทพวชิรมุนี (ม.ล.คิวปิด ปิยวิโรจ ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯ อดีตพระพี่เลี้ยงที่เคยดูแล เมื่อครั้งที่ท่านอ้นบรรพชาเป็นสามเณรขณะอายุได้ 11 ปี และพระราชวชิราภินันท์ (ม.ร.ว. นันทวัฒน์ ชยวฑฒโน ป.ธ.3) โดยใช้เวลาสนทนากันนานกว่า 25 นาที ก่อนจะออกมาถ่ายภาพกับบรรดาลูกศิษย์ของวัดบวรฯ ที่มาพบปะทักทายท่านอ้น นอกจากนี้ท่านอ้นยังได้แวะถ่ายรูปกับทางเข้าคณะตำหนักที่ท่านอ้นเคยจำพรรษาอยู่ 3 เดือน เป็นที่ระลึก เสร็จแล้วเดินทางกลับในเวลา 13.30 น.

ก่อนหน้านี้เมื่อค่ำวันที่ 9 ส.ค. ท่านอ้นได้ไปรับประทานอาหารเป็นการส่วนตัวที่ร้าน Royal Osha ซอยร่วมฤดี ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ พร้อมเข้าครัวชมการทำอาหารของเชฟวิชิต มุกุระ เชฟบริการของร้านและถือโอกาสทำอาหารรับประทานเอง 4 เมนูด้วยกัน อาทิ ต้มข่าล็อบสเตอร์ โดยลงมือตำเครื่องต้มข่าด้วยตัวเองระหว่างนั่งรับประทานอาหาร ทางร้านจัดการแสดงหุ่นละครเล็กมาให้ชม เป็นที่ถูกใจของท่านอ้นและบอกว่าชอบมาก ขณะเดียวกัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตนายกรัฐมนตรีกับคณะได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านดังกล่าวพอดีและได้พบท่านอ้นจึงนำคณะเข้าพบและขอถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

สำหรับกำหนดการของท่านอ้นในวันที่ 11 ส.ค.ได้ยกเลิกบางกำหนดการเพื่อพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมที่พักทั้งๆที่เปรยกับผู้ติดตามว่าอยากจะไปกินผัดไทยร้านโปรด แต่เกรงว่าจะมีคนที่ทราบข่าวติดตามไปรอต้อนรับกันจำนวนมาก และจะเป็นจุดสนใจมากเกินไป นอกจากนี้ท่านอ้นยังได้เตรียมตัวจะไปถวายพระพร “พระอัยยิกา” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2566 โดยยังไม่ได้กำหนดสถานที่ที่จะไปถวายพระพร ณ สถานที่ใด เพียงเปรยกับคนใกล้ชิดว่า ต้องการจะไปแบบเรียบง่ายและเงียบๆ ขณะที่กำหนดเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาคือวันที่ 13 สิงหาคมนี้