เปิดปากกับภาคภูมิ ผู้ร้องเรียนทุกข์หนัก กู้เงินออนไลน์ กลับเจอดอกเบี้ยโหด ยืม 12,000 จ่ายดอก 1,000 ละ 150 ต่อวัน วอนหน่วยงานช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยถึงกรณีมีคนร้องทุกข์เจอเงินกู้ดอกโหด ยืม 12,000 จ่ายดอก 1,000 ละ 150 ต่อวัน จ่ายช้าบวกเพิ่มรายชั่วโมง
จากการสอบถาม ป้าออย อายุ 64 ปี ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบกับแก๊งหมวกกันน็อก เพราะเห็นประกาศกู้เงินจากใบปลิว ตอนนี้กลุ้มใจมาก ตอนนี้กู้เงินมาทั้งหมด 3 ที่ ทุกที่คิดดอกเบี้ย 100 ละ 20 บาทต่อวัน ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 1,250 บาท หากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยก็ต้องไปยืมมา หากวันไหนไม่มีจ่ายก็ต้องหลบเวลาเขามาทวง เพราะเขามาทวงถึงบ้าน มีการโทรมาบ้าง ถ้าเราไม่มีให้ก็จะมาเฝ้า โทรจนเราไม่กล้าออกไปไหน
ตอนนี้ตนอยู่กับสามีอายุ 73 ปี ชีวิตลำบากเพราะลูกเพราะหลาน ตนมีลูก 4 คน คนเล็กสุดอายุ 36 ปี แต่ละคนก็มีครอบครัว มีลูก มีหลาน ปัจจุบันตนกับสามีต้องเลี้ยงเหลน จึงต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย บางครั้งลูกๆ หลานๆ ก็ไม่รู้ เพราะแต่ละคนก็ลำบากเหมือนกัน
...
ป้าออย เล่าว่า เมื่อก่อนขายน้ำพริกกับข้าวกล่อง แต่ตอนนี้ไม่ได้ขายแล้วเพราะต้องเลี้ยงเหลน และสาเหตุที่ไม่กู้เงินในระบบเพราะอายุเกินแล้ว แต่ชีวิตต้องเดินต่อ เมื่อเช้าจะซื้อโจ๊กให้หลานก็ไม่มีเงิน
ด้านน้องแอน ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า เริ่มแรกตนเห็นประกาศปล่อยเงินกู้จากในเฟซบุ๊กจึงติดต่อไป เป็นการติดต่อทางข้อความ ซึ่งตอนนี้เป็นหนี้เงินกู้อยู่ 3 ที่ คือ 5,000 / 5,000 และ 4,000 บาท มี 2 ที่คิดดอกเบี้ย 1,000 ละ 100 บาทต่อวัน อีกที่คิดดอกเบี้ย 1,000 ละ 150 บาทต่อวัน ดังนั้นตนต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 1,600 บาท โดยที่เงินต้นไม่ลด
ถ้าวันไหนไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยก็ต้องกู้เงินมาเพิ่ม หมุนไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้มียอดเงินต้น 14,000 บาท และมีค่าปรับไม่จ่ายดอกเบี้ย หากจ่ายดอกเบี้ยเกินเที่ยงจะโดนปรับชั่วโมงละ 20 บาท ถ้าข้ามวันไม่จ่ายคิดค่าปรับ 300 บาท
น้องแอน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตนขายก๋วยเตี๋ยวกับสามี มีลูก 3 คน แต่มีช่วงหนึ่งขายของไม่ดี จึงต้องไปกู้เงินประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สาเหตุที่ไม่กู้เงินในระบบ เพราะเคยไปกู้มาทุกที่แล้วแต่ไม่ผ่าน เพราะติดแบล็กลิสต์จากการถูกยึดรถเพราะไม่เงินส่ง และที่มาร้องเรียนเพราะ 4-5 วันที่ผ่านมา ไม่มีเงินจะส่งแล้ว จึงได้คุยกับป้าออย และตัดสินใจบอกพ่อ เพราะเจ้าหนี้เขาส่งข้อความมาขู่ว่าจะประจานเราลงโซเชียล ส่งข้อความมาด่าทอ รวมทั้งโทรข่มขู่ ที่ผ่านมาตนเคยโดนประจานมาแล้ว
"ถ้าคนไม่อยู่จุดนี้เขาไม่รู้หรอก อย่างตนไม่มีก็ต้องกู้ สมัยนี้ไปขอยืมใคร 1,000 ก็ยาก แล้วที่ไปกู้เงินเพราะเราขายของ จะขายของดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ แต่ต้องกู้ไปซื้อของมาขาย และเงินก้อนนี้กู้มานานแล้วไม่เคยช้า ถึงช้าก็โดนปรับตลอด แต่วันนี้ตนไม่ไหว อยากให้เขาเห็นใจบ้างเขาก็ไม่ยอม ขู่จะประจานตลอด จึงต้องออกมาขอความช่วยเหลือ"
น้องแอน กล่าวอีกว่า เมื่อวาน (13 มิถุนายน 2566) ตนพยายามต่อรองขอจ่ายดอกเบี้ย 100 บาทได้ไหม แต่เขาจะเอาเงิน 300 บาท ซึ่งต่อมาได้มีผู้ชายมาที่บ้าน 3 คน มาแบบไม่โทรหา แต่ที่บ้านประมาณ 1 ทุ่มก็มาเจอพ่อของตน
คุณพ่อน้องแอน กล่าวว่า เมื่อวานมีคนมาทวงหนี้ลูกสาว เราบอกว่าลูกสาวไม่อยู่เขาก็นั่งรอ แต่ต่อมาเขาให้ตนจ่ายแทน ตนจึงโทรไปแจ้งตำรวจ ซึ่งสายตรวจก็เข้ามา พยายามเคลียร์จะไม่จับ แต่ตนยืนยันว่าให้จับเพราะเขามาในยามวิกาล และมาทวงเงินกับตน เมื่อไปถึงโรงพักก็นั่งรอเป็นชั่วโมง ตนเลยบอกตำรวจว่าฝากดูคดีให้หน่อยจะขอกลับก่อน ให้ลูกสาวอยู่โรงพัก แต่เมื่อลูกสาวไปเข้าห้องน้ำ ตำรวจน่าจะเป็นผู้ช่วยร้อยเวรบอกให้แก๊งเงินกู้กลับไป
คุณพ่อน้องแอน อ้างอีกว่า เมื่อผมไปถามว่าทำไมปล่อยแก๊งเงินกู้ก็โดนตำรวจตบหน้า แล้วก็มีตำรวจหนุ่มๆ เข้ามาช่วยกันให้ ซึ่งล่าสุดได้มีตำรวจนำกระเช้ามาขอโทษตนแล้ว และพาลูกสาวไปแจ้งความเรื่องแก๊งเงินกู้แล้ว
ขณะที่ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้แนะนำความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายว่า เงินกู้นอกระบบผิดอยู่แล้ว แต่เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ตามขั้นตอน
รู้ไหมว่าการปล่อยกู้นอกระบบในเมืองไทยที่ผ่านมา เจตนาของกฎหมายที่ต้องออกมาควบคุมการเก็บดอกเบี้ยเป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้นายทุนเอาเปรียบผู้บริโภค จึงต้องมีกติกากลาง หากประชาชนทั่วไปจะปล่อยกู้ต้องคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด
ซึ่งการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องของเอกชน รัฐจะเข้าไปดูเรื่องดอกเบี้ยกับวิธีการยืมเงิน แต่เงินกู้นอกระบบที่บางอันเขียนว่า ถ้าไม่จ่ายในระยะเวลาสามารถนำไปประจานได้ทันที คำถามคือการทำสัญญาในลักษณะนี้ใช้ได้หรือไม่ ซึ่งในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เขียนว่า การทำสัญญาที่เป็นการขัดต่อกฎหมายถือว่าเป็นโมฆะ สัญญาเฉพาะข้อนั้นใช้บังคับไม่ได้เพราะการทวงหนี้ การประจานหนี้ของคนอื่นมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และเป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ สัญญามีแต่ใช้บังคับไม่ได้ ถ้าเอาไปประจานถือว่ามีความผิดสามารถดำเนินคดีได้หมด รวมไปถึงการข่มขู่ว่าจะประจานก็สามารถแจ้งความเรื่องข่มขู่ได้เช่นกัน
กรณีป้าออย หากมีคนมาทวงหนี้ ก็ให้เขาฟ้องร้องเลย ซึ่งการฟ้องร้องมีข้อดีคือ สามารถนำหลักฐานการชำระหนี้ไปเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แม้จะเป็นเงินกู้นอกระบบแต่หากเราจ่ายเงินต้นไปแล้ว ก็ต้องเอาไปหักเงินต้น แต่ดอกเบี้ยที่จ่ายไปแล้วจะไปเอาคืนไม่ได้ ดังนั้นถ้าเงินจ่ายเงินต้นที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากสะดวก ผมเรียนเชิญมาพบผมได้เลยที่ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี พรุ่งนี้ (15 มิถุนายน 2566) เวลา 10.00 น. จะตรวจสอบรายละเอียด เพราะกรณีแบบนี้จะต้องมีนายทุนปล่อยกู้ มีลูกน้องตามทวงหนี้ ไม่ได้ก็ขู่ ไล่ซ้อม จากนี้จะไล่จับทั้งหมด
จากการที่ทำเรื่องปราบปรามเงินกู้มาพอสมควร แม้ว่าตำรวจจะปราบแต่กระบวนการเหล่านี้ยังทำได้และเปลี่ยนวิธีการ เพราะชาวบ้านเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ที่ถูกกฎหมาย และต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยกัน
ทางฝั่งเจ้าหนี้เงินกู้ คำว่าเป็นหนี้ต้องใช้ แต่การปล่อยเงินกู้ต้องปล่อยอย่างถูกกฎหมาย ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกฎหมาย ที่สำคัญต้องไม่ใช้การฉ้อฉลกลโกง